

บริษัท มิตซูบิชิ อิเล็คทริค คอร์ปอเรชั่น (Mitsubishi Electric Corporation หรือ MELCO) จากญี่ปุ่น ร่วมมือกับ บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด (ซีพี) ประกาศร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนเป้าหมายความยั่งยืนใน 2 ด้าน ได้แก่ 1. ความร่วมมือด้านเทคโนโลยีสู่ด้านระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์ และ เทคโนโลยีการรีไซเคิลขยะพลาสติก 2. การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนและเศรษฐกิจหมุนเวียน สอดคล้องกับเป้าหมายของทั้งสององค์กร ในการมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 โดยมิตซูบิชิ อิเล็คทริค จะนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาช่วยยกระดับกระบวนการทำงานในธุรกิจของเครือเจริญโภคภัณฑ์ และต่อยอดไประดับภูมิภาค ที่นำองค์ความรู้ เทคโนโลยี และ บุคลากร มาร่วมกันพัฒนา รวมถึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ระบบดิจิทัล และโซลูชันที่ตอบโจทย์การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน รวมไปถึงการพัฒนาระบบรีไซเคิลพลาสติก โดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูงของมิตซูบิชิ อิเล็คทริค นอกจากนี้ทั้งสองบริษัทจะร่วมมือพัฒนาและประยุกต์ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และหุ่นยนต์เข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพทางธุรกิจร่วมกัน และยังมีแผนการพัฒนาบุคลากรแห่งอนาคตร่วมกัน ซึ่งจะทำให้คนไทยมีขีดความสามารถเพิ่มขึ้นด้านเทคโนโลยีอัตโนมัติ รวมไปถึงเมืองอัจฉริยะ และต่อยอดไปถึงงานวิจัยด้านเทคโนโลยี
โดยความร่วมมือครั้งนี้มี นายเคอิ อุรุมะ (Kei Uruma) ประธานบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มิตซูบิชิ อิเล็คทริค คอร์ปอเรชั่น ร่วมลงนามกับนายสุภกิต เจียรวนนท์ ประธานกรรมการ เครือเจริญโภคภัณฑ์ พร้อมด้วย นายทาดาชิ มัทซึโมโต (Tadashi Matsumoto) รองประธานบริหารมิตซูบิชิ อิเล็คทริค คอร์ปอเรชั่น และนายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ พร้อมด้วยนายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ ร่วมเป็นสักขีพยาน ณ อาคารทรู ทาวเวอร์ รัชดา กรุงเทพฯ

นายสุภกิต เจียรวนนท์ ประธานกรรมการ เครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวว่า “การพัฒนาอย่างยั่งยืนไม่ใช่เพียงแค่เป้าหมายของเรา แต่คือความรับผิดชอบร่วมกันของทุกภาคส่วน ความร่วมมือกับมิตซูบิชิ อิเล็คทริค ในครั้งนี้จะช่วยผลักดันให้เครือซีพีก้าวไปข้างหน้าในเรื่องความเป็นกลางทางคาร์บอนและเศรษฐกิจหมุนเวียน พร้อมสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจของไทยและอาเซียน เครือซีพีมุ่งมั่นที่จะใช้จุดแข็งทางธุรกิจและเครือข่ายเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งในด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและการพัฒนาโมเดลธุรกิจที่ตอบโจทย์อนาคต นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาบุคลากรที่เป็นเรื่องที่เครือให้ความสำคัญ”
นายเคอิ อุรุมะ (Kei Uruma) ประธานบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มิตซูบิชิ อิเล็คทริค คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า “เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ร่วมงานกับกลุ่มบริษัทเครือซีพี ซึ่งเป็นองค์กรที่มีปรัชญาและความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างประโยชน์แก่ประเทศและภูมิภาคอาเซียนความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในไทยและอาเซียน พร้อมมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน รวมถึงการส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยเฉพาะการรีไซเคิลพลาสติก ซึ่งกำลังมีบทบาทสำคัญในระดับโลกและเป็นกุญแจสำคัญในการปรับตัวตามระเบียบสหภาพยุโรปเกี่ยวกับยานยนต์ที่หมดอายุ ELV (End of Life Vehicles) ด้วยประสบการณ์กว่า 60 ปีของมิตซูบิชิ อิเล็คทริค ในประเทศไทย และความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี เราเชื่อมั่นว่าการจับมือกับเครือเจริญโภคภัณฑ์ในครั้งนี้จะช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืนและสร้างผลลัพธ์ที่มีคุณค่าให้กับประเทศไทยและภูมิภาคในทุกมิติ”

ในรายละเอียดของความร่วมมือในด้าน “ความเป็นกลางทางคาร์บอน” เครือซีพีเตรียมนำระบบ SCADA ของมิตซูบิชิ อิเล็คทริค ติดตั้งในโรงงานและฟาร์มของบมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหารหรือ ซีพีเอฟ เพื่อบริหารจัดการการใช้พลังงานพร้อมทดลองโซลูชันประหยัดพลังงานในร้านค้าปลีกของซีพี แอ็กซ์ตร้า เช่น แม็คโคร และโลตัสโดยเริ่มที่กรุงเทพฯ เป็นกลุ่มแรก จากโซลูชันเหล่านี้ ทั้งสองบริษัทตั้งเป้าลดการใช้ไฟฟ้าของร้านค้าที่ทดสอบลงมากกว่า 20% เมื่อเทียบกับสัดส่วนการใช้ไฟฟ้าในปัจจุบัน ขณะเดียวกันทั้งสองบริษัทจะลดการใช้พลังงานในเครือซีพีโดยขยายการใช้ความเชี่ยวชาญในการดำเนินงานที่ได้รับจากโครงการข้างต้น รวมถึงนำโซลูชันการประหยัดพลังงานของมิตซูบิชิ อิเล็คทริคไปใช้ในร้านค้าปลีก โรงงาน อาคาร ศูนย์ข้อมูล และสถานที่อื่น ๆ ของกลุ่มซีพี ไปพร้อมกับการสำรวจโอกาสทางธุรกิจจากดำเนินงานดังกล่าวควบคู่ด้วย
สำหรับความร่วมมือในด้าน “เศรษฐกิจหมุนเวียน” ทั้งสองฝ่ายจะศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาระบบรีไซเคิลพลาสติก โดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูงของมิตซูบิชิ อิเล็คทริค ผสานกับความเชี่ยวชาญด้านการจัดการธุรกิจของเครือซีพี ครอบคลุมการจัดการพลาสติก ตลอดห่วงโซ่อุปทาน ตลอดจนการขยายผลไปยังบริษัทชั้นนำด้านค้าปลีก รวมไปถึงสมาคมอุตสาหกรรมและหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง
วัน แบงค็อก เมืองอัจฉริยะต้นแบบเพื่อความยั่งยืนที่ครบครันใจกลางกรุงเทพ พัฒนาโดย ทีซีซี แอสเซ็ทส์ (ประเทศไทย) จำกัด และ เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับ อิเซตัน มิตซูโคชิ โฮลดิ้งส์ จำกัด กลุ่มบริษัทห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น โดยความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ของทั้งสองฝ่ายถือเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนอนาคตของภาคธุรกิจรีเทลและอาคารสำนักงานในกรุงเทพฯ สู่การเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนโดยการร่วมทุนในครั้งนี้แบ่งเป็น สองส่วนหลัก คือการพัฒนาและบริหารจัดการมิตซูโคชิ ซูเปอร์มาร์เก็ต-ฟู้ดฮอลล์ และการร่วมลงทุนในอาคารสำนักงาน วัน แบงค็อก ทาวเวอร์ 4 ตอกย้ำการเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ และไลฟ์สไตล์ระดับโลก ที่จะช่วยดึงดูดนักธุรกิจชั้นนำ นักลงทุน และนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ
ด้วยวิสัยทัศน์แห่งความมุ่งมั่นที่จะสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับฟู้ดรีเทลในกรุงเทพฯ พร้อมมอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้แก่ฟู้ดเลิฟเวอร์ที่มาเยือนวัน แบงค็อก ด้วยซูเปอร์มาร์เก็ตและฟู้ดฮอลล์ สไตล์ “เดปาจิกะ” ที่โดดเด่นด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัว เป็นศูนย์รวมอาหารและโกรเซอรี่ระดับพรีเมียมตามแบบฉบับของซูเปอร์มาร์เก็ตและฟู้ดฮอลล์ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำของญี่ปุ่น ครอบคลุมพื้นที่ 4,600 ตารางเมตร ตั้งอยู่บนชั้น B1 วัน แบงค็อก รีเทล โซน Parade ที่รวบรวมประสบการณ์การชอปปิ้งที่เหนือระดับแบบครบวงจรที่สุดไว้ในที่เดียว ภายใต้แนวคิด "The Rhythmic Experience" โดยทุกท่านสามารถดื่มด่ำและเพลิดเพลินกับการชอปและชิมสินค้าอันหลากหลายที่ถูกคัดสรรมาเป็นพิเศษจากทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะอาหารสดคุณภาพสูง อาทิ ผัก ผลไม้ตามฤดูกาล เนื้อปลาสดส่งตรงจากตลาดปลาชื่อดังของญี่ปุ่น รวมถึงเนื้อสัตว์คุณภาพดีจากฟาร์มเลี้ยงสัตว์ นอกเหนือจากนี้ในส่วนของฟู้ดฮอลล์ยังมีสุดยอดร้านบูติกขนมพาสทรี คาเฟ่ และร้านอาหารญี่ปุ่นระดับพรีเมียม ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในประเทศไทย ตอกย้ำความเป็นที่สุดแห่งจุดหมายปลายทางของการชอปปิ้งและสวรรค์ของนักชิมที่เหนือระดับของ วัน แบงค็อก ที่ชาวไทยและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกต้องมาเยือน

นายปณต สิริวัฒนภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด กล่าวถึงความสำคัญของความร่วมมือในครั้งนี้ว่า "เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับอิเซตัน มิตซูโคชิ บริษัทที่มีชื่อเสียงระดับโลกและมีประวัติศาสตร์อันยาวนานมากว่า 350 ปี โดยความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสที่ทุกคนจะได้สัมผัสกับวัฒนธรรมด้านอาหารและประสบการณ์ในแบบฉบับดั้งเดิมของญี่ปุ่น โดยมิตซูโคชิ ซูเปอร์มาร์เก็ต-ฟู้ดฮอลล์ ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่จะมาช่วยเติมเต็ม วัน แบงค็อก รีเทล พร้อมมอบประสบการณ์การชอปปิ้งสุดพิเศษและเพลิดเพลินกับร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่นต้นตำรับที่แท้จริงอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ของมิตซูโคชิ นอกจากความร่วมมือในส่วนของรีเทลแล้ว เรายังขยายการลงทุนร่วมกันไปยังอาคารสำนักงาน วัน แบงค็อก ทาวเวอร์ 4 ถือเป็นก้าวสำคัญสู่การบรรลุเป้าหมายทางวิสัยทัศน์ในการสร้างเมืองแห่งใหม่ที่จะมาเสริมศักยภาพของกรุงเทพฯ ในฐานะจุดหมายปลายทางของธุรกิจและไลฟ์สไตล์ระดับโลกให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น”

มร. โทชิยูกิ โฮโซยะ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของอิเซตัน มิตซูโคชิ โฮลดิ้งส์ จำกัด กล่าวถึงความร่วมมือในครั้งนี้ว่า “กลุ่มอิเซตัน มิตซูโคชิ มีเป้าหมายที่จะขยายฐานลูกค้าไปยังทั่วโลก เอเชียถือเป็นภูมิภาคที่มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับเรา โดยเฉพาะประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศที่มีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับญี่ปุ่น และกรุงเทพฯถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงซึ่งมีฐานลูกค้าจำนวนมากที่ชื่นชอบคุณภาพของสินค้าญี่ปุ่น นอกจากนี้ห้างสรรพสินค้าญี่ปุ่นของอิเซตัน มิตซูโคชิ ยังได้รับความนิยมในกลุ่มคนไทยอีกด้วย วัน แบงค็อก เป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ครบครัน มีแนวคิดที่ล้ำสมัยครอบคลุมทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นด้านการออกแบบ และความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของกลุ่มอิเซตัน มิตซูโคชิ อีกทั้งยังเป็นโครงการต้นแบบเพียบพร้อมไปด้วยนวัตกรรมแห่งอนาคต เราจึงมีความมุ่งมั่นในการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการรังสรรค์นี้ เรามั่นใจว่าการนำวัฒนธรรมและประเพณีอันยาวนานของอิเซตัน มิตซูโคชิ จะสามารถเข้ามาเสริมความแข็งแกร่ง และมอบประสบการณ์อันทรงคุณค่าที่มีเอกลักษณ์ให้กับ วัน แบงค็อก”

ความร่วมมือในเชิงกลยุทธ์ครั้งนี้ จะยกระดับศักยภาพของรีเทลและอาคารสำนักงานสู่มาตรฐานระดับโลก พร้อมดึงดูดนักลงทุนจากบริษัทชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ ตลอดจนนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลก ขณะเดียวกันยังเป็นการผสานวิสัยทัศน์ร่วมกันเพื่อสร้างสรรค์อนาคตของกรุงเทพฯ ก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและไลฟ์สไตล์ระดับโลก