บริษัท ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำตลาดอาหารเสริมสุขภาพภายใต้ตราผลิตภัณฑ์แบรนด์ในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชีย จับมือ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ขยายเวลาแคมเปญประกวดออกแบบลายเสื้อยืดในคอนเซปท์ “Give Blood Gives Lives...พลังเล็ก ๆ ที่ยิ่งใหญ่” ภายใต้โครงการ “แบรนด์…พลังเลือดใหม่ ต่อพลังชีวิต 2567” (BRAND’S Young Blood 2024) ที่ดำเนินการต่อเนื่องเป็นปีที่ 24 เพื่อเพิ่มโอกาสให้นักศึกษาทั่วประเทศประชันไอเดียความคิดสร้างสรรค์และเข้าร่วมกิจกรรมได้อย่างกว้างขวาง เพื่อชิงทุนการศึกษา เกียรติบัตรและผลิตภัณฑ์แบรนด์ตลอดปี โดยลายเสื้อที่ชนะการประกวดจะถูกนำไปผลิตเป็นเสื้อยืดเพื่อมอบให้กับผู้บริจาคโลหิตให้กับสภากาชาดไทย สามารถส่งผลงานร่วมโครงการตั้งแต่วันนี้ – วันที่ 31 สิงหาคม 2567
นางมธุวลี สถิตยุทธการ ผู้อำนวยการฝ่ายรัฐกิจและองค์กรสัมพันธ์ บริษัท ซันโทรี่ เบเวอเรจ แอนด์ ฟู้ด (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “สอดคล้องกับค่านิยม ‘Giving Back to Society’ ของบริษัท เรามุ่งสร้างจิตสำนึกของการเป็นผู้ให้ และรณรงค์ให้เกิดการบริจาคโลหิต เพื่อจัดหาโลหิตสำรองให้เพียงพอกับความต้องการใช้ในแต่ละปีของศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย โดยที่เราเล็งเห็นความสำคัญของการมีส่วนร่วมของคนรุ่นใหม่ และพลังความคิดสร้างสรรค์อันยิ่งใหญ่ของเยาวชน นักเรียนและนักศึกษา เราจึงจัดประกวดออกแบบลายเสื้อยืดตามแนวคิด ‘Give Blood Gives Lives...พลังเล็ก ๆ ที่ยิ่งใหญ่’ ในหัวข้อการเตรียมตัวก่อนบริจาคโลหิต รวมทั้งสาระน่ารู้เกี่ยวกับธาตุเหล็กและการบริจาคโลหิต ภายใต้โครงการ ‘แบรนด์…พลังเลือดใหม่ ต่อพลังชีวิต 2567’ (BRAND’S Young Blood 2024) เพื่อรณรงค์ให้เกิดการบริจาคโลหิตในวงกว้าง ตลอดจนชิงทุนการศึกษา เกียรติบัตร และผลิตภัณฑ์แบรนด์ซุปไก่สกัด โดยผลงานที่ชนะเลิศจะถูกนำไปผลิตเป็นเสื้อยืดเพื่อมอบให้กับผู้บริจาคโลหิตต่อไป”
รองศาสตราจารย์แพทย์หญิงดุจใจ ชัยวานิชศิริ ผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย กล่าวว่า “ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย มีภารกิจหลักในการให้บริการโลหิตที่เพียงพอ มีคุณภาพและความปลอดภัยสูงสุดตามมาตรฐานสากล เพื่อใช้ในการรักษาผู้ป่วยทั่วประเทศ โดยประเทศไทย มีผู้บริจาคโลหิต 2.5 - 3 ล้านยูนิตต่อปี จากสถิติปี 2566 มีกลุ่มเยาวชนอายุ 17-20 ปี จำนวนทั้งหมด 3,194,117 ราย เป็นเยาวชนที่บริจาคโลหิตเพียงจำนวน 170,598 ราย หากมีการรณรงค์ให้ความรู้ สร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง เพื่อให้เยาวชนได้เห็นถึงความสำคัญของโลหิต รวมทั้งสร้างจิตสำนึกที่ดีในการบริจาคโลหิต จะส่งผลให้เยาวชนบริจาคโลหิตเพิ่มมากขึ้น และเป็นพลังสำคัญในการบริจาคโลหิตอย่างยั่งยืนในอนาคต ดังนั้น ความร่วมมือภายใต้โครงการ ‘แบรนด์…พลังเลือดใหม่ ต่อพลังชีวิต 2567’ จึงมีส่วนสำคัญในการสร้างการรับรู้และกระตุ้นให้กลุ่มเยาวชนได้เริ่มต้นการบริจาคโลหิตครั้งแรกเพิ่มขึ้น รวมทั้งสร้างวัฒนธรรมการบริจาคโลหิตเป็นประจำทุก 3 เดือน โดยตั้งเป้าหมายการรับบริจาคโลหิตในโครงการฯ ให้ได้จำนวน 100,000 ยูนิต ปัจจุบัน มียอดการบริจาคโลหิตแล้ว 49,481 ยูนิต ซึ่งได้รับจากการจัดหน่วยรับบริจาคโลหิตเคลื่อนที่ไปยังมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ทั่วประเทศ จำนวน 64 แห่ง ตั้งแต่เดือน มกราคม - พฤษภาคม 2567”
สำหรับการจัดโครงการฯ ปีนี้ เพื่อมุ่งส่งเสริมให้นิสิต นักศึกษา ตลอดจนบุคลากรในมหาวิทยาลัยได้รับความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องถึงความสำคัญในเรื่องของการบริจาคโลหิต ร่วมบริจาคโลหิตเพิ่มมากขึ้น และเป็นผู้บริจาคโลหิตอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ ทำให้มีปริมาณโลหิตที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และมีปริมาณที่เพียงพอกับความต้องการใช้ของทั้งประเทศ จึงขอเชิญชวนนิสิต นักศึกษา ทั่วประเทศ มาร่วมแสดงพลังของวัยรุ่น คนรุ่นใหม่ในการทำสิ่งดี ๆ เพื่อตอบแทนสังคม ทั้งในเรื่องของการบริจาคโลหิต และการร่วมออกแบบลายเสื้อยืดกับโครงการฯ
ทั้งนี้ คุณสมบัติผู้เข้าร่วมประกวดออกแบบลายเสื้อยืดในโครงการฯ ต้องเป็นนิสิต นักศึกษาในสถาบันการศึกษาอย่างถูกต้องและมีอายุไม่เกิน 22 ปี โดยสามารถส่งผลงานออกแบบ 1 คน หรือ 1 ทีม (สมาชิกไม่เกิน 2 คน) ไม่จำกัดจำนวนผลงาน ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดและกรอกใบสมัครเข้าร่วมการประกวดได้ที่ www.blooddonationthai.com (หัวข้อดาวน์โหลด)
โดยสามารถส่งผลงานได้ 3 วิธี ได้แก่
(1) ส่งไฟล์ผลงานมาที่ email : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. ตั้งแต่วันนี้ – 31 สิงหาคม 2567
(2) ส่งผลงานทางไปรษณีย์ ใส่ซองปิดผนึก จ่าหน้าซองถึง งานกิจกรรมสัมพันธ์และโครงการพิเศษ ฝ่ายจัดหาผู้บริจาคโลหิตและสื่อสารองค์กร ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ถนนอังรีดูนังต์ ปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330 วงเล็บมุมซองว่า (ประกวดออกแบบลายเสื้อ – BYB 2024) โดยจะยึดตามวันที่ประทับตราบนซองเป็นสำคัญ
(3) กรณีส่งผลงานด้วยตัวเอง ให้ติดต่อฝ่ายจัดหาผู้บริจาคโลหิตและสื่อสารองค์กร อาคารเฉลิมพระเกียรติบรมราชินีนาถ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย ถนนอังรีดูนังต์ (ในวันและเวลาราชการ จันทร์-ศุกร์ 8.00 – 16.30 น.)
โครงการจะประกาศผลผู้ได้รับรางวัลทุกระดับ ในวันจันทร์ที่ 30 กันยายน 2567 ผ่านทาง www.facebook.com/nbctrc และ www.facebook.com/BRANDSWorldThailand
ผู้ชนะเลิศจะได้รับเกียรติบัตร พร้อมทุนการศึกษา 10,000 บาท, รางวัลรองชนะเลิศ อันดับที่ 1 จะได้รับเกียรติบัตร พร้อมทุนการศึกษา 5,000 บาท, รางวัลรองชนะเลิศ อันดับที่ 2 จะได้รับเกียรติบัตรพร้อมทุนการศึกษา 3,000 บาท โดยผู้ชนะรางวัลในทุกระดับจะได้รับผลิตภัณฑ์แบรนด์ซุปไก่สกัดดื่มฟรีตลอดปีสำหรับนิสิต นักศึกษา และสถาบันการศึกษาที่สนใจเข้าร่วมโครงการประกวดออกแบบลายเสื้อ สามารถดาวน์โหลดใบสมัคร และสอบถามรายละเอียดได้ที่โทร. 0 2263 9600 ต่อ 1743 หรือ www.blooddonationthai.com (หัวข้อดาวน์โหลด)
บนความสำเร็จ “ฮาตาริ” แบรนด์ที่เกิดจากความตั้งใจและแรงบันดาลใจของจุน-คุณสุนทรี วนวิทย์ จากจุดเริ่มต้นธุรกิจเล็กๆ ที่ถึงทุกวันนี้ คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ฮาตาริ คือ ผู้ผลิตพัดลมชั้นนำของคนไทยอย่างแท้จริง และอยู่คู่สังคมไทยมายาวนานกว่า 30 ปี วางรากฐานธุรกิจอย่างมั่นคง ควบคู่กับการสร้างสรรค์สิ่งดีๆ คืนสู่สังคมไปพร้อมกัน
คุณวิทยา พานิชตระกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฮาตาริ อิเลคทริค จำกัด เปิดเผยว่า การขับเคลื่อนแบรนด์ “ฮาตาริ” ก้าวสู่สหัศวรรษใหม่ในยุคตลาดแข่งขันสูงและมีความท้าทายในทุกมิติ แต่สิ่งที่เรายึดมั่นในการดำเนินธุรกิจมาโดยตลอด คือ 1) ความไม่หยุดนิ่งสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์คุณภาพที่เข้าใจในทุกไลฟ์สไตล์ผู้บริโภค และ 2) ความเป็นองค์กรที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม สิ่งแวดล้อม พร้อมใส่ใจต่อชุมชนโดยรอบ ภายใต้จุดมุ่งหมายให้ แบรนด์ ฮาตาริ ก้าวสู่การเป็นผู้นำอุตสาหกรรมผู้ผลิตพัดลมไฟฟ้าระดับสากลที่คนไทยภาคภูมิใจ
ครองใจคนไทย เจาะตลาดส่งออกเพิ่ม
“นโยบายดำเนินธุรกิจในปี 2567 ฮาตาริยังคงให้ความสำคัญต่อการเติบโตทางธุรกิจตลาดภายในประเทศ แต่ขณะเดียวกันก็มีความพร้อมที่จะขยายสัดส่วนตลาดส่งออกไปยังต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น เวียดนาม กัมพูชา ฟิลิปปินส์ เป็นต้น ซึ่งมีสภาพภูมิอากาศร้อนชื้นเช่นเดียวกันกับประเทศไทย ประกอบกับค่าเฉลี่ยกลุ่มประชากรที่เพิ่มสูงขึ้น และภาวะตลาดมีโอกาสเติบโตสูงจากปัจจัยทางเศรษฐกิจ
ซึ่งแน่นอนว่าปีนี้ยังเป็นอีกปีที่ฮาตาริมุ่งเน้นพัฒนาภาคการผลิตและการออกแบบผลิตภัณฑ์ ด้วยดีไซน์ใหม่ที่ทันสมัย ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ตรงใจผู้บริโภคในทุกฟังก์ชั่นการใช้งาน ควบคู่กับการทำงานร่วมกันกับพันธมิตรใหม่ๆ อาทิ การจับมือกับ Habits Design Studio สตูดิโอออกแบบจากอิตาลีที่เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและมีประสบการณ์ออกแบบให้กับแบรนด์ชั้นนำระดับโลกมาแล้วมากมาย เพื่อเพิ่มความน่าตื่นตาตื่นใจ และทำให้แบรนด์ได้ใกล้ชิดและอยู่เป็นส่วนหนึ่งในทุกช่วงชีวิตผู้คนมากยิ่งขึ้น” คุณชัญญา พานิชตระกูล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ กล่าวเสริม
สานต่อ DNA สร้างสรรค์คุณค่าธุรกิจ คืนประโยชน์สู่สังคม
ปณิธานอันแน่วแน่ที่ คุณจุน-คุณสุนทรี วนวิทย์ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ฮาตาริ มุ่งหวังที่จะทำให้ประเทศไทยเติบโตอย่างมั่นคงไปพร้อมกับแบรนด์ฮาตาริ ได้รับการสานต่อและต่อยอดอย่างเป็นรูปธรรม ภายใต้การดำเนินงานของ “กองทุนฮาตาริเพื่อการศึกษา โดย คุณจุน – คุณสุนทรี วนวิทย์” เป็นปีที่สอง ตลอดจนโครงการที่เกี่ยวเนื่องกับการให้โอกาสด้านการศึกษาแก่วงการแพทย์และพยาบาล ที่ปัจจุบันประสบปัญหาขาดแคลนกำลังคนที่จะดูแลรักษาชีวิตประชาชน ซึ่งในวันนี้ (14 กุมภาพันธ์) ฮาตาริ โดย คุณสุนทรี วนวิทย์ ประธานกรรมการบริหาร เป็นผู้แทนในการส่งต่อความตั้งใจจริงนี้ โดยมอบทุนการศึกษาเป็นจำนวนเงิน 20 ล้านบาท แก่นักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อเป็นการสนับสนุนบุคลากรทางการแพทย์รุ่นใหม่ออกสู่สังคม ซึ่งโอกาสนี้ได้รับเกียรติจาก ผศ. ร.ท.ทพ. ชัชชัย คุณาวิศรุต รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษาและศิษย์เก่าสัมพันธ์ และ รองศาสตราจารย์ ดร.เอมพร รตินธร คณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ ให้การต้อนรับ
รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษาและศิษย์เก่าสัมพันธ์ และ คณบดีคณะ
พยาบาลศาสตร์ มอบของที่ระลึกแด่ผู้บริหารกองทุนฮาตาริฯ ผู้บริหารกองทุนฮาตาริฯ เยี่ยมชมศูนย์การเรียนรู้ทางการพยาบาล ศาลายา (ห้อง LRC)
กว่า 30 ปีที่ผ่านมา ฮาตาริ ไม่เคยหยุดพัฒนาแบรนด์สัญชาติไทยออกไปสร้างชื่อเสียงและแสดงศักยภาพขีดความสามารถของคนไทยที่ทัดเทียมเวทีโลก ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก ฮาตาริ พร้อมก้าวไปข้างหน้าด้วยผลิตภัณฑ์และบริการที่ทำให้คุณภาพชีวิตของทุกคนและดีขึ้น สร้างช่วงเวลาแห่งความสุขและตอบโจทย์ความ
ต้องการของผู้ใช้งานในทุกมิติด้วยราคาที่สมเหตุสมผล มุ่งสู่การเป็นแบรนด์ของคนไทยที่เติบโตเคียงข้างสังคมไทยอย่างยั่งยืน
วันนี้ (23 มกราคม 2567) นางพิทยา วรปัญญาสกุล (ซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร "เคทีซี" หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) รับมอบรางวัลมูลค่าแบรนด์องค์กรสูงสุด (Thailand’s Top Corporate Brand Value 2023) ในหมวดธุรกิจเงินทุนและหลักทรัพย์ ประจำปี 2566 ด้วยมูลค่าแบรนด์ 92,899 ล้านบาท จากศาสตราจารย์ ดร.วิเลิศ ภูริวัชร (ขวา) คณบดีและอาจารย์ประจำภาควิชาการตลาด จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 5 ที่เคทีซีได้รับรางวัลดังกล่าว ในงาน ASEAN and Thailand’s Top Corporate Brands 2023 โดยมีศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.กุณฑลี รื่นรมย์ และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เอกก์ ภทรธนกุล หัวหน้าภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้ริเริ่มงานวิจัย “การวัดมูลค่าและจัดอันดับแบรนด์องค์กรในอาเซียนและประเทศไทย” ร่วมแสดงความยินดี ณ อาคารมหาจุฬาลงกรณ์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
รางวัล ASEAN and Thailand’s Top Corporate Brand เป็นส่วนหนึ่งของงานวิจัย โดยหลักสูตร Master in Branding and Marketing - MBM คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ เพื่อพัฒนาการวัดมูลค่าแบรนด์องค์กรอย่างเป็นระบบในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม จากการคำนวณด้วยเครื่องมือวัดค่าแบรนด์องค์กร CBS Valuation (Corporate Brand Success Valuation) ที่บูรณาการแนวคิดด้านการตลาด การเงินและการบัญชีเข้าด้วยกัน ทำให้สามารถวัดมูลค่าแบรนด์องค์กรออกมาเป็นตัวเลขทางการเงินได้ เพื่อส่งเสริมให้องค์กรธุรกิจตระหนักถึงความสำคัญของการเสริมสร้างแบรนด์องค์กรให้เข้มแข็งเพื่อความยั่งยืนในภูมิภาค
Pirom Coffee (ภิรมย์ คอฟฟี่) แบรนด์กาแฟโรบัสต้าใหม่ จากแหล่งปลูกในภาคเหนือของไทย ชูผลิตภัณฑ์ไฮไลท์ Fine Robusta เมล็ดกาแฟคุณภาพสูง ด้วยกระบวนการผลิตจากเทคโนโลยีชีวภาพ คงเอกลักษณ์ของความหนักแน่น เข้มข้น และรสชาติที่เป็นเสน่ห์ของกาแฟโรบัสต้า ชี้กาแฟโรบัสต้าจะเป็นอนาคตของกาแฟ ที่ปัจจุบันทั่วโลกหันมาให้ความสนใจ ตั้งเป้าสร้างกระแสความนิยมกาแฟโรบัสต้า ควบคู่กับการยกระดับคุณภาพของเมล็ดกาแฟโรบัสต้าสายพันธุ์ไทยสู่สากล โดยส่งเสริมให้ความรู้เกี่ยวกับการปลูกกาแฟสายพันธุ์โรบัสต้าและพัฒนาสายพันธุ์ร่วมกับเกษตรกรไทยตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เพื่อแก่นแท้ของรสชาติที่ดีในแบบของโรบัสต้าและอัดแน่นไปด้วยคุณภาพ ให้เป็นอีกทางเลือกสำหรับภาคอุตสาหกรรมเครื่องดื่มกาแฟและผู้บริโภคทั่วไป เปิดตัวครั้งแรกในงาน Thailand Coffee Fest 2023 บูธ M2 ณ อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น ฮอลล์ 5 - 8 เมืองทองธานี 13 - 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2566
นายจุลพีระ สายตระกูล กรรมการบริหาร บริษัท บี.บี.กรูพส์ เทรดดิ้ง จํากัด บริษัทในกลุ่ม พี บี พาร์ทเนอร์ กล่าวว่า ปัจจุบันทั่วโลกหันมาให้ความสนใจกาแฟตระกูลโรบัสต้า (Robusta) ที่ได้รับขนานนามว่าเป็นอนาคตของกาแฟ สืบเนื่องจากวิกฤตการณ์กาแฟอาราบิก้าที่มีราคาพุ่งขึ้นสูงทั่วโลก และขาดแคลนวัตถุดิบ รวมถึงจากการจุดประกายของการแข่งขัน WORLD BARISTACHAMPIONSHIP 2022 ที่มีการใช้กาแฟโรบัสต้า และชนะรางวัลที่ 4 ด้วยรสชาติที่น่าดึงดูด กลมกล่อม จนทำให้วงการกาแฟของโลกกลับมาให้ความสนใจกาแฟโรบัสต้าที่ไม่ใช่แค่กาแฟสำหรับผลิตเครื่องดื่มสำเร็จรูป จึงทำให้ความต้องการของกาแฟโรบัสต้ามีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าในหรือต่างประเทศ ด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่มาของการเปิดตัว Pirom Coffee (ภิรมย์ คอฟฟี่) แบรนด์กาแฟโรบัสต้าใหม่
โดย Pirom Coffee เกิดจากความตั้งใจของ คุณปิยะ ภิรมย์ภักดี ประธานกรรมการบริษัท ฯ ที่ต้องการสร้างกาแฟโรบัสต้าสายพันธุ์ไทยที่มีคุณภาพ ยกระดับคุณภาพของเมล็ดกาแฟโรบัสต้าสายพันธุ์ไทยสู่สากลอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งเป็นการสร้างโอกาสสร้างอาชีพให้กับเกษตรกรไทย และผู้ประกอบการไทย โดยที่ผ่านมา
ได้มีการส่งเสริมให้ความรู้เกี่ยวกับการปลูกกาแฟสายพันธุ์โรบัสต้าและพัฒนาสายพันธุ์ร่วมกับเกษตรกรไทยตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่จังหวัดน่าน รวมถึงยกระดับกระบวนการผลิตตั้งแต่ขั้นตอนการเก็บเกี่ยวเมล็ดกาแฟ โดยมีการคัดเมล็ด ซึ่งปกติแล้วเมล็ดกาแฟโรบัสต้าจะไม่มีการคัดแยกเมล็ด ซึ่งคัดแยกเมล็ดกาแฟที่เก็บเกี่ยวได้แล้ว ก็จะนำไปผ่านกระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยีชีวภาพ ซึ่งทำให้ได้กาแฟที่มีคุณภาพสูง คงแก่นแท้ของรสชาติที่ดีในแบบฉบับของโรบัสต้าและอัดแน่นไปด้วยคุณภาพ ลบภาพจำเดิมของเมล็ดกาแฟโรบัสต้าที่มักจะมีกลิ่นหืน ไม่เหมาะสำหรับการชงกาแฟ หรือสร้างสรรค์เครื่องดื่มแบบสดใหม่
สำหรับผลิตภัณฑ์ไฮไลท์ของ Pirom Coffee ประกอบด้วย Fine Robusta ผ่านกระบวนผลิตอย่างพิถีพิถัน ตอบโจทย์สำหรับการใช้งานที่หลากหลาย มีคุณภาพสูงสามารถใช้ทดแทนเมล็ดกาแฟอาราบิก้าชั้นดี ในราคาคุ้มค่าและเข้าถึงมากกว่า เหมาะสำหรับทั้งผู้ประกอบการธุรกิจคาเฟ่ ห้างร้านรีเทลและร้านค้ารายย่อย หรือแม้กระทั่งคอกาแฟและผู้บริโภคทั่วไป และนอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์ Premium Robusta คุณภาพชั้นเลิศสำหรับการรังสรรค์เมนูเครื่องดื่มกาแฟชั่นเลิศ หรือแม้แต่ใช้ในการประกวดแข่งขัน และ Robusta มีคุณภาพสูงแตกต่างจากกาแฟโรบัสต้าโดยทั่วไป เหมาะสำหรับใช้ในการผลิตในอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม
Pirom Coffee เป็นผู้เชียวชาญกาแฟโรบัสต้า มุ่งมั่นที่จะยกระดับการแฟโรบัสต้าทั้งในเชิงคุณภาพและปริมาณให้ดีขึ้นกว่าเดิม เพื่อให้กาแฟโรบัสต้าเป็นไม้ผลตัวเลือกใหม่ที่เกษตรกรนำมาปลูกทดแทนพืชชนิดอื่น อีกทั้งยังเป็นทางเลือกใหม่ของภาคอุตสาหกรรมเครื่องดื่มกาแฟ ผู้ประกอบการธุรกิจคาเฟ่ ห้างร้านรีเทลและร้านค้า รายย่อย หรือแม้กระทั่งคอกาแฟและผู้บริโภคทั่วไป ด้วยเมล็ดกาแฟมีคุณภาพสูง พร้อมเอกลักษณ์ของ ความหนักแน่น เข้มข้น และรสชาติที่เป็นเสน่ห์ของกาแฟโรบัสต้า ไม่ว่าจะดื่มแบบ Single Origin หรือการ Blend เพื่อมิติในการดื่มที่ดีกว่า
Pirom Coffee เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรก ภายในงาน Thailand Coffee Fest 2023 พร้อมให้ทุกคนมาได้ร่วมเปิดประสบการณ์สัมผัสรสชาติแก่นแท้จากกาแฟสายพันธุ์โรบัสต้าของ Pirom coffee และพบกับกิจกรรมชิมกาแฟจาก Special Barista อย่าง ทาริค อัลฮูลี แชมป์ World Es Yen Championship 2021 และ ปิยชาติ ไตรถาวร Drip King Thailand ณ บูธ M2 ณ อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น ฮอลล์ 5 - 8 เมืองทองธานี 13 - 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2566