เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ คว้า 3 รางวัลใหญ่ จากงาน Employee Experience Awards 2024 จัดโดย Human Resources Online ประเทศสิงคโปร์ สะท้อนความสำเร็จและการันตีความเป็นเลิศด้านการบริหารองค์กรและทรัพยากรบุคคลระดับสากล ตอกย้ำการบริหารงานด้านความหลากหลายและเท่าเทียมภายในองค์กร พร้อมเดินหน้าพัฒนาพนักงานในทุกมิติเพื่อขับเคลื่อนองค์กรสู่การเปลี่ยนแปลงในอนาคต

โดยภายในงานได้รับเกียรติจาก นางสาวสายฝน คงจิตต์งาม ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคลและสนับสนุนองค์กร กลุ่มบริษัทเจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ พร้อมด้วย นายไพสิฐ เจียมจรรยา หัวหน้าสำนักประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกลยุทธ์องค์กร เป็นตัวแทนรับรางวัล ได้แก่ รางวัลระดับ Gold Best Diversity and Inclusion Strategy” องค์กรที่ขับเคลื่อนการบริหารบุคลากรด้วยกลยุทธ์ที่ให้ความสำคัญในการส่งเสริมและสร้างคุณค่าให้กับทุกความแตกต่าง รวมถึงส่งเสริมความเท่าเทียมในทุกบริบท รางวัล ระดับ Gold Best Remote Work Strategy”  องค์กรที่ยกระดับการทำงาน อำนวยความสะดวกให้พนักงาน สามารถทำงานได้ทุกที่ในรูปแบบ Hybrid ทั้งที่ทำงาน ที่บ้าน หรือที่อื่น ๆ และรางวัล ระดับ Silver Best ESG Programme” องค์กรที่นำแนวคิด ESG มาปรับใช้ในการบริหารธุรกิจ โดยคำนึงถึงการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืนเป็นสำคัญ

สำหรับรางวัลทั้ง 3 สาขาเป็นรางวัลระดับนานาชาติ มอบให้แก่องค์กรชั้นนำที่มีแนวทางการบริหารพนักงานอย่างยอดเยี่ยม การให้ความสำคัญทั้งเรื่องของ สวัสดิการพนักงาน การพัฒนาความสามารถของพนักงานอย่างรอบด้าน และให้ความสำคัญในเรื่องของความเท่าเทียม เพื่อขับเคลื่อนบริษัทให้เกิดความยั่งยืนอย่างต่อเนื่องในอนาคต ซึ่งจัดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ ณ โรงแรมมิลเลนเนียม ฮิลตัน กรุงเทพฯ

"บมจ.เจนเนอราลี่ ประกันภัย (ไทยแลนด์)" ร่วมกับ บมจ. ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่นออกประกันอุบัติเหตุออนไลน์ “สวัสดิ์คุ้มเว่อร์” เจาะตลาดลูกค้าหลากหลายอาชีพ ที่มองหาความคุ้มครองที่ครอบคลุม ทั้งความคุ้มครองชีวิต ค่ารักษาพยาบาล และค่าชดเชยรายได้ ที่มีค่าเบี้ยประกันไม่แพง และสมัครง่ายด้วยตนเองเพียงไม่กี่ขั้นตอน รับความคุ้มครองได้ทันที เหมาะกับทุกกลุ่มอาชีพและคนยุคใหม่ที่ชอบความสะดวกสบายด้วยบริการที่ทันใจ ตั้งแต่การสมัคร การชำระเงิน และบริการเคลมออนไลน์ที่ทำได้ง่าย ๆ บนแอป GEN 365 แอปพลิเคชันสำหรับลูกค้าเจนเนอราลี่ที่ให้บริการด้านกรมธรรม์และมอบสิทธิพิเศษต่าง ๆ มากมายตลอด 365 วัน

สำหรับจุดเด่นของแบบประกันที่คุ้มโดนใจมีดังนี้  

  • คุ้มเว่อร์ ให้ความคุ้มครองชีวิตสูงสุด 240,000 บาท โดยมีค่าเบี้ยเฉลี่ยสำหรับแผนเริ่มต้นเพียงวันละ 40 บาท เท่านั้น
  • ครบเว่อร์ มีค่ารักษาพยาบาลรวมค่าห้อง สูงสุด 10,000 บาท ต่ออุบัติเหตุแต่ละครั้ง
  • อุ่นใจเว่อร์ รับค่าชดเชยรายได้สูงสุด 1,000 บาท/วัน ระหว่างการรักษาในโรงพยาบาล (สูงสุด 15 วัน/อุบัติเหตุแต่ละครั้ง)
  • เร็วเว่อร์ สมัครง่ายไม่กี่ขั้นตอน จ่ายเงินปุ๊บ คุ้มครองทันทีตลอด 24 ชั่วโมง

ปรึกษาและรับบริการได้ที่สาขาศรีสวัสดิ์ เงินสดทันใจ กว่า 5,500 สาขาทั่วประเทศ หรือติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sawad.co.th/ประกันอุบัติเหตุ-สวัสดิ์คุ้มเว่อร์/ และ Facebook Fanpage: ศรีสวัสดิ์ เงินสด ทันใจ หรือโทร 1652 พิจารณารับประกันภัย โดย บมจ. เจนเนอราลี่ ประกันภัย (ไทยแลนด์)

เจนเนอราลี่ กรุ๊ป เผยภาพรวมธุรกิจปี 2023 เติบโตอย่างแข็งแกร่งจากการดำเนินงานภายใต้  กลยุทธ์ "Lifetime Partner 24: Driving Growth" กวาดรายได้รวมกว่า 2.7 แสนล้านบาท จากกลุ่มธุรกิจประกันชีวิต ธุรกิจประกันภัยทรัพย์สินและเบ็ดเตล็ด (P&C) พร้อมโชว์สถานะความมั่นคงทางด้านการเงิน แบ่งปันผล 1.28 ยูโรต่อหุ้น เตรียมกางแผนเดินหน้าเพิ่มศักยภาพการดำเนินงานให้เติบโตอย่างยั่งยืน

นาย อาร์ช คอลมิ (Mr. Arsh Kaumi) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทเจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ กล่าวว่า “ผลประกอบการของเจนเนอราลี่ กรุ๊ป ในปี 2023 ที่ผ่านถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก อันเป็นผลมาจากการดำเนินธุรกิจภายใต้กลยุทธ์หลัก Lifetime Partner 24: Driving Growth ที่มุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืน ร่วมกับการใช้เทคโนโลยีในการสร้างคุณค่าให้กับลูกค้า ซึ่งเจนเนอราลี่ ไทยแลนด์เองก็ได้ยึดมั่นในหลักการนี้เช่นเดียวกัน

โดยในปี 2023 เจนเนอราลี่ กรุ๊ป มีรายได้จากผลการดำเนินงานรวม (Operating Result) อยู่ที่  6.9พันล้านยูโร หรือคิดเป็น 2.7 แสนล้านบาท (เพิ่มขึ้น 7.9%) โดยรายได้หลักมาจากประกันชีวิตและการเติบโตของธุรกิจประกันภัยทรัพย์สินและเบ็ดเตล็ด (P&C) คิดเป็นอัตราส่วนรวมอยู่ที่ 94.0% (Combined Ratio -1.4 p.p.) และมีผลกำไรขั้นต้นจากธุรกิจใหม่อยู่ที่ 5.78% (New Business Margin +0.09 p.p.) เบี้ยประกันภัยรับรวม (Gross Written Premium) อยู่ที่ 82.5 พันล้านยูโร คิดเป็น 3.25 ล้านล้านบาท (เพิ่มขึ้น 5.6%) อีกทั้งยังมีการเติบโตของธุรกิจประกันภัยทรัพย์สินและเบ็ดเตล็ด (P&C) อยู่ที่ 12.0% ทางด้านผลลัพธ์สุทธิที่ปรับปรุงใหม่ (Adjusted net result) สูงเป็นประวัติการณ์ อยู่ที่ 3,575 ล้านยูโร คิดเป็น 1.41 แสนล้านบาท (เพิ่มขึ้น 14.1%) นอกจากนี้สถานะทางเงินทุนยังคงความแข็งแกร่งด้วยอัตราส่วนการดำรงเงินกองทุน (Solvency Ratio) อยู่ที่ 220% และเงินปันผลที่เสนอต่อหุ้นอยู่ที่ 1.28 ยูโร (เพิ่มขึ้น 10.3%) ภาพรวมผลประกอบการทั้งหมดจึงเป็นการยืนยันว่า เจนเนอราลี่ กรุ๊ป ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างมั่นคง ดูแลกลุ่มลูกค้าและผู้ถือหุ้นเป็นอย่างดี

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2024 เจนเนอราลี่ กรุ๊ป ได้เตรียมวางแผนการดำเนินธุรกิจอย่างรัดกุมให้สอดรับกับนโยบายปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง ด้วยการใช้กลยุทธ์การปรับความสมดุลในพอร์ตของประกันชีวิต เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไรและจัดสรรเงินทุนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยยังคงให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรมและลดความซับซ้อนของผลิตภัณฑ์ด้วยการแนะนำโซลูชันที่หลากหลายมาปรับใช้ในบริการ และมุ่งเน้นทำการตลาดผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ ตามแนวคิด Lifetime Partner 24: Driving Growth

ทางด้าน มร. ฟิลลิป ดอนเนท ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มเจนเนอราลี่ (Generali Group CEO)  กล่าวว่า “จากผลการดำเนินงานในปี 2023 ที่ผ่านมา เจนเนอราลี่ กรุ๊ป ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก แสดงให้เห็นถึงแรงสนับสนุนจากผลการดำเนินงานที่ผ่านมาและการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน รวมถึงการดำเนินการตามกลยุทธ์ Lifetime Partner 24 : Driving Growth บริษัทฯ มีความมั่นคงทางด้านการเงินและมีสถานะทางเงินทุนที่แข็งแกร่ง จึงทำให้มีความสามารถในการจ่ายเงินปันผลของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่องทุกปี ส่งผลให้เจนเนอราลี่ กรุ๊ป อยู่ในสถานะทางการเงินที่ดีที่สุดในฐานะบริษัทประกันภัยและการบริหารจัดการสินทรัพย์ที่มีความหลากหลาย อีกทั้งจะได้รับประโยชน์จากการเข้าซื้อกิจการ Conning และ Liberty Seguros ซึ่งจะส่งผลให้เจนเนอราลี่ กรุ๊ป มีความแข็งแกร่งทางด้านการเงินมากยิ่งขึ้น  

เจนเนอราลี่ กรุ๊ป ขอขอบคุณทีมงานและตัวแทนสำหรับความพยายามเพื่อให้บรรลุผลลัพธ์เชิงบวกเหล่านี้ สิ่งเหล่านี้เป็นรากฐานของเส้นทางการเติบโตที่ยั่งยืน”


หมายเหตุ อัตราค่าแลกเปลี่ยน 1 ยูโร เท่ากับ 39.45 บาท

เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ นำทัพผู้บริหารจัดกิจกรรม TOWN HALL ภายใต้ธีมงาน “Generali be Ready for the NEXT” แสดงถึงวิสัยทัศน์ เจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ที่พร้อมจะก้าวไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน ด้วย 3 แนวคิดหลักเพื่อพิชิตเป้าหมาย Top 5 ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต ประกันสุขภาพและอุบัติเหตุ ประจำปี 2567  

ภายในงานได้รับเกียรติจาก นายอาร์ช คอลมิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทเจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ร่วมแสดงวิสัยทัศน์และกลยุทธ์การดำเนินงานเพื่อพิชิตเป้าหมาย การเป็น Top 5 ของธุรกิจประกันภัยในกลุ่มผลิตภัณฑ์ ประกันชีวิต ประกันสุขภาพและอุบัติเหตุ ภายใต้ 3 แนวคิดหลักที่เป็นแนวทางขับเคลื่อนเจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ให้เติบโตและบรรลุเป้าหมาย ได้แก่ STRENGTHEN DISTRIBUTION สนับสนุนช่องทางการขายให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยมีเป้าหมายเพื่อผลักดันธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน, CUSTOMER FIRST เข้าใจความต้องการ และการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า เป็นส่วนสำคัญในทุก ๆ การตัดสินใจ, PEOPLE EMPOWERMENT พัฒนาความสามารถของพนักงาน สนับสนุนการทำงานร่วมกัน และสร้างวัฒนธรรมในการทำงานร่วมกันเพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ภายใต้กลยุทธ์ Lifetime Partner 24: Driving Growth  

นอกจากนี้ คณะผู้บริหารระดับสูงเจนเนอราลี่ ไทยแลนด์ ได้ร่วมให้แนวคิดการกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ ได้แก่ นายแอนดรูว์ ซามาราตุงกา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน กล่าวถึงความสำเร็จด้านการบริหารการเงิน ทั้งส่วนของธุรกิจประกันชีวิต และประกันวินาศภัยในปีที่ผ่านมา รวมถึงแนวทางการบริหารด้านการเงินของบริษัทในปี 2024 นางสาวสายฝน คงจิตต์งาม ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคลและสนับสนุนองค์กร ให้แนวคิดการบริหารบุคลากร เพื่อเพิ่มศักยภาพของพนักงานให้สามารถปรับตัวรับกับการเติบโตของธุรกิจในโลกปัจจุบัน พร้อมด้วย นางสาวยุวดี งานทวีกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจสถาบันการเงิน และ นายสมศักดิ์ อรรถเสรีพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านตัวแทน ได้ร่วมให้ข้อมูลด้านกลยุทธ์ช่องทางจำหน่ายที่จะสร้างการเติบโตในอนาคต   

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการมอบเกียรติบัตรพิเศษเพื่อแสดงความขอบคุณ พนักงาน และทีมงาน ที่ร่วมกันสร้างโครงการเพื่อพัฒนาธุรกิจ สิ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Business Project Office (BPO) และเป็นกำลังสำคัญในการสร้างการเติบโตให้แก่องค์กร เมื่อเร็ว ๆ นี้ ณ โรงแรมคอนราด กรุงเทพ

เจเนอราลี่ กรุ๊ป ผนึกกำลัง โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United Nations Development Programme – UNDP) จัดประชุมใหญ่ “Building SME Resilience in Asia” เผยผลวิจัยด้านความยืดหยุ่นและความเสี่ยงของผู้ประกอบการกลุ่ม MSMEs ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะที่ประเทศไทย-มาเลเซีย เพื่อผลักดันความช่วยเหลือ พร้อมนำเสนอคู่มือป้องกันความสูญเสียสำหรับวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย ตลอดจนการจัดตั้งกองทุนสนับสนุนและการสร้างสรรค์นวัตกรรมประกันภัย เพื่อเป็นกุญแจสู่ความมั่นคงและความยั่งยืนในการทำธุรกิจ  รวมถึงการขยายโครงการ SME EnterPRIZE สู่ภูมิภาคเอเชีย

เจนเนอราลี่ กรุ๊ป ร่วมมือกับ โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (United Nations Development Programme)  จัดงานประชุมเพื่อต่อยอดโครงการสนับสนุนการประกันภัยและบริหารความเสี่ยง เพื่อมุ่งลดช่องว่างด้านความคุ้มครองให้กลุ่มผู้ประกอบการเปราะบางทั่วโลกผ่านโซลูชันการประกันภัย ที่สอดคล้องกับภารกิจสำคัญในการสร้างความตระหนักรู้และกำหนดแนวทางให้การประกันภัยเป็นกุญแจสู่ความมั่นคง ยั่งยืน และช่วยเสริมสร้างความยืดหยุ่นให้วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) พร้อมเปิดเผยผลการวิจัยร่วม หัวข้อ "การเสริมสร้างความยืดหยุ่นให้กับวิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย (MSMEs) ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้" ที่เน้นการศึกษาห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ในประเทศไทยและประเทศมาเลเซีย เพื่อนำเสนอแนวทางในการประเมินความเสี่ยงของ MSMEs และบริการประกันภัย ซึ่งงานวิจัยระบุว่า ประเทศไทยมีผู้ประกอบการ MSMEs คิดเป็นร้อยละ 99.6 ประเทศมาเลเซีย คิดเป็นร้อยละ 97.4 ถือเป็นสัดส่วนสูงสุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  และมีบทบาทสำคัญในการแรงขับเคลื่อนในการพัฒนาเศรษฐกิจ แต่ยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่หลากหลาย ทั้งการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ ปัญหาการหยุดชะงักของธุรกิจ และการเข้าถึงตลาดเงินทุนที่จำกัด โดยความเสี่ยงเหล่านี้ทวีความรุนแรงขึ้นจากการขาดการบริหารจัดการความเสี่ยง กลไกการรับมือ และความคุ้มครองจากประกันภัย และยังพบว่า MSMEs ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีประกันภัยคุ้มครองน้อยกว่าร้อยละ 5

นายไฮเม่ อังคัสเตกุย เมลกาเรโจ CEO International of Generali กล่าวว่า “วิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย (MSMEs) ในประเทศไทย ประเทศมาเลเซีย และภูมิภาคเอเชีย ถือเป็นฟันเฟืองที่สำคัญอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนการเติบโตและพัฒนาการของตลาดเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม วิสาหกิจกลุ่มนี้กำลังเผชิญกับความเสี่ยงซึ่งทวีความรุนแรงมาก ส่งผลต่อความต่อเนื่องของธุรกิจและความสามารถในการคว้าโอกาสใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ประกันภัยถือเป็นหัวใจสำคัญของการแก้ปัญหาเพื่อให้วิสาหกิจเหล่านี้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น และเป็นก้าวสำคัญของเจนเนอราลี่ กรุ๊ป       ในการสนับสนุนผู้ประกอบการที่เป็นกลุ่มเปราะบางในเอเชีย”

โดยแนวทางใหม่ที่เสนอในการวิจัยฉบับนี้ คือ การแบ่งประเภทธุรกิจเพื่อทำความเข้าใจลักษณะความเสี่ยงและความต้องการเฉพาะของผู้ประกอบการในแต่ละประเภท พร้อมกับการสร้างความยืดหยุ่นต่อความเสี่ยง ด้วยการผนวกผลิตภัณฑ์ประกันภัยเข้ากับเทคโนโลยีหรือแพลตฟอร์มดิจิทัล และการขยายโครงการ   SME EnterPRIZE ในภูมิภาคเอเชีย ต่อยอดจากความสำเร็จที่ได้ร่วมกับ SMEs หลายพันรายในยุโรปตลอดระยะเวลาสามปีที่ผ่านมาในการส่งเสริมและปลูกฝังวัฒนธรรมแห่งความยั่งยืน

พร้อมกันนี้เจนเนอราลี่ และ UNDP ได้เปิดตัว “คู่มือป้องกันความสูญเสียสำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม”  (SME Loss Prevention Framework) ซึ่งเป็นเครื่องมือดิจิทัลที่ใช้ประโยชน์ช่วยยกระดับความพร้อมและสร้างการรับรู้ด้านความเสี่ยงที่ผู้ประกอบการต้องเผชิญ รวมถึงแนวทางการรับมือ

ทางด้าน นาย แจน เคลเลตต์ (Jan Kellett) Global and Corporate Lead on Insurance and Risk Finance, Head of the Insurance and Risk Finance Facility, UNDP กล่าวว่า “สำหรับในภูมิภาคอาเซียน วิสาหกิจขนาดกลาง ขนาดย่อม และรายย่อย (MSMEs) คิดเป็นร้อยละ 45 ของ GDP รวมของภูมิภาค โดยความเปราะบางของวิสาหกิจเหล่านี้ ที่อาจต้องเผชิญภัยธรรมชาติที่รุนแรงขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โรคระบาด หรือการหยุดชะงักในห่วงโซ่การผลิตและระบบโลจิสติกส์ ด้วยเหตุนี้ จึงมีความจำเป็นต้องเร่งสร้างความยืดหยุ่นและเพิ่มศักยภาพการอยู่รอด สามารถรับมือได้กับความเสี่ยงทุกรูปแบบที่สามารถคาดการณ์ได้ ด้วยเครื่องมือและโซลูชันที่เป็นนวัตกรรม รวมถึงประกันภัยจะเป็นหนึ่งในตาข่ายนิรภัย เครื่องมือลดความเสี่ยงที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้ประกอบการ”

นอกจากนี้ภายในงานยังได้รับฟังแนวทางการส่งเสริมกลุ่มผู้ประกอบการ MSMEs จากตัวแทนผู้บริหารระดับสูงจากเจนเนอราลี่ กรุ๊ป และโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ อาทิ นายร็อบ ลีโอนาร์ดี Regional Officer International – Asia, Generali Group นางสาวลูเซีย ซิลวา Generali Group Chief Sustainability Officer พร้อมด้วย นายนิลอย บาเนอร์จี Resident Representative, UNDP Malaysia โดยมีตัวแทนจาก ภาครัฐบาล ภาคธุรกิจ รวมถึงประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเจนเนอราลี่ทั่วภูมิภาคเอเชีย ผู้ประกอบการ พาร์ทเนอร์ ให้ความสนใจเข้าร่วมงาน เมื่อเร็วๆ นี้ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย

Page 1 of 10
X

Right Click

No right click