December 05, 2025

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จับมือ we!park และภาคีเครือข่าย เตรียมจัดงาน Active City Forum มุ่งยกระดับวิถีชีวิตกระฉับกระเฉงเท่าเทียม ทั่วถึง พร้อมชวนประชาชน มาร่วมสร้างเมือง สุขภาพดีไปด้วยกัน

 

น.ส.นิรมล ราศรี ผู้อำนวยการสำนักสร้างเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ สสส. เปิดเผยว่า สสส. มุ่งหวังให้คนไทยมีสุขภาพดี จึงได้ร่วมมือกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาสังคม เพื่อผลักดันให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองสุขภาวะ โดยการจัดงาน Active City Forum ครั้งนี้เป็นการเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วน ทั้งนักวิชาการและชุมชนที่ปฏิบัติจริง ได้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน

"เราต้องการให้ภาคเอกชนได้เห็นแนวทางการสนับสนุนและเปิดพื้นที่สุขภาวะ ขณะที่ภาคนโยบายจะได้เข้าใจว่าควรออกนโยบายอย่างไรเพื่อส่งเสริมพื้นที่สุขภาวะ ซึ่งจะนำไปสู่การลดโรคไม่ติดต่อ" น.ส.นิรมล กล่าว และเสริมว่า ความสำเร็จที่ผ่านมา สสส. ได้ร่วมกับ กทม. พัฒนาโครงการสวน 15 นาที ที่ช่วยให้ประชาชนสามารถออกกำลังกายใกล้บ้านได้ โดยให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการออกแบบเส้นทางและพื้นที่ที่ปลอดภัย เหมาะสำหรับเด็ก เยาวชน และครอบครัว นอกจากนี้ยังมีนโยบายให้สวนสาธารณะเป็นพื้นที่ปลอดเหล้า บุหรี่ และบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อการมีสุขภาพดี

 

ด้าน นายยศพล บุญสม หัวหน้าโครงการ we!park กล่าวว่า “ไฮไลท์ของงานไม่ใช่เพียงการประชุมเชิงวิชาการ แต่เป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันระหว่างวิทยากรจากเมืองชั้นนำของเอเชียและยุโรป กับภาคีในประเทศไทย ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ชุมชน นักวิชาการ และนักเรียนนักศึกษา "งานนี้จะเป็นเวทีของคนรุ่นใหม่ที่จะได้เสนอไอเดียว่าอยากเห็นเมืองในอนาคตเป็นอย่างไร นอกจากนี้ เรายังหวังให้เป็นอีเวนต์ประจำปีที่ทุกภาคส่วนจะได้มาพบปะ แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และมองไปถึงอนาคตร่วมกัน" นายยศพล กล่าวเพิ่มเติมว่า “สิ่งสำคัญของงานนี้คือเรากำลังสื่อสารว่า การมีสุขภาพดีไม่ใช่เรื่องของแพทย์หรือภาครัฐเท่านั้น แต่เป็นสิทธิของทุกคนที่จะร่วมออกแบบผ่าน 4 มิติ คือ การออกแบบนโยบาย การออกแบบเมือง การออกแบบวิถีชีวิต และการออกแบบความร่วมมือ" พร้อมเชิญชวนประชาชนร่วมงาน Active City Forum ซึ่งเป็นไลฟ์สไตล์ฟอรั่มที่ผู้เข้าร่วมจะได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ เข้าร่วมเวิร์คช็อป และสัมผัสประสบการณ์ใหม่ของการพัฒนาเมือง ซึ่งผู้ที่สนใจจะสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมงานฟรีได้ที่ Facebook: we create park หรือโทร. 062-695-6293

 

มาที่ รศ.ดร.ปิยวัฒน์ เกตุวงศา ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาองค์ความรู้ด้านกิจกรรมทางกายประเทศไทย เปิดเผยว่า “หลังสถานการณ์โควิด พบว่าอัตราความกระฉับกระเฉงของคนไทยลดลงอย่างน่าตกใจจากร้อยละ 70 เหลือเพียงร้อยละ 50 แม้ปัจจุบันสถานการณ์จะดีขึ้นบ้างแต่ก็ยังไม่กลับสู่ระดับเดิม "เรากำลังเผชิญความท้าทายหลายด้าน ทั้งกลุ่มคนที่ไม่สามารถกลับมาออกกำลังกายได้ด้วยตนเอง ปัญหา PM2.5 ที่ส่งผลต่อการทำกิจกรรมกลางแจ้ง รวมถึงปัจจัยด้านจิตใจที่ส่งผลต่อการดูแลสุขภาพ ผมหวังว่างาน Active City Forum จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นให้คนไทยกลับมามีวิถีชีวิตที่กระฉับกระเฉงอีกครั้ง”

สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เปิดผลการดำเนินงานโครงการฤดูกาลสุขปลอดเหล้าและงดเหล้าเข้าพรรษา ปี2567 ดำเนินการ 21 ปีอย่างต่อเนื่อง นายธีระ  วัชรปราณี ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) กล่าวว่า การดำเนินงานภายใต้แนวคิด “งดเหล้า 3 เดือน เปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่” ซึ่งมีชมรมคนหัวใจเพชรและกลุ่มพลังหญิงหัวใจเพชร เป็นแกนนำในการขับเคลื่อนและสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมของทุกคนในชุมชน และกลุ่มเครือข่ายเยาวชน YSDN (Youth Strong & Development Network) เป็นอีกกำลังหนุนเสริมสำคัญในการสื่อสารชวน ลด ละ เลิกเหล้า รวมทั้งป้องกันไม่ให้มีนักดื่มหน้าใหม่เกิดขึ้นในพื้นที่ ตามแนวทาง การสร้างคน เชื่อมเครือข่าย และขยายศักยภาพชุมชน และในการรณรงค์ในปีนี้ยังเน้นสร้างคนคุณภาพไม่เน้นปริมาณ โดยติดตาม ชวน ช่วย ชมเชียร์ กันอย่างเข้มข้น พร้อมทั้งมาตรการพัฒนายกระดับคุณภาพชีวิต ว่าที่คนหัวใจเพชร ภายใต้แนวคิด สังคมสุขปลอดเหล้า 

สคล.มีการเก็บข้อมูล ผู้ลงนามปฏิญานตนงดเหล้าช่วงเข้าพรรษา ผ่านระบบลงนามปฏิญาณตน SOBER CHEERs ของสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า รวมระยะเวลา 2 เดือนที่ผ่านมา ข้อมูลผู้เข้าร่วมจาก 1,010 ชุมชนทั่วประเทศ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมจำนวน 28,705 คน พบว่าประหยัดเงินค่าเหล้าได้ จำนวน 3,620 บาท/คน/เดือน ดังนั้นเมื่อครบ 3 เดือน จะสามารถประหยัดเงินได้ จำนวน 183,597,810 บาท โดยมีเป้าหมายว่าผู้เข้าร่วมจะร่วมลดละเลิกกับโครงการตลอดไป และยังพบว่า 85% ของผู้ลงนามทั้งหมด มีแรงจูงใจในการงดดื่มเพราะห่วงสุขภาพของตนเอง ดังนั้น แนวทางการนำเรื่องสุขภาพมาเป็นตัวนำในการชวนเลิกเหล้าจึงเป็นประเด็นหลัก

นางสาวพิมพ์มณี เมฆพายัพ ผู้จัดการโครงการฤดูกาลสุขปลอดเหล้าและงดเหล้าเข้าพรรษา กล่าวว่า การรณรงค์จะแบ่งเป็น 4 กลยุทธ์ คือ 1) สร้างกระแสการรับรู้และเชิญชวนให้ประชาชนใช้โอกาสเทศกาลเข้าพรรษา 3 เดือน ในการฟื้นกาย ใจ ในการรับรู้ผลกระทบต่าง ๆ ที่เกิดจากการดื่ม โดยออกแบบการสื่อสารให้สอดคล้องกับกลุ่มผู้รับสารที่มีความหลากหลายมากขึ้น 2) สนับสนุนหน่วยงาน ภาคีเครือข่าย ชุมชน ที่เข้าร่วมโครงการฯ โดยจัดเก็บข้อมูลด้วย Google from เพื่อนำข้อมูลมาใช้ในการสนับสนุน สื่อรณรงค์ต่างๆ รวมทั้งติดตามช่วยเชียร์ผู้สมัครใจ ลด ละ เลิกเหล้าตลอดเข้าพรรษา 3) สนับสนุนกลุ่มพลังหญิงหัวใจเพชร (80 กลุ่ม) เป็นแกนนำในการณรงค์ ชวน ช่วย ชมเชียร์งดเหล้าเข้าพรรษา โดยพัฒนาศักยภาพและสนับสนุนกิจกรรม 4) สนับสนุนชมรมคนหัวใจเพชร (40 กลุ่ม) ให้มีทักษะในการชวน ช่วย ชมเชียร์ สำหรับทักษะนักสื่อสารสร้างแรงบันดาลใจ ให้มีความรอบรู้ด้านสุขภาพ และการออกแบบรณรงค์เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงสังคมสุขปลอดเหล้า ให้เกิดพื้นที่ปลอดภัย มีวินัยการออม

นอกจากนี้ ส่งเสริมให้พึ่งพาตนเอง เช่น การทำบัญชีครัวเรือน การปลูกผักสวนครัว  การทำเครื่องอุปโภคบริโภคไว้ใช้เอง เพื่อลดต้นทุนเงินไหลออก, พัฒนาทักษะการพัฒนาความสัมพันธ์ในครอบครัว รวมถึงส่งเสริมการรักษาสุขภาพให้ปลอดจากโรค NCDs ด้วยการใช้สมุนไพรและธรรมชาติบำบัด เพื่อสร้างเสริม ฟื้นฟูสุขภาพ โดยเชื่อมโยงกับ Sobrink แนวคิดเรื่องการฟื้นฟูสภาพตับ มาเป็นการฟื้นฟูพลังชีวิต ครอบคลุมสุขภาพองค์รวม หลักสูตร Sobrink นี้ จึงเป็นเรื่องการขยาย โดยเป็นการเชิญชวน ทั้งคนที่ดื่มและไม่ดื่มในสังคม มาดูแลตัวเองกันแบบง่ายๆ ในแต่ละวัน 

นายมงคล ปัญญาประชุม ผู้ประสานงานเครือข่ายงดเหล้าภาคอีสานตอนล่าง กล่าวว่า การจัดกระบวนการทำงานช่วงต้นพรรษาของบริบท 9 จังหวัดอีสานตอนล่าง ปัจจุบันมีคนที่เข้าร่วมผ่านระบบ จำนวน 7,263 คน ในจำนวนนี้ จะประหยัดค่าใช้จ่ายได้ 1,462 บาท/คน หากรวมระยะเวลา 3 เดือน จะคิดเป็นเงิน 31,855,518 บาท การจัดกิจกรรมงานงดเหล้าเข้าพรรษา ซึ่งเป็นโอกาสที่ดี ที่ประชาคมจังหวัดได้ชวนหน่วยงานต่างๆโดยเฉพาะ นายอำเภอร่วมทำงานรณรงค์ จากการติดตามพบว่า หลายจังหวัดมีกระบวนการทำงานทั้งระดับชุมชน อำเภอ และจังหวัด ไปจนถึงการทำงานร่วมกับ หน่วยงาน โดยใช้วิธีลงนามปฏิญาณตนบวชใจ ผ่านเอกสาร ผ่านสมุดลงนาม อีกช่องทาง ซึ่งเข้าพรรษาปีนี้เป็นที่คึกคักและมาช่วยปลุกให้กระบวนการทำงานงดเหล้าถูกพูดถึงอย่างมีชีวิตชีวา และการทำงานงดเหล้าเข้าพรรษานำไปสู่ประเด็นอื่นๆด้วย โดยฐานของการทำงานงดเหล้าเข้าพรรษา อีสานล่างมี 3 ฐานด้วยกัน 1) การทำงานพื้นที่ชุมชนคนสู้เหล้า  2) ประสานงานระดับนโยบาย 3) ประสานความร่วมมือกับหน่วยงานภาคีต่างๆ เช่น เครือข่ายตำรวจ องค์กรการศึกษา เครือข่ายอสม. ที่เป็นภาคีเครือข่ายร่วมกับเรา ได้ออกมาแสดงพลังร่วมด้วยเช่นเดียวกัน

ทันตแพทย์ห่วงบุหรี่ไฟฟ้าระบาดหนัก ชี้คนสูบบุหรี่เสี่ยงสูญเสียฟันมากกว่าคนไม่สูบ 2 เท่า เสี่ยงป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด 2-4 เท่า สูญเสียปีสุขภาวะ 2.8 ล้านปี  เร่งสานพลัง สสส. และ สพฐ. รณรงค์ “รักเพื่อน เตือนกัน ไม่สูบ” ป้องกันนักสูบหน้าใหม่

X

Right Click

No right click