EXIM BANK แถลงผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 3 ปี 2567 เดินหน้าส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการไทยดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Environmental, Social, and Governance: ESG) มีสินเชื่อคงค้างและภาระผูกพันในการสนับสนุนธุรกิจที่คำนึงถึง ESG 62,543 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 36.65% จากสินเชื่อคงค้างและภาระผูกพันทั้งหมด 170,630 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 3,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีวงเงินอนุมัติสินเชื่อใหม่ 34,290 ล้านบาท
ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 3 ปี 2567 EXIM BANK มุ่งสนับสนุนการส่งออก-นำเข้า และการลงทุนในประเทศและต่างประเทศ ยกระดับและพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการไทยเติบโตได้อย่างยั่งยืนโดย ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ปี 2567 EXIM BANK มีวงเงินอนุมัติสินเชื่อใหม่ 34,290 ล้านบาท และมีสินเชื่อคงค้างและภาระผูกพัน 170,630 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 3,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในจำนวนนี้เป็นสินเชื่อคงค้างและภาระผูกพันเพื่อการลงทุน 124,720 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 73.09% ของยอดทั้งหมด โดยเป็นสินเชื่อคงค้างและภาระผูกพันในโครงการระหว่างประเทศ 44,850 ล้านบาท เมื่อจำแนกเป็นรายตลาดที่สำคัญ EXIM BANK สนับสนุนธุรกิจไทยให้ขยายไปกลุ่มประเทศ CLMV และ New Frontiers ที่มีศักยภาพอย่างต่อเนื่อง โดยมีสินเชื่อคงค้างและภาระผูกพันในกลุ่ม CLMV และ New Frontiers 39,593 ล้านบาท
EXIM BANK ภายใต้บทบาท Green Development Bank ได้พัฒนานวัตกรรมทางการเงินสีเขียว (Greenovation) อาทิ สินเชื่อ EXIM Green Start สำหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เพื่อสร้างระบบนิเวศการค้าและการลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ สนับสนุนให้ธุรกิจไทยสามารถปรับตัวรับมือและปฏิบัติตามมาตรการทางการค้าด้านสิ่งแวดล้อมได้อย่างครบวงจรตลอดห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ส่งผลให้ EXIM BANK มีสินเชื่อคงค้างและภาระผูกพันเพื่อความยั่งยืน (ESG) 62,543 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 36.65% ของยอดทั้งหมด
ในมิติสังคม EXIM BANK มุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง อาทิ มาตรการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ SMEs ที่ประสงค์ปรับปรุงโครงสร้างหนี้เชิงป้องกัน (มาตรการ Pre-emptive) เพื่อให้ได้รับการช่วยเหลือจากธนาคารอย่างตรงจุดและทันท่วงที สินเชื่อ EXIM Happy Export Credit เงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจส่งออกและที่เกี่ยวเนื่อง เพื่อขับเคลื่อนภาคการส่งออกที่เป็นเสมือนเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจให้แข็งแกร่งและทั่วถึง และบริการสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าในอัตราแลกเปลี่ยนพิเศษ (Happy Foreign Exchange Forward Contract) เพื่อเสริมสภาพคล่องและบริหารความเสี่ยงให้แก่ผู้ทำธุรกิจระหว่างประเทศ ท่ามกลางสถานการณ์อัตราแลกเปลี่ยนผันผวน รวมถึงมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย โดยมีระยะเวลาอนุมัติถึงเดือนธันวาคม 2567
ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอนและสถานการณ์ความไม่มั่นคงในภูมิภาคต่าง ๆ EXIM BANK เร่งเสริมสร้างความมั่นใจและภูมิคุ้มกันความเสี่ยงแก่ผู้ส่งออกและนักลงทุนไทยผ่านบริการประกันการส่งออกและการลงทุน โดย ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 EXIM BANK มีปริมาณธุรกิจสะสมบริการประกัน เท่ากับ 161,285 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.66% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
การขยายบทบาทมุ่งสนับสนุนผู้ประกอบการไทยทั้งด้านสินเชื่อและประกันของ EXIM BANK เพื่อเป็นเสาหลักสนับสนุนธุรกิจทุกขนาด ทุกอุตสาหกรรม ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ปี 2567 EXIM BANK มีจำนวนลูกค้า 5,634 ราย ในจำนวนนี้เป็นผู้ประกอบการ SMEs กว่า 80% นอกจากนี้ EXIM BANK สนับสนุนผู้ประกอบการอย่างครบวงจร ผ่านการบ่มเพาะ ให้ความรู้ จับคู่ธุรกิจ และให้คำปรึกษาทางการเงิน ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ปี 2567 EXIM BANK ได้ส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการสะสมกว่า 21,500 ราย สะท้อนถึงการอยู่เคียงข้างผู้ประกอบการไทยที่เป็นคนตัวเล็กและกลุ่มเปราะบางให้เติบโตและแข่งขันได้ในเวทีโลก รวมทั้งสามารถปรับตัวรับมือกับมาตรฐานการค้าโลกและกฏระเบียบต่าง ๆ ที่เข้มงวดขึ้นได้
มิติการกำกับดูแลกิจการที่ดี EXIM BANK ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการทางการเงินเพื่อความยั่งยืน ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ของปี 2567 EXIM BANK มีกำไรก่อนสำรอง 2,426 ล้านบาท มีสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้จำนวน 8,603 ล้านบาท และมีค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected Credit Loss) จำนวน 17,708 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง คิดเป็นอัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Coverage Ratio) 205.83% เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจสูงขึ้นจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจและปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ที่กระทบการค้าการลงทุน
“EXIM BANK เดินหน้าบทบาท Green Development Bank สนับสนุนผู้ประกอบการไทยอย่างต่อเนื่อง โดยสานพลังกับเครือข่ายพันธมิตรภาครัฐและภาคเอกชนทั้งในและต่างประเทศขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำและเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน พร้อมสนับสนุนกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติที่รุนแรงขึ้นตามการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและพลิกโฉมประเทศไทยสู่เศรษฐกิจที่คำนึงถึง ESG ตอบสนองความต้องการและความคาดหวังของภาครัฐและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม” ดร.รักษ์ กล่าว
นายบัณฑิต สะเพียรชัย ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) นำผู้บริหารและพนักงาน EXIM BANK มอบเงินบริจาคสมทบทุนก่อสร้างศูนย์ฝึกอาชีพคนตาบอด พร้อมอาหารแห้งและสิ่งของจำเป็นในชีวิตประจำวัน เพื่อส่งเสริมให้ผู้พิการทางสายตาในพื้นที่เข้าถึงโอกาสทาง การศึกษาและประกอบอาชีพเลี้ยงตนเอง เสริมสร้างวิสาหกิจชุมชนพัฒนาเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยมีนายสุชาติ ด่านกระโทก นายกสมาคมคนตาบอดนครราชสีมา เป็นผู้รับมอบ ณ สมาคมคนตาบอดนครราชสีมา เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2567
นางวรางคณา วงศ์ข้าหลวง รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) พบปะทวิภาคีผู้บริหารองค์กรรับประกันระดับโลก ประกอบด้วยนายเทอเรนซ์ ชิว กรรมาธิการ บริษัทประกันสินเชื่อเพื่อการส่งออกของฮ่องกง (Hong Kong Export Credit Insurance Corporation: HKECIC) นายคาซูกิ ฮอนโดะ ผู้บริหารอาวุโสระดับสูง องค์กรรับประกันแห่งประเทศญี่ปุ่น (Nippon Export and Investment Insurance: NEXI) นายซวี่ ซิน เว้ย รองกรรมการผู้จัดการ องค์กรรับประกันแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (China Export and Credit Insurance Corporation: SINOSURE) และนางชวน หลาน เหยียน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าของไต้หวัน (Taipei Export-Import Bank of China: TEBC) สาธารณรัฐประชาชนจีน (ไต้หวัน) ณ เมืองฮัมบูร์ก สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ระหว่างวันที่ 14-17 ตุลาคม 2567
เพื่อหารือแนวทางขยายความร่วมมือด้านการประกันการส่งออกและลงทุน เพื่อพัฒนาธุรกิจและบริการของ EXIM BANK สนับสนุนผู้ประกอบการไทยขยายการค้าและการลงทุนในภูมิภาคต่าง ๆ อย่างมั่นใจทั่วโลก ในโอกาสเข้าร่วมการประชุมกลุ่มความร่วมมือองค์กรรับประกันชั้นนำของโลก (Berne Union Annual General Meeting 2024) ระหว่างวันที่ 15-17 ตุลาคม 2567 ณ เมืองฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมนี
ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ค่าเงินบาทที่ผันผวน ส่งผลกระทบต่อต้นทุนและรายได้ของผู้ประกอบการในภาคธุรกิจส่งออกไทย โดยเฉพาะผู้ประกอบการ SMEs ดังนั้น EXIM BANK จึงขานรับนโยบายกระทรวงการคลัง เดินหน้าช่วยเหลือผู้ส่งออก SMEs ไทยด้วยบริการครบวงจร ทั้งด้านการเงินและไม่ใช่การเงิน เพื่อเสริมสภาพคล่องและปิดความเสี่ยงทางการค้าระหว่างประเทศ ประกอบด้วย
“ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนเป็นสิ่งที่คาดเดายาก แต่บริหารจัดการได้ EXIM BANK จึงมีเครื่องมือปิดความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนให้แก่ผู้ส่งออก พร้อมโบนัสพิเศษ Happy FX Rate และสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ เพื่อช่วยให้ผู้ส่งออก SMEs มีสภาพคล่องเพิ่มมากขึ้น พร้อมจัดโครงการอบรมเติมความรู้ทางการเงิน โดยเฉพาะความรู้ด้านการบริหารความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในช่วงนี้ที่เงินบาทผันผวน ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อช่วยให้ผู้ส่งออกไทยรับมือกับความเสี่ยงการค้าระหว่างประเทศได้อย่างเป็นมืออาชีพ” ดร.รักษ์ กล่าว
ด้านการเติมความรู้ผู้ส่งออก EXIM BANK มีกำหนดจัดโครงการอบรม “ตีแตกตลาดส่งออก” ในวันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม 2567 เวลา 13.00-16.30 น. ณ ห้องประชุม ชั้น Lobby EXIM BANK สำนักงานใหญ่ เพื่ออัปเดตทิศทางและวิธีปิดความเสี่ยงทางการค้าระหว่างประเทศอย่างมืออาชีพ เทรนด์ตลาดและสินค้าส่งออก เคล็ดลับการปักหมุดตลาดเป้าหมายและค้นหารายชื่อผู้ซื้อในต่างประเทศตามประเภทสินค้า รวมถึงสิทธิพิเศษสำหรับผู้เข้าร่วมงาน ได้แก่ กรมธรรม์ประกันการส่งออก EXIM for Small Biz วงเงินคุ้มครองสูงสุด 2 ล้านบาทกรณีไม่ได้รับชำระเงินค่าสินค้าจากผู้ซื้อในต่างประเทศ นอกจากนี้ EXIM BANK ยังมีโครงการอบรมความรู้ทางการเงินเพื่อการส่งออก ณ EXIM BANK สำนักงานใหญ่ และออนไลน์ต่อเนื่องตลอดปี สนใจติดต่อ EXIM Contact Center โทร. 0 2169 9999