TPIPL เสนอขายหุ้นกู้ 2 ชุด ได้แก่ ชุดที่ 1 อายุ 4 ปี 4 เดือน อัตราดอกเบี้ย 3.85% ต่อปี มูลค่าเสนอขายไม่เกิน 7,000 ล้านบาท และชุดที่ 2 อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.00% ต่อปี มูลค่าเสนอขายไม่เกิน 7,000 ล้านบาท จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน คาดเปิดจองซื้อวันที่ 5 - 7 พฤศจิกายน 2567 สำหรับผู้ลงทุนทั่วไป และผู้ลงทุนสถาบัน ผ่านสถาบันการเงินที่เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายรวม 19 แห่ง เผยหุ้นกู้และองค์กรได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากทริสเรทติ้งที่ระดับ “A-” แนวโน้ม “คงที่” (Stable) สะท้อนความแข็งแกร่งและความสามารถในการแข่งขันในตลาดปูนซีเมนต์ในประเทศ รวมถึงกระแสเงินสดที่มีความมั่นคงจากธุรกิจผลิตไฟฟ้า และประโยชน์จากการกระจายการลงทุนในธุรกิจที่หลากหลาย มั่นใจเป็นทางเลือกที่น่าสนใจและจะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ลงทุน ชี้หุ้นกู้มีความเสี่ยงต่ำที่ระดับ 3 (ความเสี่ยงสูงสุดอยู่ที่ระดับ 8)
นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPL ผู้ผลิตและจำหน่ายปูนซีเมนต์ ธุรกิจคอนกรีตผสมเสร็จ รวมทั้งผลิตภัณฑ์วัสดุก่อสร้างรายใหญ่ของประเทศ ธุรกิจโพลีเมอร์ชนิดพิเศษ (Specialty Polymer) และธุรกิจโรงไฟฟ้า (ผ่านบริษัทย่อย) เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมออกและเสนอขายหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จำนวน 2 ชุด ได้แก่ หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 4 ปี 4 เดือน อัตราดอกเบี้ย 3.85% ต่อปี มูลค่าเสนอขายไม่เกิน 7,000 ล้านบาท และหุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.00% ต่อปี มูลค่าเสนอขายไม่เกิน 7,000 ล้านบาท กำหนดชำระดอกเบี้ยทุก 3 เดือน โดยหุ้นกู้ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2567 ที่ระดับ A- แนวโน้ม “คงที่” (Stable) เช่นเดียวกับอันดับความน่าเชื่อถือองค์กร โดยคาดว่าจะเสนอขายในระหว่างวันที่ 5-7 พฤศจิกายน 2567 ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป และผู้ลงทุนสถาบัน
ทั้งนี้ บริษัทฯ มั่นใจว่า หุ้นกู้ TPIPL จะได้รับความสนใจและการตอบรับจากผู้ลงทุนเป็นอย่างดี เนื่องจากได้กำหนดอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนที่เหมาะสม สอดคล้องกับอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ที่ระดับ “A-” จากทริสเรทติ้งโดยมีความเสี่ยงต่ำที่ระดับ 3 (ความเสี่ยงสูงสุดอยู่ที่ระดับ 8) ซึ่งสะท้อนความแข็งแกร่งของบริษัทฯ ในการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมปูนซิเมนต์เขียว และผลิตภัณฑ์ปูนซิเมนต์เขียว รวมถึงธุรกิจปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ ธุรกิจพลังงานทดแทนจากขยะเทศบาลและแสงอาทิตย์ และสาธารณูปโภค ธุรกิจการเกษตรชีวะอินทรีย์ และอื่นๆ ซึ่งมีโอกาสและศักยภาพในการเติบโตในอนาคต ขณะที่ ทริสเรทติ้ง ระบุด้วยว่า “ทีพีไอ โพลีน” มีความสามารถในการแข่งขันในตลาดปูนซีเมนต์ในประเทศไทย ตลอดจนอยู่ในตำแหน่งผู้นำในตลาด Ethylene Vinyl Acetate (EVA) ซึ่งเป็นเม็ดพลาสติกที่มีความยืดหยุ่นสูง นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีกระแสเงินสดที่มั่นคงจากธุรกิจผลิตไฟฟ้า และได้รับประโยชน์จากการกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจที่หลากหลาย
ปัจจุบัน บมจ. ทีพีไอ โพลีน และบริษัทในเครือประกอบธุรกิจหลัก แบ่งเป็น 4 กลุ่มธุรกิจ ดังนี้
(1) ธุรกิจวัสดุก่อสร้าง โดยเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายปูนซีเมนต์เขียว คอนกรีตผสมเสร็จเขียว กระเบื้องคอนกรีตเขียว ไฟเบอร์ซีเมนต์เขียว อิฐมวลเบาเขียว สี และวัสดุก่อสร้างอื่น โดยเป็นบริษัทผู้ผลิตปูนซีเมนต์รายใหญ่ที่สามารถลด CO2 ได้มากที่สุดของประเทศไทย
(2) ธุรกิจปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ โดยเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายโพลีเมอร์ชนิดพิเศษ (Specialty Polymer) ประกอบด้วย พลาสติก LDPE และ EVA (โดยสามารถพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตพลาสติก EVA รายเดียวในประเทศไทย) กาวน้ำ กาวผง Solar Film แอมโมเนียมไนเตรท และกรดไนตริก เป็นต้น โดยเป็นผู้ผลิตแอมโมเนียมไนเตรทรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
(3) ธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค ได้แก่ ธุรกิจโรงไฟฟ้าจากพลังงานเชื้อเพลิงขยะ (โดยมีโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงขยะที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ไม่ปล่อยของเสียออกนอกโรงงาน (Zero Waste) และได้รับ Carbon Credits มากที่สุด มีโรงกำจัดขยะในพื้นที่แห่งเดียวกันที่ใหญ่ที่สุดในโลก) (โรงไฟฟ้าถ่านหิน อยู่ระหว่างปรับเปลี่ยนเป็นโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงขยะ 100% ภายในปี 2568 โรงงานแปรรูปขยะเป็นเชื้อเพลิงทดแทน) โรงงานผลิตเชื้อเพลิงเหลวจากยางรถยนต์เก่า สถานีให้บริการน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ (NGV) พร้อมด้วย Charger ไฟฟ้า สำหรับรถไฟฟ้า (EV) และโรงงานรับกำจัดกากอุตสาหกรรม
(4) ธุรกิจการเกษตรชีวะอินทรีย์และอื่น ๆ ดังนี้
(4.1) ผลิตภัณฑ์สำหรับพืชไร้สารพิษ ได้แก่ ปุ๋ยชีวะอินทรีย์ สารปรับปรุงสภาพดิน และสารไล่แมลง โดยไม่ต้องใช้ยาเคมีพิษฆ่าแมลง
(4.2) ผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์ไร้สารพิษ ได้แก่ จุลินทรีย์ชีวนะ สำหรับปศุสัตว์และประมง ไร้สารพิษและสารฆ่า VIRUSES ในสัตว์บกและสัตว์น้ำ โดยไม่ต้องใช้ยาปฏิชีวนะ
(4.3) ผลิตภัณฑ์สุขอนามัยชีวภาพ ได้แก่ เครื่องดื่มโพรไบโอติกผสมวิตามิน (Pro vita) อาหารเสริมโพรไบโอติกแคลเซียมและวิตามินซี น้ำยาบ้วนปากไบโอน็อค (Bio Knox) เป็นน้ำยาบ้วนปากเพื่อฆ่าเชื้อจุลินทรีย์และแบคทีเรียในช่องปาก ป้องกันไม่ให้เชื้อ Virus เข้าสู่ร่างกายทางปาก ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด น้ำยาล้างจาน และน้ำยาขจัดคราบ นอกจากนี้มี น้ำยาล้างผัก สบู่เหลวอาบน้ำ สบู่ล้างมือ รวมถึงน้ำดื่มตราทีพีไอพีแอล อีกทั้งยังมีธุรกิจประกันชีวิตที่ดำเนินการภายใต้บริษัทในเครือทีพีไอโพลีน
นอกจากนี้ กลุ่มทีพีไอโพลีน ได้ส่งเสริมการพัฒนาด้านความยั่งยืน ในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) อย่างต่อเนื่อง เพื่อเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ เพื่อบรรลุเป้าหมาย Net Zero Emission โดยใช้เชื้อเพลิงขยะในการผลิตไฟฟ้า และใช้เชื้อเพลิงขยะแทนถ่านหินบางส่วนในกระบวนการผลิตปูนซีเมนต์ ใช้ระบบสายพานลำเพียงวัตถุดิบ ปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักรโรงปูนซิเมนต์เพื่อลดอัตราการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลและลดฝุ่น (Green Cement Process) เปลี่ยนใช้มอเตอร์ ไฟฟ้าในรถและเครื่องจักร เหมืองแทนเครื่องยนต์สันดาป (Green Mining) ผลิตวัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Products) ปรับปรุงระบบขนส่งด้วยรถไฟฟ้า (Green Logistics) ใช้รถไฟฟ้าในการปฏิบัติงาน (Green Management) และใช้รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าในการปฏิบัติงาน (Green Warehouse) นอกจากนี้กลุ่มทีพีไอโพลีนได้บริจาคเงินช่วยเหลือชุมชนและสังคมอย่างต่อเนื่อง โดยคำนึงถึงสิทธิมนุษยชน และผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างเหมาะสม
โดยในช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯได้รับรางวัลในส่วนที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
1. ได้รับการคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 100 บริษัทจดทะเบียนที่มีผลการดำเนินงานโดดเด่น ESG 100 ประจำปี 2567 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 (2565-2567) และเป็นบริษัทที่น่าลงทุนในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างจากการประเมินของสถาบันไทยพัฒน์
2. ได้รับการประเมินเป็น “หุ้นยั่งยืนระดับ AA” ประจำปี 2566 จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
3. ได้รับการประเมินการกำกับดูแลกิจการของบริษัทจดทะเบียนประจำปี 2566 โดยสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทยในระดับ 5 ดาว “ดีเลิศ”
4. ได้รับรางวัล 3G Excellence Award in CSR Activities 2023 จากเวทีระดับโลก Global Good Governance Awards 2023 จากบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน Cambridge IFA International Financial Advisory สหราชอาณาจักร
สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่สนใจลงทุนในหุ้นกู้ TPIPL สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมจากหนังสือชี้ชวนการเสนอขายได้ที่ www.sec.or.th และสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมจากผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ทั้ง 19 แห่ง ดังนี้
จัดจำหน่ายสำหรับผู้ลงทุนทั่วไปและผู้ลงทุนสถาบัน
ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-626-7777
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด โทร. 02-680-4004
บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โทร. 02-658-8888
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด โทร. 02-695-5000
บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด โทร. 02-009-8351-56
บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โทร. 02-658-5050
จัดจำหน่ายสำหรับผู้ลงทุนสถาบัน
ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) โทร. 02-676-8000
จัดจำหน่ายสำหรับผู้ลงทุนทั่วไป
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) โทร. 02-638-5500
บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โทร. 02-351-1800 กด 1
บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-205-7000 ต่อ 7311 หรือ 7391
บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด โทร. 02-687-7543
บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โทร. 02-635-1700
บริษัทหลักทรัพย์ เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด (มหาชน) โทร. 02-660-6688
บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด โทร. 02-846-8675
บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) โทร.02-820-0100
บริษัทหลักทรัพย์ บลูเบลล์ จำกัด โทร. 02-249-2999
บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) โทร. 02-625-2422
บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โทร. 02-659-5272-73
บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนิตี้ จำกัด โทร. 02-088-9100
บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) (TPIPL) ผู้ผลิตและจำหน่ายปูนซีเมนต์ คอนกรีตผสมเสร็จ และ Specialty Polymer ได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในบริษัทกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 ที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental Social and Governance: ESG) จากการประเมินหลักทรัพย์จดทะเบียน ในปี พ.ศ.2566 โดยสถาบันไทยพัฒน์
นายขันธ์ชัย วิจักขณะ ประธานกรรมการ บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สถาบันไทยพัฒน์ประกาศให้ บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) (TPIPL) ติดอันดับ ESG100 ประจำปี 2566 ด้วยการคัดเลือกจาก 888 หลักทรัพย์จดทะเบียน ให้เป็นบริษัทที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และ ธรรมาภิบาล (ESG) ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง และบริษัทเข้าอยู่ในทำเนียบ ESG100 ได้เป็นปีที่ 2 (2565-66)
บริษัทให้ความสำคัญในนโยบายความยั่งยืน และการดำเนินธุรกิจตามแนวทาง BCG, ESG รวมถึงแคมเปญ NET ZERO รักษ์โลก โดยการส่งเสริมสนับสนุนใช้ปูนซิเมนต์ไฮโดรลิก ทดแทนปูนซิเมนต์ปอร์ตแลนด์ เนื่องจากการผลิตปูนซิเมนต์ไฮดรอลิกใช้สัดส่วนปูนเม็ดน้อยกว่า จึงทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยกว่า ดังนั้น เมื่อนำปูนซิเมนต์ไฮดรอลิกมาเป็นวัตถุดิบสำหรับงานก่อสร้างอาคารเขียวตามมาตราฐาน LEED และ TREES จึงช่วยลดก๊าซเรือนกระจก และลดภาวะโลกร้อน นอกจากนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2566 เป็นต้นไป กลุ่มบริษัทมีนโยบายผลิตสินค้าที่มีการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยได้ออกแบบผลิตภัณฑ์สีเขียว (Green Products) ซึ่งประกอบด้วย ปูนเม็ด (Green Clinker) ปูนซิเมนต์ (Green Cement) ไฟเบอร์ซิเมนต์ (Green Fiber Cement) และกระเบื้องหลังคาคอนกรีต (Green CRT) โดยผลิตภัณฑ์ดังกล่าวจะมุ่งใช้วัตถุดิบทดแทน เชื้อเพลิงทดแทน และไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน
ทั้งนี้ การจัดอันดับของสถาบันไทยพัฒน์ พิจารณาข้อมูลจากการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) และผลประกอบการของบริษัทควบคู่ไปพร้อมกัน
สำหรับสถาบันไทยพัฒน์ เป็นผู้ริเริ่มพัฒนาข้อมูลด้านความยั่งยืนของธุรกิจ ได้เปิดเผยรายชื่อหลักทรัพย์จดทะเบียนที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้าน ESG จำนวน 100 บริษัท หรือที่เรียกว่ากลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 เป็นครั้งแรกในปี 2558 และได้มีการเก็บรวบรวมข้อมูลด้านความยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียนและดำเนินการต่อเนื่องมาเป็นปีที่เก้าในปีนี้
ขณะที่ การจัดอันดับบริษัทจดทะเบียนด้านการพัฒนาความยั่งยืนของธุรกิจนี้ ถือเป็นแหล่งข้อมูลด้านความยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียน เพื่อรองรับความต้องการของผู้ลงทุนที่ให้น้ำหนักการลงทุนในบริษัทที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ และเป็นทางเลือกให้ผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในหลักทรัพย์จดทะเบียนที่มีคุณภาพและได้รับผลตอบแทนที่มิได้ด้อยไปกว่าการลงทุนในแบบทั่วไป
TPIPL ประสบความสำเร็จจากการออกและเสนอขายหุ้นกู้ 3 ชุดให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไปและผู้ลงทุนสถาบัน
บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) (TPIPL) ผู้นำในธุรกิจปูนซิเมนต์ เม็ดพลาสติก โรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงขยะ และผลิตภัณฑ์ HealthCare ป้องกันรักษาอันตรายจาก virus และจุลินทรีย์ก่อโรคของมนุษย์ ปุ๋ยชีวอินทรีย์ อาหารเสริมชีวอินทรีย์ และสารฆ่าเชื้อ virus สำหรับหมู ไก่ วัว ควาย สุนัข แมว ปลา กุ้ง ได้รับคัดเลือกให้เป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance: ESG) เข้าอยู่ในกลุ่มบริษัทวิถียั่งยืนที่น่าลงทุน หรือ ESG Emerging List ปี 2565
สถาบันไทยพัฒน์ ประกาศให้ ทีพีไอ โพลีน เป็นหนึ่งในรายชื่อหลักทรัพย์จดทะเบียนที่น่าลงทุนในกลุ่ม ESG Emerging ปี 2565 ด้วยการคัดเลือกจาก 851 หลักทรัพย์จดทะเบียน โดยใช้ข้อมูลด้าน ESG ที่ปรากฏในการเปิดเผยข้อมูล การดำเนินงานที่สะท้อนปัจจัยด้าน ESG และความริเริ่มหรือลักษณะธุรกิจที่เกี่ยวโยงกับประเด็นด้าน ESG ของกิจการ
นายขันธ์ชัย วิจักขณะ ประธานกรรมการ บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “การที่บริษัทฯ ได้รับคัดเลือกให้อยู่ใน ESG Emerging List ในปีนี้ เป็นผลจากความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ที่ให้ความสำคัญต่อการบริหารจัดการในทุกมิติของการดำเนินธุรกิจ ครอบคลุมทั้งด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ยึดหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี มีจริยธรรมในการดำเนินธุรกิจ และตระหนักถึงความคาดหวังของชุมชนที่มีต่อบริษัทฯ เป็นอย่างดี”
นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) กล่าวเพิ่มเติมว่า “บริษัทฯ มุ่งมั่นในการขับเคลึ่อนธุรกิจสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยเชื่อมโยงการดำเนินการสู่ภาคเศรษฐกิจที่เป็น Bio-Circular-Green (BCG) Economy ในทุกขั้นตอนของห่วงโซ่คุณค่า เพื่อร่วมดูแลแก้ไขปัญหาโลกร้อน รวมทั้งดูแลผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มอย่างสมดุล ตลอดจนส่งมอบคุณค่าให้กับชุมชนและสังคมส่วนรวมเพื่อนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน สร้างให้เกิดความเข้มแข็งต่อองค์กร ชุมชน สังคม และประเทศ”
ทั้งนี้ การจัดอันดับหลักทรัพย์ที่น่าลงทุนในกลุ่ม ESG Emerging พิจารณาข้อมูลจากการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) และผลประกอบการของบริษัทควบคู่กันในกระบวนการประเมิน
สำหรับสถาบันไทยพัฒน์ เป็นผู้ริเริ่มพัฒนาข้อมูลด้านความยั่งยืนของธุรกิจ ได้เปิดเผยรายชื่อหลักทรัพย์จดทะเบียนที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ในกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 เป็นครั้งแรกในปี 2558 และในกลุ่มหลักทรัพย์ ESG Emerging เป็นครั้งแรกในปี 2563
ขณะที่ การจัดอันดับบริษัทจดทะเบียนด้านการพัฒนาความยั่งยืนของธุรกิจนี้ ถือเป็นแหล่งข้อมูลด้านความยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียน เพื่อรองรับความต้องการของผู้ลงทุนที่ให้น้ำหนักการลงทุนในบริษัทที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ และเป็นทางเลือกให้ผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในหลักทรัพย์จดทะเบียนที่มีคุณภาพและได้รับผลตอบแทนที่มิได้ด้อยไปกว่าการลงทุนในแบบทั่วไป