บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และ เซเว่นเดลิเวอรี่ ได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในบริษัทกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 ที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance: ESG) จากการประเมินหลักทรัพย์จดทะเบียน ในปี พ.ศ. 2567 โดยสถาบันไทยพัฒน์
นายยุทธศักดิ์ ภูมิสุรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สถาบันไทยพัฒน์ประกาศให้ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) (CPALL) ติดอันดับ ESG100 ประจำปี 2567 ด้วยการคัดเลือกจาก 920 หลักทรัพย์จดทะเบียน ให้เป็นบริษัทที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ในกลุ่มบริการ และบริษัทได้เข้าอยู่ในทำเนียบ ESG100 เป็นปีที่ 7 ติดต่อกัน (พ.ศ.2561-2567)
“ซีพี ออลล์ ได้กำหนดกรอบกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน 2024-2025 (CP ALL Sustainability framework) ด้วย 2-ลด 4-สร้าง 1-DNA ได้แก่ ลดการใช้พลาสติก - ลดการใช้พลังงาน สร้างคน - สร้างงาน - สร้างอาชีพ - สร้างชุมชนอุ่นใจ และ DNA ความดี 24 ชั่วโมง โดยบริษัทฯ มุ่งมั่นเป็นองค์กรที่อยู่เคียงคู่ชุมชน สร้างสรรค์สังคมยั่งยืน ผ่านแนวคิด ESG ครอบคลุมด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล เป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนธุรกิจตลอดห่วงโซ่คุณค่า จนได้รับการรับรองให้อยู่ในทำเนียบ ESG100 มาอย่างต่อเนื่อง”
ทั้งนี้ การจัดอันดับของสถาบันไทยพัฒน์ พิจารณาข้อมูลจากการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) และผลประกอบการของบริษัทควบคู่ไปพร้อมกัน
สำหรับสถาบันไทยพัฒน์ เป็นผู้ริเริ่มพัฒนาข้อมูลด้านความยั่งยืนของธุรกิจ ได้เปิดเผยรายชื่อหลักทรัพย์จดทะเบียนที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้าน ESG จำนวน 100 บริษัท หรือที่เรียกว่ากลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 เป็นครั้งแรกในปี 2558 และได้มีการเก็บรวบรวมข้อมูลด้านความยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียนและดำเนินการต่อเนื่องมาเป็นปีที่สิบในปีนี้
ขณะที่ การจัดอันดับบริษัทจดทะเบียนด้านการพัฒนาความยั่งยืนของธุรกิจนี้ ถือเป็นแหล่งข้อมูลด้านความยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียน เพื่อรองรับความต้องการของผู้ลงทุนที่ให้น้ำหนักการลงทุนในบริษัทที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ และเป็นทางเลือกให้ผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในหลักทรัพย์จดทะเบียนที่มีคุณภาพและได้รับผลตอบแทนที่มิได้ด้อยไปกว่าการลงทุนในแบบทั่วไป
บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) (BCPG) ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน และผู้ดำเนินการและลงทุนในโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในบริษัทกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 ที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance: ESG) จากการประเมินหลักทรัพย์จดทะเบียน ในปี พ.ศ.2567 โดยสถาบันไทยพัฒน์
นายรวี บุญสินสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานปฏิบัติการ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สถาบันไทยพัฒน์ประกาศให้ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) (BCPG) ติดอันดับ ESG100 ประจำปี 2567 ด้วยการคัดเลือกจาก 920 หลักทรัพย์จดทะเบียน ให้เป็นบริษัทที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ในกลุ่มทรัพยากร และบริษัทได้เข้าอยู่ในทำเนียบ ESG100 เป็นปีที่ 7 (พ.ศ.2561-2567)
“บริษัทฯ มุ่งมั่นดำเนินงานอย่างรับผิดชอบ ครอบคลุมทั้งมิติสิ่งแวดล้อม สังคม เศรษฐกิจ และการกำกับดูแลกิจการที่ดี โดยยังตระหนักถึงความสำคัญของความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity) พร้อมที่จะบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสิ่งมีชีวิต สิ่งแวดล้อม และระบบนิเวศ ผ่านการดำเนินงานที่หลากหลาย อาทิ โครงการ Energy for Everyone เพื่อส่งเสริมให้ทุกคนเข้าถึงพลังงานสะอาด กิจกรรมนักคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน เพื่อปลูกฝังแนวคิดเรื่อง Circular Economy ให้กับนักเรียน โดยมุ่งสร้างการมีส่วนร่วม ดูแลสิ่งแวดล้อม ด้วยปณิธานในการสร้างโลกที่น่าอยู่ร่วมกันด้วยพลังงานสะอาดอย่างยั่งยืน”
ทั้งนี้ การจัดอันดับของสถาบันไทยพัฒน์ พิจารณาข้อมูลจากการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) และผลประกอบการของบริษัทควบคู่ไปพร้อมกัน
สำหรับสถาบันไทยพัฒน์ เป็นผู้ริเริ่มพัฒนาข้อมูลด้านความยั่งยืนของธุรกิจ ได้เปิดเผยรายชื่อหลักทรัพย์จดทะเบียนที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้าน ESG จำนวน 100 บริษัท หรือที่เรียกว่ากลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 เป็นครั้งแรกในปี 2558 และได้มีการเก็บรวบรวมข้อมูลด้านความยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียนและดำเนินการต่อเนื่องมาเป็นปีที่สิบในปีนี้
ขณะที่ การจัดอันดับบริษัทจดทะเบียนด้านการพัฒนาความยั่งยืนของธุรกิจนี้ ถือเป็นแหล่งข้อมูลด้านความยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียน เพื่อรองรับความต้องการของผู้ลงทุนที่ให้น้ำหนักการลงทุนในบริษัทที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ และเป็นทางเลือกให้ผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในหลักทรัพย์จดทะเบียนที่มีคุณภาพและได้รับผลตอบแทนที่มิได้ด้อยไปกว่าการลงทุนในแบบทั่วไป
นายโทมัส วิลสัน (ซ้าย) กรรมการผู้อำนวยการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (AYUD) รับมอบประกาศนียบัตร ESG100 Company ในฐานะบริษัทที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ประจำปี 2567 จาก ดร.พิพัฒน์ ยอดพฤติการ (ขวา) ประธานสถาบันไทยพัฒน์ ณ สำนักงานใหญ่ บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา อาคารเพลินจิตทาวเวอร์ ปทุมวัน กรุงเทพฯ
บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (AYUD) บริษัทเพื่อการลงทุนในธุรกิจประกันชีวิต และธุรกิจประกันภัย โดยเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจในกลุ่มอลิอันซ์ ผู้ประกอบธุรกิจบริการทางการเงินชั้นนำจากประเทศเยอรมนี ได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในบริษัทกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 ที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance: ESG) จากการประเมินหลักทรัพย์จดทะเบียน ในปี พ.ศ.2567 โดยสถาบันไทยพัฒน์
นายโทมัส วิลสัน กรรมการผู้อำนวยการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สถาบันไทยพัฒน์ประกาศให้ บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) (AYUD) ติดอันดับ ESG100 ประจำปี 2567 ด้วยการคัดเลือกจาก 920 หลักทรัพย์จดทะเบียน ให้เป็นบริษัทที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ในกลุ่มธุรกิจประกันภัยและประกันชีวิต (Insurance) และบริษัทได้เข้าอยู่ในทำเนียบ ESG100 เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน (พ.ศ.2565-2567)
กลุ่มบริษัทและบริษัทร่วม ยึดถือเรื่องความยั่งยืนเป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญ ด้วยวิสัยทัศน์ “เราใส่ใจในวันพรุ่งนี้” (We Care for Tomorrow) โดยมุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม เพื่อทำให้วิสัยทัศน์นี้เกิดขึ้นได้จริงและสร้างโลกที่น่าอยู่ขึ้น กลุ่มบริษัทและบริษัทร่วม จึงผลักดันนโยบาย ESG สู่การปฏิบัติจริง มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใส มุ่งเน้นการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ และเป็นธรรมกับผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย เพื่อเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ “วันพรุ่งนี้” ของทุกคนมั่นคงและยั่งยืน
ทั้งนี้ การจัดอันดับของสถาบันไทยพัฒน์ พิจารณาข้อมูลจากการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) และผลประกอบการของบริษัทควบคู่ไปพร้อมกัน
สำหรับสถาบันไทยพัฒน์ เป็นผู้ริเริ่มพัฒนาข้อมูลด้านความยั่งยืนของธุรกิจ ได้เปิดเผยรายชื่อหลักทรัพย์จดทะเบียนที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้าน ESG จำนวน 100 บริษัท หรือที่เรียกว่ากลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 เป็นครั้งแรกในปี 2558 และได้มีการเก็บรวบรวมข้อมูลด้านความยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียนและดำเนินการต่อเนื่องมาเป็นปีที่สิบในปีนี้
ขณะที่ การจัดอันดับบริษัทจดทะเบียนด้านการพัฒนาความยั่งยืนของธุรกิจนี้ ถือเป็นแหล่งข้อมูลด้านความยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียน เพื่อรองรับความต้องการของผู้ลงทุนที่ให้น้ำหนักการลงทุนในบริษัทที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ และเป็นทางเลือกให้ผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในหลักทรัพย์จดทะเบียนที่มีคุณภาพและได้รับผลตอบแทนที่มิได้ด้อยไปกว่าการลงทุนในแบบทั่วไป
บมจ.นอร์ทอีส รับเบอร์ หรือ NER ผู้ผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติ ได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ในบริษัทกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 ที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล จากการประเมินหลักทรัพย์จดทะเบียน ปี 2567 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 ในกลุ่มธุรกิจการเกษตร โดยสถาบันไทยพัฒน์ สะท้อนให้เห็นถึงเจตนารมณ์ของบริษัทที่มุ่งมั่นจะเป็นผู้นำด้านการผลิตยางพาราและการพัฒนาอย่างยั่งยืน
นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง และยางผสม เพื่อจำหน่ายไปยังผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์และกลุ่มผู้ค้าคนกลาง ทั้งในและต่างประเทศ เปิดเผยว่า ESG Rating สถาบันไทยพัฒน์ได้ประกาศให้ บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) (NER) ติดอันดับ ESG100 ประจำปี 2567 จากการคัดเลือกหลักทรัพย์จดทะเบียนทั้งหมด 920 หลักทรัพย์ ให้เป็นบริษัทที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และ ธรรมาภิบาล (Environmental Social and Governance: ESG) ในกลุ่มธุรกิจการเกษตร (Agribusiness) ซึ่งบริษัทมีรายชื่ออยู่ในทำเนียบ ESG100 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 ติดต่อกัน (พ.ศ.2562-2567) นับตั้งแต่ที่เป็นบริษัทจดทะเบียน
การที่บริษัทได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 บริษัทกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 สะท้อนให้เห็นถึงเจตนารมณ์ของบริษัทที่มุ่งมั่นการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคม (Social) และหลักบรรษัทภิบาล (Corporate Governance) หรือ ESG และเป็นแบบอย่างที่ดีในการดำเนินธุรกิจเพื่อเป็นทางเลือกแก่ผู้ที่ต้องการลงทุนในหุ้นยั่งยืนที่สามารถสร้างผลตอบแทนในระยะยาว
บริษัทฯ ยังคงดำเนินโครงการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืนในทุกมิติ ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) เพื่อสร้างประโยชน์ให้แก่ชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการเติบโตอย่างยั่งยืนของบริษัทฯ โดยเน้นการวางแผนการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ร่วมกับการลดต้นทุนการผลิตและต้นทุนในการดำเนินงาน ทั้งการปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักร การใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์ และการใช้ไบโอแก๊สที่ผลิตเพื่อใช้งานเองที่ช่วยลดต้นทุนค่าพลังงานของบริษัทได้เป็นอย่างดี
โดยตัวอย่างการดำเนินโครงการที่สำคัญ ได้แก่ โครงการห่วงโซ่อุปทานเพื่อความยั่งยืน โครงการตลาดสีเขียว โครงการห้องสมุดเพื่อการเรียนรู้ โครงการ NER ร่วมใจลดขยะพลาสติก โครงการตรวจสุขภาพกลุ่มเปราะบาง โครงการส่งสุขความรู้ สู่ดวงใจพนักงาน ผ่านคาราวานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นต้น
สำหรับการจัดอันดับของสถาบันไทยพัฒน์ จะพิจารณาข้อมูลจากการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) และผลประกอบการของบริษัทควบคู่ไปพร้อมกัน ขณะที่การจัดอันดับบริษัทจดทะเบียนด้านการพัฒนาความยั่งยืนของธุรกิจในครั้งนี้ ถือเป็นแหล่งข้อมูลด้านความยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียน เพื่อรองรับความต้องการของผู้ลงทุนที่ให้น้ำหนักการลงทุนในบริษัทที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ และเป็นทางเลือกให้ผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในหลักทรัพย์จดทะเบียนที่มีคุณภาพและได้รับผลตอบแทนที่มิได้ด้อยไปกว่าการลงทุนในแบบทั่วไป
บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) (BCH) ผู้ประกอบกิจการโรงพยาบาลเอกชน ภายใต้ชื่อ โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ และโรงพยาบาลการุญเวช ได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในบริษัทกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 ที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance: ESG) จากการประเมินหลักทรัพย์จดทะเบียน ในปี พ.ศ.2567 โดยสถาบันไทยพัฒน์
ศ.ดร.นพ.เฉลิม หาญพาณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สถาบันไทยพัฒน์ประกาศให้ บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) (BCH) ติดอันดับ ESG100 ประจำปี 2567 ด้วยการคัดเลือกจาก 920 หลักทรัพย์จดทะเบียน ให้เป็นบริษัทที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ในกลุ่มบริการ และบริษัทได้เข้าอยู่ในทำเนียบ ESG100 เป็นปีที่ 7 ติดต่อกัน (พ.ศ.2561-2567)
“BCH มุ่งมั่นยกระดับบริการทางการแพทย์ของโรงพยาบาลในเครือ ควบคู่ไปกับการบูรณาการความยั่งยืนเข้ากับการดำเนินธุรกิจขององค์กร (Boosting sustainability through entire organization) การดูแลใส่ใจโดยมุ่งเน้นประโยชน์ของผู้ป่วยเป็นสำคัญ (Care) และการพัฒนาคุณภาพการให้บริการทางการแพทย์เพื่อเสริมสร้างสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ผู้ป่วย (Healthiness and Happiness) โดยยึดหลักคุณธรรม จริยธรรม และความโปร่งใสในการบริหารจัดการ รวมถึงใส่ใจถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อม ชุมชน พนักงาน คู่ค้า และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม ทั้งนี้ บริษัทฯ มีการวางกลยุทธ์เพื่อขยายขอบเขตบริการทางการแพทย์ร่วมกับพันธมิตรให้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าที่หลายหลาย ทั้งการเปิดศูนย์มะเร็งรังสีรักษา เกษมราษฎร์อารี รถทันตกรรมเคลื่อนที่ โครงการความร่วมมือให้บริการดูแลผู้สูงอายุและผู้มีภาวะพึ่งพิง ศูนย์จัดเก็บเซลล์เพื่อการฝากเก็บสเต็มเซลล์และเซลล์ภูมิคุ้มกัน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน และนำไปสู่การเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืนในอนาคต”
ทั้งนี้ การจัดอันดับของสถาบันไทยพัฒน์ พิจารณาข้อมูลจากการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) และผลประกอบการของบริษัทควบคู่ไปพร้อมกัน
สำหรับสถาบันไทยพัฒน์ เป็นผู้ริเริ่มพัฒนาข้อมูลด้านความยั่งยืนของธุรกิจ ได้เปิดเผยรายชื่อหลักทรัพย์จดทะเบียนที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้าน ESG จำนวน 100 บริษัท หรือที่เรียกว่ากลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 เป็นครั้งแรกในปี 2558 และได้มีการเก็บรวบรวมข้อมูลด้านความยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียนและดำเนินการต่อเนื่องมาเป็นปีที่สิบในปีนี้
ขณะที่ การจัดอันดับบริษัทจดทะเบียนด้านการพัฒนาความยั่งยืนของธุรกิจนี้ ถือเป็นแหล่งข้อมูลด้านความยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียน เพื่อรองรับความต้องการของผู้ลงทุนที่ให้น้ำหนักการลงทุนในบริษัทที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ และเป็นทางเลือกให้ผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในหลักทรัพย์จดทะเบียนที่มีคุณภาพและได้รับผลตอบแทนที่มิได้ด้อยไปกว่าการลงทุนในแบบทั่วไป