November 25, 2024

พลิกฟื้นป่าต้นน้ำเขายายดาสู่ความอุดมสมบูรณ์ เดินหน้าส่งเสริมชุมชนสู่ต้นแบบการจัดการน้ำ ตามวิถีสังคมคาร์บอนต่ำ พร้อมขยายผลระดับจังหวัดและประเทศ

เอสซีจี เคมิคอลส์ หรือ SCGC ผู้นำธุรกิจเคมีภัณฑ์ครบวงจรเพื่อความยั่งยืน เดินหน้าภารกิจพิทักษ์ทะเลเพื่อฟื้นฟูและเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพให้กับระบบนิเวศทางทะเล ตามแนวทาง ESG (Environmental, Social and Governance) ที่ส่งเสริมด้าน Low Waste & Low Carbon โดยได้ขับเคลื่อน นวัตกรรมเพื่อพิทักษ์ทะเล (Innovation for Better Marine) อาทิ นวัตกรรมทุ่นกักขยะลอยน้ำ บ้านปลาเอสซีจีซี รวมทั้งได้ร่วมก่อตั้งเครือข่าย “Nets Up” โมเดลการสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนเพื่อทะเลยั่งยืน เปลี่ยนอวนประมงที่ไม่ใช้แล้ว สู่ Marine Materials วัสดุทางเลือกใหม่จากนวัตกรรมรีไซเคิล 

ในโอกาสวันทะเลโลก (World Oceans Day) ประจำปี 2567 ภายใต้แนวคิด “ปลุกกระแส แก้วิกฤตมหาสมุทร” (Awaken New Depths) SCGC ได้มอบ “ทุ่นกักขยะลอยน้ำโมเดลใหม่ : SCGC - DMCR Litter Trap Gen3” จำนวน 25 ชุด ให้กับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อนำไปกักขยะลอยน้ำบริเวณปากแม่น้ำลำคลองสาขาต่าง ๆ ไม่ให้หลุดรอดสู่ทะเล โดยมีพลตํารวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมด้วยนายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รับมอบ ณ Sea Life Bangkok Ocean World สยามพารากอน  ทั้งนี้ SCGC ได้ร่วมกับ ทช. ติดตั้งทุ่นกักขยะลอยน้ำไปแล้วกว่า 47 ชุด ใน 17 จังหวัดชายฝั่งทะเลทั่วประเทศ สามารถกักขยะได้กว่า 86 ตัน (ข้อมูล ณ ธันวาคม 2566)

นางสาวน้ำทิพย์ สำเภาประเสริฐ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารแบรนด์และกิจการเพื่อสังคม บริษัท เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGC กล่าวว่า “วิกฤตการณ์ด้านสิ่งแวดล้อมทางทะเล โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาขยะในทะเล เป็นเรื่องที่ทุกภาคส่วนต้องร่วมแรงร่วมใจแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม SCGC ได้ขับเคลื่อนภารกิจพิทักษ์ทะเลร่วมกับภาคีเครือข่ายต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชน รวมถึง ชุมชน เยาวชน และพนักงานจิตอาสามาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งได้นำความเชี่ยวชาญมาออกแบบนวัตกรรมทุ่นกักขยะลอยน้ำ SCGC - DMCR Litter Trap ตั้งแต่ปี 2562 โดยร่วมมือกับสำนักงานบริหารทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1 และกลุ่มประมงพื้นบ้าน จ.ระยอง สำหรับทุ่นกักขยะลอยน้ำ SCGC - DMCR Litter Trap ที่มอบให้กับ ทช. ในโอกาสวันทะเลโลกปีนี้นั้น เป็นโมเดล Generation ที่ 3 ซึ่งออกแบบโดยเพิ่มประสิทธิภาพ และปรับเปลี่ยนวัสดุใหม่ สามารถลดน้ำหนักทุ่นได้ถึง 50% ประกอบติดตั้งได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น รวมทั้งช่วยลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการเพิ่มประสิทธิภาพด้านการขนส่ง นอกจากนี้ SCGC ยังได้นำทีมพนักงานจิตอาสาร่วมกิจกรรมวันทะเลโลกที่จัดขึ้น ณ จังหวัดระยอง อีกด้วย

นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวว่า “องค์การสหประชาชาติ (United Nations) ได้กำหนดวันทะเลโลกขึ้น เพื่อกระตุ้นจิตสำนึกให้คนทั้งโลกหันมาใส่ใจร่วมกันอนุรักษ์ท้องทะเล กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งจึงได้จัดกิจกรรมในหัวข้อรณรงค์ Awaken New Depths หรือ “ปลุกกระแส แก้วิกฤตมหาสมุทร” มุ่งเน้นถึงความเชื่อมโยงระหว่างมนุษยชาติและมหาสุมทร อีกทั้งความรับผิดชอบร่วมกันในการปกป้องระบบนิเวศที่สำคัญ เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของคนรุ่นปัจจุบันและรุ่นอนาคต พร้อมเผยจัดกิจกรรมร่วมกับองค์กร และแพร่ความรู้และรณรงค์ส่งต่อไปยังประชาชนทั่วโลกผ่านเครือข่ายต่าง ๆ ซี่งทุ่นกักขยะลอยน้ำดีไซน์ใหม่ นวัตกรรมเพื่อพิทักษ์ทะเลจาก SCGC เป็นอีกหนึ่งโซลูชันที่จะช่วยขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาขยะทะเลได้ตั้งแต่ต้นทาง เพื่อให้พร้อมรับมือกับความท้าทายเร่งด่วนที่มหาสมุทรกำลังเผชิญ” 

งานวันทะเลโลก ประจำปี พ.ศ. 2567 จัดขึ้นโดย กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ณ Sea Life Bangkok Ocean World สยามพารากอน มีหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรภาคีเครือข่าย สถาบันการศึกษา และประชาชน ร่วมงานเป็นจำนวนมาก มีวัตถุประสงค์เพื่อเผยแพร่ความรู้และรณรงค์ให้ทุกภาคส่วนตระหนักถึงความสำคัญของท้องทะเล อีกทั้งกระตุ้นจิตสำนึกให้คนทั้งโลกหันมาใส่ใจและร่วมกันอนุรักษ์ท้องทะเลสืบไป

เมื่อเร็ว ๆ นี้ “วินด์เซอร์” (WINDSOR) ผู้นำตลาดประตูหน้าต่างไวนิล ในกลุ่มธุรกิจเอสซีจี เคมิคอลส์ หรือ เอสซีจีซี (SCGC) เปิดตัวนวัตกรรมสินค้าประตู หน้าต่างไวนิล ยกระดับบ้านอยู่สบาย ด้วย “Ultimate Protection” ป้องกันความร้อน ฝุ่น เสียง ไม่รั่วซึม พร้อมชูรักษ์โลกประหยัดพลังงาน และผลิตจากวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เปิดประสบการณ์การอยู่อาศัยไร้รอยต่อ ภายใต้แนวคิด Seamless Living Experience” ตอบโจทย์งานดีไซน์ทุกสไตล์ ในงาน “สถาปนิก’67” (ASA 2024) ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี ที่ผ่านมา

“วินด์เซอร์” (WINDSOR) เดินหน้าสร้างสรรค์นวัตกรรมสินค้าและบริการคุณภาพ พร้อมมุ่งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ส่งมอบแรงบันดาลใจแก่ผู้เข้าร่วมชมงานในพื้นที่บูทสองชั้น ยิ่งใหญ่กว่าที่เคย ตอกย้ำศักยภาพด้านงานออกแบบที่พร้อมตอบโจทย์งานดีไซน์ได้ทุกสไตล์ ชวนมาพิสูจน์คุณสมบัติ Ultimate Protection’ ปกป้องบ้านและผู้อยู่อาศัยอย่างสูงสุด ด้วยมุมทดสอบประสิทธิภาพการป้องกันความร้อน ให้บ้านเย็นกว่า ประหยัดการใช้พลังงานในระยะยาว โดยสามารถประหยัดค่าไฟได้สูงสุด 9,144 บาท/ปี (คำนวณจากบ้านเดี่ยวพื้นที่ใช้สอย 150 ตารางเมตร) ป้องกันมลภาวะและฝุ่นจากภายนอกเข้าสู่ตัวบ้านได้ดีกว่าวัสดุทั่วไป 3 เท่า ป้องกันเสียงรบกวนได้ดีกว่าอลูมิเนียมทั่วไปถึง 40% รวมทั้งป้องกันการรั่วซึม มั่นใจว่าบ้านอยู่สบาย นอกจากนี้ วินด์เซอร์ยังมุ่งพัฒนาวัสดุและกระบวนการประกอบประตูหน้าต่างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยทุก ๆ การใช้ประตูหน้าต่างไวนิล วินด์เซอร์ 1 หลัง สามารถลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนได้ถึง 39 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์ เทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ 5 ต้น ตอบโจทย์เจ้าของบ้านสายกรีนได้เป็นอย่างดี

วินด์เซอร์ได้นำเสนอนวัตกรรมอื่น ๆ ภายในงาน อาทิ ระบบบานเลื่อนรูปแบบใหม่ ‘SIGNATURE PRO’ ที่ทำความกว้างได้ถึง 5.6 เมตร ความสูงได้ถึง 3 เมตร เชื่อมต่อพื้นที่ภายในสู่ภายนอกอย่างอิสระ มอบสัมผัสแห่งการอยู่อาศัยที่เปิดกว้าง เหมาะสำหรับงานออกแบบที่ต้องการความปลอดโปร่ง เช่น บ้านพักประเภทรีสอร์ต และพูลวิลล่า ที่ต้องการบรรยากาศใกล้ชิดธรรมชาติ พร้อมเปิดตัวดีไซน์วงกบรูปแบบใหม่ในตระกูล RIGHT Series กับRIGHT XTEND’ ที่มีขนาดวงกบ 10 เซนติเมตร เรียบเสมอกับระดับผนัง ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ แต่ยังคงกลิ่นอายโมเดิร์นที่เป็นเอกลักษณ์ของ RIGHT Series ตอบครบ จบทุกความต้องการเรื่องประตูหน้าต่าง

ชูแนวคิด “Growing Impactful Ventures” ดันสตาร์ตอัปสร้างธุรกิจเพื่อความยั่งยืน

Page 1 of 3
X

Right Click

No right click