แสนสิริ เปิดตัวโครงการใหม่ “พินน์ ศูนย์วิจัย” คอนโดฯพร้อมอยู่โครงการที่ 2 ของ New Brand “พินน์” ที่สุดของความเป็นส่วนตัวเพียง 18 ยูนิต เดินทางสะดวกด้วย MRT BTS และ ARL เน้นห้องเพนท์เฮาส์ขนาดใหญ่ใจกลางเมืองใกล้ รพ.กรุงเทพฯ เพียง 2 นาที พร้อมพื้นที่ Rooftop Garden ลาน BBQ และรองรับที่จอดรถถึง 133% พิเศษ! ดีไซน์ในรูปแบบ Cat Allowed เปิดให้จองห้องจริงครั้งแรก!! วันที่ 21-22 กันยายนนี้ ราคาเริ่ม 10.9 ล้านบาท* ลงทุนปล่อยเช่า Yield สูงสุด 8%*
นายสมัตถ์คม ต่างวิวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “จากกระแสตอบรับที่ดีของกลุ่มลูกค้าผู้บริโภคที่มีต่อคอนโดมิเนียมแบรนด์ “PYNN (พินน์)” พรีเมียมคอนโดฯ แบรนด์น้องใหม่จากแสนสิริที่เป็น Exclusive Residence ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า Niche Market ได้นำร่องเปิดตัวโครงการแรก พินน์ ปรีดี 20 ที่คาดว่าจะปิดการขาย (Sold out) ได้ในเร็วๆนี้ หลังจากที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเมษายนที่ผ่านมา ปัจจุบันมียอดขายแล้วกว่า 80% พร้อมส่งต่อความสำเร็จให้ “พินน์ ศูนย์วิจัย (PYNN Soonvijai)” โครงการล่าสุดสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ตอบโจทย์ Real Demand ทั้งกลุ่มผู้ซื้อเพื่อลงทุนปล่อยเช่าและซื้อเพื่ออยู่อาศัยที่พร้อม “Pin Your Owned ปักหมุดชีวิตใจกลางเมือง”
พินน์ ศูนย์วิจัย เป็นคอนโดฯ Low Rise สูง 7 ชั้น 1 อาคาร บนเนื้อที่ 200 ตารางวา มูลค่าโครงการรวม 260 ล้านบาท สไตล์ Contemporary Modern ที่ผ่านการตีความใหม่ ผสานความต่างของยุคสมัยไว้ได้อย่างลงตัว ด้วยงานสถาปัตยกรรมที่ลดทอนเส้นสายในอดีตให้ดูเรียบง่ายเกิดเป็นความ Classic ที่ร่วมสมัยรวมถึงฟังก์ชันรองรับการอยู่อาศัยที่คำนึงถึงคุณภาพชีวิตที่ดีในทุกมิติ โดยจุดเด่นของโครงการมีจำนวนยูนิตจำกัดเพียง 18 ยูนิตเท่านั้น! ให้ความเป็นส่วนตัวสูงด้วยจำนวนห้องชุดต่อชั้น 3 ยูนิต เป็นห้องเพนท์เฮาส์ยูนิตใหญ่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน มีให้เลือก 2 แบบ คือ 2 Bedrooms ขนาด 86-90 ตารางเมตร จำนวน 12 ยูนิต และแบบ 3 Bedrooms ขนาด 136.75-137.50 ตารางเมตร จำนวน 6 ยูนิต พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกอาทิ Rooftop Garden ลาน BBQ รวมถึงที่จอดรถที่มีให้มากถึง 133% หรือจำนวน 24 คัน พื้นที่เก็บของแยกแต่ละห้อง กระเป๋าเดินทาง และจักรยาน พร้อมดีไซน์พิเศษในรูปแบบ Cat Allowed ให้น้องแมวตัวโปรดอยู่ร่วมกับคุณได้อย่างมีความสุข รวมทั้งระบบรักษาความปลอดภัยสูงสุดตามมาตรฐาน LIV-24 และเทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัยตลอด 24ชั่วโมง
“พินน์ ศูนย์วิจัย มีขนาดเริ่มต้น 86 ตารางเมตร ไปจนถึง 3 Bedrooms ขนาด 137.50 ตารางเมตร ตั้งอยู่บน NEW CBD พระราม 9 แม้จะเป็นทำเลที่มีคอนโดฯ เปิดตัวหลายโครงการ แต่หาคอนโดฯ ที่มีห้องขนาดใหญ่ได้ยากหรือหากมองหาบ้านก็จะมีราคาที่สูงมาก โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของโครงการ คือ กลุ่มคนที่ซื้อลงทุนปล่อยเช่าให้กับชาวต่างชาติที่เดินทางมารับการรักษาที่โรงพยาบาลกรุงเทพฯ โดยส่วนใหญ่มองหาที่พักระยะยาว ได้แก่ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, เอธิโอเปีย, พม่า, ญี่ปุ่น, รัฐเซีย และยุโรป เป็นต้น ส่วนกลุ่มลูกค้าที่ต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองจะเป็นกลุ่มแพทย์ที่ทำงานอยู่โรงพยาบาลกรุงเทพฯ เจ้าของธุรกิจที่มองหาคอนโดฯใจกลางเมืองอยู่ใกล้เอกมัย-ทองหล่อ และกลุ่มผู้ปกครองที่มองหาคอนโดฯ ใกล้โรงเรียนลูก” นายสมัตถ์คม กล่าว
ที่สำคัญ พบว่าหากลูกค้าซื้อห้องชุดเพื่อการลงทุนจะได้รับผลตอบแทนการลงทุนประมาณสูงถึง 8% ในอัตราค่าเช่า 1,000 บาทต่อตารางเมตร หรือประมาณ 86,000-90,000 บาทต่อเดือน สำหรับห้องชุดแบบ 2ห้องนอน ส่วนห้องชุดแบบ 3 ห้องนอน ค่าเช่าจะอยู่ที่ 136,000-137,000 บาทต่อเดือน
พินน์ ศูนย์วิจัย ตั้งอยู่ในซอยศูนย์วิจัย หรือ พระราม 9 ซอย 26 ความสงบใจกลางเมือง ที่เชื่อมต่อ ทองหล่อ - เอกมัย - เพชรบุรี - พระราม 9 พร้อมเดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้าทั้ง MRT BTS และ ARL(Airport Rail Link) ใกล้แหล่งงานโซนออฟฟิศ CBD อโศก และพระราม 9 ครบทุกความสะดวกเดินทางเพียง 2 นาทีจาก รพ.กรุงเทพฯ หนึ่งใน รพ.ที่ดีที่สุดในเอเชีย แปซิฟิค เพียง 5 นาทีจากโรงเรียนนานาชาติ โชรส์เบอรี (Shrewsbury International School) 10 นาทีจาก MRT เพชรบุรี และ 15 นาทีจาก BTS ทองหล่อ ใกล้ไลฟ์สไตล์ มอลล์ อาทิ เดอะ คอมมอน ทองหล่อ, ดองกิ มอลล์ ทองหล่อ และ เจ อเวนิว รวมทั้งเซ็นทรัล พระราม 9 ฯลฯ
โครงการพินน์ ศูนย์วิจัย เปิดจองห้องจริง บนตึกจริงพร้อมเข้าอยู่ครั้งแรกวันที่ 21-22 กันยายน 2567 นี้ พร้อมรับโปรโมชั่นส่วนลดสูงสุด 1 ล้านบาท* เฉพาะวันงานเท่านั้น ราคาเริ่ม 10.9 ล้านบาท* ลงทะเบียนเพื่อรับข้อเสนอสุดพิเศษก่อนใคร ได้ที่ https://siri.ly/c4XgBr7 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 1685
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด
แสนสิริ เปิดตัวโครงการใหม่ “พินน์ ศูนย์วิจัย” คอนโดฯพร้อมอยู่โครงการที่ 2 ของ New Brand “พินน์” ที่สุดของความเป็นส่วนตัวเพียง 18 ยูนิต เดินทางสะดวกด้วย MRT BTS และ ARL เน้นห้องเพนท์เฮาส์ขนาดใหญ่ใจกลางเมืองใกล้ รพ.กรุงเทพฯ เพียง 2 นาที พร้อมพื้นที่ Rooftop Garden ลาน BBQ และรองรับที่จอดรถถึง 133% พิเศษ! ดีไซน์ในรูปแบบ Cat Allowed เปิดให้จองห้องจริง ครั้งแรก!! วันที่ 21-22 กันยายนนี้ ราคาเริ่ม 10.9 ล้านบาท* ลงทุนปล่อยเช่า Yield สูงสุด 8%*
นายสมัตถ์คม ต่างวิวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “จากกระแสตอบรับที่ดีของกลุ่มลูกค้าผู้บริโภคที่มีต่อคอนโดมิเนียมแบรนด์ “PYNN (พินน์)” พรีเมียมคอนโดฯ แบรนด์น้องใหม่จากแสนสิริที่เป็น Exclusive Residence ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า Niche Market ได้นำร่องเปิดตัวโครงการแรก พินน์ ปรีดี 20 ที่คาดว่าจะปิดการขาย (Sold out) ได้ในเร็วๆนี้ หลังจากที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเมษายนที่ผ่านมา ปัจจุบันมียอดขายแล้วกว่า 80% พร้อมส่งต่อความสำเร็จให้ “พินน์ ศูนย์วิจัย (PYNN Soonvijai)” โครงการล่าสุดสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ตอบโจทย์ Real Demand ทั้งกลุ่มผู้ซื้อเพื่อลงทุนปล่อยเช่าและซื้อเพื่ออยู่อาศัยที่พร้อม “Pin Your Owned ปักหมุดชีวิตใจกลางเมือง”
พินน์ ศูนย์วิจัย เป็นคอนโดฯ Low Rise สูง 7 ชั้น 1 อาคาร บนเนื้อที่ 200 ตารางวา มูลค่าโครงการรวม 260 ล้านบาท สไตล์ Contemporary Modern ที่ผ่านการตีความใหม่ ผสานความต่างของยุคสมัยไว้ได้อย่างลงตัว ด้วยงานสถาปัตยกรรมที่ลดทอนเส้นสายในอดีตให้ดูเรียบง่ายเกิดเป็นความ Classic ที่ร่วมสมัยรวมถึงฟังก์ชันรองรับการอยู่อาศัยที่คำนึงถึงคุณภาพชีวิตที่ดีในทุกมิติ โดยจุดเด่นของโครงการมีจำนวนยูนิตจำกัดเพียง 18 ยูนิตเท่านั้น! ให้ความเป็นส่วนตัวสูงด้วยจำนวนห้องชุดต่อชั้น 3 ยูนิต เป็นห้องเพนท์เฮาส์ยูนิตใหญ่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน มีให้เลือก 2 แบบ คือ 2 Bedrooms ขนาด 86-90 ตารางเมตร จำนวน 12 ยูนิต และแบบ 3 Bedrooms ขนาด 136.75-137.50 ตารางเมตร จำนวน 6 ยูนิต พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกอาทิ Rooftop Garden ลาน BBQ รวมถึงที่จอดรถที่มีให้มากถึง 133% หรือจำนวน 24 คัน พื้นที่เก็บของแยกแต่ละห้อง กระเป๋าเดินทาง และจักรยาน พร้อมดีไซน์พิเศษในรูปแบบ Cat Allowed ให้น้องแมวตัวโปรดอยู่ร่วมกับคุณได้อย่างมีความสุข รวมทั้งระบบรักษาความปลอดภัยสูงสุดตามมาตรฐาน LIV-24 และเทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัยตลอด 24ชั่วโมง
“พินน์ ศูนย์วิจัย มีขนาดเริ่มต้น 86 ตารางเมตร ไปจนถึง 3 Bedrooms ขนาด 137.50 ตารางเมตร ตั้งอยู่บน NEW CBD พระราม 9 แม้จะเป็นทำเลที่มีคอนโดฯ เปิดตัวหลายโครงการ แต่หาคอนโดฯ ที่มีห้องขนาดใหญ่ได้ยากหรือหากมองหาบ้านก็จะมีราคาที่สูงมาก โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของโครงการ คือ กลุ่มคนที่ซื้อลงทุนปล่อยเช่าให้กับชาวต่างชาติที่เดินทางมารับการรักษาที่โรงพยาบาลกรุงเทพฯ โดยส่วนใหญ่มองหาที่พักระยะยาว ได้แก่ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, เอธิโอเปีย, พม่า, ญี่ปุ่น, รัฐเซีย และยุโรป เป็นต้น ส่วนกลุ่มลูกค้าที่ต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองจะเป็นกลุ่มแพทย์ที่ทำงานอยู่โรงพยาบาลกรุงเทพฯ เจ้าของธุรกิจที่มองหาคอนโดฯใจกลางเมืองอยู่ใกล้เอกมัย-ทองหล่อ และกลุ่มผู้ปกครองที่มองหาคอนโดฯ ใกล้โรงเรียนลูก” นายสมัตถ์คม กล่าว
ที่สำคัญ พบว่าหากลูกค้าซื้อห้องชุดเพื่อการลงทุนจะได้รับผลตอบแทนการลงทุนประมาณสูงถึง 8% ในอัตราค่าเช่า 1,000 บาทต่อตารางเมตร หรือประมาณ 86,000-90,000 บาทต่อเดือน สำหรับห้องชุดแบบ 2ห้องนอน ส่วนห้องชุดแบบ 3 ห้องนอน ค่าเช่าจะอยู่ที่ 136,000-137,000 บาทต่อเดือน
พินน์ ศูนย์วิจัย ตั้งอยู่ในซอยศูนย์วิจัย หรือ พระราม 9 ซอย 26 ความสงบใจกลางเมือง ที่เชื่อมต่อ ทองหล่อ - เอกมัย - เพชรบุรี - พระราม 9 พร้อมเดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้าทั้ง MRT BTS และ ARL(Airport Rail Link) ใกล้แหล่งงานโซนออฟฟิศ CBD อโศก และพระราม 9 ครบทุกความสะดวกเดินทางเพียง 2 นาทีจาก รพ.กรุงเทพฯ หนึ่งใน รพ.ที่ดีที่สุดในเอเชีย แปซิฟิค เพียง 5 นาทีจากโรงเรียนนานาชาติ โชรส์เบอรี (Shrewsbury International School) 10 นาที จาก MRT เพชรบุรี และ 15 นาทีจาก BTS ทองหล่อ ใกล้ไลฟ์สไตล์ มอลล์ อาทิ เดอะ คอมมอน ทองหล่อ, ดองกิ มอลล์ ทองหล่อ และ เจ อเวนิว รวมทั้งเซ็นทรัล พระราม 9 ฯลฯ
นายองอาจ สุวรรณกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโสสายงานพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI ผู้ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทย เปิดเผยว่า “แสนสิริเติบโตแข็งแกร่งมาตลอด 40 ปี จากจุดเริ่มต้นในการก้าวเข้าสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ กับการพัฒนา บ้านไข่มุก ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียม โครงการแรก ตั้งอยู่ริมชายหาดหัวหิน และเป็นโครงการ Flagship ของแสนสิริ ที่สร้างกระแส Talk of the Town มาตั้งแต่เปิดตัว ปัจจุบัน แสนสิริเดินหน้าขยายพอร์ตคอนโดมิเนียม 20 แบรนด์ เพื่อให้ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ ทุกระดับราคา ครอบคลุมทำเลศักยภาพทั่วประเทศ และในปี 2567 กลุ่มธุรกิจคอนโดมิเนียมแสนสิริ มุ่งเติบโตตามแนวทาง RESILIENT GROWTH - ยืนหยัด ยั่งยืน กับแผนการเปิดตัวคอนโดมิเนียม 20 โครงการ มูลค่ารวม 26,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการสร้างเรคคอร์ดสูงสุดในกลุ่มธุรกิจอสังหาฯ ไทย พร้อมวางเป้ายอดขายคอนโดที่ 21,000 ล้านบาท และยอดโอนคอนโดที่ 13,000 ล้านบาท
“แสนสิริ เราให้ความสำคัญกับการบริหาร Portfolio เพื่อให้บริษัทมีผลประกอบการที่โตอย่างต่อเนื่องและสอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจ ตลอดจนการรักษามาตรฐานความเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในตลาด ผ่านการออกแบบที่โดดเด่น รักษามาตรฐานด้านคุณภาพของสินค้าและการบริการ โดย 5 เดือนที่ผ่านมา แสนสิริสามารถสร้างยอดขายแล้วกว่า 7,300 ล้านบาท (คิดเป็น 35% ของเป้ายอดขาย) และมียอดโอน 3,400 ล้านบาท (คิดเป็น 26% ของเป้ายอดโอน) และในช่วงที่เหลือของปี เรายังคงทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่องจากโครงการที่เปิดขายอยู่ และพร้อมโอนในปีนี้รวม 14 โครงการ มูลค่า 15,700 ล้านบาท” นายองอาจ กล่าว
กลุ่มธุรกิจคอนโด มุ่งขับเคลื่อนเต็มสูบสู่ความสำเร็จภายใต้กลยุทธ์องค์กร โดยพาะอย่างยิ่ง การรุกพัฒนาโครงการใน Strategic Location หัวเมืองใหญ่และเมืองท่องเที่ยว ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ ทุกระดับราคา รองรับทุกความต้องการของลูกค้า ปัจจุบัน แสนสิริมีสัดส่วนโครงการคอนโดเปิดใหม่ ใน Strategic Location มากถึง 45% (9 โครงการ มูลค่า 11,800 ล้านบาท) โดยมุ่งเน้นทำเลในหัวเมืองใหญ่และเมืองท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ ได้แก่ ภูเก็ต เชียงใหม่ รวมถึงตลาดฝั่ง EEC โซนภาคตะวันออก ตั้งแต่ พัทยา บางแสน ไปถึงขอนแก่น รวมทั้งหัวหิน ทำเลที่แสนสิริมีความเชี่ยวชาญมากว่า 40 ปี พร้อมชูไฮไลท์โครงการใหม่ แคนวาส เชิงทะเล (Canvas Cherng Talay) มูลค่าโครงการ 1,600 ล้านบาท ตั้งอยู่ในโซนเชิงทะเล-บางเทา จังหวัดภูเก็ต ที่กำลังเป็นทำเล Happening ยอดนิยมในกลุ่มชาวยุโรป ที่ส่วนใหญ่มาพักอาศัยแบบ Long-Stay เตรียมเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้
การปักหมุดโครงการบนสุดยอดทำเลศักยภาพในย่าน CBD ที่มีดีมานด์ บนทำเลสุขุมวิท ได้แก่ เวีย 34 (Via 34) มูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท บนสุขุมวิท 34 และ เวีย 61 (เวีย 61) มูลค่าโครงการ 1,200ล้านบาท บนสุขุมวิท 61 โดยทั้ง 2 โครงการ แสนสิริจะพัฒนาภายใต้แบรนด์เวีย (Via) ซึ่งเป็นแบรนด์คอนโดภายใต้ Aesthetic Collection ของแสนสิริ และอีกหนึ่งโครงการใหม่ จากซีรี่ส์ One of a Kind Project โครงการใหม่หนึ่งเดียว โดดเด่นบนทำเลศักยภาพบนสุขุมวิท 36
ทั้งนี้ แสนสิริพร้อมเปิดตัว 2 แคมเปญไฮไลท์ ได้แก่ Pets Welcome Condo แสนสิริลุยตลาดคอนโดเลี้ยงสัตว์ได้ รับกระแส Pet Parent หลังเล็งเห็นพฤติกรรมของกลุ่มลูกค้า ที่หันมาเลี้ยงสัตว์เลี้ยงในคอนโดมากขึ้น เพื่อรองรับพอร์ตคอนโดเลี้ยงสัตว์ได้ของแสนสิริ โดยเร็ว ๆ นี้ จะมีโครงการ พินน์ ศูนย์วิจัย (PYNN Soonvijai) ที่เตรียมเปิดตัวในไตรมาส 3 นี้ พร้อมเตรียม Pets Welcome Kits เพื่อดูแลน้อง ๆ สี่ขา เมื่อเข้ามาเยี่ยมชมโครงการคอนโดกับเจ้าของอีกด้วย
นอกจากนี้ แสนสิริเดินหน้าต่อยอดแบรนด์คอนโด ที่ประสบความสำเร็จ กับกลยุทธ์ Brand Refresh ปรับโฉมแบรนด์ เดอะ เบส (THE BASE) ครั้งใหญ่ ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไป ควบคู่กับการพัฒนาโปรดักส์ให้เข้ากับการใช้ชีวิตของกลุ่มเป้าหมายในแต่ละโลเคชั่น ตั้งแต่ การขยายพื้นที่ด้วยแปลนหน้ากว้าง, เพิ่มพื้นที่สีเขียวมากขึ้น, ดีไซน์ห้องแบบลอฟท์ และครั้งแรกของแบรนด์เดอะ เบส ที่จะเป็น Pets Allowed ใน 2 ทำเลที่จะเปิดตัวในปีนี้ โดยจะมีโครงการ เดอะ เบส (THE BASE) รวม 4 โครงการ ได้แก่ เดอะ เบส ไรส์ ภูเก็ต (THE BASE Rise Phuket) ใกล้เซ็นทรัลภูเก็ต แค่ 2 นาที* ราคาเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท* และ อีก 2 โครงการใหม่บนทำเลรัชดา และ วงศ์สว่าง รวมทั้งอีก 1 ทำเลใหม่ที่ขอนแก่น มูลค่าโครงการรวม 5,700 ล้านบาท
การเปิดตัว Affordable Condo อย่างต่อเนื่อง อย่างแบรนด์ ดีคอนโด เจาะทำเลคอมมูนิตี้ใหญ่ ใกล้มหาวิทยาลัย ใกล้แหล่งงานและมีดีมานด์ความต้องการคอนโดสูง เตรียมเปิดตัวทั้งหมด 4 โครงการ มูลค่ารวม 3,900 ล้านบาท และจ่อคิวโอน 6 โครงการ มูลค่ารวม 6,500 ล้านบาท โดยเร็ว ๆ นี้ จะมีเปิดตัว ดีคอนโด เซนส์ (dcondo sense Bangsan) มูลค่า 880 ล้านบาท และ ดีคอนโด คลาม (dcondo calm) มูลค่า 820 ล้านบาท ในช่วงไตรมาส 2 นี้ และเปิดตัวคอนโดภายใต้แบรนด์คอนโดมี (condo me) และเวย์ (Vay) กับจุดเด่นด้านราคาจับต้องได้ ให้เฟอร์ครบ ในหลากหลายทำเล รวม 3 โครงการ มูลค่า 1,110 ล้านบาท
และอีกหนึ่งไฮไลท์ที่สำคัญคือการพัฒนา Super Luxury Condominiums ซึ่งนับเป็นจุดแข็งของแสนสิริ ที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้า ที่มั่นใจในแบรนด์และประสบการณ์ที่เชี่ยวชาญ 40 ปี ในฐานะนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ได้เซ็ตมาตรฐานในการสร้างสรรค์ผลงานระดับ World Class Design และล่าสุดได้สร้างสถิติใหม่อีกครั้ง หลังปิดการขายห้อง Penthouse พร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัว มูลค่าเกือบ 500 ล้านบาท ของโครงการแสนสิริในทำเลชิดลม แม้ยังไม่ได้เปิดตัว และยังมีอีก 2 โครงการใหม่ บนทำเลสารสินและสุขุมวิท 51 จ่อคิวสร้างความสำเร็จตามรอยโครงการในพอร์ต Sansiri Luxury Collection (SLC) และเตรียมสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการอสังหาฯ ไทย
“แสนสิริให้ความสำคัญสูงสุดกับการยกระดับคุณภาพโครงการและบริการหลังการขาย ล่าสุดจับมือผู้รับเหมาแนวหน้าของประเทศ ด้วยมาตรฐานการทำงานระดับนานาชาติ ทั้งในด้านการก่อสร้าง คุณภาพ และความปลอดภัย เพื่อร่วมกันพัฒนาโครงการคุณภาพ รวมทั้งทำงานอย่างใกล้ชิดกับพลัส พร็อพเพอร์ตี้ เพื่อส่งมอบบริการที่ครอบคลุมทุกมิติและทุกความต้องการของลูกบ้านตลอดช่วงการอยู่อาศัย เพื่อส่งต่อการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนให้กับครอบครัวแสนสิริ และครองความเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัย” นายองอาจ กล่าวสรุป