ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) รับรางวัล “องค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชน ระดับดีเด่น ประจำปี 2567” ประเภทองค์กรรัฐวิสาหกิจ จากพันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในงานประกาศรางวัลองค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชน ประจำปี 2567 จัดโดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม เน้นย้ำการดำเนินธุรกิจอย่างเคารพสิทธิมนุษยชนของ EXIM BANK อย่างต่อเนื่อง 2 ปีซ้อน ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2567
ในงานดังกล่าว EXIM BANK ร่วมแสดงนิทรรศการความสำเร็จในการดำเนินงานที่นำหลักสิทธิมนุษยชนมาเป็นพื้นฐานในการบริหารจัดการองค์กรและปฏิบัติงานในทุกระดับ สนับสนุนความหลากหลายและยอมรับความแตกต่างในทุกมิติ ไม่แบ่งแยกเพศ สถานะ และศาสนา ดูแลอย่างเท่าเทียม เป็นธรรม และไม่เลือกปฏิบัติ มุ่งดำเนินบทบาทขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การค้าการลงทุนของไทยให้เติบโตในเวทีโลกอย่างยั่งยืน เช่น การสนับสนุน Development Project ให้ผู้ประกอบการไทยดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Environmental, Social, and Governance : ESG) บนพื้นฐานของการเคารพสิทธิมนุษยชน ผ่านการให้สินเชื่อสีเขียว การออกพันธบัตรสีเขียว (Green Bond) และพันธบัตรสีน้ำเงิน (Blue Bond) รวมทั้ง Blue Financing ซึ่งเป็นการสนับสนุนเงินทุนแก่ธุรกิจที่สร้างความยั่งยืนทางทะเล ตามกรอบการระดมทุนเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Finance Framework) อันมีส่วนช่วยสร้างระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมที่ดีอันเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน เพื่อร่วมขับเคลื่อนประเทศไทยและโลกโดยรวมไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน
ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ฝนตกหนักในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง ส่งผลให้หลายพื้นที่ประสบปัญหาอุทกภัย สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สิน และความเป็นอยู่ของประชาชน EXIM BANK พร้อมเคียงข้างผู้ประกอบการไทย โดยออกมาตรการช่วยเหลือเพื่อบรรเทาผลกระทบและสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ดังนี้
ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ย Prime Rate ปัจจุบันเท่ากับ 6.35% ต่อปี
ลูกค้าสามารถแจ้งความประสงค์เข้าร่วมมาตรการช่วยเหลือได้โดยลงทะเบียนผ่าน www.exim.go.th สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ EXIM Contact Center โทร. 0 2169 9999
“EXIM BANK ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง ขอแสดงความห่วงใยผู้ประสบอุทกภัยที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ และยินดีช่วยเหลือลูกค้าผู้ประกอบการด้วยมาตรการเพิ่มทุนและโอกาส เพื่อให้มีสภาพคล่องหมุนเวียนหรือมีเงินทุนสำหรับฟื้นฟูกิจการ ลดภาระการชำระหนี้ โดยพักการชำระเงินต้นและแปลงหนี้เป็นระยะยาว ตลอดจนขยายระยะเวลาตั๋วสัญญาใช้เงินหรือเงินกู้ ทั้งนี้ เพื่อให้ลูกค้าผู้ประกอบการสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้อย่างไม่สะดุดและต่อเนื่องท่ามกลางปัญหาและปัจจัยท้าทายต่าง ๆ” ดร.รักษ์ กล่าว
ธุรกิจขนส่งสินค้าทางทะเลเป็นส่วนหนึ่งของระบบการค้าระหว่างประเทศ นับแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และต่อไปสู่อนาคต เพราะเป็นเพียงการขนส่งชนิดเดียวที่ขนส่งสินค้าได้คราวละมาก ๆ และค่าระวางเรือมีราคาถูกกว่าการขนส่งในรูปแบบอื่น ๆ อุตสาหกรรมต่อเรือและซ่อมเรือจึงเป็นอุตสาหกรรมหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนกิจการเดินเรือขนส่งและกิจการการค้าระหว่างประเทศ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง จึงสนับสนุนธุรกิจในกลุ่มพาณิชยนาวีมาอย่างต่อเนื่องกว่า 3 ทศวรรษ และได้ขยายการสนับสนุนเพื่อให้ครอบคลุมถึงธุรกิจบริการวิศวกรรมทางทะเล ซึ่งผู้ประกอบการไทยมีศักยภาพเทียบเท่าสากล เพราะเป็นธุรกิจที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ มุ่งสู่เป้าหมายการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK เปิดเผยว่า ในบทบาทธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย EXIM BANK ได้ให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ผู้ประกอบการพาณิชยนาวีของไทยที่มีศักยภาพในการขยายและเพิ่มประสิทธิภาพกองเรือ ส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจบนพื้นฐานการใช้ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอย่างยั่งยืน (Blue Economy) โดยใช้กองเรือไทยที่มีความทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และอัตราการเผาผลาญน้ำมันเชื้อเพลิง สอดคล้องกับนโยบายและเป้าหมายของ EXIM BANK สู่การเป็น Green Development Bank ขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนในมิติเศรษฐกิจ เชื่อมโยงกับสังคมและสิ่งแวดล้อม
ดร.รักษ์ กล่าวว่า บริษัทเดินเรือส่วนใหญ่ได้ขอสนับสนุนในการลงทุนต่อเรือใหม่สำหรับใช้ขนส่งสินค้าข้ามทวีปในเส้นทางเอเชีย ยุโรป และอเมริกา ช่วยลดต้นทุนการขนส่ง และเพิ่มอุปทานธุรกิจบริการขนส่งสินค้าของกองเรือไทย แต่การสนับสนุนธุรกิจทางทะเล EXIM BANK ได้ขยายการสนับสนุนเพิ่มเติมไปถึงการต่อเรือเดินสมุทรขนาดใหญ่เพื่อให้บริการในทะเลรูปแบบอื่น ๆ หนึ่งในนั้นคือ การให้บริการงานวิศวกรรมทางทะเล ซ่อมบำรุง ติดตั้งและรื้อถอนแท่นขุดเจาะน้ำมันทั้งบนบกและในทะเล ซึ่งมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจเพราะเป็นผู้ให้บริการธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงทางพลังงาน และสร้างรายได้ที่เป็นเงินตราต่างประเทศ
ลูกค้าของ EXIM BANK ที่ได้รับการสนับสนุนด้านเงินทุนหมุนเวียนและการค้ำประกันสัญญาธุรกิจคือ บริษัท เมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทในเครือ TTA เป็นผู้ให้บริการงานนอกชายฝั่งและวิศวกรรมใต้น้ำ (Subsea Engineering) ที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาตินอกชายฝั่ง (Offshore) สามารถรุกตลาดในภูมิภาคตะวันออกกลาง ชายฝั่งในซาอุดีอาระเบีย และกาตาร์ รวมทั้งได้รับงานจาก บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ที่มีความน่าเชื่อถือและมาตรฐานการทำงานระดับโลก ต่อเนื่องกว่า 10 ปี โดยกลุ่มบริษัทเมอร์เมดเป็นผู้ประกอบการไทยเพียงรายเดียว ที่ได้รับการยอมรับจากบริษัทน้ำมันชั้นนำทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศในกลุ่มตะวันออกกลาง นับว่าเป็นบริษัทที่มีคุณภาพระดับโลกและเป็นธุรกิจของคนไทยที่สามารถเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ด้วย
นายพิบูลย์ บัวคุณงามเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท เมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การก้าวเข้าสู่ธุรกิจนี้มาจากการที่บริษัทเล็งเห็นโอกาสในการพัฒนาศักยภาพและส่งเสริมผู้ประกอบการไทย ตามนโยบายของกระทรวงพลังงาน ลดการพึ่งพาต่างชาติในธุรกิจที่มีความสำคัญและเป็นรากฐานของแหล่งพลังงานในอ่าวไทย จึงได้เข้ามาดำเนินธุรกิจในด้านให้บริการงานวิศวกรรมทางทะเล รองรับความต้องการของลูกค้าในประเทศ ลูกค้าส่วนใหญ่คือ บริษัทที่ได้รับสัมปทานในอ่าวไทย ต่อมาได้ขยายธุรกิจการให้บริการออกไปยังภูมิภาคอาเซียน และในต่างประเทศ โดยเฉพาะแถบตะวันออกกลาง เช่น ประเทศซาอุดีอาระเบีย และกาตาร์ กลุ่มลูกค้าตลาดต่างประเทศ เป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่ประกอบธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม
“จุดแข็งของบริษัทคือ นโยบายด้านความปลอดภัย คุณภาพที่เชื่อถือได้ และประสบการณ์ที่ลูกค้าได้รับการบริการที่มีมาตรฐาน ตรงต่อเวลา จึงเกิดเป็นความเชื่อมั่นและไว้วางใจที่ลูกค้ามีต่อบริษัท นอกจากนี้ บริษัทยังมีกองเรือ เรือของบริษัทเอง ที่พร้อมให้บริการลูกค้า และยังได้ทำสัญญาเช่าเรือระยะยาวกับพันธมิตรจากต่างประเทศ เพื่อรองรับการให้บริการได้อย่างเหมาะสม ทำให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลกที่มีการแข่งขันรุงแรงขึ้นในปัจจุบัน” นายพิบูลย์ กล่าว
อย่างไรก็ดี ความท้าทายในอนาคตของธุรกิจซึ่งกำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นในการเปลี่ยนผ่านพลังงานจากฟอสซิลไปเป็นพลังงานทางเลือกเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม ทำให้ลูกค้ามีการพิจารณาปรับแผนการลงทุนระยะยาวบางส่วน และมองหาการลงทุนระยะกลางและระยะสั้น การขุดเจาะสำรวจน้ำมันอาจจะลดลงอนาคต แต่บริษัทรับงานการถอนติดตั้งแท่นขุดเจาะที่หมดอายุสัมปทานด้วย และในอนาคตสามารถที่จะปรับเปลี่ยนไปให้บริการแก่ธุรกิจพลังงานทางเลือก ซึ่งขณะนี้กำลังศึกษาแนวทางการเปลี่ยนแปลงที่เหมาะสม
นายพิบูลย์ กล่าวว่า EXIM BANK มีความสำคัญอย่างมากต่อการส่งเสริมผู้ประกอบการไทย ในการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันที่ต้องปรับตัวอย่างรวดเร็วและรุนแรง การได้รับการสนับสนุนแหล่งเงินทุนและผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่มีความพร้อมและเหมาะสมรองรับการดำเนินงานและการขยายตัวของผู้ประกอบการไทย จะช่วยเพิ่มความได้เปรียบ และช่วยให้ผู้ประกอบการไทย สามารถดำเนินธุรกิจไปได้อย่างยั่งยืน สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้เป็นส่วนร่วมที่สำคัญให้กับประเทศไทย ในการแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างยั่งยืน ทัดเทียมกับนานาชาติได้อย่างเต็มภาคภูมิ
หากผู้ประกอบการต้องการเพิ่มประสิทธิภาพให้ธุรกิจ EXIM BANK มีบริการทางการเงินที่หลากหลายและครบวงจร รวมทั้งเครื่องมือบริหารความเสี่ยงทางการค้าระหว่างประเทศ เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการไทยแข่งขันได้อย่างมั่นใจมากยิ่งขึ้นในเวทีการค้าโลก ปรึกษาปัญหาธุรกิจกับ EXIM BANK โทร. 0 2169 9999
ชมวิดีโอสัมภาษณ์นายพิบูลย์ บัวคุณงามเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท เมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด (มหาชน) เรื่อง “เมอร์เมด มาริไทม์…ผู้นำระดับโลกด้านวิศวกรรมทางทะเล” ได้ที่นี่
นายธีรลักษ์ แสงสนิท ประธานกรรมการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) กล่าวเปิดงาน EXIM Stakeholders Day ซึ่ง EXIM BANK จัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 ภายใต้แนวคิด “EXIM’s Journey towards Green Development Bank” โดยมี ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK ร่วมแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเพื่อเชื่อมโยงและผนึกกำลังการมีส่วนร่วม ตลอดจนรับฟังเสียงของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholders) ทุกภาคส่วนต่อนโยบายและแนวทางการดำเนินงานของ EXIM BANK ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง มุ่งดำเนินบทบาท “Green Development Bank” โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานกำกับดูแล ผู้ถือหุ้น ผู้แทนจากกระทรวงที่ดูแลงานด้านเศรษฐกิจ ผู้แทนจากหน่วยงานพันธมิตรภาครัฐและภาคเอกชน สังคม และชุมชน อาทิ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย สถาบันการเงินต่าง ๆ และกลุ่มลูกค้าทุกขนาดธุรกิจ ผ่านระบบการประชุมออนไลน์ จาก EXIM BANK สำนักงานใหญ่ เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2567
EXIM BANK จะนำความคิดเห็นและข้อเสนอไปใช้กำหนดนโยบาย ทิศทาง แผนการดำเนินงาน และแนวทางพัฒนาองค์กร โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Environmental, Social, and Governance : ESG) เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี 2570 และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี 2593 สอดคล้องกับความต้องการและความคาดหวังของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่เศรษฐกิจไทย และขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศและโลกอย่างยั่งยืน
ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า บริษัท มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส (Moody’s Investors Service : Moody’s) บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำของโลก ประกาศคงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินตราต่างประเทศระยะยาว และอันดับเครดิตตราสารหนี้ไม่ด้อยสิทธิสกุลเงินต่างประเทศของ EXIM BANK ที่ ‘Baa1’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ (Stable Outlook) เทียบเท่าอันดับเครดิตของประเทศไทย (Sovereign Credit Rating) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 16 ตอกย้ำความเชื่อมั่นที่มีต่อสถานะทางการเงินของ EXIM BANK รวมถึงสะท้อนบทบาท Green Development Bank และภารกิจของ EXIM BANK ในการเป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง ดำเนินภารกิจส่งเสริมและสนับสนุนการค้าและการลงทุนที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ
“EXIM BANK เดินหน้าสนับสนุนผู้ประกอบการไทยอย่างต่อเนื่อง โดยสานพลังกับเครือข่ายพันธมิตรภาครัฐและภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำและเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน พร้อมทั้งดูแลธุรกิจกลุ่มเปราะบางซึ่งได้รับผลกระทบอย่างมากจากภัยธรรมชาติที่รุนแรงขึ้นและปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พลิกโฉมประเทศไทยสู่เศรษฐกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี หรือ ESG ตอบสนองความต้องการและความคาดหวังของภาครัฐและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม” ดร.รักษ์ กล่าว