บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด ร่วมกับ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด มหาชน ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ โดยมีเป้าหมายร่วมกันที่จะศึกษาและพัฒนา Guideline โครงการ Pathway to NET ZERO Building ผ่านโครงการต้นแบบและขยายผลการดำเนินการ โดยการใช้เทคโนโลยีประหยัดพลังงานและมาตรฐานอาคารเขียว (Green Building) ภายใต้เงื่อนไขความร่วมมือซึ่งกันและกัน และเผยแพร่ผลสัมฤทธิ์สู่สาธารณชน โดยจะได้นำผลของการดำเนินการต่อยอดสู่การพัฒนาโครงการเพื่อลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse gases : GHG) ทั้งในอาคารเก่าและอาคารใหม่ในอนาคต

นายวชิระชัย คูนำวัฒนา Head of Smart System Solution Business บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด กล่าวว่า “สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนของเอสซีจี โดย เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ในฐานะผู้นำด้านสินค้า บริการ รวมถึงโซลูชันด้านสินค้าวัสดุก่อสร้าง ที่ได้ให้ความสำคัญในการลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในอาคารมาโดยตลอด ในครั้งนี้ เอสซีจี โดยบริษัท SCG Building and Living Care Consulting ซึ่งเป็นธุรกิจที่ก่อตั้งขึ้นจากการนำองค์ความรู้ที่เกี่ยวกับการก่อสร้างของเอสซีจี ผนึกเข้ากับแนวทาง ESG” ที่เอสซีจีนำมาใช้เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจให้สอดคล้องกับหลักพัฒนาคุณภาพทางสังคมแบบยั่งยืน ต่อยอดสู่ธุรกิจบริการให้คำปรึกษาด้านสิ่งปลูกสร้างโดยผู้เชี่ยวชาญ โดยมีเป้าหมายหลักในการสร้างมาตรฐานคุณภาพการใช้ชีวิตภายในอาคารให้ดีขึ้น จาก 3 บริการหลัก คือ Sustainability and Wellbeing Building Certification, Building Services Engineering, Healthcare and Wellness Building Design ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาและออกแบบอาคารเพื่อความยั่งยืนและเพื่อสุขภาวะที่ดี ่านการให้คำปรึกษาเพื่อออกแบบกรอบแนวทางดำเนินการ วิเคราะห์ องค์กร อาคารและผลิตภัณฑ์ คำนวณความคุ้มค่าและผลตอบแทน พร้อมนำเสนอ Solutions ให้เหมาะสมกับเป้าหมายและงบประมาณของแต่ละองค์กร และธุรกิจ SCG Smart Building Solution ซึ่งให้บริการโซลูชันด้านพลังงานในอาคาร และการบริหารจัดการอาคารด้วยเทคโนโลยีอัจฉริยะ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน รวมถึงบริษัทต่างๆ ในเครือ บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง มีความยินดีที่จะนำองค์ความรู้มาต่อยอด เพื่อวางแนวทางโครงการ Pathway to NET ZERO Building โดยได้ร่วมกับทางเซ็นทรัลพัฒนา ในการจัดทำแผนแม่บทเพื่อลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อมุ่งสู่ NET ZERO ในปี 2050 โดยมีโครงการนำร่องได้แก่ เซ็นทรัล เวสต์วิลล์, แจ้งวัฒนะ, พัทยา, อยุธยา, นครปฐม, และนครสวรรค์”    

“การลงนามในวันนี้เป็นอีกหนึ่งในจุดเริ่มต้นของ เอสซีจี และ เซ็นทรัลพัฒนา ในการใช้จุดแข็งของ ทั้ง 2 ธุรกิจมาพัฒนาต่อยอดสู่เป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นพันธกิจของสังคมโลก ซึ่งหวังว่ากลยุทธ์สำคัญที่ได้จากโครงการนี้จะมีส่วนสำคัญในการสร้างองค์ความรู้และเผยแพร่สู่สาธารณะ เพื่อประโยชน์ในการผลักดันให้เกิดนโยบายหรือแผนงานเพื่อมุ่งสู่ความเป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญเพื่อโลกที่ยั่งยืนให้กับหลายๆ หน่วยงานหรือองค์กรต่างๆ ต่อไปในอนาคต” นายวชิระชัย กล่าวทิ้งท้าย

 

นายชนวัฒน์ เอื้อวัฒนะสกุล Chief Development and Commercial Officer บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เซ็นทรัลพัฒนา มีวิสัยทัศน์ที่สำคัญคือ ‘Imagining better futures for all’ เราจึงตั้งเป้าหมายเพื่อขับเคลื่อนด้านความยั่งยืนอย่างจริงจัง คือการเป็นองคก์ร NET Zero ภายในปี 2050 ด้วยการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) และมลพิษจากธุรกิจสุทธิเป็นศูนย์ ทั้งนี้ เราตั้งใจพัฒนา พื้นที่ที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต รวมถึงดูแลชุมชนและสังคม โดยการพัฒนาธุรกิจหลักของเรา ทั้งศูนย์การค้า, ที่อยู่อาศัย, โรงแรม และอาคารสำนักงาน จะเป็นการเชื่อมโยงเข้าหากันทั้งระบบ เพื่อสร้าง The Ecosystem for All’ ที่แข็งแกร่งและยั่งยืนให้กับทุกภาคส่วน รวมไปถึงเรายังได้ขยายความร่วมมือกับองค์กรพันธมิตรในด้านต่างๆ ที่จะแบ่งปันและส่งเสริมความเชี่ยวชาญระหว่างกันอีกด้วย ดังเช่นการริเริ่มโครงการ “Green Partnership”  หรือพันธมิตรสีเขียว โดยเริ่มต้นที่ โครงการต้นแบบ Framework Pathway to Net Zero Building Guideline ร่วมกับ บริษัท เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง จำกัด ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะมีส่วนช่วยสร้างความตระหนักรู้และความเข้าใจให้กับบุคลากรของทั้งสองบริษัท ในด้านกระบวนการทำงานสู่เป้าหมายด้านความยั่งยืนต่อไป”

จากร้านดังระดับโลกกว่า 100 ร้าน ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล 15 สาขา ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลเริ่ม 27 ส.ค. – 31 ต.ค.2564 นี้ 

บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) จับมือพันธมิตรชั้นนำ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค และโรบินฮู้ด ฟู้ดเดลิเวอรีสัญชาติไทย ผนึกกำลังมอบความสุขให้ลูกค้าดีแทค และผู้ใช้งานแอปโรบินฮู้ด ได้อิ่มอร่อยกับเมนูเด็ดจากกว่า 100 ร้านดังระดับโลกในศูนย์การค้าเซ็นทรัล 15 สาขา ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ภายใต้แคมเปญ ‘เซ็นทรัล X ดีแทค รีวอร์ด ใจดี มอบส่วนลดทันทีเมื่อสั่งอาหารผ่านแอปโรบินฮู้ด’ สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าดีแทค ง่ายๆ เพียงใช้ 200 dtac reward Coins แลกรับส่วนลด 50 บาท เมื่อสั่งซื้ออาหารผ่านแอปโรบินฮู้ด ขั้นต่ำ 100 บาท จากร้านอาหารชื่อดังในศูนย์การค้า ตอกย้ำ Food Destination ที่ดีที่สุดต้องเซ็นทรัล อาทิ ร้าน Kam's Roast ห่านย่างชื่อดังระดับตำนาน  มิชลินสตาร์ 7 ปีซ้อน, Tsuta มิชลินสตาร์ 1 ดาว 4 ปีซ้อน , ไก่ทอง ออริจินัล, Hong Bao, Greyhound Café, ซาลาเปาโกอ้วน, TP TEA by chun shui tang ชานมไข่มุกเจ้าแรกของโลก, The Coffee Academics คอฟฟี่เฮ้าส์แบรนด์ดังจากฮ่องกง หนึ่งในร้านกาแฟที่ดีที่สุดในโลก,  Sukishi Korean Charcoal Grill, Sukishi, Everyday, Sukishi Buffet, Bonchon, mx cakes & bakery, The pizza company, เรือนเพชรสุกี้, GAGA, You & I, Chounan, Mom&Sis, Chuan Kitchen, ZEN, Taco Bell, KOI The’, Dairy Queen, Auntie Anne’s, Chabuton, Cold Stone Creamery, Katsuya, Mister donut, Ootoya, Pepper lunch, Thai Terrace, Tenya, Yoshinoya, Swensen’s, ฮองอะจิ ราเมน, On The Table, ร้านบุญปาก, Azabu Sabo, Bun101, True coffee, Santa fe, Meng นัว นัว, Tenjo, เดอะ บิบิมบับ, CPS Coffee, Kimukatsu, ท่านขุน และอื่นๆ อีกมาก โดยแคมเปญเริ่มตั้งแต่วันที่ 27 สิงหาคม – 31 ตุลาคม 2564

ดร. ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าว การจับมือกันในครั้งนี้ เพื่อเป็นการช่วยอำนวยความสะดวกและส่งความสุขให้คนไทย โดยเฉพาะลูกค้าดีแทคให้อยู่บ้าน Stay home Stay safe และยังอิ่มอร่อย สะอาด ปลอดภัย กับเมนูร้านดังระดับโลกในศูนย์การค้าเซ็นทรัล ผ่านบริการ Delivery ส่งถึงบ้านกับ โรบินฮู้ด แพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี  โดยศูนย์การค้าทั้ง 15 แห่งในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ได้รวบรวมร้านอร่อยไว้มากมาย ทั้งอาหารไทย Local food อาหารนานาชาติ ตั้งแต่ Street food ไปจนถึงร้าน มิชลินสตาร์ ร้านดังระดับโลก ซึ่งเมื่อได้จับมือกับพันธมิตรชั้นนำ อย่าง “ดีแทค” ที่มีฐานลูกค้าที่ใช้บริการอยู่ทั่วประเทศกว่า 19.2 ล้านราย ประกอบกับศักยภาพที่ดีของแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรีสัญชาติไทย อย่าง “โรบินฮู้ด” ที่ผนึกกำลังร่วมกันส่งตรงความอร่อยถึงบ้านอย่างสะอาด ปลอดภัย พร้อมโปรฯพิเศษ สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคในช่วงนี้ได้อย่างตรงจุด  นอกจากนี้ เรายังคุมเข้ม มาตรการ “เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ x 2” ดูแลจุดให้บริการ Delivery โดยได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการร้านค้า และพนักงานทุกคนอย่างเต็มที่ อาทิ ทั้งการจัดเส้นทางเข้าออกชัดเจน และกำหนดจุดคัดกรองพนักงานเข้มงวดก่อนการปฏิบัติงานทุกวัน,  การติดตาม Timeline,พนักงานสวมอุปกรณ์ป้องกัน 2 ชั้น Double Protection  และ Big Cleaning ทั้งในร้านค้า และพื้นที่ส่วนกลางทุกวันเป็นประจำ สำหรับบริการ Riders ทุกคนที่มารับสินค้า ต้องผ่านการคัดกรองและประเมินตนเองผ่าน Thai Stop Covid,  ใช้เจลแอลกฮอล์ฆ่าเชื้อที่ถุงมือและมือก่อน-หลังการรับส่งอาหาร, การจัดพื้นที่เป็นสัดส่วนในการนั่งรอแบบเว้นระยะห่าง และ งดการรวมกลุ่มพูดคุยระหว่างรออาหาร เป็นต้น ” ดร. ณัฐกิตติ์กล่าว

นางสาวเพ็ญพงา สุทธิมณฑล ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารลูกค้าดีแทค รีวอร์ด บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า “ดีแทค รีวอร์ด ได้มอบสิทธิพิเศษด้าน Food delivery ให้ลูกค้าดีแทคได้รับความสะดวกและช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของลูกค้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปี 2564 ยอดการใช้สิทธิพิเศษด้าน Food delivery ก็ยังเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง นับเป็นหมวดที่ได้รับความนิยมสูงสุดอันดับหนึ่ง โดยเติบโตกว่า 2.3 เท่า อันดับสองคือหมวดช้อปปิ้งออนไลน์และซุปเปอร์มาร์เก็ตออนไลน์ ที่ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นกว่า 1.2 เท่า เมื่อเทียบกับปี 2563 ในครั้งนี้ ดีแทค รีวอร์ด ได้จัดดีลพิเศษ เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของทั้งผู้ประกอบการร้านอาหารและประชาชน โดยได้ผนึกกำลังกับเซ็นทรัลพัฒนา ผู้นำร้านอาหารแบรนด์อร่อยยอดนิยมระดับโลก และ แพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี “โรบินฮู้ด” รวบรวมร้านอาหารที่อยู่ในภายในศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วกรุงเทพและปริมณฑล มอบส่วนลดให้ลูกค้าดีแทคทั้งระบบเติมเงินและรายเดือน รับสิทธิพิเศษ ใช้เพียง 200 coins (จากปกติ 4,000 coins) เพื่อแลกรับโค้ดส่วนลด 50 บาท เมื่อสั่งซื้อขั้นต่ำ 100 บาท สำหรับใช้สั่งอาหารจากร้านอาหารกว่า 400 ร้านค้า ภายในศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วกรุง ผ่านแอป โรบินฮู้ด เริ่มตั้งแต่วันที่ 27 สิงหาคม – 31 ตุลาคม 2564

แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 จะยังคงดำเนินอยู่ ดีแทคเชื่อว่าการปรับตัว และการยื่นมือมาช่วยเหลือกันและกันแบบนี้จะยังเป็นภาพที่จะอยู่กับเราต่อไป โดยหวังว่าวันหนึ่งเราจะผ่านวิกฤตครั้งนี้ด้วยรอยยิ้มไปด้วยกัน”

นายสีหนาท ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด ผู้พัฒนาและให้บริการ “โรบินฮู้ด” แพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรีสัญชาติไทย กล่าวว่า “จุดเริ่มต้นของ โรบินฮู้ด เกิดจากการมุ่งมั่นตั้งใจที่จะช่วยเหลือ และสนับสนุนผู้ประกอบการร้านอาหารโดยเฉพาะร้านเล็กๆ ด้วยการไม่คิดค่าธรรมเนียมในการใช้แพลตฟอร์ม (GP) เพื่อให้ร้านค้าไม่ต้องแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้น รวมถึงช่วยสร้างงานสร้างรายได้ให้กับคนส่งอาหารหรือไรเดอร์ในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ ซึ่งการที่ได้ร่วมมือกับเซ็นทรัลพัฒนา และดีแทค ในครั้งนี้ ถือเป็นการช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่าย พร้อมส่งความสุขผ่านเมนูเด็ดจากกว่า 100  ร้านดังระดับโลกในศูนย์การค้าเซ็นทรัล 15 สาขา ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ให้กับลูกค้าถึงที่บ้านอีกด้วย ด้านมาตรการดูแลความปลอดภัยในช่วงโควิด-19 โรบินฮู้ดให้ความสำคัญในเรื่องความปลอดภัยจากโควิดเป็นอย่างมาก เราจึงได้พัฒนาระบบการชำระเงินเป็นแบบ digital payment 100% เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสเงินสด ตั้งแต่ร้านค้าได้รับเงินจากลูกค้าตรงเข้าบัญชี ไรเดอร์ไม่ต้องสำรองเงินสดจ่ายค่าอาหารให้ร้านค้า ลูกค้าไม่ต้องเตรียมเงินสดเพื่อจ่ายค่าอาหารให้ไรเดอร์เมื่อมาส่งที่บ้าน โดยปัจจุบันโรบินฮู้ดมีจำนวนร้านค้าที่เปิดให้บริการบนแพลตฟอร์มกว่า 150,000 ร้าน มีไรเดอร์ในระบบกว่า 26,000 คน และมีจำนวนลูกค้าลงทะเบียนใช้งานกว่า 2 ล้านคน”

ศูนย์การค้าเซ็นทรัล 15 สาขา ในกรุงเทพฯ และ ปริมณฑล ที่ร่วมแคมเปญ ได้แก่ เซ็นทรัลเวิลด์, เซ็นทรัล บางนา,ลาดพร้าว, อีสต์วิลล์, แกรนด์ พระราม 9, พระราม 2, พระราม 3, เซ็นทรัล วิลเลจ, ปิ่นเกล้า, เวสต์เกต, แจ้งวัฒนะ, รัตนาธิเบศร์, รามอินทรา, ศาลายา, มหาชัย โดยเปิดให้บริการตามปกติ ทุกวัน เวลา 11.00 – 20.00 น.

Page 2 of 2
X

Right Click

No right click