บ้านปู เน็กซ์ บริษัทลูกของบ้านปู ผู้ให้บริการโซลูชันพลังงานสะอาดชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ร่วมกับ SVOLT ผู้ผลิตและจำหน่ายแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ประกาศเดินหน้าสายการผลิตของโรงงาน SVOLT Thailand อย่างเป็นทางการ พร้อมส่งมอบแบตเตอรี่สู่ตลาดประเทศไทย เพื่อใช้งานกับรถยนต์ไฟฟ้าหลากหลายรุ่นจาก เกรท วอลล์ มอเตอร์ และ โฮซอน มอเตอร์ นับเป็นก้าวสำคัญสำหรับโรงงานแห่งนี้ที่สามารถผลิตแบตเตอรี่และส่งมอบให้กับลูกค้าในไทยได้ภายในระยะเวลาเพียง 5 เดือน ตอกย้ำความแข็งแกร่งในอุตสาหกรรมพลังงานใหม่ในเอเชียแปซิฟิก โดยมีผู้แทนจากกระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) นายสินนท์ ว่องกุศลกิจ Group Senior Vice President บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) นายสมิทธิพร เศรษฐปราโมทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด และ Mr. Yang Hongxin, Chairman และ CEO บริษัท เอส โวลต์ เอเนอร์จี้ เทคโนโลยี จำกัด (SVOLT) ร่วมเป็นเกียรติในงาน
โรงงาน SVOLT Thailand ได้ก่อสร้างและเปิดทำการอย่างรวดเร็ว นับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จในการขยายธุรกิจของบ้านปู เน็กซ์ และ SVOLT ด้วยความตั้งใจที่จะผลิตและส่งมอบแบตเตอรี่ให้กับลูกค้าในประเทศไทยได้ดียิ่งขึ้น โดยโรงงานแห่งนี้ดำเนินการตามมาตรฐานการผลิตแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ของบริษัทฯ ทั้งยังนำเทคโนโลยีล้ำสมัยจากประเทศจีนมาใช้ ไม่ว่าจะเป็นนวัตกรรม กระบวนการผลิต และอุปกรณ์สำหรับอุตสาหกรรมแบตเตอรี่โดยเฉพาะ ผสานหลายเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วย AI อาทิ ระบบการตรวจสอบและวิเคราะห์ด้วยดิจิทัล รวมถึงระบบการติดตามและวิเคราะห์คุณภาพอย่างเต็มรูปแบบ สอดรับกับนโยบาย EV 3.5 ของภาครัฐ ทั้งยังมีสายการผลิตที่มีความยืดหยุ่นสูง สามารถสลับการผลิตแบตเตอรี่แต่ละประเภทได้อย่างสะดวกรวดเร็ว โดยจะผลิตแบตเตอรี่ให้กับรถยนต์ไฟฟ้าจากเกรท วอลล์ มอเตอร์ ไม่ว่าจะเป็น ORA, Haval, Tank และรุ่นอื่นๆ รวมถึงรถยนต์พลังงานใหม่จากค่ายโฮซอน มอเตอร์ คาดว่าโรงงาน SVOLT Thailand จะส่งมอบแบตเตอรี่ให้กับลูกค้าในประเทศไทยได้มากกว่า 20,000 ชุดตามความต้องการตลาดในปีนี้
นายสมิทธิพร เศรษฐปราโมทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด กล่าวว่า “บ้านปู เน็กซ์ มีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือนี้กับ SVOLT ซึ่งช่วยสะท้อนความมุ่งมั่นในการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมไร้คาร์บอน (Net-Zero) ของประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เรามั่นใจว่าการเปิดโรงงานผลิตแบตเตอรี่ของ SVOLT จะรองรับความต้องการแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังเติบโตขึ้น รวมถึงเสริมแกร่งศักยภาพการแข่งขันให้กับตลาด EV ทั้งในประเทศไทยและอาเซียน ตอกย้ำวิสัยทัศน์ของบ้านปู เน็กซ์ และ SVOLT ที่ต้องการส่งมอบโซลูชันพลังงานสะอาดคุณภาพสูง ผลิตภัณฑ์แบตเตอรี่ที่ผลิตในประเทศ และบริการที่ตอบสนองเทรนด์และความต้องการของลูกค้า ควบคู่ไปกับการสร้างสรรค์อนาคตที่ยั่งยืนของอุตสาหกรรมพลังงานในภูมิภาค”
Mr. Yang Hongxin, Chairman และ CEO บริษัท เอส โวลต์ เอเนอร์จี้ เทคโนโลยี จำกัด (SVOLT) กล่าวว่า “การเปิดโรงงาน SVOLT Thailand ตอกย้ำความมุ่งมั่นของบริษัทที่จะสานต่อปรัชญาการทำธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับการดูแลลูกค้าในแต่ละประเทศควบคู่ไปกับการเดินหน้ากลยุทธ์ระดับโลกของเรา โดยโรงงานแห่งนี้มีศักยภาพการผลิตและทุนสำรองทางเทคนิคสำหรับผลิตภัณฑ์หลากหลายประเภท เมื่อเปิดทำการ โรงงานแห่งนี้จะเพิ่มขีดความสามารถทางการผลิตเพื่อให้สอดรับกับแผนการขยายตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ไปยังต่างประเทศ รวมถึงให้ความสำคัญกับการตอบสนองความต้องการของตลาดและผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพการแข่งขัน ในอนาคต SVOLT จะต่อยอดองค์ความรู้ระดับโลกและอุดมการณ์ระยะยาวเพื่อให้เข้าใจตลาดและความต้องการของลูกค้าในแต่ละประเทศได้อย่างแท้จริง นำไปสู่การส่งมอบบริการและผลิตภัณฑ์แบตเตอรี่ที่ผลิตในประเทศเหล่านั้นให้กับลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น”
โรงงาน SVOLT Thailand เป็นส่วนสำคัญในแผนการขยายสู่ตลาดต่างประเทศของ SVOLT โดยเป็นโครงการร่วมทุนระหว่าง บ้านปู เน็กซ์ กับบริษัทลูกของ SVOLT คือ บริษัท เอส โวลต์ เอเนอร์จี้ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ SVOLT Thailand เน้นผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า สำหรับรถ 2 ล้อและ 3 ล้อ ระบบกักเก็บพลังงาน รวมถึงการรีไซเคิลแบตเตอรี่ และอื่นๆ อีกมากมาย ปัจจุบัน โรงงาน SVOLT Thailand ผลิตแบตเตอรี่ LCTP (Low-Carbon Transition Plan) ซึ่งมาพร้อมเซลล์พลังงาน Short Blade L600 ให้กับผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศไทย ได้แก่ เกรท วอลล์ มอเตอร์ และ โฮซอน มอเตอร์ รองรับความต้องการแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ขนาดเล็ก (A-Segment) ในตลาดประเทศไทย
บ้านปู เน็กซ์ และ SVOLT เป็น long-term partners ที่มีความมุ่งมั่นและเป้าหมายร่วมกันในการตอบรับเทรนด์พลังงานโลก การเปิดโรงงาน SVOLT Thailand จะช่วยให้ทั้งสองบริษัทได้ผนึกความเชี่ยวชาญและยกระดับเทคโนโลยีล้ำสมัยจากประเทศจีน เพื่อส่งเสริมเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางชั้นนำของการลดการปล่อยคาร์บอนในเอเชียแปซิฟิก สะท้อนจุดยืนของทั้งสองบริษัทที่จะส่งมอบบริการและผลิตภัณฑ์แบตเตอรี่คุณภาพสูงที่เหมาะสมในแต่ละตลาด ตลอดจนส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านทางพลังงานและความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมในภูมิภาคอีกด้วย
บ้านปู เน็กซ์ บริษัทลูกของบ้านปู ผู้ให้บริการโซลูชันพลังงานสะอาดชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ต่อยอดความแข็งแกร่งทางธุรกิจกับ SVOLT ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือจัดตั้งโรงงานและพัฒนาอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการกักเก็บพลังงาน เซลล์แบตเตอรี่ และการรีไซเคิลแบตเตอรี่ ตั้งเป้าให้โรงงาน SVOLT Thailand แห่งนี้เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ลิเธียมในประเทศไทย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และภูมิภาคอื่นๆ โดยได้รับเกียรติจาก Mr. Yang Hongxin, Chairman และ CEO บริษัท เอส โวลต์ เอเนอร์จี้ เทคโนโลยี จำกัด (SVOLT) Mr. Zhang Feng, Vice President บริษัท เอส โวลต์ เอเนอร์จี้ เทคโนโลยี จำกัด (SVOLT) นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) นายสินนท์ ว่องกุศลกิจ Group Senior Vice President บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) และนายสมิทธิพร เศรษฐปราโมทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด ร่วมลงนามความร่วมมือ
SVOLT และบ้านปู เน็กซ์จะเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ร่วมกันในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ในการประกอบแบตเตอรี่ลิเธียม ระบบกักเก็บพลังงาน การผลิตเซลล์แบตเตอรี่ และธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาดในประเทศไทยและสอดรับกับนโยบายต่างๆ นอกจากนี้ จะศึกษาความเป็นไปได้ในการตั้งโรงงานผลิตระบบกักเก็บพลังงานในประเทศไทย และอัปเกรดสายการผลิตจากแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าเป็นระบบกักเก็บพลังงานอีกด้วย โดยจะเริ่มต้นจากการศึกษาความเป็นไปได้ในการผลิตเซลล์แบตเตอรี่ในไทยเพื่อขานรับนโยบายภาครัฐและเตรียมความพร้อมสำหรับการผลิตในปี พ.ศ. 2569 เป็นต้นไป พร้อมทั้งขยายขอบเขตความร่วมมือทางธุรกิจ การใช้ทรัพยากรร่วมกัน และการพัฒนาโครงการด้านระบบกักเก็บพลังงานเพื่อสร้างแผนธุรกิจใหม่ๆ สำหรับรุกตลาดทั้งในไทยและภูมิภาคอาเซียน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และทวีปอเมริกาเหนือ
นายสมิทธิพร เศรษฐปราโมทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด กล่าวว่า “วันนี้เป็นอีกก้าวสำคัญของบ้านปู เน็กซ์ ที่จะมุ่งขับเคลื่อนสังคมไร้คาร์บอนในอนาคต การต่อยอดความร่วมมือกับ SVOLT เพื่อตอกย้ำการเป็นพันธมิตรธุรกิจที่แข็งแกร่ง พร้อมเปิดโอกาสใหม่ในธุรกิจด้านการกักเก็บพลังงาน เซลล์แบตเตอรี่ และการรีไซเคิลแบตเตอรี่ อีกทั้งช่วยสร้างมูลค่าในธุรกิจแบตเตอรี่ของบ้านปู เน็กซ์ ให้ครบวงจรยิ่งขึ้น รวมถึงผลักดันให้เรานำจุดแข็งมาตอบสนองความต้องการของตลาดในประเทศและบุกเบิกนวัตกรรมต่างๆ ที่เกิดจากความร่วมมือทางการค้า ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนอนาคตที่ยั่งยืนให้ประเทศไทยและทั่วโลกได้”
Mr. Yang Hongxin, Chairman และ CEO บริษัท เอส โวลต์ เอเนอร์จี้ เทคโนโลยี จำกัด (SVOLT) กล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีที่หน่วยงานภาครัฐของไทยและบ้านปู เน็กซ์ ได้สนับสนุนการพัฒนาธุรกิจของ SVOLT ในประเทศไทย การลงนามในข้อตกลงครั้งนี้เป็นผลสำเร็จจากการทำงานร่วมกันของทั้งสองบริษัท ซึ่งจะนำจุดแข็งของแต่ละฝ่ายมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานรูปแบบใหม่ที่มีคุณภาพสูงในประเทศไทย เราเชื่อว่าความร่วมมือทางธุรกิจครั้งนี้ระหว่าง SVOLT และบ้านปู เน็กซ์ จะช่วยให้ SVOLT สามารถส่งมอบเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์แบตเตอรี่ล้ำสมัยสู่ตลาดไทยได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งช่วยส่งเสริมการพัฒนาตลาดพลังงานใหม่ในประเทศซึ่งจะช่วยให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ระดับโลก และสร้างประโยชน์ให้กับธุรกิจและผู้บริโภคชาวไทย”
ในฐานะองค์กรด้านเทคโนโลยีโครงข่ายพลังงานระดับโลก SVOLT ได้ขยายฐานธุรกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างต่อเนื่อง โดยในปี พ.ศ. 2566 ที่ผ่านมา ได้ร่วมมือกับบ้านปู เน็กซ์ ในหลายโครงการ ไม่ว่าจะเป็นการเริ่มก่อสร้างโรงงาน SVOLT Thailand อย่างเป็นทางการในเดือนกรกฎาคม การเข้าซื้อหุ้น SVOLT Thailand ของบ้านปู เน็กซ์ ในเดือนตุลาคม ตามมาด้วยกิจกรรมการเยี่ยมชมโรงงาน SVOLT ในเดือนพฤศจิกายนซึ่งได้รับเกียรติจากคณะผู้บริหารจากกระทรวงพลังงาน กระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ก่อนจะปิดท้ายด้วยการผลิตแบตเตอรี่ชุดแรกจากโรงงานของ SVOLT Thailand และบ้านปู เน็กซ์ ในเดือนธันวาคม ด้วยความร่วมมือในครั้งนี้ SVOLT และบ้านปู เน็กซ์ จะผนึกกำลังนำความแข็งแกร่งมาใช้ร่วมกันทั้งเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ กลยุทธ์ระดับโลก และความหลากหลายทางธุรกิจ ซึ่งจะรวมไปถึงการร่วมมือกับบริษัทอื่นๆ ในประเทศ ในการพัฒนาเทคโนโลยี การผลิต และผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างการเติบโตให้กับตลาดพลังงานของไทยและส่งเสริมการใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพและสะอาดมากขึ้น
‘บีเอ็นเอสพี สมาร์ท เทค’ (BNSP Smart Tech) บริษัทร่วมทุนระหว่าง ‘บ้านปู เน็กซ์’ ผู้ให้บริการโซลูชันพลังงานสะอาดชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และ ‘เอสพี กรุ๊ป’ ผู้ให้บริการระบบสาธารณูปโภคด้านพลังงานชั้นนำในเอเชียแปซิฟิก ประกาศความสำเร็จคว้าสิทธิ์ออกแบบ พัฒนา และบริหารจัดการระบบผลิตความเย็นจากส่วนกลาง (District Cooling System) ที่ครบครันด้วยนวัตกรรมล้ำสมัย ในโครงการพัฒนาพื้นที่ส่วนขยายศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐ โซนซี หากติดตั้งเสร็จคาดว่าระบบนี้จะช่วยประหยัดค่าพลังงานในโครงการฯ ได้กว่า 40 ล้านบาทต่อปี หรือลดลงกว่า 20% และลดการปล่อย CO2 ได้ปีละกว่า 3,000 ตัน เมื่อครบระยะเวลาสัญญา 20 ปี จะสามารถลดการปล่อย CO2 เทียบเท่ารถยนต์สันดาปประมาณ 20,000 คัน*
เมื่อติดตั้งระบบผลิตความเย็นจากส่วนกลางเสร็จในปี 2566 จะสามารถทำความเย็นสูงสุดถึง 14,000 ตันความเย็น (RT) สร้างความเย็นหมุนเวียนให้กับโครงการฯ โซนซี ซึ่งมีพื้นที่รวม 660,000 ตารางเมตร โดยบีเอ็นเอสพี สมาร์ท เทค จะนำความเชี่ยวชาญและความแข็งแกร่งของบ้านปู เน็กซ์ และเอสพี กรุ๊ป มาใช้ในการออกแบบ ดำเนินงาน และดูแลรักษาระบบผลิตความเย็นจากส่วนกลางเพื่อให้สามารถผลิตและกระจายน้ำเย็นไปยังพื้นที่ทุกส่วนภายในโครงการได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ช่วยประหยัดพลังงาน และมั่นใจในบริการได้ทุกขั้นตอน พร้อมนำเสนอบริการโซลูชันพลังงานสะอาดแบบครบวงจร โดยนอกจากการติดตั้งระบบผลิตความเย็นจากส่วนกลางแล้ว ยังมีแผนติดตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าให้บริการในพื้นที่โครงการอีกด้วย
ที่สำคัญ เพื่อขับเคลื่อนเป้าหมายด้านความยั่งยืนให้กับโครงการฯ โซนซี บ้านปู เน็กซ์ และเอสพี กรุ๊ป จะจัดหาโซลูชันพลังงานสะอาดอื่น ๆ มาพัฒนาโครงการรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นการต่อขยายระบบทำน้ำเย็น รถบัสไฟฟ้า การติดตั้งระบบโซลาร์ และระบบกักเก็บพลังงาน
นายสินนท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด กล่าวว่า “เมกะโปรเจกต์ระบบผลิตความเย็นจากส่วนกลางภายในโครงการฯ โซนซี ถือเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของบ้านปู เน็กซ์ บริษัทลูกของบ้านปู ที่จะก้าวเป็น Net-Zero Energy Provider ให้กับทุกองค์กรทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก พร้อมพัฒนาให้เป็น Smart Enterprise เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยความร่วมมือครั้งนี้ยังตอกย้ำความเชี่ยวชาญในธุรกิจจัดการพลังงานของบ้านปู เน็กซ์ ที่มอบบริการแบบครบวงจร ช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และมอนิเตอร์ได้เรียลไทม์”
นายสแตนลีย์ หวง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอสพี กรุ๊ป กล่าวว่า “ความสำเร็จในครั้งนี้ถือเป็นก้าวแรกของเอสพี กรุ๊ป ในการรุกตลาดระบบผลิตความเย็นจากส่วนกลางในไทย ทั้งยังสะท้อนความมุ่งมั่นในการนำโซลูชันพลังงานที่ยั่งยืนมาเร่งขับเคลื่อนเป้าหมายด้าน Net-Zero ให้กับประเทศไทย โดยเอสพี กรุ๊ป ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการด้านระบบผลิตความเย็นจากส่วนกลางรายใหญ่ที่สุดของเอเชีย มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญในการบริหารต้นทุนและประสิทธิภาพด้านพลังงานด้วยบริการระบบผลิตความเย็นแบบครบวงจร (Cooling as a Service) เราพร้อมที่จะขยายเครือข่ายและขับเคลื่อนการใช้ระบบความเย็นที่ยั่งยืนในภูมิภาค ทั้งในประเทศไทย เวียดนาม และอินโดนีเซีย อีกทั้งยังมุ่งมั่นที่จะยกระดับภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมสู่ความยั่งยืนด้วยโซลูชันอันล้ำสมัยและการผนึกพันธมิตรที่แข็งแกร่ง”
ดร.นาฬิกอติภัค แสงสนิท กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด หรือ DAD Asset Development กล่าวว่า “DAD มีความเชื่อมั่นในเทคโนโลยีระดับเอเชียแปซิฟิกของ บีเอ็นเอสพี สมาร์ท เทค (BNSP Smart Tech) ด้านการบริหารจัดการระบบผลิตความเย็นจากส่วนกลาง (District Cooling System: DCS) ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและระบบสาธารณูปโภคให้กับศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ โซนซี และเป็นการเตรียมรับมือการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศและการพัฒนาเมือง DAD จึงมุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีพลังงานสะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งนี้ เพื่อให้สอดรับกับนโยบายรัฐบาลที่ขับเคลื่อนเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2065 อย่างยั่งยืน”
บ้านปู เน็กซ์ และเอสพี กรุ๊ป มีประสบการณ์นำเสนอโซลูชันทำความเย็นที่ล้ำสมัยและยั่งยืน โดยบ้านปู เน็กซ์ ได้พัฒนาและติดตั้งระบบทำน้ำเย็นให้กับหลายโครงการชั้นนำในประเทศไทย อาทิ จามจุรีสแควร์, แพลทินัม แฟชั่น มอลล์ และอาคารล็อกซเล่ย์ ขณะที่เอสพี กรุ๊ป เป็นผู้ให้บริการระบบผลิตความเย็นจากส่วนกลางรายใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีโครงการในพอร์ตโฟลิโอทั่วเอเชียรวมทั้งสิ้นกว่า 228,000 ตันความเย็น (RT) ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายระบบการทำความเย็นจากส่วนกลางขนาดใหญ่ที่สุดของโลกในพื้นที่ระดับแลนด์มาร์คอย่างมารีน่า เบย์ ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งจะสามารถให้บริการทำความเย็นให้กับ 32 อาคารในย่านดังกล่าวภายในปี พ.ศ. 2570 นอกจากนี้ เอสพี กรุ๊ป ยังดูแลระบบผลิตความเย็นจากส่วนกลางให้กับโครงการฟื้นฟูเมืองเชิงบูรณาการให้กับย่านแทมปิเนส (Tampines) ติดตั้งระบบผลิตความเย็นจากส่วนกลางที่ใหญ่ที่สุดสำหรับภาคอุตสาหกรรมในสิงคโปร์ให้กับบริษัทเอสทีไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (STMicroelectronics) รวมไปถึงอีกหลายโครงการในประเทศจีน อาทิ กลุ่มอาคารราฟเฟิลส์ ซิตี้ ฉงชิ่ง, ศูนย์ออกแบบผังเมืองนานาชาติ เฉิงตู และโครงการเมืองแห่งการเรียนรู้กว่างโจว
บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านพลังงานที่หลากหลายในระดับนานาชาติ