

มณฑลกุ้ยโจว ซึ่งเคยเป็นพื้นที่ที่มีประชากรยากจนมากที่สุดในระดับมณฑลของประเทศจีน ได้เดินหน้าพัฒนาอุตสาหกรรมการเกษตรให้มีความโดดเด่นและเอื้อประโยชน์ต่อการพัฒนาท้องถิ่น โดยมุ่งเน้นการสร้างอุตสาหกรรมหลัก 3 ประเภท ได้แก่ เนื้อวัว ชา และพริก ควบคู่ไปกับการส่งเสริมอุตสาหกรรมเด่น 5 ประเภท ได้แก่ สมุนไพรจีน เห็ด สาลี่หนาม ชาและน้ำมันจากคามิเลีย และไผ่ เพื่อส่งเสริมการฟื้นฟูชนบทและเพิ่มพูนรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่เมืองถงเหริน ในมณฑลกุ้ยโจว คว้าโอกาสในการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น โดยอาศัยทรัพยากรการเกษตรที่มีความโดดเด่นในพื้นที่ ผลักดันให้อุตสาหกรรมมัทฉะกลายเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง ตลอดจนยกระดับอุตสาหกรรมชาให้มีความทันสมัย และพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างครบวงจร
ปัจจุบัน เมืองถงเหรินได้พัฒนาแหล่งปลูกชาเขียวคุณภาพสูงสำหรับการผลิตมัทฉะ ครอบคลุมพื้นที่ 61,600 หมู่ (ประมาณ 4,107 เฮกตาร์) พร้อมทั้งสร้างโรงงานผลิตมัทฉะระดับพรีเมียม ซึ่งนับเป็นโรงงานผลิตที่มีขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยมีกำลังการผลิตสูงถึง 4,000 ตันต่อปี
เมืองถงเหริน ซึ่งเป็นที่ตั้งของภูเขาฟ่านจิ้งซาน แหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติ ได้รับการยกย่องให้เป็น "เมืองหลวงแห่งมัทฉะของจีน" โดยผลิตภัณฑ์มัทฉะจากเมืองถงเหรินส่งออกไปยังหลากหลายประเทศ อาทิ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และฝรั่งเศส ขณะเดียวกัน เมืองจุนอี้ ซึ่งในอดีตเคยเป็นสถานที่จัดการประชุมจุนอี้ (Zunyi Meeting) อันเลื่องชื่อ ในระหว่างการเดินทัพทางไกล (The Long March) ของกองทัพแดงแห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีน ปัจจุบันได้หันมาให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมพริกอย่างเป็นระบบ โดยมุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนาสายพันธุ์พริกอย่างหลากหลาย ควบคู่กับการยกระดับมาตรฐานการควบคุมคุณภาพ และการวางระบบสนับสนุนด้านนโยบายอย่างมีประสิทธิภาพ
เมืองจุนอี้ได้จัดตั้งตลาดขนาดใหญ่ในตำบลเซี่ยจื่อ ซึ่งเป็นที่รู้จักในชื่อ "เมืองพริกจีน" โดยสามารถผลิตพริกได้หลายแสนตันต่อปี เพื่อรองรับความต้องการภายในประเทศและส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี และอิตาลี
เมืองจุนอี้จำหน่ายพริกแห้งได้มากกว่า 1 พันล้านหยวนต่อปี ขณะที่มูลค่าผลผลิตรวมของห่วงโซ่อุตสาหกรรมพริกทั้งหมดสูงกว่า 2 พันล้านหยวน ซึ่งมีส่วนสำคัญในการเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่มากกว่า 500,000 ครัวเรือน โดยในจำนวนนี้เป็นครัวเรือนที่เคยยากจนมากกว่า 100,000 ครัวเรือน
ทั้งนี้ พื้นที่ส่วนใหญ่ของมณฑลกุ้ยโจวมีภูมิประเทศแบบคาร์สต์ (Karst) ซึ่งส่งผลให้ดินมีลักษณะแข็งและไม่อุดมสมบูรณ์ สภาพภูมิประเทศเช่นนี้เคยเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการพัฒนาท้องถิ่น อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มณฑลกุ้ยโจวสามารถพลิกฟื้นพื้นที่เนินเขาแห้งแล้งให้กลายเป็นทรัพยากรอันมีค่าด้วยการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง อำเภอปกครองตนเองเจิ้นหนิง กลุ่มชาติพันธุ์ปู้อี-เหมียว ในเมืองอันซุ่น ซึ่งเป็นที่ตั้งของน้ำตกหวงกั่วซู่อันเลื่องชื่อระดับโลก โดดเด่นด้วยภูมิทัศน์อันงดงามของภูมิประเทศแบบคาร์สต์
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อำเภอเจิ้นหนิงได้พลิกฟื้นพื้นที่เนินเขาแห้งแล้งให้กลับมามีชีวิต ด้วยการพัฒนาการปลูกลูกพลัมน้ำผึ้ง ซึ่งเป็นผลไม้ประจำถิ่นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว อำเภอเจิ้นหนิงมีสภาพภูมิอากาศเหมาะสมอย่างยิ่งต่อการปลูกพลัม โดยมีปริมาณน้ำฝนน้อย แสงแดดจัด และอุณหภูมิระหว่างกลางวันกับกลางคืนแตกต่างกันค่อนข้างมาก พลัมที่ปลูกในพื้นที่แห่งนี้มีรสชาติหวานหอมเป็นเอกลักษณ์ คล้ายน้ำผึ้ง จนได้รับการขนานนามว่า "ลูกพลัมน้ำผึ้ง"
ปัจจุบัน พื้นที่ปลูกพลัมน้ำผึ้งขนาด 1 หมู่ สามารถสร้างรายได้มากกว่า 20,000 หยวน ส่งผลให้ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา รายได้ต่อหัวของชาวบ้านในพื้นที่เพิ่มขึ้นจากไม่ถึง 2,000 หยวน เป็นมากกว่า 22,000 หยวน ตำบลหลิวหม่า ในอำเภอเจิ้นหนิง ได้ก้าวขึ้นเป็น "ตำบลแรกของมณฑลกุ้ยโจวที่มีมูลค่าผลผลิตต่อปีเกิน 1 พันล้านหยวน" ขณะที่ลูกพลัมน้ำผึ้งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสินค้าบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ระดับชาติ และกลายเป็นอุตสาหกรรมหลักที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการฟื้นฟูชนบทของอำเภอเจิ้นหนิง
สำนักเกษตรและกิจการชนบทมณฑลกุ้ยโจวเปิดเผยว่า ด้วยทรัพยากรทางวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวอันอุดมสมบูรณ์ มณฑลกุ้ยโจวจึงสามารถต่อยอดและสร้างสรรค์นวัตกรรมในภาคการเกษตรได้อย่างหลากหลาย อาทิ ซุปเปรี้ยวสไตล์กุ้ยโจว และผลิตภัณฑ์จากบัควีท โดยมณฑลกุ้ยโจวจะเดินหน้าพัฒนาสินค้าประจำถิ่นต่อไป เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับประโยชน์จากการพัฒนาอย่างทั่วถึง
ฤดูร้อนนี้ ใต้แสงสปอตไลต์ของงานประมูลวิงล็อก (Wing Lok) ฮ่องกง งานประติมากรรมภูตน้อยสีเขียวมินต์ถูกประมูลที่ 1.08 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง (ประมาณ 138,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ) ทำลายสถิติการประมูลของเล่นยอดนิยมต้นฉบับของจีน ทันใดนั้น ผู้คนก็พบว่า ตัวละครของเล่นต้นฉบับจีน “ลาบูบู้ (Labubu)” นี้ ได้ก้าวเข้าสู่หอศิลป์ระดับโลกแล้ว “ปีศาจน้อย” ผู้มีฟันแหลมเก้าซี่และใบหน้าที่ดูเจ้าเล่ห์ กำลังส่งอิทธิพลต่อตลาดการบริโภควัฒนธรรมระดับโลกอย่างคาดไม่ถึง
ตั้งแต่มีการเข้าคิวซื้อลาบูบู้ในลาสเวกัสตั้งแต่ตีสาม ไปจนถึงกระแสการถ่ายรูปเช็กอินหน้าพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ในปารีส จากยอดการชมวิดีโอกว่า 5.8 พันล้านครั้งในหัวข้อที่เกี่ยวข้องบน TikTok ไปจนถึงเปิดร้านค้าโดยตรงในกว่า 30 ประเทศทั่วโลก “ภูตน้อย” ที่ถือกำเนิดจากบริษัทของเล่นยอดนิยมของจีนรายนี้ กำลังบอกเล่าเรื่องราวใหม่ของการโกอินเตอร์ของของเล่นต้นฉบับจีนผ่านสุนทรียะแบบ “ความน่ารักแบบแปลกตา” และการหลอมรวมทางวัฒนธรรม
“ภูตน้อย” บุกตลาดทั่วโลก: นิเวศวัฒนธรรมเฉพาะตัวทะยานสู่สากล
เดือนมีนาคม ปี 2025 เมื่อคอลเลกชันใหม่ "Monster Carnival" ของลาบูบู้ (Labubu) อาร์ตทอยยอดนิยมภายใต้แบรนด์บริษัทของเล่นจีน Pop Mart เปิดตัว ผู้บริโภคในลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา ยืนต่อคิวท่ามกลางอากาศหนาวเย็นตั้งแต่ตีสาม ส่วนร้านขายที่ลอนดอนต้องจำกัดจำนวนผู้บริโภคที่เข้าร้านเป็นการชั่วคราว เนื่องจากเกิดการแย่งชิงกันซื้ออย่างโกลาหล
เดือนเมษายน ปีเดียวกัน ร้าน Pop Mart แห่งใหม่ในย่านธุรกิจหลักลาเดฟองส์ ปารีส เริ่มให้บริการอย่างเป็นทางการ ก่อนเปิดร้านเป็นทางการ ผู้คนนับร้อยก็เรียงแถวรอคอย บล็อกเกอร์ชาวฝรั่งเศสคนหนึ่งโพสต์วิดีโอบนแพลตฟอร์มโซเชียล บันทึกเล่าบรรยากาศความนิยมร้อนแรงนี้ว่า "เดาดูสิว่า ตอนฉันมาถึงสิบโมงเช้า เจอคิวยาวแค่ไหน? เหลือเชื่อจริงๆ คนเยอะมากจนแทบไม่เห็นพื้น!"
กระแสความนิยมที่ข้ามทวีปนี้จุดกระแส #Labubu บน TikTok สู่ยอดการเล่นสะสม 5.8 พันล้านครั้ง โดยมีเนื้อหาคอนเทนต์จากผู้ใช้งาน (UGC) สูงถึง 83% เว็บไซต์ นิตยสารไทม์ (Time) รายงานว่า การค้นหาบริษัทแม่ "Pop Mart" บนแพลตฟอร์มโซเชียลต่างประเทศ จะปรากฏวิดีโอเปิดกล่องสุ่มมากกว่าหมื่นรายการ
รายงานการเงินไตรมาสแรก ปี 2025 ของ Pop Mart เปิดเผยว่ารายได้จากต่างประเทศพุ่งพรวด 475% - 480% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีที่แล้ว สาขาร้านมีครอบคลุมกว่า 30 ประเทศและเขตพื้นที่ ตลาดทุนร้อนระอุด้วยมูลค่าตลาด Pop Mart ที่ทะลุ 3 แสนล้านเหรียญฮ่องกง สวี เจี๋ย นักวิเคราะห์จากธนาคารดอยซ์แบงก์ชี้ว่า "IP การ์ตูนที่พิชิตทั้งวัฒนธรรมเอเชียและดาราตะวันตกได้นั้นหายากยิ่ง
ลูซี ชิตโตวา มัณฑนากรจากลอนดอน แสดงความเห็นว่า "แม้หน้าตาจะประหลาดและไม่สวย แต่กลับมีความอบอุ่น จนใคร ๆ ก็อินไปกับมันได้" การออกแบบสไตล์ "น่ารักแต่แปลกตา" ตอบโจทย์อารมณ์ Gen Z อย่างแม่นยำ ซึ่งรูปลักษณ์ไม่สมบูรณ์แบบนี้ ถูกตีความโดยวัยรุ่นว่าเป็นการ "ต่อต้านมาตรฐานสังคมแบบเบา ๆ" ผลการสำรวจตลาดเผยว่า ผู้บริโภควัย 18-35 ปี จำนวน 65% มองว่า ตัวละครเหล่านี้เป็นตัวแทนเพื่อนทางใจ
ที่กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ร้าน Pop Mart สาขาแรกเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ มีคนเข้าคิวยาวเหยียดตลอดทั้งคืนเพื่อซื้อสินค้า ส่วนที่กรุงเทพฯ ประเทศไทย ลาบูบู้ ในชุดผ้าไหมไทย ได้ปรับงานศิลปะพื้นเมืองให้เป็นสัญลักษณ์แฟชั่น ขณะที่ปารีส ฝรั่งเศส ลาบูบู้ แบบสไตล์อิมเพรสชันนิสม์ ก็สร้างกระแสนิยมในวงการศิลปะท้องถิ่น
ธนิญา ผู้บริโภคชาวไทยให้ความเห็นว่า "เป็นคนชอบงานศิลปะ ยิ่งเมื่อศิลปะไม่ใช่แค่ภาพวาด แต่มาในรูปแบบของเล่นของสะสมที่พกพาไปได้ ถ่ายรูปตามที่ต่าง ๆ ได้ การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้เพิ่มความสุขให้มากยิ่งขึ้น" ด้วยการออกแบบที่ปรับเข้ากับท้องถิ่น Pop Mart ปรับ IP จีนให้เป็นสัญลักษณ์วัฒนธรรมที่สัมผัสได้ ไม่เพียงสร้างปรากฏการณ์ 'วางจำหน่ายปุ๊บ ขายหมดปั๊บ' แต่ยังนับเป็นแบบอย่างที่ IP จีนเข้ากระแสโลกาภิวัตน์ โดยเผยแพร่ความนิยมทางวัฒนธรรมอย่างนุ่มนวล
การโปรโมตโดยดาราระดับโลกอย่างอาสาสมัครยิ่งสร้างอิทธิพลมหาศาลกับลาบูบู้ เช่น เดวิด เบ็คแฮม นักฟุตบอลอังกฤษโพสต์ลาบูบู้ ของขวัญจากลูกสาว ผ่านโซเชียลมีเดีย ส่วนการแชร์รูปลาบูบู้โดยลิซ่า สมาชิกจากวง BLACKPINK ก็จุดกระแสคลั่งไคล้ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่สำคัญกว่านั้น การออกแบบโดยปล่อยให้ผู้บริโภคต่อยอดได้อย่างอิสระ กระตุ้นให้เกิดชุมชนรีครีเอตคึกคัก ตั้งแต่ปรับชุดแต่งกาย ไปจนถึงตกแต่งฟันแหลมด้วยเพชร กลายเป็นระบบนิเวศทางวัฒนธรรมที่ไม่ซ้ำใคร
อย่างที่หวัง หนิง ผู้ก่อตั้ง Pop Mart กล่าวไว้ "เยาวชนนับไม่ถ้วนกำลังใช้ ลาบูบู้บอกเล่าเรื่องราวของพวกเขาเอง"

เบื้องหลังของ “ภูตน้อย” คือ Made in China : ห่วงโซ่อุตสาหกรรมที่มั่นคง
เมื่อผู้บริโภคทั่วโลกตื่นเต้นกับการได้เป็นเจ้าของลาบูบู้ ภูติตัวน้อย สัญลักษณ์แห่งความสุขเหล่านี้ กำลังพุ่งฉิวออกจากสายพานผลิตในโรงงานอัจฉริยะเมืองตงกว่าน ของจีน มุ่งหน้าสู่ทุกมุมโลกอย่างไม่หยุดยั้ง
เมืองตงกว่าน มณฑลกวางตุ้ง ตั้งอยู่ริมฝั่งทะเล ทางตะวันออกเฉียงใต้ของจีน ห่างจากเมืองเซินเจิ้นเพียง 70 กว่ากิโลเมตร ยามดึก ที่โรงงานผลิตของเล่นเขตสือไผ เมืองตงกว่าน ยังสว่างไสวราวกับกลางวัน ในโรงงานอัจฉริยะ แขนกลหุ่นยนต์เคลื่อนไหวอย่างแม่นยำเพื่อฉีดเรซิ่นเหลวเข้าบล็อกพิมพ์ โครงร่างของลาบูบู้ สินค้ากล่องสุ่มกำลังถือกำเนิดขึ้น
เมืองตงกว่าน ซึ่งเคยรับจ้างผลิตของเล่นไลเซนส์ให้กับ Disney และ Marvel มาอย่างยาวนาน ปัจจุบันได้พัฒนาสู่วงจรอุตสาหกรรมสมบูรณ์แบบที่ครอบคลุมการออกแบบวิจัย ผลิตแม่พิมพ์ ประกอบชิ้นงาน จนเกิดเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมของเล่นแบบครบวงจร เมืองที่เคยโด่งดังจากงานรับจ้างผลิต ปัจจุบันกำลังตอกธง 'ตงกว่าน เมด' ลงในตลาดของเล่นของสะสมโลกด้วยอัตราความเร็วในการผลิตชั่วโมงละ 800 ตัว
ข้อมูลแสดงว่า ตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา โรงงานรับจ้างผลิตและพันธมิตรกว่า 30 แห่งในตงกว่าน ได้จัดส่งสินค้าป้อนร้าน Pop Mart อย่างต่อเนื่อง ร่วมกันสร้างโครงข่ายการผลิตลาบูบู้ที่มั่นคง ในโรงงานอัจฉริยะผลิตของเล่นของสะสมแห่งหนึ่งของตงกว่าน ลาบูบู้เปลี่ยนจากแบบร่างดิจิทัลสู่โมเดลทางกายภาพ ด้วยเทคโนโลยีการพิมพ์สามมิติ และระบบจำลองพารามิเตอร์ฉีดพลาสติกด้วย AI “จากการปฏิรูปสู่ความเป็นดิจิทัล เราลดเวลาพัฒนาบล็อกพิมพ์จาก 15 วัน เหลือเพียง 3 วัน ขณะเดียวกัน อัตราส่วนผลิตภัณฑ์ดีเพิ่มเป็น 98.7%” ผู้รับผิดชอบบริษัทกล่าวว่า กำลังเร่งผลิตตามคำสั่งซื้ออย่างเร่งด่วน ซึ่งลาบูบู้ชุดนี้จะส่งออกไปยังกว่า 30 ประเทศผ่านท่าเรือเซินเจิ้น ภายในเวลา 48 ชั่วโมง
ของเล่นลาบูบู้จำนวนมากกำลังเดินทางจากโรงงานผลิตของเล่นในตงกว่าน ไปถึงมือผู้ชื่นชอบของเล่นของสะสมทั่วโลก ขับเคลื่อนด้วยกระแสความนิยมร้อนแรงของอุตสาหกรรมของเล่นของสะสม เมืองตงกว่านซึ่งเป็น "เมืองของเล่นของสะสมแห่งจีน" กำลังเร่งพัฒนาจาก "ฐานรับจ้างผลิต" ไปสู่ "ฐานแบรนด์เนม" และค่อย ๆ มีชื่อเสียงขึ้นในอุตสาหกรรมของเล่นของสะสะสมโลก
เมืองตงกว่างในทุกวันนี้ ก้าวขึ้นเป็นฐานการผลิตของเล่นของสะสมที่สำคัญของโลก โดยผลิตของเล่นไลเซนส์จากอนิเมะ กว่า 25% ของโลก และของเล่นของสะสมกว่า 85% ของจีน ผลสำรวจแสดงว่า เมืองตงกว่านมีวิสาหกิจผลิตของเล่นกว่า 4,000 ราย เป็นวิสาหกิจต้นน้ำและปลายน้ำเกือบ 1,500 ราย ซึ่งได้สร้างระบบนิเวศทางอุตสาหกรรมที่สามารถจัดหาปัจจัยการผลิตทั้งหมดได้ภายในรัศมี 1 กิโลเมตร แบรนด์ต้นฉบับ (Original IP) ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่ผู้นิยมของเล่นของสะสม อาทิ ToyCity และ Laura ล้วนถือกำเนิดขึ้นที่นี่
พลวัตของห่วงโซ่อุตสาหกรรมยังแผ่ขยายไปสู่พื้นที่ที่กว้างขึ้น บริษัทซั่วเฟิงผลิตภัณฑ์อุปโภคประจำวันแห่งเมืองซูโจว มณฑลเจียงซู ซึ่งเดิมมีโรงงานผลิตชุดนอนที่หยุดดำเนินการมานาน ได้กลับมาคึกคักอีกครั้ง ด้วยกระแสความนิยมของตุ๊กตา "ลาบูบู้"
ชิว จุนจุน ผู้จัดการทั่วไป กล่าวอย่างขบขันว่า "เมื่อก่อนไม่ชอบแนวนี้เลย แต่ตอนนี้รู้สึกว่ามันน่ารักมาก" เมื่อเห็นตุ๊กตาตัวนี้ได้รับความนิยมไปทั่วโลก เขาตระหนักถึงช่องว่างทางการตลาด นั่นคือการผลิตเสื้อผ้าแต่งตัวให้แก่ผู้สะสมตุ๊กตา ปลายเดือนพฤษภาคม โรงงานของเขาเริ่มผลิตชุดเดรสให้ภูตน้อยตัวนี้ โดยผลิตเสื้อผ้าได้มากกว่า 80 รูปแบบในเวลาไม่ถึง 20 วัน สร้างรายได้ราว 170,000 หยวน ชิว จุนจุน คาดการณ์ว่ายอดขายรายเดือนอาจแตะระดับล้านหยวนได้เมื่อคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ในเขตเศรษฐกิจสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซี โรงงานอย่างซั่วเฟิงนั้นกระจายตัวหนาแน่นดั่งหมู่ดวงดาว
ในเดือนมีนาคม 2025 กระทรวงพาณิชย์จีนผลักดันโมเดลใหม่ "IP + การบริโภค" ขณะที่เมืองตงกว่านออกมาตรการเฉพาะทาง โดยจัดตั้งกองทุนสนับสนุนเพื่อส่งเสริมการบูรณาการ "ของเล่นของสะสม + มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม" และ "ของเล่นของสะสม + การท่องเที่ยว" ส่วนเมืองสือไผลงทุนปีละ 10 ล้านหยวน เพื่อสร้างนิคมอุตสาหกรรมของเล่นของสะสมที่ใหญ่ที่สุดในจีน ตั้งแต่สายพานผลิตอัจฉริยะเมืองตงกว่าน จนถึงโรงงานที่เกี่ยวข้องของมณฑลเจียงซูกับเจ้อเจียง ห่วงโซ่อุปทานที่แข็งแกร่ง กำลังเสริมรากฐานให้กับการส่งออกของเล่นของสะสมของจีน

แบรนด์จีนก้าวไกลสู่โลก : “การแสวงหาสิ่งที่ดีงาม ไม่มีพรมแดนขวางกั้น”
กระแสความนิยมของ "ลาบูบู้" ได้แก้อคติที่ว่า "สินค้าจีนถูกแต่ไม่ดี" อย่างสิ้นเชิง นิตยสาร The Economist ของอังกฤษชี้ให้เห็นว่า ในอดีต สินค้า ‘Made in China’ ที่ผู้บริโภคตะวันตกซื้อส่วนใหญ่ผลิตผ่านระบบ OEM แต่ในปัจจุบัน ผู้ค้าปลีกออนไลน์อย่าง Shein , Temu และแบรนด์อย่าง Pop Mart กำลังพลิกความเชื่อดังกล่าว
ความสำเร็จของ IP จีน สะท้อนการยกระดับทั้งความมั่นใจทางวัฒนธรรมและระบบอุตสาหกรรมของจีน ตั้งแต่เกม “ตำนานสีดำ : หงอคง” ที่มียอดผู้เล่นพร้อมกันเกิน 1.04 ล้านคน ภายในชั่วโมงแรกของการเปิดตัว ไปจนถึงภาพยนตร์เรื่อง "นาจา 2 (Ne Zha 2)" ที่ติดท็อป 5 ในการสร้างรายได้บ็อกซ์ออฟฟิศมากที่สุดในโลก เปเรรา ผู้ก่อตั้งบริษัทที่ปรึกษา iMpact จากสิงคโปร์ให้ความเห็นว่า “ความสำเร็จของลาบูบู้ พิสูจน์ว่า แบรนด์จีนสามารถชนะใจผู้บริโภคโลกด้วยอารมณ์ร่วมสากล”
เบื้องหลังอิทธิพลดังกล่าว คือ การสนับสนุนที่มั่นคงจากระบบนิเวศอุตสาหกรรมของจีน รายงาน "การพัฒนาอุตสาหกรรมของเล่นของสะสมและอนิเมะของจีน (2024)" โดยสภาสังคมศาสตร์จีนชี้ว่า มูลค่าอุตสาหกรรมของเล่นของสะสมจีนคาดว่าจะพุ่งถึง 1.101 แสนล้านหยวน ภายในปี 2026 โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละเกิน 20% ผลงานโกอินเตอร์ของแบรนด์ของเล่นชั้นนำของจีนที่โดดเด่นเป็นพิเศษ นอกจาก POP MART แล้ว ยังมี TOP TOY แบรนด์ของเล่นของสะสมจีนที่เปิดสาขาเกิน 280 แห่งแล้วในทั่วโลก และส่งออกสินค้ามูลค่ารวม 47 ล้านหยวน ผ่าน 53 รอบการขนส่งในปี 2024
ส่วนยอดการขายของ 52 TOYS อีกแบรนด์ของเล่นของสะสมจีนเติบโต 300% ในตลาดไทย และ 220% ในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปี 2024 นายหลิน เจี้ยน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนระบุว่า การที่ผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมจีนอย่างของเล่นของสะสมได้รับความนิยมในทั่วโลก แสดงให้เห็นว่า การแสวงหาสิ่งที่ดีงามไม่มีพรมแดนขวางกั้น
กระแสการขยายตลาดสู่ต่างประเทศนี้ ได้ก้าวข้ามขอบเขตของเล่นของสะสมไปแล้วอย่างชัดเจน จากสตอกโฮล์มถึงซิดนีย์ รถยนต์ไฟฟ้ายี่ห้อจีนพบเห็นได้ทั่วไปมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ร้านชา MiXueได้แซงหน้าแมคโดนัลด์ ในฐานะแบรนด์ฟาสต์ฟู้ดที่มีสาขามากที่สุดในโลก กำลังขยายสาขาในทวีปอเมริกาใต้อย่างรวดเร็ว
โจชัว คูรันซิก นักวิชาการจากสภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า "TikTok อาจมีบทบาทในการเปลี่ยนมุมมองของผู้บริโภคต่อจีน" แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้เกิน 1 พันล้านคน โดยประมาณครึ่งหนึ่งเป็นผู้ใช้ชาวสหรัฐฯนี้ มีคลิปวิดีโอเกี่ยวกับ "ลาบูบู้ (Labubu)" แชร์กันอย่างต่อเนื่อง คูรันซิกระบุว่า การส่งออกทางวัฒนธรรมสามารถ "ปรับปรุงภาพลักษณ์จีน และพิสูจน์ศักยภาพของบริษัทจีนในการผลิตสินค้าและบริการที่มีเสน่ห์ดึงดูดชาวโลก"
ณ POP MART ซิตี้ พาร์ค ในกรุงปักกิ่ง มัรยัม อัลฮัมมาดี เด็กหญิงชาวกาตาร์วัย 11 ขวบ กำลังโพสท่าถ่ายรูปกับรูปปั้น "ลาบูบู้" ขนาดใหญ่
เธอกล่าวว่า "เพื่อนๆ ทุกคนชอบลาบูบู้ พอรู้ว่ามาจากจีน หนูเฝ้ารอคอยที่จะได้มาเห็นลาบูบู้หลากหลายแบบในจีน!"
ลาบูบู้กำลังดึงดูดเยาวชนทั่วโลกให้สนใจจีนมากขึ้น

ในประเทศไทย “ลาบูบู้” ของเล่นของสะสมที่วางจำหน่ายในร้าน POP MART กำลังสร้างกระแสนิยมร้อนแรง นับเป็นของเล่นอาร์ตทอยจีน “ตัวท็อป” ในไทยอย่างแท้จริง มีบุคคลสำคัญและดาราดังระดับท็อปของไทยหลายคนเป็น “แฟนคลับ” ถ่ายภาพอวดตุ๊กตาตัวโปรดของตน จนทำให้เกิดกระแสนิยมซื้อตาม ส่งผลให้สินค้าในร้านค้าปลีกขาดตลาด ส่วนราคาออนไลน์ก็ถูกปั่นขึ้นสูงจนทะลุเพดานถึงหลายเท่าของราคาปกติ ในโอกาสที่ไทย-จีนยกเว้นวีซ่ากัน มีชาวไทยจำนวนมากบินตรงไปประเทศจีนเพื่อซื้อลาบูบู้ด้วย
ศิริพร แผลงจันทึก Country General Manager บริษัท ป๊อป มาร์ท (ประเทศไทย) ระบุว่า ตลาดไทยคลั่งไคล้ “ลาบูบู้” อย่างมาก โดยสินค้ารุ่นใหม่ขายหมดในวันเดียว ยอดขายติดอันดับ 1 จากสาขากว่า 30 ประเทศทั่วโลก กระทั่งในเวียดนามและมาเลเซียก็ยังเห็นคนไทย ยืนต่อแถวรอซื้อเป็นประจำ
วันที่ 1 กรกฎาคมที่ผ่านมา ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ เนืองแน่นไปด้วยผู้คน แฟนคลับชาวไทยในเสื้อยืดลาย “ลาบูบู้” โห่ร้องต้อนรับด้วยความยินดีเมื่อ “มาสคอตลาบูบู้” ปรากฏโฉม ซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดพิธีต้อนรับอย่างอบอุ่น และมอบตำแหน่ง "Amazing Thailand Experience Explorer" ให้แก่มาสคอตลาบูบู้ เพื่อเป็นตัวแทนประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีน
“ลาบูบู้” จะเที่ยวชมสัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่นที่ชูจุดเด่นของไทยอย่างลึกซึ้ง ผ่านแนวคิด POPMART LABUBU X TAT IGNITE THAILAND โดยนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ของไทย ระบุว่าการจัดพิธีต้อนรับร่วมกับ Pop Mart เป็น “โอกาสอันดี” ซึ่งลาบูบู้จะสวมชุดไทย เดินชมแหล่งท่องเที่ยว ลิ้มรสอาหารไทย และเรียนรู้มารยาททางวัฒนธรรม เพื่อสร้างความทรงจำอันล้ำค่า พร้อมกับเชิญชวนเพื่อนชาวจีนร่วมตามรอยลาบูบู้มาเที่ยวประเทศไทย
ทั้งนี้ นับตั้งแต่ Pop Mart ก้าวเข้าสู่ตลาดไทยในเดือนพฤษภาคม 2023 ความกระตือรือร้นสูงของผู้บริโภคชาวไทยผลักดันให้ Pop Mart ขยายสาขาอย่างเร่งด่วนในไทย ปัจจุบันเปิดร้านค้าออฟไลน์แล้ว 5 สาขา
เฉิน เสี่ยวหยุน รองประธานกลุ่ม Pop Mart International ระบุว่า ลาบูบู้ ไม่เพียงกระตุ้นให้คนไทยอยากเรียนรู้เกี่ยวกับจีนมากขึ้น แต่ยังส่งเสริมให้ผู้บริโภคจีน สนใจวัฒนธรรมไทยเพิ่มขึ้นด้วย หวังว่า ตุ๊กตาตัวนี้จะเป็นสะพานเชื่อมวัยรุ่นทั้งสองประเทศ
เขียนโดย: หวัน ซือเฉิง
แปลโดย: หานซี
ตรวจแก้โดย: รพีพรรณ วงษ์กรวรเวช
เมืองซูโจว ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของมณฑลเจียงซูของจีน เป็นเมืองขึ้นชื่อที่มีประวัติศาสตร์ยาวถึง 2,500 ปี และมีเสน่ห์ทางวัฒนธรรม นับเป็นหนึ่งในเมืองที่เศรษฐกิจคึกคักที่สุดของจีนตั้งแต่โบราณกาล ได้รับการยกย่องว่าเป็นสวรรค์บนดิน
ในฐานะที่เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจในดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซี เมืองซูโจวแสดงบทบาททางเศรษฐกิจที่สำคัญในจีนเนื่องด้วยทำเลที่ตั้งที่ได้เปรียบ ระบบอุตสาหกรรมที่สมบูรณ์ และการเปิดกว้างที่มีประสิทธิผล ปี 2024 ที่ผ่านมา จีดีพีต่อหัวของเมืองซูโจวอยู่ที่ 2.06 แสนหยวน จัดอยู่ท็อป 10 ในบรรดาเมืองต่าง ๆ ของจีน มูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมของอุตสาหกรรมขนาดใหญ่อยู่ที่ 4.7 ล้านล้านหยวน อุตสาหกรรมด้านข้อมูลสารสนเทศ อุปกรณ์ระดับไฮเอนด์ และวัสดุขั้นสูง บรรลุมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมล้านล้านหยวน
ในด้านการเปิดกว้าง เมืองซูโจวมีวิสาหกิจทุนต่างชาติและฐานการส่งออกจำนวนมาก ไตรมาสแรกปี 2025 มูลค่านำเข้าและส่งออกของเมืองซูโจวสูงถึง 632,520 ล้านหยวน เติบโต 7.3% มูลค่าการส่งออกไปยังประเทศร่วมสร้างสรรค์หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางเพิ่มขึ้น 14.3% การส่งออกอุปกรณ์ระดับไฮเอนด์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะสูงกว่า 20%
เมืองซูโจวค่อย ๆ วิวัฒนาการจากเมืองอารยธรรมการเกษตรแบบในน้ำมีปลาในนามีข้าว มาเป็นเมืองเศรษฐกิจพัฒนาที่มีประสิทธิผล และได้รับการยกย่องเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานนับพันปี และมีความทันสมัยที่คึกคัก
เขตเมืองโบราณของเมืองซูโจววิวัฒนาการจากอดีต
การอนุรักษ์เขตเมืองโบราณของซูโจวเป็นโครงการเชิงระบบที่ซับซ้อน ซึ่งต้องอนุรักษ์ทั้งสถาปัตยกรรม ถนนหนทาง และวิถีชีวิตที่เป็นเอกลักษณ์ของคนซูโจวในเขตเมืองโบราณด้วย จากการบูรณะให้กลมกลืนเหมือนของเดิมและการสร้างสรรค์ให้ฟื้นฟูความมีชีวิตชีวา เขตเมืองโบราณของซูโจวสร้างรูปแบบการพัฒนาที่ยั่งยืนที่ผสมผสานความเก่าแก่และความทันสมัย นับเป็นแบบฉบับแห่งการปรับปรุงย่านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของจีน
เขตเมืองโบราณของเมืองซูโจวตั้งอยู่ในเขตกูซู เมืองซูโจว มณฑลเจียงซู พื้นที่ 14.2 ตารางกิโลเมตร นับตั้งแต่แคว้นอู๋สมัยชุนชิวสร้างเมืองหลวงที่นี่จนถึงทุกวันนี้ เมืองนี้มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 2,500 ปี กู้เจี๋ยกัง นักประวัติศาสตร์ที่มีชื่อของจีนเห็นว่า ในแง่ความโบราณแล้ว เมืองซูโจวนับเป็นเบอร์หนึ่งของจีน เพราะตั้งแต่สมัยชุนชิวจนถึงทุกวันนี้ เมืองซูโจวพัฒนาในที่เดิมมาโดยตลอด
ความโบราณที่ว่านี้หมายถึงการรักษาผังเมืองโบราณอย่างสมบูรณ์ วันนี้ เขตเมืองโบราณของเมืองซูโจวยังคงรักษาไว้ซึ่งผังเมืองแบบกระดานหมากรุกคู่ขนาน "ทางน้ำขนานไปกับทางบก ถนนกับทางน้ำตั้งอยู่ติดกัน" ใน "ภาพผิงเจียง" สมัยราชวงศ์ซ้อง ซึ่งผิงเจียงเป็นหนึ่งในชื่อเดิมของเมืองซูโจว หร่วนหย่งซาน เจ้าหน้าที่สถานอนุรักษ์มรดกเมืองหร่วนอี๋ซาน เลขที่ 20 ถนนผิงเจียง กล่าวว่า “ค.ศ. 1229 ศิลาจารึกภาพวาดผิงเจียง ได้บันทึกโฉมหน้าพื้นฐานของเมืองซูโจวในสมัยราชวงศ์ซ้องใต้ ผังเมือง ระบบน้ำสายหลัก ถนนสายหลักของเขตเมืองโบราณซูโจวในทุกวันนี้คล้ายกับในภาพผิงเจียงอย่างมาก ซึ่งหาพบได้ยากในทั่วโลก”
ความโบราณที่ว่านี้ หมายถึงระบบที่เป็นเอกลักษณ์ ช่วง 2,500 ปีมานี้ คลองใหญ่ต้ายุ่นเหอเมื่อไหลเข้ามายังเขตเมืองซูโจวแล้ว ก็พัฒนาเป็นเครือข่ายระบบน้ำที่สมบูรณ์ ระบบน้ำในเมืองกับระบบน้ำจากนอกเมือง เชื่อมโยงกันที่แม่น้ำรอบเขตเมืองโบราณ รวมเป็นสายน้ำเดียวกัน จนถึงทุกวันนี้ แม่น้ำสายนี้ยังแสดงบทบาทสำคัญในด้านการขนส่งลำเลียง และการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม นับเป็นความพิเศษยอดเยี่ยมอย่างหนึ่งด้วย
ในสมัยราชวงศ์ซ้อง คลองใหญ่ยาว 82 กิโลเมตร บนคลองมีสะพาน 314 แห่ง ในปลายราชวงศ์ชิง คลองยาว 58 กิโลเมตร บนคลองมีสะพาน 241 แห่ง ทุกวันนี้ คลองยาว 35 กิโลเมตร และมีสะพาน 168 แห่ง นับเป็นเมืองน้ำที่มีคลองยาวที่สุดและสะพานเยอะที่สุด มาร์โคโปโลยกย่องเมืองซูโจวว่าเป็น “เมืองเวนิชแห่งเอเชีย”
ผู้กำหนดนโยบายทุกสมัย และวงการต่าง ๆ ของเมืองซูโจว มีความผูกพันกับเมืองแห่งนี้อย่างมาก และเห็นคุณค่าอันล้ำค่าของเมืองโบราณนี้ด้วย โดยเฉพาะตั้งแต่ทศวรรษ 1980 เป็นต้นมา พร้อมไปกับการเร่งพัฒนาเศรษฐกิจ และเปิดกว้าง เมืองซูโจวปฏิบัติตามการอนุมัติชี้นำเกี่ยวกับการอนุรักษ์เขตเมืองโบราณของรัฐบาลจีน โดยกำหนดโครงสร้างพื้นฐาน ความสูงสิ่งก่อสร้าง สัดส่วนพื้นที่อาคารรวมต่อพื้นที่ดิน รูปทรงสิ่งก่อสร้าง ตลอดจนสีสันของสิ่งก่อสร้างด้วย ด้วยเหตุดังกล่าว การอนุรักษ์เขตเมืองโบราณของซูโจวจึงกลายเป็นแบบฉบับแห่งการอนุรักษ์เมืองวัฒนธรรมที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานของจีน
นอกจากสิ่งก่อสร้างที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานแล้ว บ้านพักชาวบ้านในเขตเมืองโบราณก็เป็นสิ่งที่ต้องอนุรักษ์อย่างดีด้วย “การมีบ้านอยู่ในเขตเมืองโบราณ” เป็นความภาคภูมิใจของคนซูโจว “คนที่อาศัยอยู่ในเขตวัฒนธรรมเชิงประวัติศาสตร์ผิงเจียงมีถึง 13,000 คน” หร่วนหย่งซานกล่าวถึงความสำคัญของคนที่อาศัยอยู่ในเขตเมืองโบราณว่า “การอนุรักษ์เสน่ห์ทางประวัติศาสตร์ของเขตเมืองโบราณต้องให้คนท้องถิ่นอาศัยอยู่ในเขตโบราณต่อ ซึ่งทางการท้องถิ่นกำหนดให้อัตราการกลับมาอาศัยอยู่ในที่เดิมของคนท้องถิ่นไม่ต่ำกว่า 50% และสิ่งก่อสร้าง 80% ยังคงเป็นบ้านพักอาศัย ขณะเดียวกันกับการรักษาวิถีชีวิตของชาวบ้านแล้ว เราจะปรับปรุงซ่อมแซมสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐาน และสิ่งแวดล้อมด้วย”
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เคยกล่าวว่า “หากมองไม่เห็นถึงความต่อเนื่องทางประวัติศาสตร์อันยาวนานของจีน ก็ไม่อาจจะเข้าใจจีนในยุคโบราณ ไม่อาจจะเข้าใจจีนในทุกวันนี้ และไม่อาจจะเข้าใจจีนในอนาคตได้” เมืองซูโจวซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนานถึงพันปีแห่งนี้ ทำให้คนในยุคปัจจุบันสัมผัสถึงความรุ่งโรจน์ของวัฒนธรรมเมืองซูโจวในสมัยโบราณ และสัมผัสถึงความเชื่อมั่นทางวัฒนธรรมของซูโจว ซึ่งเศรษฐกิจพัฒนาอย่างรุ่งเรือง และมีเสน่ห์ที่ผสมผสานทั้งยุคโบราณกับยุคปัจจุบันเช่นนี้ นอกจากสะท้อนถึงความอุดมสมบูรณ์ทางวัตถุของซูโจวแล้ว ยังสะท้อนถึงความสงบและความเชื่อมั่นที่สั่งสมมาในประวัติศาสตร์อันยาวนาน

พัฒนาเมืองตามแนวคิดสีเขียว
เมื่อเทียบกับความเก่าแก่ของเขตเมืองโบราณซูโจวแล้ว นิคมอุตสาหกรรมเมืองซูโจว ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับเขตเมืองโบราณนั้นมีความทันสมัยอย่างมาก เมื่อ 30 ปีก่อน นิคมอุตสาหกรรมซูโจวยังคงเป็นทุ่งนาในเขตตะวันออกของเขตเมืองโบราณ ผ่านไป 30 ปี ที่นี่กลายเป็นเมืองสร้างสรรค์ที่มีความทันสมัยและคึกคักมาก ที่นี่ เขตเมืองก็คือแหล่งท่องเที่ยว ธุรกิจการค้าก็คือการท่องเที่ยว ทะเลสาบจินจี สวนสาธารณะที่สวยงามของเมืองซูโจว ตั้งอยู่ที่ใจกลางของเขตธุรกิจ ซึ่งอยู่ร่วมกับเขตเมืองโบราณอย่างกลมกลืน
เมื่อพูดถึงคําว่า "อุตสาหกรรม" ผู้คนมักนึกถึงอาคารโรงงานที่ตั้งติดกันมากมายและมลพิษร้ายแรงเป็นอันดับแรก แต่นิคมอุตสาหกรรมซูโจวสะท้อนถึงภาพลักษณ์เมืองที่ให้ความสำคัญกับระบบนิเวศทางธรรมชาติและเทคโนโลยีทันสมัยเท่าเทียมกัน นี่เป็นเพราะว่าทางนิคมส่งเสริมการประหยัดพลังงานและลดคาร์บอนในทั่วทั้งสังคม และเลือกใช้เส้นทางการพัฒนาที่มีคุณภาพสูงที่เน้นการอนุรักษ์ระบบนิเวศ และเน้นความเป็นสีเขียวคาร์บอนต่ำ
เมืองซูโจวเจริญรุ่งเรืองเพราะน้ำ น้ำคือจิตวิญญาณของซูโจว สําหรับการบําบัด "น้ำ" นิคมอุตสาหกรรมซูโจวมีความเป็นเอกลักษณ์ของตน เมื่อเดินเข้าไปในโรงบําบัดน้ำเสียแห่งที่สองของนิคมอุตสาหกรรมซูโจว ภาพที่พบเห็นเหมือนสวนสาธารณะเชิงนิเวศแห่งหนึ่ง ภายในโรงงาน ในพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีพื้นที่ประมาณ 2.9 เฮกตาร์ ต้นกกแกว่งไกวไปตามลมและดอกบัวงามบานสะพรั่ง
พื้นที่ชุ่มน้ำแห่งนี้มีฟังก์ชันการยกระดับคุณภาพน้ำตอนท้าย การฟื้นฟูแหล่งน้ำ ภูมิทัศน์พื้นที่สีเขียว การป้องกันน้ำท่วม และการชลประทาน โดยส่วนหนึ่งของน้ำตอนท้ายที่ผ่าน "ระบบรีไซเคิลน้ำกลับมาใช้ใหม่" แล้ว ถูกปล่อยเข้าสู่พื้นที่ชุ่มน้ำ เมื่อได้รับการปรับรักษาตามธรรมชาติ คุณภาพน้ำก็จะมีความบริสุทธิ์มากขึ้น
สิ่งที่น่าประทับใจยิ่งกว่าคือ แผงโซลาร์เซลล์ที่ตั้งอยู่บนบ่อบำบัดน้ำเสียที่ส่องประกายระยิบระยับ ที่นี่เป็นที่ตั้งโรงไฟฟ้าโซลาร์เซลล์แบบกระจายกำลังผลิต 5.72 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นโครงการ "โซลาร์เซลล์ + บำบัดน้ำเสีย" ที่ใหญ่ที่สุดในซูโจวในปัจจุบัน โครงการนี้ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ชนิดโมโนคริสตัลไลน์ประสิทธิภาพสูง 550 วัตต์ต่อแผง จำนวน 10,400 แผง เหนือบ่อบำบัดน้ำเสียและบนหลังคาอาคาร เป็นพื้นที่ 44,000 ตารางเมตร ข้อมูลระบุว่า โครงการนี้มีกําลังการผลิตไฟฟ้าเฉลี่ยต่อปีประมาณ 5.81 ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งใช้กับท้องถิ่นหมด สามารถประหยัดถ่านหินมาตรฐานได้ประมาณ 1,743 ตัน และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 3,486 ตันต่อปี
ในซูโจว ร่องรอยของ “คาร์บอนเป็นศูนย์” และ “รอยเท้าคาร์บอน” สามารถพบเห็นได้ทุกที่ ศูนย์โลจิสติกส์ไนกี้แห่งประเทศจีน ที่เมืองไท่ชาง ใช้พลังงานหมุนเวียน 100% และได้สร้างศูนย์โลจิสติกส์อัจฉริยะคาร์บอนเป็นศูนย์แบบผสานพลังงานลมกับแสงอาทิตย์
หมู่บ้านเจี่ยงเซี่ยง อำเภอจือถัง เมืองฉางสู เปิดตัวแพลตฟอร์มดิจิทัลบริหารจัดการพลังงานอัจฉริยะแบบบูรณาการ และคาร์บอนเป็นศูนย์เพื่อความสุขของชาวบ้าน กลายเป็นหมู่บ้านอัจฉริยะไร้คาร์บอนแห่งแรกของซูโจว แพลตฟอร์มจัดการ “รอยเท้าคาร์บอนอัจฉริยะ” แห่งแรกของมณฑลเจียงซู ก็เปิดตัวที่ซูโจว ช่วยคำนวณ “รอยเท้าคาร์บอน” ของผลิตภัณฑ์วิสาหกิจต่าง ๆ ข้อมูลถึงปี 2025 การใช้พลังงานต่อหน่วยจีดีพีของเมืองซูโจวลดลง 14.5% เมื่อเทียบกับปี 2020 เป็นการปูรากฐานมั่นคงเพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน

ความงามของสถาปัตยกรรม ธรรมชาติและวัฒนธรรมของสวนซูโจว
เมืองซูโจวมีสมบัติมากมาย “สวนโบราณซูโจว” ซึ่งได้รับการยกย่องว่า “จิตรกรรมสามมิติ บทกวีที่สถิตอยู่ และท่วงทำนองที่ไร้เสียง”นับเป็นนามบัตรที่เปล่งประกายที่สุดของเมืองซูโจวมาโดยตลอด
สวนซูโจว เริ่มสร้างขึ้นในยุคชุนชิว หรือกว่า 2,500 ปีก่อน เฟื่องฟูในยุคราชวงศ์ถังและซ้อง รุ่งเรืองสุดขีดในสมัยราชวงศ์หมิงและชิง โดยในยุครุ่งเรือง มีสวนซูโจวกว่า 250 แห่ง โดยคงเหลือให้เห็นถึงทุกวันนี้ 58 แห่ง ได้รับการขนานนามว่า ผลงานคลาสสิกแห่ง “ความกลมกลืนระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ” แตกต่างจากสวนหลวงทางภาคเหนือ
สวนซูโจวใช้หลักภูมิสถาปัตย์ "เล็กแต่ประณีต" โดยจัดภูเขาเทียม สระน้ำ เก๋งศาลา ตลอดจนพันธุ์พฤกษาให้อยู่ด้วยกันอย่างกลมกลืน ปรับความสมดุลระหว่างความว่างกับวัตถุจริงอย่างดี และใช้พื้นที่จำกัดในการสร้างบรรยากาศธรรมชาติอันเวิ้งว้างได้อย่างน่าอัศจรรย์
“เจ้าของสวนซูโจวส่วนใหญ่เป็นขุนนางที่ลาออกจากราชการ” เฮ่อ ชุนเฟิง ผู้อำนวยการสถาบันออกแบบสวนซูโจวแนะนำว่า สวนซูโจวมุ่งสร้างความหมายนอกรูปร่าง เป็นภูมิทัศน์แห่งอุดมคติของผู้สร้างที่ใช้สะท้อนความคิดเห็น ปรัชญา และอารมณ์ความรู้สึก เมื่อปัญญาชนลาออกจากราชการ มักจะซื้อที่ดินในย่านที่รุ่งเรืองที่สุด สร้างกำแพงสูงเพื่อกั้นโลกภายนอกที่วุ่นวาย เชิญปัญญาชนไร้สังกัดมาร่วมกันร่ายบทกวี วาดภาพจิตรกรรม และบรรเลงดนตรี ช่วงนั้นสวนซูโจวจึงกลายเป็นผู้สืบทอดวัฒนธรรมอันรุ่งโรจน์ของเจียงหนาน
ปัจจุบัน ซูโจวมีสวนโบราณ 9 แห่งที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น “มรดกโลก” เช่น สวนจัวเจิ้งหยวน สวนหลิวหยวน และสวนหว่างซือหยวน เป็นต้น องค์การยูเนสโกประเมินว่า สวนต่าง ๆ ซึ่งสร้างขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 11—19 ด้วยการออกแบบที่ประณีตบรรจง สะท้อนภูมิปัญญาอันลุ่มลึกของวัฒนธรรมจีนที่เคารพกฎแห่งธรรมชาติ และเกินกว่าธรรมชาติ”
ปัจจุบัน สวนโบราณซูโจวกลายเป็นกำลังสำคัญของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการพัฒนาเศรษฐกิจการบริการของเมืองซูโจว เฉพาะสวนโบราณ 7 แห่งในเขตเมืองโบราณ ซึ่งเป็นมรดกโลกนั้น สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ปีละกว่า 3.5 ล้านคน และสร้างรายได้เฉพาะค่าเข้าชม 150 ล้านหยวนต่อปี
หลายปีมานี้ ซูโจวดำเนินยุทธศาสตร์ “ถ่ายโอนส่วนประกอบของสวนสู่พื้นที่สาธารณะ” ฟื้นฟูความชีวิตชีวาของวัฒนธรรมสวนโบราณ เพื่อให้นักท่องเที่ยวสัมผัสเสน่ห์วัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ นักออกแบบได้แฝงรหัสวัฒนธรรมของสวนโบราณต่าง ๆ เช่น ภูเขาจำลอง กรอบหน้าต่างลายดอกไม้ และศาลาโบราณ ไว้ที่วงเวียนจราจรและใต้ทางด่วน ช่วยตอบโจทย์พื้นที่พักผ่อนของชุมชน และประดับตัวเมืองให้มีเสน่ห์ความโบราณด้วย
ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเดินตามถนนกันเจี้ยง กระถางดอกไม้แบบซูโจวเรียงรายตามริมถนนดั่งงานประติมากรรม สะท้อนถึงความประณีตของศิลปะการจัดสวนสไตล์เจียงหนาน และผู้คนที่เดินไปมาอย่างวุ่นวายนั้น ก็มีโอกาสชะลอฝีเท้าเพื่อชมความงดงามของสวนโบราณซูโจว

เมื่อยามค่ำมาเยือน เมืองซูโจวแห่งนี้มีความงดงามยิ่งขึ้นอีกสวนโบราณได้ขจัดข้อจำกัดด้านการท่องเที่ยวเฉพาะตอนกลางวัน โดยใช้ศิลปะแสงสีเสียงสร้างมหกรรมอันตระการตา ใต้ม่านราตรีแสงและเงาที่ตกทอดเคลื่อนไปมาระหว่างศาลาและหอของสวนหว่างซือหยวน ประกอบกับการประสานเสียงขับร้องงิ้ว “คุนฉวี่” และเล่นดนตรี “ผิงถาน”เป็นประสบการณ์เสมือนเดินในภาพวาด
ในสวนจัวเจิ้งหยวน นักท่องเที่ยวถือโคมกระดาษเดินชมทิวทัศน์สวยงามท่ามกลางบรรยากาศคึกคักของแสงสีเสียง ส่วนงาน “คืนมหัศจรรย์หู่ชิว”ใช้เเอฟเฟกต์แสงเงาในการฟื้นภาพความรุ่งโรจน์เมื่อพันปีก่อน เมื่อแสงสาดส่องเจดีย์บนภูเขาหู่ชิว ประวัติศาสตร์กับปัจจุบันหมือนซ้อนทับกัน ณ ที่แห่งนี้
กิจกรรมกลางคืนในสวนโบราณต่าง ๆ ยืดเวลาการอยู่เที่ยวชมของนักท่องเที่ยว ได้กระตุ้นการพัฒนาธุรกิจร้านอาหาร และโรงแรมในบริเวณรอบข้าง อัดฉีดแรงกระตุ้นการพัฒนาเศรษฐกิจท่องเที่ยวของเมืองซูโจวด้วย
นี่ก็คือซูโจว แผ่นหินทุกแผ่นได้จารึกลมหายใจแห่งกาลเวลา ผืนดินทุกตารางนิ้วรังสรรค์ความเป็นไปได้แห่งอนาคต ซูโจวเป็นเมืองที่ให้อดีตกับอนาคตจับมือกัน ประวัติศาสตร์ยาวนานถึง 2,500 ปี สะท้อนถึงความเป็นไปได้อันไร้ขีดจำกัดของอารยธรรมโบราณในยุคสมัยใหม่
เขียนโดย: หวังอวี๋ซินหง
แปลโดย: หานซี
ตรวจแก้โดย: รพีพรรณ วงษ์กรวรเวช
อโกด้า แพลตฟอร์มดิจิทัลด้านการท่องเที่ยว เผยข้อมูลภาพรวมการท่องเที่ยวในประเทศไทยช่วงครึ่งแรกของปี 2568 โดยอ้างอิงจากยอดการจองที่พักบนแพลตฟอร์ม พบว่านักเดินทางจากจีน มาเลเซีย และเกาหลีใต้ ยังคงครองตำแหน่งชาติที่เดินทางมาประเทศไทยเยอะที่สุด ตามมาด้วยนักเดินทางจากญี่ปุ่นและสิงคโปร์
กรุงเทพฯ พัทยา และภูเก็ต ยังคงครองตำแหน่งเมืองท่องเที่ยวยอดนิยมในหมู่นักเดินทางจากประเทศดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันหาดใหญ่ก็กลายเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มนักท่องเที่ยวจากมาเลเซียและสิงคโปร์ ความนิยมที่เพิ่มขึ้นของหาดใหญ่อาจเกิดจากเมืองนี้ขึ้นชื่อในด้านความคุ้มค่า ซึ่งได้รับการจัดอันดับให้เป็นจุดหมายปลายทางที่มีราคาถูกที่สุดในประเทศไทย และติดอันดับหนึ่งในสามของจุดหมายปลายทางราคาถูกในเอเชียติดต่อกันสองปีซ้อน เมืองเหล่านี้ต่างมอบประสบการณ์การท่องเที่ยวที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นในด้านความคึกคัก ความสงบริมชายหาดไปจนถึงเสน่ห์ทางวัฒนธรรมที่น่าค้นหา
อย่างไรก็ตามประเทศที่มีจำนวนนักเดินทางมาเยือนประเทศไทยมากที่สุด กลับไม่ใช่ประเทศที่นักเดินทางพำนักอยู่นานที่สุด โดยนักเดินทางจากจีนแม้จะครองอันดับหนึ่งในด้านจำนวนผู้มาเยือน แต่เมื่อพิจารณาระยะเวลาการเข้าพักเฉลี่ยแล้ว นักเดินทางจากเกาหลีใต้กลับใช้เวลาอยู่ในประเทศไทยนานที่สุด รองลงมาคือนักเดินทางจากญี่ปุ่น มาเลเซีย สิงคโปร์ และจีนตามลำดับ
นอกจากนี้ นักเดินทางแต่ละประเทศยังมีจุดหมายปลายทางที่นิยมสำหรับการพักระยะยาวแตกต่างกันออกไป โดยส่วนใหญ่มักเลือกจุดหมายปลายทางที่เป็นเกาะ เช่น เกาะเต่า ซึ่งมีแหล่งดำน้ำที่มีชื่อเสียงระดับโลก และ เกาะพะงัน ที่สามารถเติมเต็มประสบการณ์พักผ่อนด้วยความสงบของธรรมชาติและปาร์ตี้ชื่อดัง และยังมีจุดหมายปลายทางในภาคกลางอย่างจังหวัดปทุมธานี ที่มีบรรยากาศแสนสงบและวิถีชีวิตแบบท้องถิ่นใกล้เมืองหลวงอีกด้วย
ทั้งนี้ข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเปิดเผยตรงกันว่า ระหว่างเดือนมกราคมถึงมิถุนายน 2568 ประเทศไทยมีนักเดินทางชาวต่างชาติเดินทางเข้ามากว่า 16 ล้านคน สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวประมาณ 743,582 ล้านบาทโดยได้รับแรงหนุนจากมาตรการส่งเสริมของภาครัฐ อาทิ โครงการ Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 การอำนวยความสะดวกด้านการเดินทาง และการเพิ่มจำนวนเที่ยวบิน ทำให้ประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายทางชั้นนำของภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน สำหรับนักเดินทางชาวไทยที่เดินทางไปต่างประเทศ โตเกียว โอซาก้า ฮ่องกง ไทเป และโซล ยังคงเป็นเมืองที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งแรกของปี 2568
อรรคพร รอดคง ผู้อำนวยการประจำประเทศไทยของอโกด้า เปิดเผยว่า “เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เป็นแพลตฟอร์มที่นักเดินทางจากทั่วทั้งเอเชียไว้วางใจเลือกใช้ และภูมิใจที่ได้มีส่วนสนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศไทย ที่อโกด้า เรามุ่งมั่นที่จะนำเสนอตัวเลือกที่พักที่สะดวกสบายและหลากหลาย เพื่อช่วยให้นักเดินทางได้สัมผัสทั้งจุดหมายปลายทางยอดนิยมและสถานที่ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนักทั่วทั้งประเทศ และทำให้การเดินทางเป็นเรื่องง่ายและน่าประทับใจ”
ด้วยที่พักมากกว่า 6 ล้านแห่ง เส้นทางบินกว่า 130,000 เส้นทาง และกิจกรรมให้เลือกมากกว่า 300,000 รายการ อโกด้าพร้อมมอบทางเลือกที่หลากหลายให้กับนักเดินทางที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวระยะสั้น (Micro-travel) โดยสามารถเข้าไปดูดีลพิเศษได้ที่ Agoda.com หรือดาวน์โหลดแอป Agoda เพื่อรับข้อเสนอที่ดีที่สุดสำหรับการท่องเที่ยวครั้งถัดไป
ตั้งแต่ต้นปี 2025 เป็นต้นมา ภายใต้ภูมิหลังที่เศรษฐกิจโลกมีความไม่แน่นอน การพัฒนาที่มีคุณภาพสูงและการเปิดกว้างในระดับสูงของจีนเพิ่มความแน่นอนและพลังทางบวกให้กับเศรษฐกิจโลก งานแสดงสินค้าอุปโภคบริโภคนานาชาติจีน หรือไหหลำเอกซ์โป (China International Consumer Products Expo) ครั้งที่ 5 พิสูจน์อีกครังว่า จีนเป็นตลาดโลกและโอกาสของประเทศต่าง ๆ ระหว่างวันที่ 13-18 เมษายน 2025 งานแสดงสินค้าอุปโภคบริโภคนานาชาติจีนครั้งที่ 5 จัดขึ้นที่มณฑลไหหลำ โดยมีวิสาหกิจ 1,767 ราย จาก 71 ประเทศ 4,209 แบรนด์สินค้า เข้าร่วมจัดแสดงในงานนักจัดซื้อมืออาชีพมีกว่า 6 หมื่นคน มูลค่าของสัญญาที่ตกลงกันประมาณ 92,000 ล้านหยวน
การประชุมสองสภาแห่งชาติจีนปีนี้ตั้งเป้าหมายทางเศรษฐกิจให้ยอดจีดีพีเติบโตประมาณ 5% ซึ่งเมื่อหวนทบทวนปี 2024 ยอดมูลค่าจีดีพีของจีนคือ 134.9 ล้านล้านหยวน อัตราการเติบโตอยู่ที่ 5% จัดอยู่อันดับต้น ๆ ในบรรดากลุ่มเศรษฐกิจหลักของโลก มีส่วนต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกอยู่ที่ประมาณ 30%
ฤดูใบไม้ผลิปีนี้ ทุกส่วนของแผ่นดินจีนสะท้อนถึงความเป็นไปได้และโอกาสการพัฒนาที่คึกคัก เทศกาลตรุษจีนปี 2025 ซึ่งเป็นตรุษจีนปีแรกหลังได้รับการรับรองเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ สะท้อนความชีวิตชีวาในการบริโภคจับจ่ายของจีน เทคโนโลยีกระตุ้นการเพาะปลูก ภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องนาจา 2 และการเปิดตัวของ DeepSeek ล้วนทำให้โลกตื่นตาตื่นใจ
ท่องเที่ยวจีน “อยากไปก็ไปได้ทันที”
ช่วงตรุษจีนปีนี้ เน็ตไอดอลชาวต่างชาติ 4 คน รวมตัวกันออกเดินทางมาเที่ยวเมืองจิ่งเต๋อเจิ้น เมืองอู้หยวน และเมืองหนานชางของจีน การเดินทางที่เป็นเวลา 3 วันนี้ เอซลา เน็ตไอดอลชาวอเมริกัน โดยสารรถไฟความเร็วสูงสายหนานชาง-จิ่งเต๋อเจิ้น-ภูเขาหวงซาน เริ่มเดินทางจากสถานีจิ่งเต๋อเจิ้นเหนือ และเที่ยวทั้งสามเมืองเพื่อสัมผัสวัฒนธรรมตรุษจีน
“ชอบรถไฟความเร็วสูงของจีนมาก เหมือนเครือข่ายที่น่ามหัศจรรย์อยากไปเที่ยวทุกที่เลย ปี 2024 เอซลาได้ไปเที่ยว 10 เมืองของจีน เช่น กวางเจา เซี่ยงไฮ้และปักกิ่ง แต่การสัมผัสการเดินทางในช่วงตรุษจีนหรือชุนยุ่น ในฐานะชาวต่างชาตินั้น นับเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่จริง ๆ ที่สถานีจิ่งเต๋อเจิ้นเหนือ เอซลาอดอุทานไม่ได้ว่า “คนเยอะแบบนี้ แต่ทุกอย่างเรียบร้อยดี มหัศจรรย์จริง ๆ”
แมทธิว จากลอสแองเจลิส สหรัฐฯ และลัคลัน หนุ่มออสเตรเลียก็อยู่ในคณะนักท่องเที่ยวนี้ด้วย ลัคลันเดินทางมาจีนเป็นครั้งแรก เพราะจีนประกาศนโยบายยกเว้นวีซ่า 240 ชั่วโมง ก่อนเดินทาง พ่อแม่เคยกังวลเรื่องความปลอดภัย ลัคลันหัวเราะว่า ในความเป็นจริงคือไม่มีที่ไหนปลอดภัยกว่าที่นี่แล้ว และการชำระเงินด้วยมือถือก็สะดวกมาก บนสื่อโซเชียล ในช่วงเวลาสั้น ๆ ไม่กี่วัน มิตรชาวต่างชาติเกือบล้านคนหลั่งไหลสมัครบัญชีเสี่ยวหงซู (Rednote)ในส่วนออฟไลน์ คนที่เข้ามาในจีนเพิ่มขึ้น 150%

ในขณะที่บางประเทศสร้างกำแพงสูง จีนกลับอ้าแขนต้อนรับประชาชนประเทศต่าง ๆ จากทั่วโลก จีนผลักดันการเพิ่มจำนวนประเทศยกเว้นวีซ่ามากขึ้น เพื่อผสมผสานความชีวิตชีวาของฤดูใบไม้ผลิเข้ากับการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวอย่างลึกซึ้ง ในจีน ไม่ว่าคุณจะสนใจวัฒนธรรม อยากจะค้นหาร่องรอยมรดกอารยธรรมโบราณ จะเป็นนักผจญภัยที่ชอบทิวทัศน์ธรรมชาติ หรือเป็นนักวิจัยด้านภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่สนใจงานหัตถกรรมพื้นบ้าน ล้วนสามารถหาความสุขตามที่ปรารถนาได้จากการท่องเที่ยวในจีน
Darren Watkins Jr.ยูทูบเบอร์ดังระดับโลก เดินทางมาสตรีมสดในหลายพื้นที่ของจีน โดยไม่มีการตัดต่อ ไม่มีการปรับแต่งใด ๆ ให้ผู้ชมทั่วโลกได้เห็นถึงความรุ่งเรืองทันสมัยของจีน และความเป็นมิตรของประชาชนชาวจีนโดยแท้จริง ตั้งแต่ทิวทัศน์ยามค่ำคืนที่สดใสของเดอะบันด์ในเซี่ยงไฮ้ ไปจนถึงกําแพงสีแดงและกระเบื้องสีเหลืองของพระราชวังต้องห้ามในกรุงปักกิ่ง ไปจนถึงการเรียนศิลปะการต่อสู้ของวัดเส้าหลินและชมการแสดงโชว์เปลี่ยนใบหน้าของละครเสฉวนในเฉิงตู การสตรีมสดทุกครั้งของเขาดึงดูดผู้ชมจากทั่วโลก ชาวเน็ตจํานวนนับไม่ถ้วนติดตามกล้องของเขาเพื่อสัมผัสกับชีวิตสมัยใหม่ เทคโนโลยีที่ทันสมัยและวัฒนธรรมอันยาวนานของจีน ได้เห็นประเทศจีนที่สดใหม่และเป็นจริง ผ่านการถ่ายทอดสดที่ไม่มีตัวกรอง เพื่อปรับปรุงระดับการอํานวยความสะดวกในการเดินทางของนักท่องเที่ยวต่างชาติในประเทศจีน จีนได้ปรับปรุงและลดขั้นตอนพิธีการศุลกากรอย่างต่อเนื่อง โดยลดเวลาการรอที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง หานเหม่ย ชาวมาเลเซียเชื้อสายจีน เดินทางเข้าจีนผ่านด่านเมืองเซินเจิ้น เมื่อวันที่ 4 ก.พ. เพื่อมาพบปะเยี่ยมญาติพี่น้องที่ประเทศจีน เธอกล่าวว่าขั้นตอนการเข้าประเทศจีนเรียบง่ายกว่าเมื่อก่อนมาก "เมื่อเครื่องบินลงจอดที่เซินเจิ้นและเดินผ่านด่านศุลกากร เพียงแค่กรอกข้อมูลบัตรเข้าประเทศของชาวต่างชาติให้ครบถ้วน ขั้นตอนทั้งหมดก็ราบรื่นมาก" จีนยังเพิ่มจํานวนร้านค้าคืนภาษีขาออกให้มากขึ้นด้วย เจมส์ นักท่องเที่ยวจากนิวซีแลนด์กล่าวว่า "ไม่จำเป็นต้องไปที่สนามบินเพื่อกรอกเอกสารให้ครบถ้วนแล้ว เคาน์เตอร์ขอคืนภาษีอยู่ที่ชั้น 1 ของห้างเลย เดินซื้อของเสร็จไม่กี่นาทีก็ถึงแล้ว และกระบวนการขอคืนภาษีก็รวดเร็วมาก ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น"
ในห้างสรรพสินค้าที่มีบริการคืนภาษีขาออกในกวางเจา มักจะเห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ "กวาดสินค้า" ซื้อของติดมือกลับไปกันมากมาย ในห้างสรรพสินค้า SKP ปักกิ่ง มือของนักท่องเที่ยวต่างชาติเต็มไปด้วยถุงช้อปปิ้งยี่ห้อต่าง ๆ ส่วนที่มณฑลเจ้อเจียงได้ขยายร้านค้าให้บริการคืนภาษี ขาออกเพิ่มอีก 5 แห่ง รวมเป็น 219 แห่ง ดังที่ผู้อ่านแสดงความคิดเห็นในบัญชีแพลตฟอร์มโซเชียลของ The Times of India ว่า เมื่อตะวันตกสร้างกําแพงการค้าสูง จีนได้ปูพรมแดงให้กับนักช้อปทั่วโลก
กำลังการผลิตคุณภาพใหม่ ไฮไลท์มีต่อเนื่อง
ช่วงเช้าวันใหม่ของคนจีนทั่วไปมักจะเริ่มขึ้นแบบนี้ คือ ลืมตาตื่นเหลือบดูสายรัดข้อมืออัจฉริยะที่แสดงระยะเวลานอนหลับในระดับลึกของเมื่อคืน จากนั้นก็ลุกขึ้น พบว่าหน้าจอโทรศัพท์มือถือปรากฏการแจ้งเตือนรายการใหม่แบบไดนามิกว่า สินค้าที่สั่งซื้อออนไลน์เมื่อวานนี้ได้เริ่มจัดส่งแล้ว คาดว่าจะมาถึงในวันพรุ่งนี้ ต่อจากนั้นก็ออกเสียงสั่งงานหุ่นยนต์กวาดพื้น แล้วเจ้าตัวเล็กก็เริ่มหน้าที่ของมัน พอเตรียมตัวเสร็จก็เดินลงไปที่ลานจอดรถชั้นใต้ดินของอาคาร แท่นชาร์จแบตได้เติมไฟให้กับรถยนต์พลังงานใหม่เต็มแล้ว เริ่มออกเดินทางไปทํางานได้อย่างง่ายดาย
เมื่อสิบปีก่อน นี่อาจเป็นฉากในภาพยนตร์เกี่ยวกับ "โลกอนาคต" แต่ตอนนี้ นี่เป็นเพียงวันธรรมดาในปี 2025
อุตสาหกรรมการผลิตของจีนอัพเกรดความเป็นอัจฉริยะอย่างต่อเนื่อง โดยมีการติดตั้งประยุกต์ใช้งานหุ่นยนต์คิดเป็นครึ่งหนึ่งของโลก การถือครองสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับหุ่นยนต์ของจีนคิดเป็น 2 ใน 3 ของโลก รถไฟความเร็วสูงที่เร็วที่สุดในโลก CR450 EMU ก็ได้เปิดตัวแล้ว และให้บริการเชิงพาณิชย์ได้ด้วยความเร็วสูงถึง 400 กิโลเมตรต่อชั่วโมง การผลิตรถยนต์พลังงานใหม่ของจีนเป็นกว่า 10 ล้านคันต่อปี เปลี่ยนจากล้านคันเป็นสิบล้านคันใช้เวลาเพียง 6 ปีเท่านั้น
ตั้งแต่ต้นปีนี้ กำลังการผลิตคุณภาพใหม่ของเศรษฐกิจจีนมีไฮไลท์หลายอย่าง วิสาหกิจเริ่มต้นใหม่ เช่น "หกมังกรน้อยในเมืองหางโจว" ซึ่งมี DeepSeek เป็นตัวแทนนั้น ได้บรรลุความก้าวหน้าใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ปลุกกระแส "เทรนด์เทคโนโลยีของจีน" สะท้อนภาพรวมด้านนวัตกรรมทางเทคโนโลยีแบบ "อนาคตมาถึงแล้ว" ส่วนภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่อง "Nezha 2" ก็ก้าวขึ้นสู่อันดับต้น ๆ ของบ็อกซ์ออฟฟิศทั่วโลกและขับเคลื่อนการบริโภคที่เกี่ยวข้อง กลายเป็นประเด็นร้อนใหม่ของการบริโภคทางวัฒนธรรม ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงพื้นที่การพัฒนานวัตกรรมขนาดใหญ่ของภาพยนตร์จีนและอุตสาหกรรมวัฒนธรรมจีน
เศรษฐกิจจีนมีโอกาสในการปรับเปลี่ยนรูปแบบที่กว้างใหญ่ ตั้งแต่ต้นปีนี้ การดําเนินงานทางเศรษฐกิจของจีนยังคงรักษาแนวโน้มการฟื้นตัวต่อเนื่องจากไตรมาส 4 ของปี 2024 และเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจใหม่ก็ค่อย ๆ เพิ่มขึ้น ในช่วงสองเดือนแรกที่ผ่านมา มูลค่าเพิ่มของอุตสาหกรรมการผลิตที่มีเทคโนโลยีสูงขนาดใหญ่มีการเติบโต 9.1% และเร็วขึ้น 0.2% เมื่อเทียบกับปี 2024 ที่ผ่านมา
นวัตกรรมด้าน "ปัญญาประดิษฐ์ " ได้ขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างรวดเร็วของการผลิตระดับไฮเอนด์ การเกษตรแบบดั้งเดิมก็มีการปรับโฉมใหม่ เนื่องจากมีการประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การเพาะปลูกในเรือนกระจก มีอุปกรณ์ที่ทันสมัยทุกอย่าง อุณหภูมิ ความชื้นและแสงสามารถปรับได้อย่างแม่นยํา ในท้องไร่ที่นา เครื่องจักรกลการเกษตรมีระบบนำทางโดยดาวเทียมเป่ยโต่ว ช่วยให้งานหว่านเมล็ดพันธุ์และใส่ปุ๋ยมีความแม่นยำ ปรับ ขนาดพื้นที่ฟาร์มอัจฉริยะไร้มนุษย์ในทั่วประเทศจีนมีมากกว่า 200 ตารางกิโลเมตร แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซสินค้าเกษตรและข้อมูลการขนส่งห่วงโซ่ความเย็น ได้ช่วยส่งเสริมการเชื่อมโยงภาคการผลิตกับการตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ โครงการ "อินเทอร์เน็ต และ สินค้าเกษตรออกจากหมู่บ้านสู่เมือง" มีความครอบคลุมทั่วประเทศ ภายใต้แสงแดดที่อบอุ่นของฤดูใบไม้ผลิ ทุ่งนาอันกว้างใหญ่ในจีนเป็นภาพบรรยากาศที่คึกคักยิ่ง

แบ่งปันโอกาสการตลาดกับโลก
ตั้งแต่ต้นปีนี้ จีนได้จัดประชุมฟอรั่มระดับสูงหลายครั้ง ตั้งแต่การประชุมประจําปี 2025 ของฟอรั่มการพัฒนาระดับสูงของจีน ไปจนถึงการประชุมประจําปี 2025 ของฟอรั่มเอเชียโป๋อ๋าว และการประชุมประจําปีของฟอรั่มจงกวนชุน 2025 ผู้แทนอุตสาหกรรมและพาณิชย์จากทั่วโลกได้ชุมนุมกันที่ประเทศจีน เพื่อสัมผัสพลวัตใหม่และแรงผลักดันของเศรษฐกิจจีนอย่างใกล้ชิด มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาและรับมือกับความท้าทายของยุคสมัย
การดึงดูดและการใช้เงินทุนจากต่างประเทศเป็นส่วนสําคัญของนโยบายระดับชาติขั้นพื้นฐานของจีน ในการเปิดกว้างสู่โลกภายนอกมาโดยตลอด ในฐานะที่เป็นสักขีพยาน ผู้มีส่วนร่วม และผู้ได้รับผลประโยชน์จากการปฏิรูปเปิดประเทศของจีน วิสาหกิจทุนต่างชาติได้หลอมรวมเข้ากับการพัฒนาเศรษฐกิจของจีนอย่างกลมกลืนมานานแล้ว วิสาหกิจทุนต่างชาติในจีนมีส่วนร่วมในการจ้างงานเกือบ 7%, การจัดเก็บภาษี 1/7, 1/3 ของยอดมูลค่าการนําเข้าส่งออก และ 1/2 ของการส่งออกผลิตภัณฑ์เครื่องกลไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์ไฮเทค
ในการประชุมประจําปี 2025 ของฟอรั่มการพัฒนาระดับสูงของจีน คําพูดของนายคัง หลินซง ประธานคณะกรรมการบริษัทเมอร์เซเดส-เบนซ์กรุ๊ป จํากัด แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจและความคาดหวังของบริษัทต่างชาติจํานวนมากที่มีต่อการเปิดกว้างอย่างต่อเนื่องของจีน "สําหรับพวกเรา แม้ว่าจีนจะไม่ใช่บ้านเกิด แต่ก็มีความผูกพันเหมือนบ้านเกิด นโยบายที่ส่งเสริมการเปิดกว้างและปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจทุกประการ จะทําให้จีนน่าสนใจยิ่งขึ้นและทําให้บริษัทต่าง ๆ ลงคะแนนความไว้วางใจอย่างแข็งขัน นายคัง หลินซงกล่าวว่า “มั่นใจจีนจะได้ชัยชนะในอนาคต”
"เดินไม่กี่ก้าวก็จะเจอหุ่นยนต์ตัวหนึ่ง" ในที่ประชุมประจําปี 2025 ของฟอรั่มจงกวานชุน หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์เกือบร้อยตัวได้แสดงทักษะต่าง ๆ ให้บริการในหลายส่วน เช่น ต้อนรับแขก สื่อสารให้ข้อมูล และเป็นพิธีกร ทําให้สถานที่จัดงานเต็มไปด้วยปัจจัยเทคโนโลยี นายอับดุลลาห์มาน อัล-ฟาจี ซีอีโอของบริษัทอุตสาหกรรมพื้นฐานของซาอุดิอาระเบียกล่าวว่า จีนได้ส่งเสริมการยกระดับอุตสาหกรรมการผลิตและการเติบโตอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมเกิดใหม่อย่างต่อเนื่อง นําโอกาสใหม่ ๆ มาสู่บริษัทข้ามชาติ "ตลาดจีนเป็นองค์ประกอบสําคัญของเค้าโครงกลยุทธ์ระดับโลกของเราอย่างไม่ต้องสงสัย"
"ปัญหาและความท้าทายที่โลกกําลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน ไม่มีประเทศใดสามารถรับมือหรือแก้ไขได้ตามลําพัง" ในการกล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุมประจําปีของฟอรั่มเอเชียโป๋อ๋าวในปีนี้ นายสอนไซ สีพันดอน นายกรัฐมนตรีสปป.ลาว แสดงความเห็นว่า ประเทศต่าง ๆ จําเป็นต้องร่วมมือกันอย่างกว้างขวางและหารือกันอย่างจริงใจ เพื่อส่งเสริมการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศรูปแบบใหม่ ที่มีความไว้วางใจซึ่งกันและกันและได้รับผลประโยชน์ร่วมกัน "ข้อริเริ่มด้านการพัฒนาโลก ข้อริเริ่มด้านความมั่นคงโลก และข้อริเริ่มด้านอารยธรรมโลกที่จีนเสนอมีความจําเป็นและความเร่งด่วน มีความสําคัญในทางปฏิบัติอย่างมาก" นายเซี่ย อี้ รองประธานอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์กล่าวว่า จีนสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่มุ่งเน้นการตลาด หลักนิติธรรม และมีความสากลอย่างต่อเนื่อง นําโอกาสมาสู่การพัฒนาวิสาหกิจต่างชาติในจีนมากขึ้น
“จีนจะเป็นเป้าหมายประเทศการลงทุนที่มั่นคง และมีประสิทธิผลของนักธุรกิจต่างชาติ”เมื่อไม่นานมานี้ ขณะพบกับผู้แทนแวดวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์ นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เชิญชวนให้ธุรกิจต่างชาติมาร่วมแบ่งปันโอกาสจากการพัฒนาของจีน การร่วมเดินทางกับจีนก็คือร่วมแบ่งปันโอกาส เชื่อมั่นจีนก็คือเชื่อมั่นวันพรุ่งนี้ ลงทุนในจีนก็คือลงทุนในอนาคต
------------------------------------------------------------
เขียนโดย จางเฝ่ยเยี่ย และหวังอวี๋ซินหง
แปลโดย หานซี
ตรวจแก้โดย รพีพรรณ วงษ์กรวรเวช

ปี 2024 ไทยได้ดึงดูดเงินลงทุนกว่า 1.13 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดในรอบกว่า 10 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ต้นปีนี้ รัฐบาลไทยได้เพิ่มความพยายามในการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะการเสริมสร้างความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจกับจีน และผลักดันการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศ เพื่อพัฒนาไทยให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจในภูมิภาค
ปี 2025 เป็นวาระครบรอบ 50 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนและไทย ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศกำลังได้รับการพัฒนาใหม่ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (IEAT) ได้มีการหารือกับมณฑลอันฮุยของจีนอย่างลุ่มลึก โดยมีเป้าหมายที่จะอัปเกรดบันทึกความเข้าใจ "สองประเทศสองนิคม" ซึ่งมีอยู่แล้ว เพื่อสร้างโอกาสการค้าและการลงทุนมากขึ้นให้กับนักธุรกิจทั้งสองฝ่าย นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ รักษาการผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่าทั้งสองฝ่ายได้มีการกำหนดกรอบฉบับสุดท้ายของบันทึกความเข้าใจแล้ว และคาดว่าจะลงนามอย่างเป็นทางการภายในปีนี้ ความร่วมมือนี้จะมุ่งเน้นไปที่อุตสาหกรรมพลังงานใหม่ รถยนต์ไฟฟ้า และความปลอดภัยด้านอาหาร เพื่อผลักดันความร่วมมือที่ลึกซึ้งระหว่างสองประเทศภายใต้ข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative)
นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ กล่าวว่า หากความร่วมมือกับมณฑลอันฮุยประสบความสำเร็จ จะช่วยดึงดูดนักลงทุนจากมณฑลอื่น ๆ ในประเทศจีนมายังประเทศไทยได้มากขึ้น นักลงทุนชาวจีนที่เข้ามายังนิคมอุตสาหกรรมไทยไม่เพียงแต่จะช่วยกระตุ้นการพัฒนาเศรษฐกิจในท้องถิ่น แต่ยังสามารถช่วยให้บริษัทไทยขยายตลาดในประเทศจีนและกระชับความร่วมมือด้านการลงทุนซึ่งกันและกัน ต่อการนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมไทยกับ IEAT จะร่วมมือกันส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมต่าง ๆ รวมถึงพลังงานใหม่และความปลอดภัยด้านอาหาร และจะทำงานร่วมกับบริษัทจีนในการพัฒนาการฝึกอบรมบุคลากรและการสร้างระบบห่วงโซ่อุปทานในการผลักดันเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางรถยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาค รัฐบาลไทยได้ทำงานร่วมกับกลุ่มบริษัทที่มีชื่อเสียงจากจีนอย่าง Guangzhou Automobile (GAC Group), BYD และ Huawei อย่างใกล้ชิดในช่วงที่ผ่านมา นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมของไทย กล่าวว่า ไทยมีที่ตั้งตำแหน่งทางยุทธศาสตร์ในการเชื่อมกับตลาดเอเชียและสามารถส่งออกไปทั่วโลก โดยเฉพาะในพื้นที่เขตระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก ซึ่งกลุ่มบริษัท GAC และ BYD ได้ตั้งฐานการผลิตขึ้น จะช่วยผลักดันให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าที่สำคัญในภูมิภาคนี้ นอกจากนี้ โครงการความร่วมมือของบริษัทหัวเว่ยในด้านเทคโนโลยี 5G, ปัญญาประดิษฐ์, หุ่นยนต์ และเทคโนโลยีพลังงานสีเขียว ได้ให้การสนับสนุนทางเทคโนโลยีที่สำคัญแก่ประเทศไทยในการพัฒนาสาธารณูปโภคดิจิทัล และการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน
ช่วง 50 ปีตั้งแต่การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าของทั้งสองประเทศดำเนินไปอย่างมั่นคงและต่อเนื่อง มูลค่าการลงทุนระหว่างสองประเทศสร้างสถิติสูงสุดใหม่อยู่บ่อยครั้ง ในขณะที่ข้อริเริ่ม "หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง" ได้กลายเป็นแพลตฟอร์มสำคัญของความร่วมมือระหว่างสองประเทศ ข้อมูลจากสำนักงานศุลกากรแห่งประเทศจีนเมื่อเร็ว ๆ นี้ แสดงให้เห็นว่า ในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ มูลค่าการค้าระหว่างไทยและจีนอยู่ที่ 148,880 ล้านหยวน เติบโตขึ้น 11.9% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งจีนส่งออก 100,310 ล้านหยวน เติบโตขึ้น 13.3% และนำเข้า 48,570 ล้านหยวน เติบโตขึ้น 9.1% จีนเป็นคู่ค้าทางการค้าที่ใหญ่ที่สุดของไทยอย่างต่อเนื่องหลายปี และไทยเป็นคู่ค้าทางการค้าลำดับที่ 3 ของจีนในกลุ่มประเทศอาเซียน นักวิเคราะห์ในวงการเชื่อว่า ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างไทยกับจีนมีจุดแข็งที่สามารถเสริมกันได้
มองไปข้างหน้า โอกาสความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ซึ่งกันและกันระหว่างสองประเทศกว้างใหญ่ไพศาล และอนาคตการพัฒนาที่ได้ชัยชนะร่วมกันนั้นสามารถคาดหวังได้
ความร่วมมือในโครงการ "สองประเทศสองนิคม" ระหว่างไทยกับจีนในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความปรารถนาอันดีงามและความไว้วางใจอย่างสูงที่ทั้งสองฝ่ายมีต่อกัน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย ย้ำว่า "ความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างไทยกับจีนมีโอกาสที่กว้างใหญ่ โดยเฉพาะความร่วมมือด้านการค้า การลงทุน และห่วงโซ่อุตสาหกรรม ในอนาคต ไทยจะพัฒนาความร่วมมือทางการค้ากับมณฑลต่าง ๆ ของจีนอย่างต่อเนื่อง และจะประสานเข้ากับกรอบความร่วมมือข้อริเริ่ม 'หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง' อย่างแข็งขัน เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจ"
--------------------------------------------------------------
เขียนโดย หวังซือเฉิง
แปลโดย หานซี
ตรวจแก้โดย รพีพรรณ วงษ์กรวรเวช