พฤกษา โฮลดิ้ง พร้อมด้วยบริษัทในเครือ ได้แก่ โรงพยาบาลวิมุต และ อินโนโฮม คอนสตรัคชัน ร่วมกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน รวมพลังสานต่อโครงการ “บ้านใส่ใจเพื่อคนพิการ By PRUKSA” เดินหน้าต่อเนื่องมาสู่ปีที่ 6 โดยโครงการนี้มีเป้าหมายสำคัญในการปรับปรุงและสร้างบ้านใหม่ให้แก่คนพิการ เพื่อให้คนพิการได้มีที่อยู่อาศัยที่เหมาะสม ปลอดภัยและตอบสนองต่อความพิการเฉพาะรายบุคคล เพื่อช่วยให้สามารถใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายมากขึ้น พร้อมทั้งสนับสนุนสร้างโอกาสในการมีอาชีพของคนพิการ เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถพึ่งพาตนเองได้และยืนหยัดอย่างมีศักดิ์ศรีในสังคม
การลงพื้นที่สำรวจปัญหาอย่างละเอียดเพื่อแก้ไขตรงจุด
พฤกษาฯ และทีมงานได้ลงพื้นที่สำรวจสภาพแวดล้อมและความต้องการของคนพิการอย่างใกล้ชิด โดยการลงพื้นที่ครั้งนี้ได้ช่วยให้ทีมงานสามารถประเมินปัญหาที่แท้จริงของแต่ละครอบครัว ทำให้การช่วยเหลือสามารถออกแบบให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคลได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเริ่มต้นจากการเยี่ยมเยียนบ้านแต่ละหลังเพื่อพูดคุยกับคนพิการและครอบครัวในพื้นที่จังหวัดขอนแก่นและเชียงใหม่ ทีมงานได้ทำการตรวจสอบสภาพแวดล้อมโดยรอบทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐาน ระบบสาธารณูปโภค และความสะดวกในการเข้าถึงบริการต่าง ๆ ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้ทีมงานสามารถวางแผนการออกแบบและปรับปรุงบ้านที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของแต่ละบุคคลได้อย่างแท้จริง
พลังของพันธมิตรภาครัฐและเอกชน ผนึกกำลังเพื่อคุณภาพชีวิตคนพิการ
โครงการนี้ได้รับความร่วมมือจากหลากหลายองค์กรพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งรวมพลังกันในด้านทรัพยากร ความรู้ และความเชี่ยวชาญในการสร้างบ้านและสิ่งอำนวยความสะดวกให้แก่คนพิการ ไม่ว่าจะเป็นมูลนิธินวัตกรรมทางสังคม โรงพยาบาลสิรินธร ขอนแก่น ชมรมชมภูม่วนใจ๋ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รวมถึงหน่วยงานท้องถิ่นในพื้นที่ที่ร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด ทุกหน่วยงานทำหน้าที่บูรณาการความช่วยเหลือในหลากหลายด้าน เริ่มตั้งแต่การประเมินปัญหาการอยู่อาศัยของคนพิการ การจัดลำดับความช่วยเหลืออย่างเป็นระบบ การส่งเสริมการเข้าถึงบริการและสวัสดิการของรัฐ และการให้คำปรึกษาในการพัฒนาอาชีพให้ยั่งยืน ซึ่งการทำงานร่วมกันในครั้งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนพิการ แต่ยังเป็นการแสดงถึงความรับผิดชอบและความห่วงใยที่องค์กรทั้งหลายมีต่อสังคมอย่างแท้จริง
นวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยและการเสริมสร้างอาชีพที่ยั่งยืน
หนึ่งในจุดเด่นของโครงการ “บ้านใส่ใจเพื่อคนพิการ By PRUKSA” คือการใช้ความเชี่ยวชาญและนวัตกรรมมาปรับปรุงพื้นที่อยู่อาศัยให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้พิการในแต่ละพื้นที่ โดยพฤกษาและทีมงานออกแบบโซลูชันที่เป็นมิตรกับการใช้งาน เช่น การปรับแต่งบ้านให้เข้าถึงได้ง่ายด้วยทางเดินที่ปราศจากสิ่งกีดขวาง พื้นห้องน้ำที่ไม่ลื่น ปรับระดับและความสูงของเครื่องมือในบ้านให้เหมาะสมกับการใช้งานของผู้พิการ รวมถึงการใช้วัสดุที่ทนทานและปลอดภัย โดยเตรียมพร้อมเพื่อส่งมอบบ้านที่ปรับปรุงแล้วเสร็จในช่วงปลายปีนี้
นอกจากนี้ พฤกษาและพันธมิตรยังให้การสนับสนุนด้านการส่งเสริมอาชีพเพื่อให้คนพิการสามารถพึ่งพาตนเองได้ ด้วยการนำเสนอแนวทางการประกอบอาชีพที่เหมาะสมกับความสามารถและสถานะของแต่ละคน เช่น การฝึกฝนอาชีพที่สามารถทำได้ที่บ้าน หรือการสร้างรายได้ผ่านการเชื่อมต่อกับเครือข่ายทางธุรกิจในท้องถิ่น เป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับผู้พิการในระยะยาว
พฤกษามุ่งมั่นในการสร้างสังคมแห่งความเป็นธรรมและเสมอภาค
ด้วยปณิธานของพฤกษา โฮลดิ้ง ที่ยังคงมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์โครงการที่มุ่งเน้นการพัฒนาสังคมให้เป็นธรรมและเสมอภาค โดยไม่มองข้ามกลุ่มคนที่ต้องการความช่วยเหลือในสังคม ทั้งนี้ พฤกษาเชื่อมั่นว่าทุกคนควรได้รับโอกาสที่เท่าเทียมกันในการมีชีวิตที่ดีขึ้น มีที่อยู่อาศัยที่มั่นคง และสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน โครงการ “บ้านใส่ใจเพื่อคนพิการ By PRUKSA” จึงเป็นการแสดงถึงความตั้งใจของพฤกษาที่จะช่วยสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งสะท้อนถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและจิตวิญญาณในการพัฒนาชุมชนอย่างแท้จริง
พฤกษา โฮลดิ้ง รายงานผลประกอบการช่วง 9 เดือนปี 2567 มีรายได้รวม 15,607 ล้านบาท กำไรสุทธิที่ 753 ล้านบาท ยังคงควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ จากการจัดการยอดหนี้และอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง ส่งผลให้ต้นทุนการเงินลดลง โดยมีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุน (Net Gearing Ratio) อยู่ที่ 0.36 เท่า ยังคงอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรม สะท้อนถึงการบริหารจัดการทางการเงินที่มั่นคง ท่ามกลางเศรษฐกิจผันผวน ธุรกิจเฮลท์แคร์เติบโต 21% ประกาศรุกตลาดที่อยู่อาศัยแบบเวลเนส เรสซิเดนซ์เต็มรูปแบบ
นายอุเทน โลหชิตพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSH กล่าวถึงการดำเนินงานของบริษัทฯ ว่า ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาบริษัทฯ มีรายได้รวม 15,607 ล้านบาท ลดลง 22% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจและการอนุมัติสินเชื่อที่เข้มงวดมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าที่มีความเปราะบาง อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ สามารถรักษากำไรขั้นต้นที่ 5,118 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้น 32.8% จากการใช้กลยุทธ์ด้านราคาที่ช่วยดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคในช่วงที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังซบเซา ในขณะเดียวกัน ธุรกิจเฮลท์แคร์ของพฤกษายังคงสร้างผลกำไรที่ดีอย่างต่อเนื่อง ช่วยเสริมฐานรายได้ของบริษัทฯ ในภาพรวม
สำหรับกำไรสุทธิในช่วง 9 เดือน อยู่ที่ 753 ล้านบาท เนื่องจากรายได้จากธุรกิจหลักลดลง แต่บริษัทฯ ยังคงควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ต้นทุนการเงินลดลงจากการจัดการยอดหนี้และอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง โดยมี อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อทุน (Net Gearing Ratio) อยู่ที่ 0.36 เท่า ยังคงอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรม สะท้อนถึงการบริหารจัดการทางการเงินที่มั่นคง
ด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริษัทฯ มียอดโอนอสังหาริมทรัพย์รวม 12,930 ล้านบาท ลดลง 24% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีการโอนคอนโดมิเนียมใหม่ จากโครงการ แชปเตอร์ วัน ออล รามอินทรา และได้รับการตอบรับที่ดีจากการเปิดโครงการบ้านเดี่ยวใหม่อย่าง โครงการเดอะ ปาล์ม บางนา-วงแหวน 2 และ โครงการการระดับซูเปอร์ลักชัวรี อย่างเดอะ ปาล์ม เรสซิเดนเซส วัชรพล นอกจากนี้ บริษัทฯ มีรายได้จากการขายที่ดินมูลค่า 2,413 ล้านบาท เพื่อใช้ในการพัฒนาโครงการร่วมกับบริษัทพันธมิตรในอนาคต
ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทฯ มีการเปิดโครงการใหม่รวม 8 โครงการ มูลค่า 10,085 ล้านบาท โดยเฉพาะโครงการ แชปเตอร์วัน มอร์ เกษตร ใกล้มหาวิทยาลัยและใกล้ BTS สายสีเขียว ที่เปิดในช่วงไตรมาส 3 ซึ่งได้รับความสนใจจากทั้งกลุ่มลูกค้าเรียลดีมานด์ (Real Demand) และกลุ่มนักลงทุน มีการจองแล้วกว่า 42% โดยคาดว่าทั้งปีจะเปิดโครงการใหม่รวมทั้งสิ้น 18 โครงการ มูลค่ารวม 20,000 ล้านบาท ซึ่งจะมีโครงการไฮไลท์ ได้แก่ เดอะปาล์ม เรสซิเดนเซส พัฒนาการ ซึ่งเป็นโครงการเวลเนส เรสซิเดนซ์เต็มรูปแบบ ในเซกเมนต์ซูเปอร์อัลตร้าลักชัวรี (Super Ultra luxury) โครงการแรกของพฤกษา ภายใต้แนวคิดผสานการดูแลสุขภาพ Well-Living Mastery อย่างลงตัวในทุกมิติ ซึ่งจะเริ่มเปิดพรีเซลล์ในช่วงปลายเดือน
พฤศจิกายนนี้ นับว่าในปีนี้พฤกษาได้รุกตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่เน้นเรื่องของสุขภาพอย่างเต็มตัว โดยเปิดโครงการเวลเนส เรสซิเดนซ์ รวมมูลค่า 10,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนมากถึง 50% จากมูลค่าโครงการเปิดใหม่ทั้งปี และในปีหน้า มีแผนจะพัฒนาโครงการที่เจาะกลุ่มเฉพาะผู้สูงวัยที่เกษียณอายุด้วย
พร้อมกันนี้บริษัทฯ มียอดขายรอโอน (Backlog) รวม 5,000 ล้านบาท โดยมีโครงการพร้อมอยู่ในมือรวมมูลค่ากว่า 8,369 ล้านบาท โดยเป็นโครงการที่มีมูลค่าน้อยกว่า 7 ล้านบาทกว่า 82% ซึ่งจะได้รับประโยชน์จากมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนลงเหลือ 0.01% และสามารถเร่งโอนรับรู้เป็นรายได้ในสิ้นปีนี้ พร้อมกับได้จัดแคมเปญโปรโมชัน "Last Chance โอกาสสุดท้าย" โดยการนำบ้านในสต็อกมาปรับราคาช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น และเป็นโอกาสสุดท้ายสำหรับผู้ซื้อบ้านในราคาต้นทุนเดิม รวมถึงมอบเงื่อนไขดอกเบี้ย 0% นาน 12 เดือน ร่วมกับธนาคารพันธมิตรเพื่อส่งเสริมยอดจองในไตรมาสที่ 4 ด้วย
ด้านธุรกิจเฮลท์แคร์ของพฤกษาเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ด้วยรายได้รวม 9 เดือนแรกที่ 1,600 ล้านบาท เติบโต 21% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้จากการรักษาคนไข้นอกเพิ่มขึ้น 25% และคนไข้ในเพิ่มขึ้น 22% โดยมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี บวกกลับค่าเสื่อมราคาและจัดจำหน่าย (EBITDA) 197 ล้านบาท สะท้อนความพยายามของกลุ่ม ในการเร่งผลักดันการขยายบริการด้านสุขภาพให้เข้าถึงผู้ป่วย และลูกค้าที่ซื้อโครงการอสังหาริมทรัพย์ของพฤกษา ซึ่งในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ยังได้ขยายบริการด้านศัลยกรรมและระบบทางเดินปัสสาวะ รวมถึงยังเดินหน้าสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่จะยกระดับการรักษาและคุณภาพชีวิตของคนไทยด้วย
“พฤกษา โฮลดิ้ง มุ่งมั่นที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างเต็มที่และสร้างความเชื่อมั่นท่ามกลางความผันผวนทางเศรษฐกิจ ด้วยการบริหารจัดการที่ยืดหยุ่น และการปรับกลยุทธ์ให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลงของตลาด เรามีความพร้อมที่จะพัฒนาและขยายธุรกิจเฮลท์แคร์ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเสาหลักที่สำคัญในการเติบโตของพฤกษา เพื่อยกระดับการดูแลสุขภาพของคนไทย และสร้างคุณค่าให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาวด้วย” นายอุเทนกล่าวทิ้งท้าย
“พฤกษา โฮลดิ้ง–แคปปิตอลแลนด์ อินเวสเม้นท์ กรุ๊ป–แอลลี่ โลจิสติกส์ พร็อพเพอร์ตี้” 3 พันธมิตรยักษ์ใหญ่พร้อมเดินหน้าเสริมแกร่งให้กองทุน “CapitaLand SEA Logistics Fund” ผนึกยักษ์ใหญ่ญี่ปุ่น ดึง “มิตซุย (Mitsui O.S.K. Lines)” เข้าถือกองทุนที่ 32.5% ด้วยเงินเพิ่มทุน 3,250 ล้าน ประเดิมด้วยการดันเมกะโปรเจกต์ “โอเมก้า บางนา โลจิสติกส์ แคมปัส” ให้เป็นศูนย์โลจิสติกส์ครบวงจรระดับภูมิภาค ตอบรับยุคอีคอมเมิร์ซบูม พร้อมเดินหน้าลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์ เพื่อสร้างเครือข่ายโลจิสติกส์ Infrastructure เชื่อมทั้งในไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม สร้างมาตรฐานใหม่ให้โลจิสติกส์ในอาเซียน
นายอุเทน โลหชิตพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSH เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ พฤกษา โฮลดิ้ง ได้จับมือกับ แคปปิตอลแลนด์ อินเวสเม้นท์ กรุ๊ป (CapitaLand Investment Group หรือ CLI) ยักษ์ใหญ่กลุ่มธุรกิจจัดการการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ระดับโกลบอลสัญชาติสิงคโปร์ และ แอลลี่ โลจิสติกส์ พร็อพเพอร์ตี้ (Ally Logistic Property หรือ ALP) ผู้ให้บริการโซลูชันคลังสินค้าแบบครบวงจรในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ของประเทศไต้หวัน เพื่อจัดตั้งกองทุน CapitaLand SEA Logistics Fund ที่มุ่งลงทุนและพัฒนาทรัพย์สินด้านอสังหาริมทรัพย์สำหรับอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ในอาเซียน และเป็นการสร้างแพลตฟอร์มเพื่อให้บริการ Infrastructure as a service ครั้งสำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในการยกระดับสำหรับนักลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ด้วยเงินกองทุนเริ่มต้นราว 6,750 ล้านบาท และมีทางเลือกเพิ่มการลงทุนได้สูงสุดราว 13,500 ล้านบาท และตั้งเป้ามูลค่าอสังหาริมทรัพย์ภายใต้การจัดการกว่า 25,000 ล้านบาท โดยในเดือนเมษายนปีนี้ CapitaLand SEA Logistics Fund ได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างโครงการ โอเมก้า บางนา โลจิสติกส์ แคมปัส คลังสินค้าครบวงจรด้วยเทคโนโลยีด้านโลจิสติกส์ที่ทันสมัยและบริการโซลูชันแบบองค์รวม มูลค่ารวม 8,430 ล้านบาท พื้นที่คลังสินค้ากว่า 200,000 ตารางเมตร ย่านบางนา จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อรองรับดีมานด์ลูกค้าไทยและต่างประเทศที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งนับเป็นเมกะโปรเจกต์แห่งแรกหลังการจัดตั้งกองทุน CapitaLand SEA Logistics Fund
ล่าสุด กองทุน CapitaLand SEA Logistics Fund ได้ขยายความร่วมมือดึง บริษัท มิตซุย โอเอสเค ไลน์ส (MOL) บริษัทขนส่งรายใหญ่ในญี่ปุ่น เข้าร่วมทุนกว่า 3,250 ล้านบาท สัดส่วนอยู่ที่ 32.5% และหลังการร่วมทุนในครั้งนี้แคปปิตอลแลนด์ ถือกองทุน 33.75% พฤกษา โฮลดิ้ง 27% และแอลลี่ โลจิสติกส์ 6.75% ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กองทุนมีศักยภาพและความร่วมมือในการเชื่อมต่อการขนส่ง การให้บริการและการขยายฐานลูกค้าที่ทาง MOL มีอยู่ เงินทุนเพิ่มนี้จะใช้ในการพัฒนาโครงการ สร้างเครือข่าย โอเมก้า โดยจะมีการนำนวัตกรรมเข้ามาใช้ และเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับบริการด้านโลจิสติกส์ในอาเซียน ทั้งนี้ คาดว่าการก่อสร้างแห่งแรกที่บางนาเฟสแรกจะแล้วเสร็จต้นปี 2569
“การขยายธุรกิจไปยังอุตสาหกรรมโลจิสติกส์จะช่วยเสริมกลยุทธ์ของพฤกษา โฮลดิ้ง ให้มีศักยภาพและเติบโตขึ้น โดยจะมีรายได้จากธุรกิจที่หลากหลาย ซึ่งปัจจุบัน อสังหาริมทรัพย์โลจิสติกส์ นับว่ามีการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากพฤติกรรมการซื้อขายทางออนไลน์ที่เพิ่มสูงขึ้น นอกจากโอเมก้า บางนา โลจิสติกส์ แคมปัส แล้ว พันธมิตรของ CapitaLand SEA Logistics Fund ทั้ง 4 ฝ่าย จะยังคงเดินหน้าลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์เพิ่ม ทั้งในไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดในแต่ละภูมิภาค” นายอุเทน กล่าว
สำหรับโครงการโอเมก้า บางนา โลจิสติกส์ แคมปัส ออกแบบโดย Ally Logistic Property หนึ่งในพันธมิตรของกองทุน CapitaLand SEA Logistics Fund โดยโครงการนี้นับเป็นคลังสินค้าอัตโนมัติขนาดใหญ่ที่รวมระบบคลังสินค้าไว้ที่ศูนย์กลาง ประกอบด้วยคลังสินค้าทั่วไป 2 แห่ง และคลังสินค้าแช่เย็นและแช่แข็ง 1 แห่ง ภายในโครงการแบ่งเป็นพื้นที่จัดการสำหรับคลังสินค้าและการจัดส่ง และพื้นที่ไร้คนขับอย่างสมบูรณ์สำหรับการจัดเก็บพาเลท และแท่นบรรทุกสินค้าที่ใช้สำหรับขนส่งและจัดเก็บสินค้า
นอกจากนี้ โอเมก้า บางนา โลจิสติกส์ แคมปัส ยังมีโครงสร้างอาคารแบบเพดานโค้ง เพื่อให้การใช้พื้นที่มีประสิทธิภาพสูงสุด สามารถจัดการสินค้าของลูกค้าหลายรายได้พร้อมกัน ทำให้สามารถขยายและทำสัญญาพื้นที่จัดเก็บและคิดค่าบริการในหน่วยพาเลทตามอุปสงค์และอุปทานสินค้าจริงของลูกค้าแต่ละราย และคลังสินค้าแห่งนี้ยังมีอุปกรณ์ขนถ่ายสินค้าอัตโนมัติที่ทันสมัย เช่น เครนไฟฟ้า ชั้นวางควบคุมอัตโนมัติ และรถนำทางอัตโนมัติ เป็นต้น