

บมจ. ซีพี ออลล์ โดยฝ่ายบริหารเครือข่ายอุดมศึกษา สำนักประสานรัฐกิจ ร่วมกับ มูลนิธิชาวปักษ์ใต้ ทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ร่วมพัฒนาและส่งเสริมเยาวชนในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ ให้มีโอกาสได้ศึกษาต่อในสายอาชีพ และเพื่อพัฒนาตนเองไปสู่การประกอบอาชีพที่มั่นคงในอนาคต ถือเป็น 1 ในนโยบายสร้างคนผ่านการศึกษาของ ซีพี ออลล์ ที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องกว่า 30 ปี

ภายในงานนำโดย นายปิยะวัฒน์ ฐิตะสัทธาวรกุล รองประธานกรรมการบริหาร บมจ. ซีพี ออลล์ และ พลตำรวจเอก สุนทร ซ้ายขวัญ ประธานมูลนิธิชาวปักษ์ใต้ ร่วมลงนาม พร้อมด้วย นายสุวิทย์ กิ่งแก้ว ที่ปรึกษาอาวุโสคณะเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ซีพี ออลล์ นายโตมร จันทรา ผู้จัดการทั่วไปอาวุโส สำนักประสานรัฐกิจ ดร.วิชา จุ้ยชุม กรรมการมูลนิธิชาวปักษ์ใต้ นายสุรพงษชัย ลิ้มภิกุล เหรัญญิกมูลนิธิชาวปักษ์ใต้ ร่วมเป็นพยาน เพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษาแก่เยาวชนในจังหวัดภาคใต้ ให้ได้มีโอกาสศึกษาต่อระดับอาชีวศึกษาและอุดมศึกษา

ซีพี ออลล์ ร่วมสนับสนุนทุนการศึกษาตลอดหลักสูตร ในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) สาขาวิชาการจัดการธุรกิจค้าปลีก ในวิทยาลัยเทคโนโลยีปัญญาภิวัฒน์ ศูนย์การเรียนปัญญาภิวัฒน์ และสถานศึกษาในความร่วมมือ ที่เข้าร่วมโครงการระบบทวิภาคี กับทางบริษัท จำนวน 200 ทุน ต่อรุ่น ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) สาขาวิชาการจัดการธุรกิจค้าปลีก ในวิทยาลัยเทคโนโลยีปัญญาภิวัฒน์ และสถานศึกษาในความร่วมมือ ที่เข้าร่วมโครงการระบบทวิภาคี กับทางบริษัท จำนวน 300 ทุน ต่อรุ่น ระดับปริญญาตรี สาขาวิชาการจัดการธุรกิจการค้าสมัยใหม่ ในสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ และสถานศึกษาในความร่วมมือ รวมถึงสาขาวิชาอื่นที่เกี่ยวข้อง ในสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ ตามดุลพินิจจากทางบริษัท จำนวน 500 ทุน ต่อรุ่น และเมื่อจบการศึกษาตามหลักสูตร สามารเข้าปฏิบัติงานในตำแหน่งที่เหมาะสมมีรายได้ และอาชีพที่มั่นคง
มูลนิธิ รวมถึงเครือข่ายขององค์กรสมาคม ชมรมของชาวปักษ์ใต้ ในแต่ละจังหวัด จะดำเนินการสรรหาและคัดเลือกเยาวชน ในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ ที่มีคุณสมบัติตามที่บริษัท กำหนดเข้าร่วมโครงการ พร้อมดำเนินการอำนวยความสะดวกในการประสานงาน ด้านการประชาสัมพันธ์ และการสมัครเข้าศึกษาต่อ รวมถึงติดตามประเมินผลและปรับปรุงโครงการความร่วมมือให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

ภายในงาน คณะผู้บริหาร ซีพี ออลล์ และ สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ (พีไอเอ็ม) ได้นำคณะมูลนิธิชาวปักษ์ใต้ เยี่ยมชมพื้นที่ต่างๆ ภายในสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ เพื่อให้ทราบข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับสถานศึกษา และหลักสูตรในคณะต่างๆ รวมถึงรูปแบบการเรียนการสอน แบบ Work-Base Education ของสถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ อีกด้วย
ซีพี ออลล์ มีนโยบายสำคัญในการสร้างคนผ่านการศึกษา เพื่อส่งเสริมการศึกษา พัฒนาเยาวชน ก้าวสู่ 30 ปี ให้เป็นคนเก่ง คนดี ตอบโจทย์ตลาดแรงงาน เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ โดยในปีการศึกษา 2568 ได้มอบทุนการศึกษาให้กับเยาวชนไทย ผ่านเครือข่ายความร่วมมือกว่า 41,900 ทุน มูลค่ารวมกว่า 1,648 ล้านบาท
ผ้ามัดย้อมจากดอกดาวเรือง แบรนด์ “เรืองไพร โปรดักส์” จากโรงเรียนวังไพรวิทยาคม จ.สระแก้ว ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น งานทำมือ ที่ใส่ใจทุกขั้นตอน โดดเด่นด้วยสีเหลืองนวลธรรมชาติจาก “ดอกดาวเรือง” ที่ดึงดูดใจกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่และกลุ่มที่ชอบซื้อเป็นของขวัญของฝาก โดย ซีพี ออลล์-เซเว่น อีเลฟเว่น ร่วมขับเคลื่อนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เลือกเป็นโรงเรียนนำร่องในโครงการผู้ประกอบการจิ๋ว โรงเรียนภายใต้ มูลนิธิสานอนาคตการศึกษา คอนเน็กซ์อีดี (CONNEXT ED) เฟสที่ 6 เพื่อพัฒนาศักยภาพทักษะอาชีพให้แก่นักเรียนที่สนใจเป็นผู้ประกอบการ พร้อมเติบโตอย่างแข็งแกร่งร่วมกับซีพี ออลล์ โดยตั้งเป้าพัฒนาสินค้าเพื่อจัดจำหน่ายผ่านช่องทางธุรกิจในกลุ่มซีพี ออลล์

นายยุทธศักดิ์ ภูมิสุรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่นและเซเว่น เดลิเวอรี่ กล่าวว่า จากการเดินหน้า โครงการผู้ประกอบการจิ๋ว ซึ่งเป็นแผนงานหลักในการขับเคลื่อนการพัฒนาโรงเรียนภายใต้ มูลนิธิสานอนาคตการศึกษา คอนเน็กซ์อีดี (CONNEXT ED) เฟสที่ 6 ของซีพี ออลล์ โดย โรงเรียนวังไพรวิทยาคม อ.วังสมบูรณ์ จ.สระแก้ว เป็นหนึ่งในโรงเรียนนำร่องในโซนภาคตะวันออก ที่ได้รับการสนับสนุนองค์ความรู้แลกเปลี่ยนแนวทางการดำเนินโครงการ รวมถึงปัญหาและอุปสรรค จนล่าสุดโรงเรียนได้จัดตั้ง “ศูนย์การเรียนรู้ผลิตภัณฑ์ผ้ามัดย้อมจากดอกดาวเรือง” รวมถึงเป็นแหล่งผลิตและจำหน่าย “เรืองไพร โปรดักส์” สินค้าผ้ามัดย้อมจากดอกดาวเรือง อาทิ ผ้าคลุมไหล่ เสื้อ ชุดสูท ชุดเดรส ฯลฯ
“ศูนย์การเรียนรู้ผลิตภัณฑ์ผ้ามัดย้อมจากดอกดาวเรือง ตั้งอยู่ที่โรงเรียนวังไพรวิทยาคม ต.วังใหม่ อ.วังสมบูรณ์ จ.สระแก้ว ถือเป็นแหล่งสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ภูมิปัญญาท้องถิ่น ยกระดับรายได้ของเศรษฐกิจในชุมชน และเป็นพื้นที่ให้นักเรียนได้ยกระดับทักษะการเป็นผู้ประกอบการจิ๋ว ด้วยพื้นฐานอาชีพหลักของชาวตำบลวังใหม่คือ อาชีพเกษตรกรปลูกดาวเรือง จึงคิดสร้างสรรค์สกัดสีจากดาวเรืองมาทำเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตสินค้าจากผ้ามัดย้อม โดยใช้ “ใบไม้” มาเป็นลวดลายหลักที่ไม่ซ้ำใคร เนื่องจากสื่อถึงความเป็นธรรมชาติ จัดเป็นสินค้าแรร์ไอเทม ของโรงเรียนเลยทีเดียว” นายยุทธศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติม

นางวรรณวนา พิทักษ์สงคราม ผู้อำนวยการโรงเรียนวังไพรวิทยาคม จ.สระแก้ว ผู้บริหารโรงเรียนนำร่องโมเดลผู้ประกอบการจิ๋ว เจ้าของผลิตภัณฑ์ผ้ามัดย้อมจากดอกดาวเรือง กล่าวว่า ที่ผ่านมา ได้รับการสนับสนุนจากซีพี ออลล์ ภายใต้โครงการ CONNEXT ED เฟสแรกๆ จึงได้บูรณาการทักษะที่เกี่ยวข้องกับการปลูกดอกดาวเรืองไปจนถึงทักษะการทำผลิตภัณฑ์จากสีดอกดาวเรืองอย่างผ้ามัดย้อม เข้ากับหลักสูตรการเรียนการสอนของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ตั้งแต่ กระบวนการปลูก การแปรรูป การตลาด การจัดการบัญชี และการออกแบบแพ็คเกจจิ้ง รวมถึงทักษะการขายออนไลน์บนช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ พร้อมทั้งนำความรู้จากปราชญ์ชาวบ้าน ตลอดจนครูในโรงเรียนที่จบด้านวิทยาศาสตร์อาหาร และด้านศิลปะ มาถ่ายทอดให้กับนักเรียน จนเด็กนักเรียนได้เข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการผลิตทุกขั้นตอน เกิดเป็นผลิตภัณฑ์ผ้ามัดย้อมจากสีดอกดาวเรืองและใบไม้ในท้องถิ่น
คุณครูอัมพร สุคนเขตร์ ครูชำนาญการพิเศษวิทยาลัยชุมชนสระแก้ว ผู้รับผิดชอบโครงการการพัฒนาการศึกษาและพัฒนาท้องถิ่น กล่าวเสริมเรื่องบรรยากาศการเรียนการสอนว่า ตลอดระยะเวลา 4 เดือน หรืออย่างน้อย 15 สัปดาห์ ในการอบรมหลักสูตรนี้ เด็กๆ จะได้เก็บเกี่ยวความรู้มากมายผ่านการปฏิบัติจริงสู่การสร้างงานสร้างอาชีพได้ในอนาคต โดยหลักสูตรประกอบด้วย 6 รายวิชา ได้แก่ 1.การเพาะปลูกดาวเรือง 2.การแปรรูปผลิตภัณฑ์จากดาวเรืองเป็นของใช้ อาทิ สบู่ แชมพู ครีมบำรุงผิว 3.การแปรรูปผลิตภัณฑ์จากดาวเรืองเป็นอาหารว่าง และเครื่องดื่ม 4.การแปรรูปผลิตภัณฑ์จากดาวเรืองเป็นผ้ามัดย้อมและผ้าพิมพ์ลายธรรมชาติ (Eco Print) 5.หลักการบริหารธุรกิจ 6.การบริหารจัดการตลาดสมัยใหม่ รู้สึกภูมิใจมากๆ ค่ะที่ได้เห็นเด็กๆ ช่วยการพัฒนาสินค้าด้วยสมองสองมือกันด้วยความตั้งใจ

ด้านตัวแทนผู้ประกอบการจิ๋ว “น้องลูกปลา” นส.แก้วตา เต็งมิ่ง นักเรียนชั้นม.5 ตอบด้วยรอยยิ้มว่าหนูชอบรายวิชาการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากดาวเรืองเป็นผ้ามัดย้อมและผ้าพิมพ์ลายธรรมชาติ (Eco Print) ตั้งแต่การปลูก ตัด ตากแห้งดอกดาวเรือง ไปจนถึงกระบวนการมัดย้อมค่ะ ที่ชอบเนื่องจากเราได้ออกแบบจินตนาการลายเองจากใบไม้ที่หาได้ในโรงเรียน ซึ่งแต่ละชิ้นที่ออกมาลายจะไม่ซ้ำกัน เห็นผลงานแล้วรู้สึกภูมิใจค่ะ
“น้องปันปัน” นาย วีรชน มีบุญมาก นักเรียนชั้นม.6 เผยว่าชอบรายวิชาการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากดาวเรืองเป็นอาหารว่าง และเครื่องดื่ม เนื่องจากโดยส่วนตัวเป็นคนชอบทำอาหาร ยิ่งพอได้มีโอกาสทำเบเกอรี่และข้าวเกรียบจากดอกดาวเรืองก็ยิ่งสนุก พอลองชิมดูสรุปรสชาติอร่อยครับ เหมาะกับการเป็นอาหารว่างมากๆ ส่วนเครื่องดื่มก็มีการสกัดดอกดาวเรืองมาทำเป็นน้ำดาวเรืองผสมน้ำผึ้งมะนาวโซดา รสชาติหอมอร่อยกลมกล่อม ดื่มแล้วสดชื่นมากครับ
“หนูทั้งสองคนต้องขอบคุณผู้ใหญ่ใจดี พี่ๆ ทีมงาน ซีพี ออลล์ ที่มาให้ความรู้ด้านการขาย การโปรโมทสินค้าทั้งในช่องทางโซเชียลมีเดีย Tiktok Facebook หรือแม้แต่ทักษะการบริการ การขายของหน้าร้าน ปัจจุบันหนูทั้งสองคนได้นำทักษะเหล่านี้มาใช้ในการช่วยโรงเรียนโปรโมทสินค้าผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียของตัวเองด้วย ซึ่งสนุกมาก และได้รับการตอบรับจากลูกค้าที่ดีมากๆค่ะ เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ได้เพิ่มทักษะการขายจริงด้วยค่ะ” น้องๆกล่าวเพิ่มเติม

ปัจจุบันสินค้าได้รับการตอบรับจากคุณครู แพทย์ พยาบาล มียอดสั่งซื้อสูงในช่วงงานเกษียณ งานปีใหม่ สร้างรายได้กลับสู่นักเรียน ผู้ปกครอง และชุมชน การบูรณาการให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ทักษะวิชาชีพควบคู่ไปกับทักษะวิชาการ ช่วยให้เด็กๆ หลายคนมีองค์ความรู้ไปต่อยอดสร้างอาชีพให้ทางบ้านและเกิดรายได้จริง หากต้องการอุดหนุนสินค้าสามารถสั่งซื้อได้ 3 ช่องทาง 1.ที่โรงเรียนวังไพรวิทยาคม สามารถเข้ามาชมสินค้าหรือศึกษาชมงานได้ตลอดในเวลาราชการ 2.งานแสดงสินค้า งานอีเว้นต์ หรืองานนิทรรศการต่างๆ 3.ช่องทางออนไลน์ กดติดตามได้ที่ Facebook : Rueang Prai - เรืองไพร โปรดักส์ และในอนาคตซีพี ออลล์ตั้งเป้าพัฒนาสินค้าเพื่อจัดจำหน่ายผ่านช่องทางธุรกิจในกลุ่มซีพี ออลล์เสริมแกร่งสร้างรายได้ยั่งยืน

ปัจจุบัน บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ดูแลโรงเรียนภายใต้ CONNEXT ED รวมประมาณ 610 โรงเรียน รวมจำนวนนักเรียนกว่า 160,000 คน โมเดลที่ประสบความสำเร็จของโรงเรียนวังไพรวิทยาคม จ.สระแก้ว จะเป็นจุดเริ่มต้นในการขยายผลไปสู่โรงเรียนอื่นๆ ภายใต้โรงเรียน CONNEXT ED เพิ่มเติม โดยเฉพาะโรงเรียน CONNEXT ED ในภาคตะวันออก เพื่อสร้างทักษะอาชีพ สร้างรากฐานการศึกษาไทยให้แข็งแรง ช่วยติดอาวุธให้เด็กไทยเติบได้อย่างยั่งยืน
ซีพี ออลล์ จัดเวทีประชันไอเดียปัญญาประดิษฐ์ “Creative AI Club Hackathon ปีที่ 3” เปิดทางเยาวชน ม.ปลาย-ปี 1 ร่วมสร้างสรรค์แนวคิดใช้ AI สร้างเซเว่น อีเลฟเว่นในฝันเพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมและความต้องการของลูกค้ายุคใหม่ พบหลากผลงานสุดว้าว เล็งเปิดโอกาสเด็กเก่ง-เจ้าของผลงานเจ๋ง ร่วมโครงการ Future Innovator ต่อยอดไอเดียสู่การปฏิบัติจริง ด้านทีม “เหมียว” คว้ารางวัลชนะเลิศ โชว์ไอเดียกล้องวงจรปิด AI “PathVision” สำรวจพฤติกรรมการชมสินค้าในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น สู่การพัฒนาร้านนำเสนอสินค้าบริการเพื่อลูกค้าทุกกลุ่ม

นายป๋วย ศศิพงศ์ไพโรจน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สำนักปัญญาประดิษฐ์สร้างสรรค์ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่ กล่าวว่า บริษัทยังคงเดินหน้าให้ความสำคัญกับการ “สร้างคน” เปิดพื้นที่ให้เยาวชนได้แสดงทักษะความสามารถอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ได้จัดงาน Creative AI Club Hackathon ปีที่ 3 เปิดโอกาสให้เยาวชนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จนถึงระดับอุดมศึกษาชั้นปีที่ 1 เข้าร่วมเวิร์คช็อป 3 วัน 2 คืน พร้อมประชันไอเดียการสร้างสรรค์ผลงานปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ภายใต้ระยะเวลาอันจำกัดเพียง 24 ชั่วโมง โดยมีพี่ๆ เยาวชนจากโครงการค่าย Creative AI Camp รุ่นล่าสุด ก้าวขึ้นมาเป็นทีมผู้จัดงาน (Core Leader) และผู้ให้คำแนะนำรุ่นเยาว์ (Junior Mentor)
สำหรับหัวข้อการประชันไอเดียในปีนี้ คือ “What is the 7-Eleven of your dreams? สร้าง 7-Eleven ในฝันของคุณด้วยพลัง AI” เปิดโอกาสให้เยาวชนได้รับความรู้และสถานการณ์ปัญหา (Pain Point) จากทีมหน่วยธุรกิจ (Business Unit) ต่างๆ ของเซเว่น อีเลฟเว่น รวมถึงได้รับทราบฟังก์ชัน ฟีเจอร์ด้าน AI ที่เซเว่น อีเลฟเว่นมีอยู่แล้ว เพื่อให้เยาวชนได้แสดงศักยภาพ ระเบิดความคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนาสิ่งใหม่ พร้อมทั้งสามารถต่อยอดกับสิ่งที่มีอยู่แล้วด้วยนวัตกรรม AI

“เทคโนโลยี AI ในวันนี้กลายเป็นเทคโนโลยีทั่วไป หรือ Common Technology ที่คนใช้กันในชีวิตประจำวัน คนไทยจำนวนมากมีประสบการณ์กับ AI มากขึ้น น้องๆ คนรุ่นใหม่เองก็เช่นกัน เราจึงเปิดโอกาสให้น้องๆ สมัครเข้ามาแสดงศักยภาพ แสดงแนวคิดแปลกใหม่ในการสร้างสรรค์ AI ผ่านการประยุกต์ใช้กับร้านเซเว่น อีเลฟเว่น โดยปีนี้มีน้องๆ ให้ความสนใจสมัครถึงกว่า 400 คน ก่อนเราจะคัดเหลือ 40 คน ทีมที่ผ่านเข้ามาแข่งขันในปีนี้ หลายๆ ทีม ไม่เฉพาะทีมที่ได้รับรางวัล ต่างนำเสนอไอเดียแปลกใหม่และน่าสนใจมาก จนทั้งคณะกรรมการและผู้บริหารต่างชื่นชมถึงไอเดียของเหล่า Tech Talent” นายป๋วย กล่าว
ทั้งนี้ ซีพี ออลล์ ได้ให้ความสำคัญกับผลงานของเยาวชน และเปิดโครงการ Future Innovator เป็นโครงการฝึกงานที่ให้น้องๆ เยาวชนที่ผ่านกิจกรรม Creative AI Club Hackathon หรือ Creative AI Camp ได้เข้ามาร่วมต่อยอดผลงานของตัวเองหรือของเพื่อนที่ชนะในแคมป์ รวมถึงมีโอกาสได้รับพิจารณาเข้าทำงานร่วมกับซีพี ออลล์อย่างเต็มรูปแบบในอนาคต

สำหรับรางวัลชนะเลิศ จาก Creative AI Club Hackathon ครั้งที่ 3 ได้แก่ ทีมเหมียว กับผลงาน “กล้องวงจรปิด PathVision” ใช้กล้องวงจรปิดที่มี AI สำรวจพฤติกรรมการหยุดชมสินค้าของลูกค้าในร้านเซเว่น อีเลฟเว่นแบบไม่ระบุตัวตน เพิ่มประสิทธิภาพการจัดผังร้าน และสร้างประโยชน์ต่อแบรนด์สินค้าและตอบโจทย์พฤติกรรมลูกค้าที่สามารถเข้ามาใช้บริการได้สะดวกมากยิ่งขึ้น (สมาชิกในทีม : สุธีร์ธิดา ปิยะจงวิวัฒน์, วรัญชิต วีระศักดิ์, พุฒิพร เจริญวิมลรักษ์ และคุณชมศมนต์ ชมภูคำ) รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 ได้แก่ ทีม 7-Twelve กับผลงาน “7-OTP” นำข้อมูลจากเครื่อง POS ของเซเว่น อีเลฟเว่น มาทำนายอนาคต เพื่อให้สามารถแบ่งหน้าที่คนทำงาน และจัดระบบการทำงานในแต่ละช่วงเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น (สมาชิกในทีม : กมลพร ถอดมูล, ชิติพัทธ์ สร้อยสังวาลย์, พชรพรรณ จงบรรจบ, และวชิรวี ขำรักษา) รางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 ได้แก่ ทีม Kadjap.CPALL กับผลงาน “Eatit.AI” ไอเดียฟีเจอร์เสริม AI ในแอป 7-Eleven ที่ช่วยแนะนำสินค้าที่สอดคล้องกับความต้องการลูกค้า จัดเซ็ทสินค้า รวมถึงสามารถคำนวณแคลอรี ลดปัญหาลูกค้าเดินเข้ามาแล้วไม่รู้ว่าจะซื้ออะไร (สมาชิกในทีม : ธนภณ ธนาดุลเปรมเดช, ธนโชติ เทศกัณฑ์, ณภัทร ศรวิชัย และทรงพล ซ้ายขวา)

ด้านนายวรัญชิต วีระศักดิ์ (น้องอะตอม) นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 สายวิทย์-คณิต โรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย ปทุมธานี หนึ่งในสมาชิกทีมที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ กล่าวว่า ผลงานของทีมเริ่มจาก Pain Point ว่า กล้องวงจรปิดในยุคแห่งเทคโนโลยี ควรทำได้มากกว่าฟังก์ชันทั่วไป จึงได้มองถึงการนำกล้องวงจรปิดที่มี AI มาช่วยสำรวจและวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าแบบไม่ระบุตัวตน อาทิ การสำรวจตำแหน่งที่ลูกค้าไปหยุดดูมากที่สุด แล้วสร้างเป็น Heat Map การสำรวจพฤติกรรมลูกค้า ณ ตำแหน่งต่างๆ ว่ามองตรง มองบน หรือมองล่าง เพื่อให้สามารถปรับปรุงผังร้านได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงช่วยให้แบรนด์สินค้าต่างๆ ได้ทราบถึงพฤติกรรมภายในร้านสะดวกซื้อของผู้บริโภค
“การเข้ามาร่วม Creative AI Club Hackathon ของซีพี ออลล์ในครั้งนี้ ช่วยให้ได้รู้จักคนใหม่ๆ ได้ฝึกทำงานในเวลาที่จำกัด มีโจทย์ให้ได้พัฒนาตัวเอง โดยกว่าจะเป็นโปรเจกต์กล้อง PathVision ในครั้งนี้ ทีมอ่านเอกสารภาษาอังกฤษ อ่านสมการคณิตศาสตร์เยอะมาก เพื่อให้พัฒนาฟังก์ชันและโซลูชันได้อย่างเหมาะสม หากมีโอกาสก็อยากเข้ามาทำงานและต่อยอดผลงานนี้ให้เกิดขึ้นจริง และเชื่อว่าผลงานนี้สามารถประยุกต์ใช้ได้ ไม่เฉพาะในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น” นายวรัญชิต กล่าว
นายวรัญชิต กล่าวเพิ่มเติมว่า AI ถือเป็นเครื่องมือที่สำคัญมากๆ สำหรับมนุษย์ ช่วยให้มนุษย์เรียนรู้เรื่องราวต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วขึ้นมาก โลกในอนาคต ผู้ที่ใช้ AI เป็น กับผู้ที่ใช้ AI ไม่เป็น จะมีอัตราการประสบความสำเร็จ (Success Rate) แตกต่างกัน การไม่ปรับตัวให้ทัน จะส่งผลต่อความยากลำบากในการใช้ชีวิต ส่วนตัวจึงให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ด้าน AI และอยากประกอบอาชีพเป็น Tech Programmer โดยล่าสุด ได้รับโอกาสเข้าศึกษาต่อในหลักสูตรวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีดิจิทัล (CEDT) ที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แล้ว

ทั้งนี้ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CP ALL มีนโยบายส่งเสริมการศึกษา พัฒนาเยาวชน มุ่งมั่นจัดกิจกรรมสนับสนุนทักษะเยาวชนด้านปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI อย่างต่อเนื่อง ผ่านหลากหลายเวที ได้แก่ 1.Creative AI Camp (CAI Camp) ค่ายพัฒนาทักษะ AI ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย-อุดมศึกษา ภายใต้ความร่วมมือกับพันธมิตรด้านเทคโนโลยีจากนานาประเทศ ระยะเวลา 3 เดือน 2.Creative AI Club (CAI Club) ชุมชนคน AI ที่เป็นพื้นที่เรียนรู้ พื้นที่สร้างสรรค์ผลงานด้าน AI มีกิจกรรม Workshop อย่างต่อเนื่อง 3.Creative AI Club Hackathon เวทีประชันไอเดียด้าน AI และพัฒนาผลงานภายใต้เวลาจำกัดเพียง 1-2 คืน สำหรับน้อง ๆ เยาวชนระดับ มัธยมศึกษาตอนปลาย-มหาวิทยาลัย ปี 1 และยังมีกิจกรรมอื่นๆ ที่อาจจัดขึ้นเพิ่มเติมในอนาคต ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดกิจกรรมและเวทีต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/caicampและ https://caicamp.cpall.co.th/