December 05, 2025

สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) จัด “งานมอบรางวัลผู้ให้บริการทางธุรกิจดีเด่น ปี 2568” คัดเลือก 10 หน่วยงานที่โดดเด่นจาก 284 หน่วยงานที่ให้บริการในระบบ BDS เชิดชูพันธมิตรเสริมแกร่ง SME พัฒนาและยกระดับศักยภาพให้เติบโตอย่างยั่งยืน ผ่านการสนับสนุน SME ในระบบ bds.sme.go.th กว่า 260 ล้านบาท โดยมี SME ได้รับการพัฒนาแล้วกว่า 20,000 ราย จากบริการให้เลือกใช้กว่า 1,100 บริการ

ดร.ปณิตา ชินวัตร รองผู้อำนวยการสำนักงานฯ รักษาการผู้อำนวยการ สสว. ประธานในงาน กล่าวถึงการดำเนินงานของโครงการ “ตลอดการดำเนินการ 2 ปี (2567-2568) ที่ สสว. และเครือข่าย BDSP ได้ร่วมกันพัฒนาระบบนิเวศทางธุรกิจ เพื่อยกระดับศักยภาพของผู้ประกอบการ SME ไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน เราได้ดำเนินงานโครงการส่งเสริมผู้ประกอบการผ่านระบบ BDS (ข้อมูล ณ 31 ต.ค. 2568) มีผู้ประกอบการเข้าร่วมระบบถึง 22,544 ราย โดยมีผู้ให้บริการ (BDSP) จำนวน 284 หน่วยงาน นำเสนอบริการรวม 1,102 บริการ และได้สนับสนุนงบประมาณเพื่อยกระดับ SME ไปแล้วกว่า 260 ล้านบาท โดยในปีนี้มีรางวัลผู้ให้บริการทางธุรกิจดีเด่น ปี 2568 ใน 4 ด้าน ได้แก่ รางวัลด้านการดำเนินงาน, รางวัลด้านสร้างเครือข่าย, รางวัลด้านการสร้างบริการที่ผู้ประกอบการสนใจ และรางวัลด้านการประสานงาน อีกทั้ง ยังได้เพิ่มรางวัลให้สำหรับหน่วยงานผู้ให้บริการที่โดดเด่นอีก 2 รางวัล คือ รางวัลน้องใหม่มาแรง : Rising Star Award และรางวัลขวัญใจมหาชน : People’s Choice Award”

สสว. เล็งเห็นความสำคัญกับหน่วยงานผู้ให้บริการ SME หรือที่เราเรียกว่า Business Development Service Provider: BDSP ซึ่งถือเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่ง มีบทบาทสำคัญในการช่วยกันผลักดันและยกระดับให้ SME ไทยตลอดมา และเพื่อเป็นการขอบคุณหน่วยงานต่าง ๆ ที่ได้พยายามทุ่มเทความช่วยเหลือเพื่อให้ SME มีโอกาสในการเติบโต พัฒนา หรือต่อยอดจากธุรกิจได้ ผ่านยกระดับ 4 ด้านหลัก ได้แก่ ด้านการเพิ่มผลิตภาพและประสิทธิภาพทางธุรกิจ ด้านการพัฒนาและบริหารจัดการธุรกิจ ด้านการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานสินค้าและบริการ และด้านการพัฒนาช่องทางการจำหน่ายและการตลาด

สำหรับ 10 หน่วยงานที่ได้รับรางวัลผู้ให้บริการทางธุรกิจดีเด่น ปี 2568 ซึ่งแสดงถึงผลงานอันโดดเด่น ในด้านต่าง ๆ มีดังนี้:

- รางวัลด้านการดำเนินงาน: Operational Excellence Award ได้แก่ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ

- รางวัลด้านสร้างเครือข่าย: Collaboration & Networking Excellence Award ได้แก่ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม

- รางวัลด้านการสร้างบริการที่ผู้ประกอบการสนใจ: Service Excellence Award ได้แก่ มูลนิธิเพื่อพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และสถาบันอาหาร

- รางวัลด้านการประสานงาน : Coordination Excellence Award ได้แก่ บริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด และสถาบันรับรองมาตรฐานไอเอสโอ

- รางวัลน้องใหม่มาแรง : Rising Star Award ได้แก่ ศูนย์บริการวิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

- รางวัลขวัญใจมหาชน : People’s Choice Award ได้แก่ สมาคมสมาพันธ์ SME ไทย

“ขอแสดงความยินดีกับทุกหน่วยงานที่ได้รับรางวัลในครั้งนี้ เราเห็นถึงความมุ่งมั่น ทุ่มเท และพร้อมสนับสนุนของทุกหน่วยงานเสมอ และเชื่อมั่นว่ายังมีอีกหลาย ๆ หน่วยงานที่มีความพร้อมเช่นเดียวกัน โดยจะมีการรับสมัคร BDSP เพิ่มเติมอีก เพื่อให้ได้บริการที่ตอบโจทย์ ตรงใจ SME และผู้ประกอบการ SME ที่สนใจอยากขอรับการสนับสนุน ก็จะยังมีงบอุดหนุนตามขนาดของธุรกิจเช่นเดิม โดยเฉพาะกลุ่มบริการที่จะช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนที่กำลังเป็นที่สนใจจาก SME เช่นเดียวกัน”  ดร.ปณิตา กล่าวทิ้งท้าย

สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) จัดงานประกาศรางวัล MSME Provincial Champion Awards 2025 ครั้งที่ 3 อย่างยิ่งใหญ่ เพื่อเชิดชูเกียรติผู้ประกอบการ MSME ทั่วประเทศที่สร้างผลงานโดดเด่นและเป็นแบบอย่างที่ดีในการดำเนินธุรกิจ

งานประกาศรางวัลครั้งนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด Triple S: Strong Strategy, Standardized, Smart area based เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงกลยุทธ์ที่แข็งแกร่ง มาตรฐานที่เป็นเลิศ และการดำเนินงานที่ชาญฉลาดในแต่ละพื้นที่ โดยมีนายฐิติพงศ์ เขียวไพศาล ประธานกรรมการบริหาร สสว. ให้เกียรติเป็นประธานในพิธี และนายณัฐรัชต์ ชูชัยแสงรัตน์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ให้เกียรติเข้าร่วมพิธี พร้อมด้วยคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม คณะกรรมการบริหารสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐด้านการส่งเสริม SME และต้นแบบผู้ประกอบการ SME จาก 77 จังหวัดทั่วประเทศ เข้าร่วมพิธี

สสว. มุ่งมั่นสร้างรากฐานที่มั่นคงให้ SME

นายฐิติพงศ์ เขียวไพศาล กล่าวว่า “สสว. ตระหนักว่าการสร้างความเข้มแข็งให้กับ SME ต้องอาศัยการสนับสนุนที่เป็นระบบและครบวงจร โดย สสว. มุ่งมั่นในการจัดทำมาตรการทั้งการสร้างโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุน การพัฒนาผู้ประกอบการเชิงลึก การส่งเสริมการตลาด ไปจนถึงการพัฒนาเทคโนโลยีและการลดอุปสรรคทางกฎหมาย และการเชื่อมโยงเครือข่ายผ่านหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อสร้างรายได้ ขยายโอกาส เสริมแกร่งธุรกิจ SME”

ด้านนางสาวปณิตา ชินวัตร รองผู้อำนวยการสำนักงาน รักษาการแทนผู้อำนวยการ สสว. กล่าวว่า “การประกาศรางวัล  MSME Provincial Champion Awards 2025 สะท้อนให้เห็นถึงผลสำเร็จของการดำเนินนโยบายส่งเสริม SMEs ตามแนวทางที่ได้วางไว้ และเป็นการยกย่องเชิดชูเกียรติผู้ประกอบการที่สามารถสร้างผลงานโดดเด่นและเป็นแบบอย่างที่ดีในการดำเนินธุรกิจ ตามกรอบของ Thailand Quality Awards”

รางวัลเพื่อผู้ประกอบการดีเด่นทั่วประเทศ

รางวัล MSME Provincial Champion Awards 2025 จัดขึ้นเป็นปีที่ 3 เพื่อให้ครอบคลุมและเหมาะสมกับผู้ประกอบการในทุกภาคส่วน ได้แก่:

  • รางวัลสุดยอด MSME จังหวัด มอบให้ผู้ประกอบการที่มีการบริหารจัดการอย่างมีมาตรฐานและมีประสิทธิภาพ จังหวัดละ 1 ราย รวม 77 จังหวัด
  • รางวัลสุดยอด MSME รายภาคธุรกิจ ครอบคลุมภาคการผลิต บริการ และภาคธุรกิจการเกษตร
  • รางวัล MSME ยอดเยี่ยมด้านการบริหารจัดการเชิงสร้างสรรค์เพื่ออนาคตที่ยั่งยืน ซึ่งประกอบด้วยรางวัลด้านการจัดการอย่างยั่งยืนและด้านการจัดการนวัตกรรม

นอกจากนี้ สสว. ได้มอบรางวัลพิเศษในการเชื่อมโยงตลาด ณ นครเฉิงตู สาธารณรัฐประชาชนจีน ให้กับ SME ที่มีความโดดเด่นจากผู้ประกอบการทั้งหมด 4 ราย ได้แก่ (1) บริษัท ริน อินเตอร์ฟู้ด จำกัด (2) บริษัท คลังทรัพย์รุ่งเรืองเจริญ จำกัด (3) วิสาหกิจชุมชนกล้วยหอมลพบุรี (4) บริษัท ข้าวใหม่ปลามัน อัมพวา จำกัด อีกทั้งบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด มอบประกันภัย SME ยิ้มได้ ลูกจ้างยิ้มด้วย มูลค่าทุนประกัน 1,000,000 บาท

ต้นแบบแรงบันดาลใจสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืน

นายฐิติพงศ์ฯ กล่าวทิ้งท้ายว่า “ผู้ได้รับรางวัลในวันนี้คือตัวอย่างที่ชัดเจนว่าด้วยความมุ่งมั่น การสนับสนุนที่เหมาะสม และโอกาสที่เปิดกว้าง SME ไทยสามารถประสบความสำเร็จได้อย่างยั่งยืน รางวัลนี้จึงเป็นมากกว่าการให้เกียรติ แต่ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความพยายามและแรงบันดาลใจที่จะส่งต่อพลังให้ผู้ประกอบการไทยทุกคน”

สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ยกระดับขีดความสามารถด้านการตลาดแก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีกว่า 50 ราย โดยการสนับสนุนงบประมาณผ่านระบบ BDS “Business Development Service” หรือ “SME ปัง ตังได้คืน” ในการออกบูธงานแสดงสินค้านานาชาติ ผับ บาร์ เอเชีย 2568 (Pub Bar Asia 2025) งานแสดงสินค้าด้านเครื่องดื่ม โรงแรม ร้านอาหารแบบไฟน์ไดนิ่ง (Fine Dining) และอุตสาหกรรมบันเทิงยามค่ำคืนที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย โดยงานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-27 กรกฎาคม 2568 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา  

นางสาวปณิตา ชินวัตร รองผู้อำนวยการ รักษาการแทนผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เปิดเผยว่า “ภาพรวมธุรกิจของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีด้านเครื่องดื่มและธุรกิจบันเทิงยามค่ำคืนในประเทศไทย มีความหลากหลายและมีศักยภาพในการเติบโตสูง ธุรกิจเครื่องดื่ม ปัจจุบัน มีตั้งแต่ร้านกาแฟเล็กๆ ร้านอาหารที่มีดนตรีสด ไปจนถึงผู้ผลิตเครื่องดื่มเฉพาะทางทั้งที่มีแอลกอฮอล์และไม่มีแอลกอฮอล์ ในขณะที่ธุรกิจบันเทิงยามค่ำคืน รวมถึง ร้านอาหาร ผับ บาร์ หรือคลับต่าง ๆ ที่กำลังเผชิญกับการแข่งขันที่สูงขึ้น จากการขยายตัวของตลาดท่องเที่ยว การปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง”

การเข้าร่วมงาน ผับ บาร์ เอเชีย 2568 (Pub Bar Asia 2025) ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 3 ในประเทศไทย ถือเป็นเวทีเจรจาการค้าระดับนานาชาติที่รวบรวมผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม ผับ บาร์ ร้านอาหาร และธุรกิจไนท์ไลฟ์จากกว่า 60 ประเทศทั่วโลก เช่น จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มาเลเซีย และพม่า โดยปีนี้คาดว่าจะมีผู้เข้าชมกว่า 5,600 ราย ทั้งจากในและต่างประเทศ จึงถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่จะช่วยพัฒนาศักยภาพทางการตลาดของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย โดยเฉพาะกลุ่มผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งมีข้อจำกัดตามข้อกำหนดกฎหมายจากพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ไม่อนุญาตให้โฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกรูปแบบ รวมถึงการห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ผ่านช่องทางจำหน่ายออนไลน์ ซึ่งข้อจำกัดดังกล่าวส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันโดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็กในการสร้างการรับรู้ของตลาดผู้บริโภค จึงทำให้การทำการตลาดที่เน้นการสร้างประสบการณ์ร่วมกับผู้บริโภคโดยตรง (On-ground Marketing) เป็นช่องทางสำคัญในการสร้างแบรนด์และเข้าถึงผู้บริโภคอย่างมีประสิทธิภาพ

นายสราวุธ ประสิทธิ์ส่งเสริม เจ้าของแบรนด์คร๊าฟเบียร์สัญชาติไทย “คอลมีปาป๊า” (Call Me Papa) กล่าวระหว่างการออกบูธภายในงานว่า “คอลมีปาป๊า เป็นเบียร์ไทยที่ทางแบรนด์คิดค้นขึ้นเอง โดยเริ่มจากการทำให้คุณแม่ดื่ม จนพัฒนาเป็นคร๊าฟเบียร์รสชาติผลไม้ (ฟรุ๊ตตี้) อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ในปัจจุบันสามารถส่งออกไปยังประเทศเนเธอร์แลนด์ได้ ซึ่งคอลมีปาป๊าได้มาออกบูธภายในงานปีนี้เป็นปีที่ 2 จากการสนับสนุนของ สสว. ซึ่งทำให้สามารถช่วยลดต้นทุนค่าบูธได้อย่างมาก นอกจากนี้ยังสามารถสร้างโอกาสในการเปิดตลาดได้จากการพบปะกับลูกค้าภายในงาน เช่น กลุ่มโรงแรม ร้านอาหาร และเจ้าของกิจการผับ บาร์ต่าง ๆ ซึ่งการช่วยเหลือของ สสว. ก็จะเป็นส่วนหนึ่งของจุดเริ่มต้นที่ทำให้แบรนด์คอลมีปาป๊าได้ค่อย ๆ เติบโตต่อไป”

ด้านนายพสิษฐ์ ฐิติธนารัศมิ์ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ไฮคร๊าฟ ม็อคเทลผลไม้แปรรูปที่นำพืชเกษตรหลักของไทย สับปะรดและมะพร้าวมาสร้างมูลค่าเพิ่ม กล่าวว่า “แบรนด์ไฮคร๊าฟเกิดภายใต้แนวคิดเมจิกดริ๊งก์ คือ เมื่อดื่มเข้าไปเป็นหนึ่งรสชาติ แต่หายใจออกมาเป็นอีกหนึ่งรสชาติ ทำให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์ความสดชื่นระดับพรีเมี่ยม โดยทางแบรนด์ได้ขอรับการสนับสนุนด้านการตลาดจาก สสว. เป็นครั้งแรก ทำให้มีโอกาสทำตลาดในประเทศ และบริษัทฯ เองยังมีแผนที่จะทำการตลาดให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ซึ่งถือว่าสำคัญมากๆ  และอยากฝากให้พัฒนาโครงการลักษณะนี้เพิ่มขึ้นในรูปแบบการจัดหมวดหมู่หรือเป็นคลัสเตอร์ เพื่อให้สามารถเข้าถึงการพัฒนาผู้ประกอบการในแต่ละกลุ่มผลิตภัณฑ์เชิงลึกมากขึ้น”

ทั้งนี้ อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มเป็นสาขาการผลิตที่สำคัญต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมของไทย เป็นอันดับที่ 1 ในภาคอุตสาหกรรม คิดเป็นมูลค่า 941,693 ล้านบาท โดยเป็นมูลค่าจาก SMEs 312,848 ล้านบาท หรือมีสัดส่วนร้อยละ 33.2 ของผลิตภัณฑ์มวลรวม ในสาขาอาหารและเครื่องดื่ม มีจำนวน SMEs ซึ่งอยู่ในอุตสาหกรรมทั้งสิ้น 136,663 ราย คิดเป็นร้อยละ 4.56 ของจำนวน SMEs ทั้งหมดของประเทศ มีการจ้างงาน 524,497 คน คิดเป็นร้อยละ 4.31 ของการจ้างงานรวม

รักษาการแทนผู้อำนวยการ สสว. ยังกล่าวต่อว่า “สสว. เล็งเห็นถึงโอกาสในการพัฒนาผู้ประกอบการในกลุ่มนี้ จึงได้ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เข้าสู่ระบบ BDS “Business Development Service” หรือ “SME ปัง ตังได้คืน” ซึ่งได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ประกอบการสามารถขอรับการสนับสนุนค่าใช้จ่าย 50-80% หรือ สูงสุดถึง 200,000 บาท เพื่อช่วยลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการพัฒนาศักยภาพของธุรกิจ”

ในปี 2568 นี้ สสว. ยังคงเดินหน้าผลักดันผู้ประกอบการเข้าสู่ระบบ BDS “Business Development Service” หรือโครงการ “SME ปัง ตังได้คืน” สนับสนุนค่าใช้จ่ายในการพัฒนาธุรกิจ 5 หมวดหลัก ได้แก่ การพัฒนาคุณภาพการผลิตและบริการ การตรวจวัดมาตรฐานสินค้า เช่น ฉลากโภชนาการ การตรวจอายุสินค้า การเพิ่มผลิตภาพ เช่น ซอฟต์แวร์บริหารคลัง การพัฒนาและบริหารธุรกิจ การสร้างช่องทางตลาดและการตลาด รวมถึงเพิ่มบริการใหม่ คือ การพัฒนาธุรกิจที่มุ่งสู่เศรษฐกิจสีเขียว เช่น มาตรฐานสิ่งแวดล้อม และการตรวจสอบคาร์บอนเครดิต ปัจจุบันมีผู้ประกอบการสมัครเข้าร่วมแล้วกว่า 21,791 ราย และมีหน่วยงานผู้ให้บริการทางธุรกิจบนระบบ BDS ขึ้นทะเบียนแล้วกว่า 257 หน่วยงาน

ผู้ประกอบการ SME ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลโครงการ “SME ปัง ตังได้คืน” และขั้นตอนการสมัครเพื่อขอรับสิทธิประโยชน์ได้ที่เว็บไซต์ สสว. หรือโทร. 1301

สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ร่วมกับ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จัดงานแสดงสินค้าและเชื่อมโยงธุรกิจ ภายใต้โครงการส่งเสริมและพัฒนาการเริ่มต้นเป็น ผู้ประกอบการ SME ด้วย Soft Power ประจำปีงบประมาณ 2568 ระหว่างวันที่ 2-3 กรกฎาคม 2568 ณ ลาน Beacon 2 ชั้น 1 เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ ยกขบวนผู้ประกอบการที่ผ่านการพัฒนาและคัดเลือกจากโครงการ 30 ราย ร่วมจัดแสดงผลิตภัณฑ์และเชื่อมโยงตลาดกับ ภาครัฐ-ภาคธุรกิจ พร้อมเปิดเวทีสู่การค้าในระดับสากล

นางสาวปณิตา ชินวัตร รองผู้อำนวยการสำนักงาน รักษาการแทนผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า บทบาทของ สสว. ว่า สสว. มีภารกิจหลักในการส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาผู้ประกอบการรายย่อยให้สามารถเริ่มต้นธุรกิจได้อย่างมั่นคง มุ่งหวังที่จะให้หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมกันสนับสนุนผู้ประกอบการรายใหม่เหล่านี้ ให้สามารถใช้ศักยภาพในท้องถิ่น สร้างโอกาสเชิงธุรกิจที่มั่นคงและยั่งยืนได้

“ด้วยเจตนารมณ์ของโครงการฯ ที่ต้องการสร้าง "ผู้ประกอบการไทยรุ่นใหม่" ให้สามารถใช้พลังของ Soft Power ไทยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก เชื่อมโยงทุนวัฒนธรรมกับตลาดโลก และสร้างธุรกิจให้เติบโตอย่าง ยั่งยืน งานแสดงสินค้าและเชื่อมโยงธุรกิจครั้งนี้ จึงมิใช่แค่เวทีจัดจำหน่าย แต่คือเวทีสร้างโอกาส สร้างแรงบันดาลใจ และสร้างอนาคตให้ผู้ประกอบการไทยก้าวไกลสู่เวทีโลกอย่างมั่นคง” นางสาวปณิตา กล่าว

ด้าน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.จุมพล ชื่นจิตต์ศิริ รองอธิการบดีฝ่ายกฎหมายและบริการวิชาการมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) กล่าวว่า มหาวิทยาลัยมีภารกิจในการถ่ายทอดองค์ความรู้จากงานวิจัยและการเรียนการสอน มาสู่การสนับสนุน ผู้ประกอบการ เชื่อว่าองค์ความรู้เชิงลึกผสานกับการพัฒนา Soft Power คือกุญแจสำคัญในการยกระดับธุรกิจไทยสู่ความเป็นนานาชาติ

ขณะที่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ธีรศักดิ์ จินดาบถ หัวหน้าโครงการ กล่าวว่า โครงการนี้มีเป้าหมายสำคัญเพื่อส่งเสริมผู้ที่มีแนวโน้มและศักยภาพในการเป็นผู้ประกอบการ ให้สามารถก้าวเข้าสู่ระบบธุรกิจได้อย่างมั่นคง โดยใช้ศักยภาพด้าน Soft Power อาทิ อาหาร ท่องเที่ยว แฟชั่น และภาพยนตร์ เป็นกลไกขับเคลื่อน ผ่านกระบวนการอบรม เสริมสร้างทักษะ และการให้คำปรึกษาเชิงลึก ซึ่งกลุ่มเป้าหมายประกอบด้วยผู้ประกอบการรายย่อยในระยะเริ่มต้น หรือผู้ที่ยังไม่จดทะเบียนธุรกิจ รวมทั้งผู้ที่ดำเนินธุรกิจและจดทะเบียนแล้วไม่เกิน 3 ปี โดยมีเป้าหมายรวมจำนวนไม่น้อยกว่า 450 รายในพื้นที่ 32 จังหวัดครอบคลุมภาคใต้ ภาคกลาง และกรุงเทพมหานคร

หนึ่งในไฮไลต์ของงานวันที่ 2 กรกฎาคม 2568 คือ การพบกับ "โทมัส ทอม" Mr. Supranational Thailand 2024 ที่มาร่วมกิจกรรมโปรโมทสินค้าด้วยการสื่อสารภาษาอังกฤษระดับนานาชาติ ซึ่งนับเป็นก้าวใหม่ของการผลักดัน Soft Power สู่ตลาดต่างประเทศ และสร้างแรงบันดาลใจแก่ผู้ประกอบการในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคทั่วโลก

งานนี้ยังเปิดโอกาสให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องได้พบปะเจรจาการค้ากับผู้ประกอบการโดยตรง และร่วมแลกเปลี่ยนแนวทางในการต่อยอดผลิตภัณฑ์สู่ตลาดในประเทศและต่างประเทศผ่านระบบ Matching ทางธุรกิจ นอกจากนี้ ยังมีการถ่ายทอดสดกิจกรรมผ่านทาง Facebook Live ของเพจ Osmep สสว เพจ Prince of Songkla University (PSUconnext) และเพจ PSU SME Soft Power เพื่อให้ประชาชนและผู้ที่สนใจจากทั่วประเทศสามารถเข้าร่วมกิจกรรมและจับจ่ายสินค้าได้แม้อยู่ห่างไกล

สสว. จับมือ ม.อ. จัดงานแสดงสินค้าและเชื่อมโยงธุรกิจ ภายใต้โครงการส่งเสริมและพัฒนาการเริ่มต้นเป็น ผู้ประกอบการ SME ด้วย Soft Power ปีงบประมาณ 2568 ระหว่างวันที่ 2-3 ก.ค. 2568 ณ ลาน Beacon 2 ชั้น 1 เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ ยกขบวนผู้ประกอบการที่ผ่านการพัฒนาและคัดเลือกจากโครงการ 30 ราย ร่วมจัดแสดงผลิตภัณฑ์และเชื่อมโยงตลาดกับ ภาครัฐ-ภาคธุรกิจ พร้อมเปิดเวทีสู่การค้าในระดับสากล

นางสาวปณิตา ชินวัตร รองผู้อำนวยการสำนักงาน รักษาการแทนผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวถึงบทบาทของ สสว. ว่า สสว. มีภารกิจหลักในการส่งเสริม สนับสนุน และพัฒนาผู้ประกอบการราย ย่อยให้สามารถเริ่มต้นธุรกิจได้อย่างมั่นคง เรามุ่งหวังที่จะให้หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมกันสนับสนุนผู้ประกอบการรายใหม่เหล่านี้ ให้สามารถใช้ศักยภาพในท้องถิ่นสร้างโอกาสเชิงธุรกิจที่มั่นคงและยั่งยืนได้

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.จุมพล ชื่นจิตต์ศิริ รองอธิการบดีฝ่ายกฎหมายและบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) กล่าวเสริมว่า มหาวิทยาลัยมีภารกิจในการถ่ายทอดองค์ความรู้จากงานวิจัยและการเรียนการสอน มาสู่การสนับสนุนผู้ประกอบการ เราเชื่อว่าองค์ความรู้เชิงลึกผสานกับการพัฒนา Soft Power คือกุญแจสำคัญในการยกระดับธุรกิจไทยสู่ความเป็นนานาชาติ

หนึ่งในไฮไลต์ของงานวันที่ 2 กรกฎาคม 2568 คือ การพบกับ "โทมัส ทอม" Mr. Supranational Thailand 2024 ที่มาร่วมกิจกรรมโปรโมทสินค้าด้วยการสื่อสารภาษาอังกฤษระดับนานาชาติ ซึ่งนับเป็นก้าวใหม่ของการผลักดัน Soft Power สู่ตลาดต่างประเทศ และสร้างแรงบันดาลใจแก่ผู้ประกอบการในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคทั่วโลก

งานนี้ยังเปิดโอกาสให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง ได้พบปะเจรจาการค้ากับผู้ประกอบการโดยตรง และร่วมแลกเปลี่ยนแนวทางในการต่อยอดผลิตภัณฑ์สู่ตลาดในประเทศและต่างประเทศผ่านระบบ Matching ทางธุรกิจ นอกจากนี้ ยังมีการถ่ายทอดสดกิจกรรมผ่านทาง Facebook Live ของเพจ Osmepสสว เพจ Prince of Songkla University (psuconnext) และเพจ PSU SME Soft Power เพื่อให้ประชาชนและผู้ที่สนใจจากทั่วประเทศสามารถเข้าร่วมกิจกรรมและจับจ่ายสินค้าได้แม้อยู่ห่างไกล

นางสาวปณิตา กล่าวว่า ด้วยเจตนารมณ์ของโครงการฯ ที่ต้องการสร้าง “ผู้ประกอบการไทยรุ่นใหม่” ให้สามารถใช้พลังของ Soft Power ไทยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก เชื่อมโยงทุนวัฒนธรรมกับตลาดโลก และสร้างธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน งานแสดงสินค้าและเชื่อมโยงธุรกิจครั้งนี้ จึงมิใช่แค่เวทีจัดจำหน่าย แต่คือเวทีสร้างโอกาส สร้างแรงบันดาลใจ และสร้างอนาคตให้ผู้ประกอบการไทยก้าวไกลสู่เวทีโลกอย่างมั่นคง

Page 1 of 6
X

Right Click

No right click