

ข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมร้านอาหารในไทยมีแนวโน้มเติบโตชะลอตัวลงจาก ภาวะเศรษฐกิจที่กระทบกับการใช้จ่ายของผู้บริโภค ทำให้ตลาดอาหารและเครื่องดื่มในปี 2568 มีมูลค่ารวมอยู่ที่ 646,000 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้า 2.8%
ทว่าฟากฝั่งตลาดอาหารญี่ปุ่นกลับมีการเติบโตที่ดีขึ้นต่อเนื่อง ขณะเดียวกันความเข้มข้นของการแข่งขันก็สูงขึ้นตามการขยายตัวของตลาดเช่นกัน การแข่งขันที่ดุเดือดในตลาดอาหารญี่ปุ่นทำให้ร้านอาหารต้องเร่งปรับตัว ผู้บริโภคยังให้ความสำคัญกับคุณภาพและราคาที่คุ้มค่า ต้องเน้นวัตถุดิบคุณภาพสูงและประสบการณ์ที่ให้ความรู้สึกแบบญี่ปุ่นแท้ๆ รวมทั้งปรับกลยุทธ์ในการสื่อสารบนแพลตฟอร์มออนไลน์ให้มากขึ้นด้วย

สำหรับ ‘KANORI Hand roll bar’ ร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์แฮนด์โรลที่กำลังจะมีอายุครบ 2 ปี เปิดทำการมาแล้วทั้งหมด 4 สาขา ได้แก่ สาขาสุขุมวิท 49 โครงการ Yard 49, สาขาดิเอ็มควอเทียร์, สาขาเซ็นทรัล เอมบาสซี และสาขาไอคอนสยาม พบว่า ได้รับการตอบรับที่ดีเกินคาด 3 ผู้บริหาร บริษัท ไทยสากล เอสเตท จำกัด นายปณิธาน, นายปณิธิ และนางสาวปวิตรา กอบกุลสุวรรณ จึงเปิดสาขาที่ 5 ตามมาในปีนี้ โดยโลเคชันที่เลือกเปิด ยังคงปักหมุดใจกลางกรุงเทพฯ ณ ศูนย์การค้าสยามพารากอน

คอนเซ็ปต์และความพิเศษของ ‘KANORI Hand roll bar’ สาขาสยามพารากอน ถูกเนรมิตขึ้นภายใต้ธีม ‘Luxury Cozy’ ยังให้กลิ่นอายแบบโอมากาเสะสไตล์ พร้อมกับเพิ่มโซนที่นั่งแบบใหม่ ‘Semi-private’ ทั้งหมด 4 ห้อง เพิ่มความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ยังมีโซนหน้าเคาน์เตอร์บาร์เหมือนกับสาขาอื่นๆ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการความรวดเร็วคล่องตัว และมีโซนหน้าร้านจัดโต๊ะที่นั่งแบบ Long Table ครั้งแรกของ Kanori เหมาะสำหรับกลุ่มเพื่อนที่มาหลายคน ได้ใช้เวลาร่วมกันโดยไม่ต้องเร่งรีบ
นายปณิธิ กอบกุลสุวรรณ มองว่า เหตุผลที่ทำให้ ‘KANORI Hand roll bar’ เติบโตต่อเนื่อง มาจากหัวใจสำคัญที่สุดอย่างคุณภาพของอาหารและวัตถุดิบที่สดใหม่ รวมถึงความหลากหลายของรสชาติ ที่รับประทานได้ตั้งแต่เด็กเล็กไปจนถึงผู้ใหญ่ บวกกับบริการที่ดีและการออกแบบร้านที่เข้าถึงง่าย จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ร้านได้รับการตอบรับที่ดี

‘KANORI Hand roll bar’ สาขาสยามพารากอนจะมีขนาดพื้นที่ 151 ตารางเมตร ใหญ่ที่สุดจากทั้งหมด 5 สาขา มาพร้อมกับเมนูเซ็ตพิเศษ THE FIFTH ทั้ง 5 เมนู ได้แก่ 1. Crispy Ikura ให้กลิ่นอายแบบสแกนดิเนเวียน เน้นอาหารทะเล ครีมและชีส 2. Spicy Crab มีเนื้อปูเป็นตัวชูโรง ให้ความรู้สึกสดชื่น มีรสชาติเผ็ดเล็กน้อย 3. Otoro Bomb เมนูพระเอกของเซ็ต 4. Shima Aji วัตถุดิบปลาชิมาอิจิ ครั้งแรกของ KANORI ที่ใช้วัตถุดิบนี้ เป็นครั้งแรก และ 5. Tempura สามารถเลือกวัตถุดิบได้ 2 อย่าง คือกุ้งลายเสือ และเอ็นกาวะ
“สำหรับสาขาสยามพารากอนตั้งเป้ายอดขายไม่ต่ำกว่า 12,000,000 บาท/เดือน ฐานลูกค้าจะยังคงเป็นกลุ่มเดิม คือกลุ่ม Hi-end ซึ่งส่วนมากจะเป็นลูกค้าประจำไปรับประทานที่สาขาเดิมอยู่แล้ว ส่วนของสาขานี้คาดหวังว่า จะได้กลุ่มครอบครัวและกลุ่มนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นด้วย”

‘KANORI Hand roll bar’ สาขาสยามพารากอนจะตั้งอยู่บริเวณชั้น G ติดกับลานจอดรถโซนซูเปอร์คาร์ โดยกลยุทธ์ของแบรนด์ครึ่งปีหลังนี้ นางสาวปวิตรา กอบกุลสุวรรณ จะเฟ้นหาโลเคชันพร้อมกับคอนเซ็ปต์ใหม่ๆ เพื่อสร้างความตื่นเต้นและเพิ่มตัวเลือกให้ลูกค้ามากขึ้น ส่วนเป้าหมายของปีนี้หลังจากเปิดทำการครบทั้ง 5 สาขา คาดว่า ‘KANORI Hand roll bar’ จะมีรายได้ทะลุเป้าที่ ‘350 ล้านบาท’ จากเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้ 300 ล้านบาท
“คนไทยยังให้คุณค่ากับอาหารญี่ปุ่น มองว่า ราคาสูงแต่จ่ายได้เพราะความพรีเมียมของอาหารและวัตถุดิบที่ส่งตรงจากญี่ปุ่น กระแส ‘Hand roll’ ตอนนี้กำลังมาแรง มีร้านเปิดใหม่เยอะมาก แต่ถึงแม้ว่าจะมีคู่แข่งเพิ่มขึ้น KANORI Hand roll bar ก็ยังได้รับความนิยม มีทั้งกลุ่มลูกค้าเดิมและกลุ่มลูกค้าใหม่ให้ความสนใจมาทานอย่างต่อเนื่อง เราคือ First Mover ในตลาด เราเป็น Hand roll เจ้าแรกในไทย” ผู้บริหารกล่าวปิดท้าย
สำหรับใครที่สนใจอยากรับประทานแฮนด์โรลคุณภาพพรีเมียมในบรรยากาศโอมากาเสะ สามารถติดตามรายละเอียดได้ที่ Website: www.kanorihandroll.com, Facebook: Kanori, IG: kanorihandroll
ความนิยมของอาหารญี่ปุ่นในบ้านเราเติบโตไม่หยุด สะท้อนจากตัวเลขผลสำรวจจำนวนร้านอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทยปี 2567 จากองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น หรือ ‘เจโทร กรุงเทพฯ’ ที่ระบุเอาไว้ว่า จำนวนร้านอาหารญี่ปุ่นในไทยมีทั้งหมด 5,916 ร้าน เพิ่มขึ้น 165 ร้าน มีอัตราเพิ่มขึ้น 2.9% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
แนวโน้มการเติบโตของร้านอาหารญี่ปุ่นในไทยที่เพิ่มขึ้นทุกปี ทำให้ 3 พี่น้องตระกูลกอบกุลสุวรรณ ทั้ง นายปณิธาน, นายปณิธิ และนางสาวปวิตรา กอบกุลสุวรรณ ตัดสินใจเปิดร้านญี่ปุ่นแฮนด์โรลแนวฟิวส์ชัน ที่นำเอาอาหารญี่ปุ่นดั้งเดิมที่เรียกว่า เทมากิซูชิ เปิดในไทยเป็นครั้งแรก! เมื่อปี 2566 ภายใต้ชื่อ ‘KANORI Hand roll bar’ โดดเด่นด้วยการทำแฮนด์โรลสดใหม่จากหน้าเคาน์เตอร์บาร์ โดยใช้วัตถุดิบพรีเมียมนำเข้าแทบทั้งหมด ทั้งยังตอบโจทย์เรื่องความสะดวกรวดเร็วเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่อีกด้วย
นายปณิธิ กล่าวว่า จุดเริ่มต้นที่ทำให้สนใจเปิดร้านในวันที่คนไทยยังไม่รู้จัก และยังใหม่มากสำหรับในประเทศไทย ซึ่งถือว่าท้าทายมากเพราะเราต้อง Educate ลูกค้าเกี่ยวกับแฮนด์โรลด้วย รวมถึงมองเห็นเทรนด์การกินอาหารญี่ปุ่นในไทยที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงต้องการวางจุดยืนเป็น ‘First Mover’ ในตลาด อีกทั้งครอบครัวมีความชอบรับประทานอาหารญี่ปุ่นอยู่แล้ว หลังจากทดลอง R&D และมีการพัฒนาสูตรข้าวปั้น รวมถึงกรรมวิธีการทำเรื่อยมา จึงตัดสินใจประเดิมสาขาแรกบริเวณซอยสุขุมวิท 49 ผลปรากฏว่า ได้รับกระแสตอบรับที่ดีตั้งแต่เปิดร้าน จนถึงตอนนี้ ‘KANORI Hand roll bar’ ใช้เวลาเพียง 1 ปีครึ่ง ขยายร้านไปถึง 4 สาขา ได้แก่ สาขาสุขุมวิท 49, สาขาเอ็มควอเทียร์, สาขาเซ็นทรัล เอ็มบาสซี และสาขาล่าสุดที่ ไอคอนสยาม

“เราอยากทำสิ่งใหม่ที่ยังไม่มีใครเคยทำมาก่อน วิธีคิดและการทำงานจึงไม่ได้ใช้เพียงตำราเดิม แต่ยังล้อไปกับโลกปัจจุบันเพื่อให้ได้วิธีคิดที่สดใหม่มากขึ้น พูดได้ว่า ร้าน ‘KANORI Hand roll bar’ คือ First Mover ในตลาดแฮนด์โรลเมืองไทย”
สำหรับตลาดอาหารญี่ปุ่นในไทยโดยเฉพาะแฮนด์โรลนั้น นางสาวปวิตรามองว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการต้องเจอกับการแข่งขันเรื่องราคาอย่างดุเดือด คนไทยมองเรื่องความคุ้มค่า หรือ ‘Reasonable Price’ มากขึ้น ทั้งยังต้องมาพร้อมกับความง่าย ไม่มีแบบแผนขั้นตอนมากมาย ด้วยรสชาติ วัตถุดิบพรีเมียม และจุดแข็งเรื่องความสะดวกรวดเร็วของแฮนด์โรล จึงเชื่อว่า ‘KANORI Hand roll bar’ จะเติบโตสอดคล้องไปกับเทรนด์การกินของคนไทยอย่างแน่นอน

“กลยุทธ์ที่ทำให้ร้านเราประสบความสำเร็จในฐานะแฮนด์โรลเจ้าแรกในไทย และยังสามารถขยายได้ 4 แห่ง มาจากการศึกษาอินไซต์ผู้บริโภค รู้ว่าลูกค้าต้องการอะไร ไม่ได้มองที่ตัวเลขเรื่องกำไรมาเป็นอันดับต้น ๆ แต่ให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าที่ลูกค้าได้รับกลับไป เรื่องนี้เป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้เกิดการกลับมากินซ้ำ โดยร้านแฮนด์โรลบาร์ของเรามีกลิ่นอายกึ่ง ๆ โอมากาเสะที่มาในราคาจับต้องได้ สามารถมาทานเป็นครอบครัว ลูกค้าเราจึงมีตั้งแต่เด็กเล็กไปจนถึงผู้ใหญ่ นอกจากนี้ยังมีบริการส่งตรงถึงบ้านแบบเดลิเวอรี่ โดยที่ยังคงความสดสะอาดจากวัตถุดิบพรีเมียม รวมถึงสาหร่ายที่ยังคงความกรอบไม่ต่างจากการนั่งรับประทานที่ร้าน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความพิเศษของร้านเรา”
นายปณิธาน กล่าวเพิ่มเติมว่า “ส่วนอนาคตของ ‘KANORI Hand roll bar’ หลังจากนี้ในไตรมาส 3 มีแผนที่จะเปิดสาขาเพิ่ม โดยมองหาโลเคชันที่เป็นห้างสรรพสินค้าไฮเอนด์ในกรุงเทพฯ เป็นหลัก รวมถึงตามหัวเมืองใหญ่เพิ่มเติม เพื่อให้กลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่นได้สัมผัสความอร่อย-สดใหม่ได้ครบถ้วนมากขึ้น ซึ่งผ่านมาสามารถสร้างรายได้กว่า 300 ล้านบาท และในปี 2568 ตั้งเป้าเติบโตเพิ่มขึ้นอีก 20% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

ทั้งนี้ ธุรกิจร้าน ‘KANORI Hand roll bar’ ดำเนินงานภายใต้บริษัท ไทยสากล เอสเตท จำกัด ซึ่งนอกจากร้านแฮนด์โรลแล้วยังมีธุรกิจอีกสามส่วน ได้แก่ Kay’s โดดเด่นเรื่องอาหารเช้าสไตล์บรันช์ Day by Kay’s โดดเด่นด้านเครื่องดื่มและเบเกอรี่ และโรงแรม K Maison โดดเด่นด้านการผสมผสานเอกลักษณ์ของท้องถิ่นเข้ากับความโมเดิร์นได้ลงตัว
สำหรับใครที่สนใจอยากรับประทานแฮนด์โรลคุณภาพพรีเมียมในบรรยากาศโอมากาเสะ สามารถติดตามรายละเอียดได้ที่ Website: www.kanorihandroll.com, Facebook: Kanori ,IG: kanorihandroll