

กลุ่มภาคีเครือข่าย PPP Plastics เดินหน้า Roadmap การจัดการขยะพลาสติก ระยะที่ 2 อย่างต่อเนื่อง มุ่งผลักดันให้เกิดการคัดแยกขยะตั้งแต่ต้นทาง ขับเคลื่อนสู่เป้ารีไซเคิลพลาสติกเป้าหมายได้ 100% และลดปริมาณขยะหลุดรอดลงทะเล 50% ในปี 2570
เครือข่ายและสมาคม PPP Plastics (Public-Private Partnership for Sustainable Plastic and Waste Management) ได้ประกาศความร่วมมือกับภาคีเพื่อจัดการพลาสติกตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน พร้อมจัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อติดตามความก้าวหน้า Roadmap การจัดการขยะพลาสติกของประเทศไทย โดยนำเสนอแผนปฏิบัติการระยะที่ 2 (พ.ศ. 2566–2570) และความคืบหน้าในการสร้างระบบนิเวศหมุนเวียนพลาสติก (Plastics Circularity Ecosystem) ครอบคลุมนโยบาย งานวิจัย การจัดการวัสดุใช้แล้ว การรีไซเคิล ไปจนถึงการสร้างโครงสร้างพื้นฐานและระบบฐานข้อมูลวัสดุรีไซเคิลระดับประเทศ รองรับแนวทางขยายความรับผิดชอบของผู้ผลิต (EPR)

นายทวีชัย เจียรนัยขจร นักวิชาการสิ่งแวดล้อมชำนาญการพิเศษ กรมควบคุมมลพิษ สรุปว่า Roadmap ระยะที่ 1 (พ.ศ. 2563–2565) มีเป้าหมายลด ละ เลิกผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ไม่จำเป็น แต่สถานการณ์โควิด-19 ส่งผลต่อประสิทธิภาพการดำเนินงาน ขณะที่แผนระยะที่ 2 ซึ่งจัดทำในช่วงที่โควิดยังไม่คลี่คลาย จึงเน้นการปรับตัว ลดขยะตั้งแต่ต้นทาง และคัดแยกเพื่อสร้างระบบนิเวศหมุนเวียนพลาสติก นำผลิตภัณฑ์เป้าหมายเข้าสู่การรีไซเคิลให้ได้มากที่สุดจนถึง 100% ภายในปี 2570 และลดขยะพลาสติกหลุดรอดสู่สิ่งแวดล้อมและทะเลลง 50% ในปีเดียวกัน
แผนปฏิบัติการระยะที่ 2 ประกอบด้วย 4 มาตรการหลัก ได้แก่ การผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยกำหนดมาตรฐาน Eco-design ลดการใช้บรรจุภัณฑ์เกินจำเป็น ส่งเสริมการใช้เม็ดพลาสติกรีไซเคิล (PCR) อย่างน้อย 30% และให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่ผู้ผลิตที่ปฏิบัติตาม การลดขยะพลาสติกในขั้นตอนการบริโภค โดยรณรงค์ให้ผู้บริโภคลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว ส่งเสริมภาชนะใช้ซ้ำ และสร้างจุด Drop Point การจัดการขยะพลาสติกหลังการบริโภค โดยออกข้อบัญญัติท้องถิ่นให้มีการคัดแยกขยะตั้งแต่ครัวเรือน พัฒนาระบบเก็บรวบรวม เช่น รถเร่ ซาเล้ง ร้านรับซื้อของเก่า และส่งเสริมธุรกิจรีไซเคิลที่มีมาตรฐาน รวมถึงศึกษาความคุ้มค่าสำหรับการสร้างโรงคัดแยกขยะโดยเอกชน และการจัดการขยะพลาสติกในทะเล โดยเพิ่มระบบเก็บขยะในพื้นที่ริมคลอง แม่น้ำ ชายฝั่ง วางระบบจัดการขยะบนเรือท่องเที่ยว และนำเครื่องมือประมงเข้าสู่ระบบรีไซเคิล
นายทวีชัยกล่าวว่า แม้มาตรการใน Roadmap จะเป็นแบบสมัครใจ แต่มีความคืบหน้าหลายด้าน เช่น การเลิกใช้บางผลิตภัณฑ์ เช่น แคปซีล การเติมไมโครบีดส์และสาร OXO การทดลองโมเดลขยายความรับผิดชอบของผู้ผลิต (Voluntary EPR Model) เพื่อเตรียมการสำหรับร่าง พรบ. การจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืนที่คาดว่าจะมีการประกาศใช้ในอนาคตอันใกล้ การผลักดันมาตรฐานขวดน้ำดื่ม PET ให้เป็นขวดไร้ฉลากซึ่งสามารถรีไซเคิลได้ 100% การผลักดันประกาศกระทรวงมหาดไทยให้การคัดแยกและนำกลับมาใช้ใหม่เป็นหนึ่งในวิธีการกำจัดขยะ การนำเสนอการคัดแยกขยะผ่านโครงการจังหวัดสะอาด และโครงการ Thailand Smart Recycling Hub รวมถึงนโยบายควบคุมการนำเข้าเศษพลาสติกบางประเภท และการขับเคลื่อนแผนอนุรักษ์แนวปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเล รวมถึงการจัดการขยะในพื้นที่เกาะนำร่อง

ด้านนายวีระ ขวัญเลิศจิตต์ ผู้อำนวยการสำนักงานสมาคม PPP Plastics กล่าวว่า เครือข่าย PPP Plastics มีบทบาทในทุกมาตรการของ Roadmap โดยผลักดันให้มีการกำหนดกฎเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติ เช่น มาตรฐาน PCR และมาตรการสมัครใจเชิงรุกเพื่อสร้างระบบรีไซเคิลผลิตภัณฑ์
ที่ผ่านมา PPP Plastics ร่วมมือกับภาครัฐ เอกชน และประชาสังคม ดำเนินโครงการกว่า 40 โครงการที่สนับสนุน Roadmap การจัดการพลาสติกของประเทศ ด้วยหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน เช่น ระยองโมเดล โครงการมือวิเศษ x วน และมือวิเศษกรุงเทพ จุดรับพลาสติก โครงการ Recycle Market Application และ Smart Recycling Hub ที่ช่วยพัฒนาศักยภาพซาเล้งและร้านรับซื้อของเก่า

ในการสัมมนาเชิงปฏิบัติการครั้งนี้ ยังมีการนำเสนอโครงการที่สนับสนุนการสร้างระบบนิเวศเศรษฐกิจหมุนเวียน ครอบคลุมงานวิจัย นโยบาย การคัดแยกขยะจากต้นทาง การรวบรวมวัสดุรีไซเคิล ศูนย์คัดแยกวัสดุหมุนเวียน และผู้ประกอบการรีไซเคิล ซึ่งมีความคืบหน้าไปมากแล้วในประเทศไทย โดยมีนางภรณี กองอมรภิญโญ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ กลุ่มบริษัทดาว ประเทศไทย (Dow) เป็นผู้ดำเนินรายการ ในฐานะ Communication Taskforce Leader ของเครือข่าย PPP Plastics รวมถึงการนำเสนอและระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับระบบฐานข้อมูลแห่งชาติเพื่อวัสดุรีไซเคิลด้วย

ข้อเสนอจากการสัมมนาจะถูกนำไปบูรณาการในการจัดทำแผนปฏิบัติการระยะที่ 3 เพื่อสร้างความตระหนักรู้แก่ชุมชน โดยย้ำว่าพลาสติกเป็นวัสดุที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ทั้งในด้านการพัฒนาเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม มีความจำเป็นต่อชีวิตประจำวัน และสามารถทดแทนข้อจำกัดของวัสดุอื่นๆ ได้ เราจึงต้องขับเคลื่อนการใช้พลาสติกอย่างเข้าใจและยั่งยืน รวมทั้งจัดการพลาสติกใช้แล้วอย่างเหมาะสม เพื่อให้เรายังสามารถใช้ประโยชน์จากพลาสติกได้โดยไม่สร้างผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม
สมาคมความร่วมมือภาครัฐ ภาคธุรกิจ และภาคประชาสังคม เพื่อจัดการพลาสติกและขยะอย่างยั่งยืน (PPP Plastics) ได้จัดแถลงเปิดตัวสมาคมฯ อย่างเป็นทางการ ในงานเสวนา “การขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียนของประเทศไทยกับสนธิสัญญาพลาสติกโลก (Global Plastic Treaty)” ค้นหาแนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียนของประเทศ สู่การยุติมลพิษพลาสติกตามสนธิสัญญาพลาสติกโลก ซึ่งจัดขึ้นภายในงานมหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2568 (Thailand Research Expo 2025) ครั้งที่ 20 ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ และบางกอกคอนเวนซันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ โดยมี ดร.วิจารย์ สิมาฉายา ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมฯ กล่าวย้ำถึงพันธกิจสำคัญในการขับเคลื่อนการจัดการขยะพลาสติกของประเทศไทยอย่างยั่งยืนภายใต้หลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ทั้งในระดับนโยบายและปฏิบัติการจริงในพื้นที่ โดยเน้นสร้างความร่วมมือแบบบูรณาการ เพื่อพัฒนาระบบนิเวศเศรษฐกิจหมุนเวียนของพลาสติก (Circularity Ecosystem) ให้เกิดขึ้นได้จริง พร้อมตอบรับนโยบาย EPR และสนับสนุนการจัดการขยะบรรจุภัณฑ์อย่างครบวงจร ตามแนวทางของ Global Plastic Treaty

ในการนี้ ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย ในฐานะสมาชิกองค์กรภาคเอกชนของสมาคมฯ โดยมีนางสาวปาจารีย์ คุณชัยมัง Corporate Communications Manager เป็นผู้แทน ประกาศความร่วมมือภายใต้แนวคิด “Building Ecosystem for Plastic Circularity” บนเวทีเสวนาดังกล่าว ทั้งนี้ ยูนิลีเวอร์ฯ มุ่งเน้นการเสริมสร้างระบบจัดการขยะพลาสติกที่เป็นธรรมและยั่งยืน ผ่านโครงการต่างๆ ที่เน้นการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน โดยเฉพาะซาเล้งและร้านรับซื้อของเก่า ซึ่งมีบทบาทสำคัญในห่วงโซ่การจัดการขยะของประเทศ
หนึ่งในโครงการสำคัญที่ยูนิลีเวอร์ ประเทศไทยร่วมขับเคลื่อนกับ PPP Plastics คือโครงการพัฒนาทักษะและเสริมสร้างศักยภาพให้กับซาเล้งและร้านรับซื้อของเก่าในกรุงเทพฯ และการจัดตั้งศูนย์คัดแยกขยะรีไซเคิลเพื่อป้อนเข้าสู่โรงงานรีไซเคิลในเขตระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดยมีเป้าหมายชัดเจนในการนำพลาสติกหลังการบริโภคที่มีมูลค่าสูงถึง 50,000 ตัน เข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลอย่างถูกต้องและตรงตามมาตรฐานของโรงงานรีไซเคิล เพื่อเพิ่มอัตราการซื้อและการหมุนเวียนทรัพยากรในระบบ พร้อมส่งเสริมสุขภาพและความปลอดภัยของแรงงานในห่วงโซ่ดังกล่าว ผ่านการฝึกอบรม การจัดหาอุปกรณ์ป้องกัน และการตรวจสุขภาพอย่างต่อเนื่อง

นางณัฏฐิณี เนตรอำไพ ที่ปรึกษาอาวุโสฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ กลุ่มบริษัทยูนิลีเวอร์ ประเทศไทย กล่าวว่า “เราภูมิใจในความก้าวหน้าของยูนิลีเวอร์ในการจัดการกับปัญหาขยะพลาสติก แต่เราก็ยอมรับว่ายังมีอีกหลายด้านที่ต้องร่วมกันพัฒนา เราเห็นถึงความสำคัญของการออกแบบบรรจุภัณฑ์เพื่อให้สามารถรีไซเคิลได้ตั้งแต่ต้นทาง รวมทั้งการจัดการขยะพลาสติกระหวางทางและปลายทางด้วยความร่วมมือกับภาคส่วนนอกระบบ และสนับสนุนให้มีพื้นที่เสียงของพวกเขาผ่านกลไกระดับโลก เช่น สนธิสัญญาพลาสติก (Global Plastic Treaty), นโยบาย EPR ในประเทศและมาตรการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เรามุ่งมั่นมีบทบาทเชิงบวกในการสร้างความเปลี่ยนแปลงที่เป็นธรรม เพื่อยกระดับสิทธิและคุณภาพชีวิตของแรงงานในภาคส่วนที่ไม่เป็นทางการร่วมกัน”
การจับมือกันระหว่างยูนิลีเวอร์และ PPP Plastics ครั้งนี้ ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของการเดินหน้าสู่สังคมและเศรษฐกิจที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และนำพลาสติกหลังการบริโภคเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างยั่งยืนในประเทศไทย