January 21, 2025

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า EXIM BANK ออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ SMEs ของธนาคารในกลุ่มเปราะบางที่มีหนี้วงเงินไม่เกิน 5 ล้านบาทให้สามารถรักษาทรัพย์สินหลักประกันเป็นสถานประกอบการไว้ได้ ซึ่งเป็นการปรับโครงสร้างหนี้แบบลดค่างวดและลดภาระดอกเบี้ย ช่วยให้ SMEs ปิดหนี้ได้ไว ไปต่อได้เร็ว ภายใต้โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ด้วยมาตรการ “จ่ายตรง คงทรัพย์” ตามนโยบายของรัฐบาลโดยกระทรวงการคลังร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ดังนี้

  1. แพ็กเกจเอ็กซิมใจดี ช่วย SMEs “Move On”

            คุณสมบัติลูกหนี้ที่สามารถเข้าร่วมมาตรการได้

  • เป็นลูกหนี้ SMEs (ทั้งบุคคลและนิติบุคคล) ของ EXIM BANK ที่มีวงเงินไม่เกิน 5 ล้านบาท
  • เป็นสินเชื่อที่ทำสัญญาก่อนวันที่ 1 มกราคม 2567
  • สถานะหนี้ ณ วันที่ 31 ตุลาคม 2567 อย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนี้
  • หนี้ค้างชำระ (นับจากวันที่ครบกำหนดชำระ) เกินกว่า 30 วัน แต่ไม่เกิน 365 วัน
  • เคยปรับโครงสร้างหนี้ (ปรับหนี้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 จากการค้างชำระเกิน 30 วัน) แต่ปัจจุบันต้องไม่ค้างชำระหรือค้างชำระไม่เกิน 30 วัน

            รูปแบบการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้

  • ลูกหนี้จ่ายค่างวดน้อยลงเป็นระยะเวลา 3 ปีโดยชำระค่างวดลดลงตามลำดับ ปีที่ 1 ชำระ 50% ปีที่ 2 ชำระ 70% และปีที่ 3 ชำระ 90% ของค่างวดเดิม
  • ภาระดอกเบี้ยลดลง พักดอกเบี้ยระหว่างเข้าร่วมมาตรการ และธนาคารจะยกดอกเบี้ยที่พักไว้ให้ หลังสิ้นสุดมาตรการ3 ปี
  • ภาระหนี้ลดลง ปิดจบหนี้ได้เร็วค่างวดที่จ่ายระหว่างเข้าร่วมมาตรการจะนำไปตัดเงินต้นทั้งหมด
  • สามารถขยายระยะเวลาผ่อนสูงสุด 7 ปี โดยจัดสรรวงเงินให้สอดคล้องกับระยะเวลาที่เหมาะสมและสอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้คืนของลูกค้าแต่ละราย

ช่องทางและระยะเวลาการลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการ

ลงทะเบียนได้ที่เว็บไซต์ ธปท. www.bot.or.th/khunsoo ตั้งแต่บัดนี้ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2568 (สิ้นสุดเวลา 23.59 น.) หรือตามที่ ธปท. ประกาศเปลี่ยนแปลง

  1. แพ็กเกจเอ็กซิมใจดี ช่วย SMEs “Move Together” สำหรับลูกหนี้ของธนาคารที่เข้าร่วมมาตรการ “จ่ายตรง คงทรัพย์” ธนาคารมอบสิทธิพิเศษให้แก่ลูกหนี้ที่ผ่อนชำระตามมาตราการครบ 3 ปีโดยไม่ผิดนัดชำระหนี้ (จ่ายดี มีวินัย) สามารถขอวงเงินเพื่อใช้หมุนเวียนในกิจการ 30% ของยอดผ่อนที่ชำระเสร็จสิ้นในช่วง 3 ปีที่เข้าร่วมมาตรการ ทั้งนี้ เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด

EXIM BANK มุ่งดำเนินภารกิจการพัฒนาอย่างยั่งยืน พร้อมช่วยเหลือลูกหนี้ SMEs ที่ประสบปัญหาในการชำระหนี้ให้สามารถปิดหนี้ได้ไว สร้างการเติบโตทางธุรกิจต่อไปได้และแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างยั่งยืน ลงทะเบียนสมัครเข้าร่วมมาตรการและชำระหนี้ตามเงื่อนไขได้ที่ www.exim.go.th สอบถาม EXIM Contact Center โทร. 0 2169 9999

นางสาวรุจิกร แสงจันทร์ ประธานกรรมการกำกับดูแลกิจการที่ดีและการพัฒนาอย่างยั่งยืน (CG & SD) ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) พร้อมด้วย ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK นำคณะผู้บริหารและพนักงาน EXIM BANK มอบพันธุ์ผักสวนครัวให้กับ นายสิทธิพล พรมมินทร์ ผู้อำนวยการโรงเรียนภูคาวิทยาคม เพื่อนำไปปลูกเป็นแหล่งอาหารปลอดภัย ลดรายจ่าย และส่งเสริมโภชนาการสำหรับอาหารกลางวันเด็กนักเรียน พร้อมทั้งส่งเสริมการเรียนรู้ด้านการเกษตร และแนวทางประกอบอาชีพในอนาคตให้แก่นักเรียน ภายใต้โครงการด้านความรับผิดชอบต่อสังคม (Corporate Social Responsibility : CSR) “EXIM เพื่อสุขภาพชุมชน” ซึ่ง EXIM BANK ให้การสนับสนุนมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการเลี้ยงไก่พันธุ์ไข่และปลูกผักสวนครัวเพื่ออาหารกลางวันนักเรียน โครงการน้ำดื่มสะอาดเพื่อสุขภาพที่ดีของนักเรียน โครงการปรับปรุงสนามเด็กเล่นและห้องสมุด ตามนโยบาย CSR เพื่อพัฒนาชุมชนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีความเข้มแข็ง ต่อยอดการพัฒนาอย่างยั่งยืนของท้องถิ่นและประเทศชาติ ณ โรงเรียนภูคาวิทยาคม อำเภอปัว จังหวัดน่าน เมื่อเร็ว นี้

 

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ร่วมลงนามกับ ดร.ณพศิษฏ์ จักรพิทักษ์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) ในสัญญาสนับสนุนทางการเงินของ EXIM BANK จำนวน 900 ล้านบาท เพื่อเสริมสภาพคล่องทางธุรกิจให้ บวท. นำไปขยายการให้บริการ ยกระดับศักยภาพเพื่อรองรับจำนวนเที่ยวบินในประเทศที่กำลังเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง ณ บวท. สำนักงานใหญ่ เมื่อเร็ว ๆ นี้

กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK กล่าวว่า การสนับสนุนทางการเงินของ EXIM BANK ในครั้งนี้ เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมการบินของประเทศไทยให้แข็งแกร่ง เป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ทั้งนี้ บวท. มีแผนจะยกระดับขีดความสามารถและศักยภาพในการให้บริการจราจรทางอากาศ อันเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจการบิน การท่องเที่ยว การค้าและการลงทุน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย ตลอดจนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งทางอากาศและการพัฒนาประเทศสู่การเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาคตามนโยบายของรัฐบาลต่อไป

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) รับรางวัล “องค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชน ระดับดีเด่น ประจำปี 2567” ประเภทองค์กรรัฐวิสาหกิจ จากพันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในงานประกาศรางวัลองค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชน ประจำปี 2567 จัดโดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม เน้นย้ำการดำเนินธุรกิจอย่างเคารพสิทธิมนุษยชนของ EXIM BANK อย่างต่อเนื่อง 2 ปีซ้อน ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2567

ในงานดังกล่าว EXIM BANK ร่วมแสดงนิทรรศการความสำเร็จในการดำเนินงานที่นำหลักสิทธิมนุษยชนมาเป็นพื้นฐานในการบริหารจัดการองค์กรและปฏิบัติงานในทุกระดับ สนับสนุนความหลากหลายและยอมรับความแตกต่างในทุกมิติ ไม่แบ่งแยกเพศ สถานะ และศาสนา ดูแลอย่างเท่าเทียม เป็นธรรม และไม่เลือกปฏิบัติ มุ่งดำเนินบทบาทขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การค้าการลงทุนของไทยให้เติบโตในเวทีโลกอย่างยั่งยืน เช่น การสนับสนุน Development Project ให้ผู้ประกอบการไทยดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Environmental, Social, and Governance : ESG) บนพื้นฐานของการเคารพสิทธิมนุษยชน ผ่านการให้สินเชื่อสีเขียว การออกพันธบัตรสีเขียว (Green Bond) และพันธบัตรสีน้ำเงิน (Blue Bond) รวมทั้ง Blue Financing ซึ่งเป็นการสนับสนุนเงินทุนแก่ธุรกิจที่สร้างความยั่งยืนทางทะเล ตามกรอบการระดมทุนเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Finance Framework) อันมีส่วนช่วยสร้างระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมที่ดีอันเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน เพื่อร่วมขับเคลื่อนประเทศไทยและโลกโดยรวมไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ฝนตกหนักในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง ส่งผลให้หลายพื้นที่ประสบปัญหาอุทกภัย สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สิน และความเป็นอยู่ของประชาชน EXIM BANK พร้อมเคียงข้างผู้ประกอบการไทย โดยออกมาตรการช่วยเหลือเพื่อบรรเทาผลกระทบและสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ดังนี้

  1. เพิ่มทุนและโอกาสฟื้นฟูกิจการ
  • เพิ่มวงเงินหมุนเวียนชั่วคราว สูงสุด 20% ของวงเงินหมุนเวียนเดิม ทั้งนี้ ไม่เกิน 2 ล้านบาท โดยใช้ อัตราดอกเบี้ยเดิม
  • แปลงภาระหนี้ระยะสั้น เป็นภาระหนี้ระยะยาว ผ่อนชำระสูงสุด 3 ปี
  1. ลดภาระ
  • พักชำระหนี้เงินต้น สูงสุด 12 เดือน
  • ปรับลดอัตราดอกเบี้ย ปีแรกลง 0.50% หรือ จ่ายดอกเบี้ยเพียง 50% ในช่วง 6 เดือนแรก
  1. ขยายระยะเวลา
  • ขยายระยะเวลาตั๋วสัญญาใช้เงิน สูงสุด 180 วัน
  • ขยายระยะเวลาเงินกู้ สูงสุด 7 ปี

ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ย Prime Rate ปัจจุบันเท่ากับ 6.35% ต่อปี

ลูกค้าสามารถแจ้งความประสงค์เข้าร่วมมาตรการช่วยเหลือได้โดยลงทะเบียนผ่าน www.exim.go.th สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ EXIM Contact Center โทร. 0 2169 9999

“EXIM BANK ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง ขอแสดงความห่วงใยผู้ประสบอุทกภัยที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ และยินดีช่วยเหลือลูกค้าผู้ประกอบการด้วยมาตรการเพิ่มทุนและโอกาส เพื่อให้มีสภาพคล่องหมุนเวียนหรือมีเงินทุนสำหรับฟื้นฟูกิจการ ลดภาระการชำระหนี้ โดยพักการชำระเงินต้นและแปลงหนี้เป็นระยะยาว ตลอดจนขยายระยะเวลาตั๋วสัญญาใช้เงินหรือเงินกู้ ทั้งนี้ เพื่อให้ลูกค้าผู้ประกอบการสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้อย่างไม่สะดุดและต่อเนื่องท่ามกลางปัญหาและปัจจัยท้าทายต่าง ๆ” ดร.รักษ์ กล่าว

Page 1 of 46
X

Right Click

No right click