December 22, 2024
×

Warning

JUser: :_load: Unable to load user with ID: 6855

JUser: :_load: Unable to load user with ID: 813

คุณณฐาภพ ธรรมชาติ Assistant Vice President บริษัท เจ อีลิท จำกัด และนางสาวอุษณีย์ เลาหะวรนันท์ ผู้บริหารสูงสุด สายงานสื่อสารการตลาดและธุรกิจ MAAI BY KTC บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ร่วมมอบสิทธิพิเศษ ให้ลูกค้าสามารถโอนคะแนนสะสมระหว่าง J POINT และ MAAI Point ได้แล้ว พร้อมส่งแคมเปญต้อนรับวันสงกรานต์ ที่ทำให้การโอนคะแนนพิเศษยิ่งขึ้นโดยรับคะแนน J POINT เพิ่มขึ้น 20% เพื่อส่งมอบประสบการณ์สุดพิเศษแก่ลูกค้า โดยเป็นการนำจุดแข็งด้านสิทธิประโยชน์ในการแลกคะแนนสะสม ทั้ง J POINT และ MAAI BY KTC (มาย บาย เคทีซี) มารวมกัน เพื่อนำเสนอทางเลือกที่แตกต่าง ในการขยายสิทธิประโยชน์ที่ตรงใจที่สุดให้กับสมาชิก J POINT และ MAAI BY KTC มากกว่าที่เป็นมา

J POINT ระบบสะสมคะแนนในกลุ่มเจมาร์ท กรุ๊ป เป็น Loyalty Program Platform ทำหน้าที่บริหารความสัมพันธ์กับลูกค้า ช่วยทำความรู้จักและเข้าใจลูกค้ามากขึ้นในทุกมิติ ผ่านการมอบสิทธิพิเศษต่างๆ J POINT เป็นรูปแบบการสะสมคะแนนแบบดิจิทัล โดยมีระบบการทำงานผ่าน LINE Official Account บนแอปพลิเคชัน LINE โดยลูกค้าจะได้รับคะแนนสะสมจากทุกยอดการใช้จ่ายในการซื้อสินค้าหรือบริการ และยังสามารถนำคะแนนสะสมกลับมาแลกเป็นส่วนลด รวมทั้งดีลสิทธิพิเศษต่างๆ จากทุกบริษัทในกลุ่มเจมาร์ท กรุ๊ป ที่เป็น Group of Retail และ Group of Financial รวมถึงพันธมิตรทางธุรกิจต่างๆ

MAAI BY KTC (มาย บาย เคทีซี) ผู้ให้บริการด้านดิจิทัล ลอยัลตี้ แพลตฟอร์ม (Digital Loyalty Platform) แบบครบวงจรในการบริหารจัดการคะแนนสะสมและสิทธิประโยชน์ด้านไลฟ์สไตล์ สามารถตอบโจทย์ทุกธุรกิจที่มีความต้องการที่แตกต่างกัน

สำหรับการโอนคะแนนสะสม J POINT ทุก ๆ 100 คะแนน สามารถโอนเป็นคะแนนสะสม MAAI Point ได้เท่ากับ 65 คะแนน และสามารถโอนคะแนนสะสม MAAI Point ทุก ๆ 100 คะแนน เพื่อเป็นคะแนน J POINT ได้เท่ากับ 65 คะแนน พิเศษสำหรับสมาชิกที่โอนคะแนนจาก MAAI Point เป็นคะแนน J POINT รับเพิ่ม 20% จากปกติ 65 คะแนน เป็น 80 คะแนน ตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน - 31 พฤษภาคม 2567 ผ่าน LINE Official J POINT และ Application MAAI BY KTC

สำหรับท่านที่ยังไม่ได้เป็นสมาชิก J POINT สามารถสมัครสมาชิกง่ายๆ ผ่าน LINE Official @Jpoint พร้อมสะสมคะแนนจากทุกยอดการใช้จ่ายจากร้านค้าในเครือ เจมาร์ท และพันธมิตร เพื่อแลกรับสิทธิพิเศษต่างๆ มากมายตอบโจทย์ครบทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต กิน ดื่ม เที่ยว บันเทิง เรียนรู้ สุขภาพ/ความงาม ไอทีแก็ดเจ็ต และอำนวยความสะดวกสบายที่คัดสรรมาให้ลูกค้าคนพิเศษที่เป็นสมาชิก J POINT และสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

บริษัท เจ มาร์ท โมบาย จำกัด จัดกิจกรรมการประกวด Jaymart Influencer Search 2022” รอบชิงชนะเลิศ ในวันที่ 18 ธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา เพื่อชิงรางวัลมูลค่ารวมกว่า 200,000 บาท พร้อมรับของรางวัลจากผู้สนับสนุนมากมาย เจมาร์ท ตอกย้ำยืนหนึ่งเรื่องเทคโนโลยี และตอบรับการตลาดยุคดิจิทัล สร้าง Influencer หนุ่มสาวรุ่นใหม่ ปล่อยไอเดียสร้างสรรค์ ดึงศักยภาพการสื่อสารผ่านแพลตฟอร์ม Social Media โดยมีผู้บริหารบริษัท เจมาร์ท โมบาย และพันธมิตร ร่วมมอบรางวัลและแสดงความยินดี

เจมาร์ท ติดปีกร่วมทุน KB Kookmin Card ในบริษัท เจฟินเทค จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เสร็จสิ้น ยกระดับมาตรฐานธุรกิจการเงินของกลุ่มบริษัทเข้าสู่ระดับสากล

หลังจากที่ บมจ.เจมาร์ท (JMART) ประกาศความสำเร็จ บ.เจ เวนเจอร์ส (JVC) บริษัทย่อยที่ระดมทุน ICO (Initial Coin Offering) สำเร็จเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยเปิด Pre-Sale ขาย JFin Coin 100 ล้านโทเคนหมดเกลี้ยงภายใน 55 ชั่วโมง ล่าสุดเดินหน้าแผนธุรกิจตามที่กำหนดไว้ เปิดเกมรุกสินเชื่อในโลกฟินเทค โดยพัฒนา JFin DDLP ระบบสินเชื่อแบบดิจิทัลที่ไม่มีตัวกลาง อีกทั้งเตรียมนำมาต่อยอดผลิตภัณฑ์อื่นๆ ประเดิมใช้งานในกลุ่มเจมาร์ทภายในปี 2562 นี้

อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART  เปิดเผยถึง แผนการดำเนินงานหลังจาก บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด หรือ JVC (เป็นบริษัทย่อยที่ JMART ถือหุ้นในสัดส่วน 80%)  ผู้พัฒนาซอฟท์แวร์ และแอฟพลิเคชั่นทางด้านฟินเทค ลงทุนในธุรกิจสตร์ทอัพ ประสบความสำเร็จจากการระดมทุนด้วยการทำ ICO เป็นรายแรกในประเทศไทยของกลุ่มบริษัทมหาชน ที่สร้างปรากฏการณ์ของโลกการเงิน นำเทคโนโลยีบล็อกเชนเข้ามาใช้ในการทำธุรกิจสินเชื่อ ในชื่อเหรียญ JFin Coin

 

อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน)

 

ทั้งนี้ JFin Coin เปิดเสนอขาย Pre-sale วันแรกเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2561 ที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับเกินคาดหมาย โดยเปิดเสนอขายในคราวนี้จำนวน 100 ล้านโทเคน ที่ราคาขาย 6.60 บาทต่อโทเคน ได้ถูกผู้สนับสนุนจองซื้อหมดเต็มจำนวนเรียบร้อยแล้วภายใน 55 ชั่วโมงแรก ตอกย้ำความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนในแผนธุรกิจที่วางไว้ ในฐานะที่เจมาร์ทเป็นบริษัทมหาชน ก่อตั้งและดำเนินธุรกิจมา 30 ปี การันตีความถูกต้อง และธรรมภิบาลในการบริหารธุรกิจ มุ่งหวังในการเป็นผู้นำเทคโนโลยีทางด้านการเงินอย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้เกิด ICO ที่มีมาตรฐานขึ้นในประเทศไทย ได้รับการยอมรับจากหน่วยงานต่างๆ มั่นใจนำเงินที่ได้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ และมีประสิทธิภาพ โดยเม็ดเงินที่ได้จากการระดมทุนราว 660 ล้านบาท ทีมงานได้เริ่มดำเนินการพัฒนาระบบ Decentralized Digital Lending Platform (DDLP) ไปตามแผนที่วางไว้เรียบร้อยแล้ว สนับสนุนการเติบโตในธุรกิจสินเชื่อของกลุ่มเจมาร์ท ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นได้

ธนวัฒน์ เลิศวัฒนารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เวนเจอร์ส จำกัด หรือ JVC เผยถึงการพัฒนระบบสินเชื่อแบบดิจิทัลที่ไม่มีตัวกลาง (Decentralized Digital Lending Platform หรือ DDLP) คือ ระบบการกู้ยืมเงินแบบดิจิทัลบนเทคโนโลยี Blockchain ที่มีความปลอดภัยสูง รองรับกระบวนการแบบครบวงจร ตั้งแต่การระบุตัวตน (KYC) กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ การประเมินเครดิต การอนุมัติสินเชื่อ และการติดตามหนี้สิน เพื่อสนับสนุนและพัฒนาการบริการด้านสินเชื่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ

รวมถึงรองรับระบบ P2P Lending ระบบตลาดสินเชื่อออนไลน์ที่เชื่อมต่อให้ผู้กู้ที่มีศักยภาพสามารถกู้เงินได้โดยตรง ไม่ต้องผ่านธนาคารหรือสถาบันการเงิน ดังนั้น ระบบ DDLP จะเป็นหนึ่งในระบบสำคัญที่เพิ่มศักยภาพการแข่งขันของกลุ่มบริษัทเจมาร์ทในอนาคตอันใกล้นี้ ตั้งเป้าระบบจะแล้วเสร็จ พร้อมเริ่มใช้งานในปี 2562

 

 

สำหรับจุดแข็งของ  JFin DDLP  คือ เป็นระบบที่พัฒนาขึ้นจากการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้ ทำให้สามารถสร้างระบบการเงินที่ยั่งยืน ขยายตลาด และเข้าถึงประชากรได้อีกจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มที่ไม่สามารถเข้าถึงระบบธนาคารหรือการให้บริการทางการเงิน โดยบริษัทฯ มุ่งเน้นการจับกลุ่มลูกค้าที่มีเครดิตดี วิเคราะห์จากฐานข้อมูลลูกค้าของกลุ่มเจมาร์ทที่มีรวมกันมากกว่า 3 ล้านราย

โดยเฉพาะบริษัทในเครือ ได้แก่ บมจ.เจเอ็มที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส (JMT) ผู้นำในธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพ และรับจ้างติดตามหนี้สิน เป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้เรามีฐานข้อมูลและสามารถรับความเสี่ยงได้มากขึ้น

รวมถึงการเสริมทัพด้วยการจับมือพันธมิตรและกลุ่มผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ เพื่อสนับสนุนข้อมูลให้แก่บริษัทฯ ให้มี Big Data ที่สามารถสร้าง Credit scoring หรือการประเมินการขอสินเชื่อบุคคลโดยอัติโนมัติผ่านเทคนิคการให้คะแนนเครดิตผ่านข้อมูลต่างๆ ที่ระบุไว้ เพื่อให้สามารถคัดเลือกลูกค้าที่มีเครดิตดีได้อย่างแม่นยำมากขึ้น นับเป็นจุดเริ่มต้นของการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในโลกการเงินอย่างสมบูรณ์แบบ ส่งผลดีต่อ JVC ในฐานะผู้นำในธุรกิจพัฒนาซอฟท์แวร์ และแอฟพลิเคชั่นทางด้านฟินเทคให้ได้รับการตอบรับมากขึ้นในอนาคต

 

X

Right Click

No right click