สำนักงานจัดการทรัพย์สิน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (PMCU) ร่วมกับ แกร็บ ประเทศไทย พร้อมด้วยพันธมิตรจากทั้งภาครัฐและเอกชน นำโดย กระทรวงพาณิชย์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) มาสเตอร์การ์ด และเป๊ปซี่ ชวนทุกคนมาร่วมฉลองส่งท้ายปลายปีในบรรยากาศสุดเฟสทีฟกับงาน “Merry & Munch อิ่ม สนุก สุข ฟิน อินจุฬาซอย 5” เสิร์ฟรอยยิ้มแถมอิ่มอร่อยไปกับ 40 ร้านดังที่ GrabFood ขนมาเอาใจสายกิน พร้อมเช็กอินกับมุมถ่ายรูปสุดชิคทั่วงาน ทั้งต้นคริสต์มาส “Munchie Magic X’Mas Tree” ที่ตกแต่งด้วยเมนูจานโปรดจาก GrabFood อุโมงค์ประดับไฟ “Merry Tunnel” สุดอลังการยาว 20 เมตร พร้อมเอนจอยไปกับ Art Installation จาก 2 ศิลปินสุดฮอตอย่าง “นิวเยียร์” (NEWYEAR) และ “เสลดทอย” (Sahred Toy) ที่สายอาร์ตห้ามพลาด เพลิดเพลินกับการช้อปสินค้าจากเหล่านิสิตจุฬาฯ ที่มาร่วมออกร้านในโซน “CU Gift Market” พร้อมด้วยมินิคอนเสิร์ตจากเหล่าศิลปินที่ยกทัพมาสร้างความฟินตลอดทุกวัน ตั้งแต่วันนี้จนถึง 29 ธันวาคม ณ บริเวณจุฬาซอย 5
ศาสตราจารย์ ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า “นอกจากจะเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์แลนด์มาร์คแห่งสตรีทฟู้ดแล้ว ความร่วมมือกับแกร็บในครั้งนี้ยังตอกย้ำการขับเคลื่อนแนวคิด “SDGs City of Togetherness” ที่จุฬาฯ มุ่งใช้ในการพัฒนาชุมชนรอบมหาวิทยาลัยสู่เมืองต้นแบบที่เชื่อมโยงให้ทุกคนอยู่ร่วมกันและเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน ซึ่งกิจกรรมความพิเศษต่าง ๆ ที่แกร็บรวบรวมมามอบให้ผู้ร่วมงาน ทั้งทัพร้านอาหารเด็ด งานอาร์ตจากสองศิลปินมาแรง และกิจกรรมที่จะเกิดขึ้น ล้วนสอดคล้องกับความตั้งใจของจุฬาฯ ในการผลักดันย่านบรรทัดทอง-สวนหลวง-สามย่าน ให้เป็นถนนแห่งความสุขที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้อย่างไร้ข้อจำกัด สร้างการมีส่วนร่วมผ่านกิจกรรมและประสบการณ์ที่อิ่มเอมใจในช่วงเทศกาลแห่งความสุขส่งท้ายปี”
นางสาวจันต์สุดา ธนานิตยะอุดม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานพาณิชย์และการตลาด แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า “เพื่อต้อนรับเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองในช่วงปลายปี แกร็บได้ร่วมมือกับ PMCU เนรมิตพื้นที่จุฬาซอย 5 ให้กลายเป็นคริสมาสต์มาร์เก็ตใจกลางกรุงเทพฯ ชวนทุกคนให้มาสัมผัสกับบรรยากาศแห่งความสุขที่มาพร้อมกับกิจกรรมอันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น การเช็กอินและถ่ายรูปที่แลนด์มาร์คสำคัญ อิ่มอร่อยไปกับเมนูเด็ดจากร้านดัง เดินช้อปปิ้งกันที่โซน CU Gift Market รวมถึงสนุกไปกับคอนเสิร์ตจากศิลปินขวัญใจวัยรุ่นและนิสิตจุฬาฯ ที่มาร่วมแสดงความสามารถ ให้ทุกคนได้ขนความสุขกลับบ้านแบบเต็มอิ่มสมชื่อ ‘Merry & Munch อิ่ม สนุก สุข ฟิน’ ทั้งนี้ แกร็บและ PMCU ขอขอบคุณพันธมิตรทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็น กระทรวงพาณิชย์ ที่ได้ส่งเสริมการกระตุ้นเศรษฐกิจกับร้านค้าที่อยู่ในบริเวณจุฬาฯ-บรรทัดทอง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่ได้ร่วมโปรโมตกิจกรรมไปยังกลุ่มนักท่องเที่ยว รวมถึงพันธมิตรจากภาคเอกชนอย่าง มาสเตอร์การ์ด และ เป๊ปซี่ ที่มาร่วมสร้างสรรค์งานดี ๆ ทำให้จุฬา ซอย 5 กลายเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คสำคัญของการเฉลิมฉลองในช่วงปลายปี โดยแกร็บ และ PMCU จะร่วมกันพัฒนาและสร้างสรรค์กิจกรรมใหม่ ๆ ที่น่าสนใจอย่างต่อเนื่องในอนาคต”
ร่วมสัมผัสประสบการณ์ความสุขเต็มอิ่มฉลองเทศกาลส่งท้ายปีในงาน “Merry & Munch อิ่ม สนุก สุข ฟิน อินจุฬาซอย 5” ได้แล้ววันนี้ - 29 ธันวาคม 2567 ตั้งแต่เวลา 16.00 - 22.00 น. ที่ สวนหลวงสแควร์ จุฬาซอย 5 ติดตามรายละเอียดกิจกรรมเพิ่มเติมได้ทางhttps://www.facebook.com/GrabFoodTH และ https://www.instagram.com/grabfoodth/
แกร็บ ผู้นำซูเปอร์แอปในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เผยข้อมูลสถิติ “ที่สุดแห่งปี 2024” ครอบคลุมทั้งธุรกิจการเดินทางและเดลิเวอรีในประเทศไทย โดยปีที่ผ่านมา บริการเรียกรถผ่านแอปฯ ยังคงได้รับความนิยมทั้งจากคนไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะบริการใหม่อย่าง GrabCar SAVER ที่เติบโตขึ้นกว่า 400% พบกระแส “หมูเด้งฟีเวอร์” ดันยอดเรียกรถไปสวนสัตว์เขาเขียวเพิ่มขึ้น 267% ขณะที่นักท่องเที่ยวจีนและประเทศในอาเซียนติดท็อป 5 ใช้บริการมากที่สุด โดยเน้นเรียกรถไปห้างสรรพสินค้าและแหล่งช้อปปิ้ง ฟากบริการฟู้ดเดลิเวอรี เมนู “อาหารไทย” และ “อเมริกาโน่เย็น” ยังครองใจผู้ใช้บริการเป็นอันดับหนึ่ง กระแสไวรัลของหมีเนยดันยอด Butterbear พุ่งเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ “ดูไบช็อคโกแลต” “ชาผลไม้พรีเมียม” และ “สมูตตี้เพื่อสุขภาพ” เป็นเมนูมาแรงแห่งปี
บริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน
ปี 2567 เรียกรถผ่านแอปฯ ยังคงเติบโต รับอานิสงส์ “ท่องเที่ยวคึกคัก-หมูเด้งฟีเวอร์-ไลน์อัพอีเวนท์”
· บริการเรียกรถผ่านแอปฯ ยังคงได้รับความนิยมจากคนไทยและต่างชาติ โดยมียอดใช้บริการสูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะบริการใหม่อย่าง GrabCar SAVER ซึ่งเพิ่งเปิดตัวเพื่อนำเสนอทางเลือกใหม่สำหรับผู้โดยสารที่ต้องการเรียกรถในราคาที่ประหยัดลง โดยมีอัตราการเติบโตสูงถึงกว่า 400% ในหัวเมืองหลัก
· กระแส “หมูเด้ง” ที่กลายเป็นขวัญใจของคนทั่วโลก ไม่เพียงช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เข้ามาเที่ยวในประเทศ แต่ยังดันยอดใช้บริการเรียกรถผ่านแอปฯ ที่เดินทางไปสวนสัตว์เปิดเขาเขียวให้เติบโตขึ้นกว่า 267%
· นโยบายรัฐบาลที่ผลักดันให้ประเทศไทยกลายเป็น “World Class Event Hub” ทำให้ปีนี้เราได้เห็นความคึกคักของวงการอีเวนท์ ไม่ว่าจะเป็น งานประชุมและนิทรรศการ งานแฟร์ รวมถึงการจัดคอนเสิร์ตของศิลปินไทยและเทศ ซึ่งส่งผลให้ยอดใช้บริการเรียกรถผ่านแอปฯ ไปงานเหล่านี้เติบโตขึ้นถึง 25% โดยเฉพาะการเดินทางไปราชมังคลากีฬาสถาน ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ อิมแพ็คอารีนา และไบเทค บางนา
ต่างชาติมั่นใจใช้บริการเรียกรถผ่านแอปฯ ไป “สนามบิน แหล่งช้อปปิ้ง และเที่ยวเมืองรอง”
· ด้วยบริการที่สะดวกสบายและราคาที่โปร่งใสทำให้บริการเรียกรถผ่านแอปฯ ยังคงได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว สะท้อนผ่านยอดใช้บริการที่สนามบินต่าง ๆ ซึ่งเติบโตขึ้นกว่า 67% โดย 5 ชาติที่ใช้บริการมากที่สุด คือ สิงคโปร์ มาเลเซีย จีน อินโดนีเซีย และเวียดนาม
· ห้างสรรพสินค้าและแหล่งช้อปปิ้งยังคงเป็นจุดหมายปลายทางหลักที่นักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมเดินทางไป โดย 5 สถานที่ยอดฮิต คือ ไอคอนสยาม (ICONSIAM) เซ็นทรัลเวิลด์ (CentralWorld) สยามพารากอน (Siam Paragon) ถนนข้าวสาร และตลาดนัดจตุจักร นอกจากนี้ อีกหนึ่งห้างที่มาแรงที่สุด คือ เอ็มสเฟียร์ (EMSPHERE) ไลฟ์สไตล์มอลล์ใจกลางสุขุมวิท ซึ่งเพิ่งเปิดตัวในปีที่ผ่านมา
· จังหวัดเมืองรองยังได้รับความนิยมต่อเนื่องจากนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาล สะท้อนผ่านยอดใช้บริการเรียกรถผ่านแอปฯ ที่เติบโตขึ้นกว่า 90% โดยเฉพาะใน 5 เมืองน่าเที่ยวอย่างเชียงราย ตาก อุดรธานี อุบลราชธานี และพิษณุโลก
ฟีเจอร์มาแรง “จองรถล่วงหน้า ใช้รถอีวี”
· ฟีเจอร์จองรถล่วงหน้า (Advance Booking) กลับมาได้รับความนิยมหลังแกร็บประกาศปรับโฉมใหม่ โดยสามารถจองรถล่วงหน้าได้ถึง 7 วันและมีประกันคุ้มครองสูงสุดถึง 800,000 บาท โดยผู้ใช้บริการส่วนใหญ่นิยมใช้บริการเพื่อเดินทางไปสนามบิน ไม่ว่าจะเป็น สุวรรณภูมิ ดอนเมือง ภูเก็ต เชียงใหม่ และกระบี่
· คนไทยให้ความสำคัญกับประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้น สะท้อนผ่านจำนวนผู้ใช้บริการที่ใช้ฟีเจอร์เลือกใช้รถอีวี (Grab EV Rides) เพิ่มขึ้นกว่า 200% โดยฟีเจอร์ดังกล่าวพัฒนาขึ้นเพื่อเพิ่มโอกาสค้นหารถ EV ในพื้นที่และช่วงเวลานั้นๆ เพื่อให้บริการเป็นตัวเลือกแรก
บริการฟู้ดเดลิเวอรี
“อาหารไทย” และ “อเมริกาโนเย็น” ครองใจคนไทยเป็นอันดับหนึ่ง
· อาหารไทยยังคงครองใจผู้ใช้บริการฟู้ดเดลิเวอรี โดยเฉพาะเมนูสั่งง่ายในราคาสบายกระเป๋า โดย 5 เมนูขายดีแห่งปี คือ ส้มตำ ไก่ทอด ข้าวมันไก่ หมูปิ้ง รวมถึงเมนูที่ทำจากหมูอย่าง “ไข่พะโล้” และ “ข้าวขาหมู” ซึ่งมียอดสั่งในเดือนกันยายนเติบโตขึ้นกว่า 38% จากอิทธิพลของ “หมูเด้ง” ฟีเจอร์
· ขณะที่กาแฟและชายังคงเป็นเมนูเครื่องดื่มขายดีตลอดปี นำโดย “อเมริกาโน่เย็น” กาแฟดำไม่ใส่น้ำตาลที่ตอบโจทย์คอกาแฟสายสุขภาพ โดยมียอดสั่งรวมทั้งปีถึง 5 ล้านแก้ว รองลงมา คือ “ชาไทย” โดยเฉพาะเมนู “เสลอปี้ชาไทย” สุดฮิตที่แทบทุกแบรนด์ส่งมาชิงตลาด ตามมาด้วยเอสเพรสโซ่เย็น ชาเขียวเย็น และชานมไข่มุก
กระแส “บัตเตอร์แบร์” แรงไม่หยุด “ดูไบช็อคโกแลต ชาผลไม้ สมูตตี้” เมนูมาแรงแห่งปี
· กระแสไวรัลของหมีเนยขวัญใจโซเชียลมาแรงไม่แผ่วตลอดทั้งปี ทำให้ยอดสั่งเมนูต่าง ๆ ของบัตเตอร์แบร์ (Butterbear) พุ่งเป็นประวัติการณ์โดยเติบโตกว่า 1,200%
· ชาผลไม้พรีเมียมแบรนด์ดังจากประเทศจีนที่ตบเท้าเข้ามาเปิดสาขาในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น เจี้ยนชา (JIAN CHA) ชาจี (CHAGEE) และ ไนซือ (NaiXue) ได้รับกระแสความนิยมจากคนไทยไม่ขาดสาย โดยมียอดขายเฉลี่ยเติบโตขึ้นถึง 10 เท่า โดยเฉพาะ “ชาองุ่นปั่นครีมชีส” ที่กลายเป็นไอเทมที่มาแรงที่สุดในปีนี้
· เมนูเพื่อสุขภาพยังคงเป็นที่นิยมในกลุ่มฟู้ดดี้สายเฮลท์ตี้ ไม่ว่าจะเป็น อาซาอิโบลว์ที่ดังต่อเนื่องข้ามปี สลัดแร็ปผักล้น ไปจนถึงสมูตตี้เพื่อสุขภาพที่เป็นกระแสจาก “น้ำปั่น Erawon” จนกลายเป็นอีกหนึ่งเมนูฮิตติดลมบน โดยเฉพาะ Oh! Juice แบรนด์น้องใหม่จากโอ้กะจู๋ ที่ปั่นทั้งกระแสและยอดขายไปอย่างถล่มทลายจนเติบโตขึ้นกว่า 400% ภายในระยะเวลา 3 เดือน
· ฟากของหวานอย่าง “ดูไบช็อกโกแลต” รวมถึงเมนูขนมหวานที่มีส่วนผสมของถั่วพิตาชิโอ กลายเป็นไอเท่มสุดฮอตแห่งปี โดยเฉพาะแบรนด์ The Rolling Pinn ที่มียอดขายถล่มทลายในช่วงครึ่งปีหลัง และทำให้ธุรกิจเติบโตขึ้นกว่า 20 เท่า
ฟีเจอร์มาแรง “สั่งเป็นกลุ่ม กินที่ร้าน”
· ฟีเจอร์คำสั่งซื้อกลุ่ม (Group Order) ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นโดยมียอดสั่งอาหารเติบโตขึ้นสองเท่าหลังแกร็บฟู้ดอัปเกรดฟีเจอร์ให้สามารถสั่งอาหารร่วมกันได้สูงสุดถึง 10 คนและเพิ่มทางเลือกในการแบ่งจ่ายได้ถึง 3 ออปชัน
· เทรนด์การกินข้าวนอกบ้านดันให้ฟีเจอร์กินที่ร้าน (Dine Out) เติบโตขึ้น โดยมียอดใช้บริการเติบโตขึ้นกว่า 11 เท่าในไตรมาสสุดท้าย โดยเฉพาะในร้านบุฟเฟต์ ซึ่ง 3 ร้านที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ โม โม่พาราไดซ์ (Mo-Mo-Paradise) โคเอ็น (Kouen) และซูกิชิ (Sukishi)
แกร็บฟู้ด ตอกย้ำผู้นำแพลตฟอร์มเดลิเวอรียอดนิยม เขย่าตลาดด้วยแคมเปญใหญ่ส่งท้ายปี “GrabFood Mega Sale ประกาศศักดา ลดใหญ่ใส่สุด” ผนึกพันธมิตรร้านอาหารทั่วประเทศหั่นราคา-แจกโค้ดส่วนลดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 90% ทุกชั่วโมงแบบไม่มีขั้นต่ำ พร้อมส่งดีลสั่งอาหารราคาพิเศษเริ่มต้น 19 บาทกว่า 16,000 ดีล มาพร้อมโปรโมชันพิเศษส่งฟรี 0 บาท จัดเต็มด้วยกิจกรรมการตลาด 360 องศา โดยเพิ่มสัดส่วนของสื่อออฟไลน์ถึงสองเท่า โดยเฉพาะสื่อกลางแจ้ง (Out-of-Home) และ สื่อโฆษณาเคลื่อนที่ (Transit Media) เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้างและตอกย้ำเรื่องความคุ้มค่าและปลุกกำลังซื้อในช่วงที่ผู้บริโภคเริ่มรัดเข็มขัดจากสถานการณ์เศรษฐกิจ เสริมทัพด้วยกลยุทธ์ Music Marketing ปรับลุคพรีเซนเตอร์ “เบลล่า ราณี” เป็นแรปเปอร์สาวในแคมเปญโฆษณาล่าสุด ชวนสั่งอาหารเป็นกลุ่มต้อนรับช่วงเทศกาลปลายปีที่คนนิยมสั่งอาหารมาเลี้ยงฉลองร่วมกัน หลังยอดใช้บริการฟีเจอร์ Group Order (สั่งอาหารแบบกลุ่ม) เติบโตขึ้นกว่า 90%
นายพนมกร จิระเสถียรพงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า “เพื่อสร้างสีสันให้กับตลาดฟู้ดเดลิเวอรีและปลุกกำลังซื้อในช่วงโค้งสุดท้ายของปี แกร็บฟู้ดได้ส่งแคมเปญใหญ่ ‘GrabFood Mega Sale ประกาศศักดา ลดใหญ่ใส่สุด’ สร้างปรากฏการณ์คุ้มส่งท้ายปีเพื่อคืนกำไรให้กับผู้ใช้บริการ โดยเราได้ผนึกกำลังกับพันธมิตรร้านอาหารทั่วประเทศ ทั้งกลุ่มเชนร้านอาหารบริการด่วน (QSR) ร้านฮิตติดเทรนด์ ไปจนถึงร้านสตรีตฟู้ด หั่นราคาและมอบส่วนลดสูงสุดถึง 90%1 เพียงใส่โค้ด MEGA (ลดสูงสุด 80 บาท ไม่ต้องมียอดสั่งขั้นต่ำ) โดยจะมีการเติมโค้ดส่วนลดทุกชั่วโมง มาพร้อมดีลสั่งอาหารในราคาพิเศษภายใต้ซับแบรนด์ Hot Deals ที่เริ่มต้นเพียง 19 บาทกว่า 16,000 ดีล และโปรโมชันส่งฟรี 0 บาท ซึ่งถือเป็นโปรโมชันที่แรงที่สุดเป็นประวัติการณ์”
ภายใต้แคมเปญนี้ แกร็บฟู้ดเล่นใหญ่ใส่สุดจัดเต็มด้วยกิจกรรมการตลาดและส่งเสริมการขายแบบ 360 องศา ครอบคลุมทั้งสื่อออนไลน์และออฟไลน์ โดยได้เพิ่มสัดส่วนของการใช้สื่อออฟไลน์สูงขึ้นสองเท่า โดยเฉพาะสื่อกลางแจ้ง (Out-of-Home) ทั้งบิลบอร์ดและจอดิจิทัล พร้อมสื่อโฆษณาเคลื่อนที่ (Transit Media) เพื่อตอกย้ำเรื่องความคุ้มค่า (Affordability) ในช่วงที่ผู้บริโภคมีความระมัดระวังการใช้จ่ายจากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่ชะลอตัวและปัจจัยภายนอกต่าง ๆ
“นอกจากนี้ เรายังได้เสริมทัพด้วยการใช้กลยุทธ์มิวสิค มาร์เก็ตติ้ง (Music Marketing) เพื่อสร้างการจดจำและการเข้าถึงแคมเปญผ่านเพลงแร็พติดหู โดยส่งแคมเปญโฆษณาล่าสุดที่ได้ปรับลุคพรีเซนเตอร์ ‘เบลล่า ราณี’ ให้กลายเป็นแรปเปอร์สาวเพื่อเจาะกลุ่ม Gen Z ชวนผู้ใช้บริการสั่งอาหารเป็นกลุ่มเพื่อฉลองร่วมกันในช่วงเทศกาล โดยเฉพาะการใช้ฟีเจอร์ Group Order (สั่งอาหารแบบกลุ่ม) ซึ่งได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นหลังเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงไตรมาส 3 โดยมียอดใช้บริการเติบโตขึ้นกว่า 90%2” นายพนมกร กล่าวเสริม
ติดตามรายละเอียดของแคมเปญ “GrabFood Mega Sale ประกาศศักดา ลดใหญ่ใส่สุด” ได้ที่ https://www.facebook.com/GrabFoodTH
รับชมภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ได้ผ่านทาง
หมายเหตุ
1เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
2เปรียบเทียบยอดใช้บริการสั่งอาหารแบบกลุ่มผ่านฟีเจอร์ Group Order ระหว่างเดือนสิงหาคม-ตุลาคมกับช่วงก่อนหน้า
14 พฤศจิกายน 2567 - แกร็บฟู้ด ผู้นำแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรียอดนิยม ตอกย้ำความเป็นเทรนด์เซ็ตเตอร์ สานต่อกลยุทธ์ Collaborative Marketing คว้าศิลปินป๊อปอาร์ตดาวรุ่ง NEWYEAR - ปภากร ศรีกัลยกร เจ้าของคาแรคเตอร์ดัชชุนสุดน่ารักอย่าง “Wednesday” พร้อม 5 ร้านดังที่การันตีความอร่อยโดย #GrabThumsUp อย่าง SOURI, เผ็ดเผ็ด, โอ้กะจู๋, ROOTS และ Shake Shack ผุดแคมเปญพิเศษในช่วงปลายปีเพื่อสร้างปรากฏการณ์เชื่อมความอร่อยเข้ากับงานอาร์ตอย่างลงตัวผ่านงาน #GrabThumbsUp x NEWYEAR presents Quality Food Quality Time in the Park ครั้งแรก! กับการเปิดตัวเมนูพิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟ จากทั้ง 5 ร้านที่สั่งได้เฉพาะที่ Grab พร้อมถ่ายทอดประสบการณ์ความอร่อยผ่านผลงานศิลปะ ของที่ระลึก และกิจกรรมเพื่อสร้างเอนเกจเมนต์กับผู้บริโภค ยกระดับความเป็นไลฟ์สไตล์แบรนด์ของ #GrabThumsUp เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าคุณภาพ
นายพนมกร จิระเสถียรพงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า “เพื่อต้อนรับเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองในช่วงปลายปี แกร็บฟู้ดได้ส่งแคมเปญพิเศษเพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำเทรนด์ พร้อมชูแฟลกชิปแบรนด์อย่าง #GrabThumbsUp โดยเราได้ร่วมมือกับศิลปินป๊อปอาร์ตดาวรุ่งอย่าง NEWYEAR เพื่อสร้างสรรค์งานศิลปะที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากอาหารจานอร่อย พร้อมด้วย 5 ร้านดังที่โดดเด่นในด้านต่าง ๆ และการันตีความอร่อยโดย #GrabThumbsUp ที่มาร่วมสร้างสรรค์เมนูพิเศษเอาใจสายกิน ไม่ว่าจะเป็น เมนู Macaron Cream Cheese Strawberry Rose จากร้าน SOURI เมนูยำบะหมี่หน้าโรงเรียนจากร้านเผ็ดเผ็ด เมนู Fizzy Apple Cold Brew จากร้าน ROOTS เมนูซี่โครงเลดี้ สโมคบาร์บีคิวทรัฟเฟิลชีสจากร้านโอ้กะจู๋ และ เมนู Blackberry Lemonade จากร้าน Shake Shack โดยเราเปิดตัวครั้งแรกในงาน Pop-Up event ที่ชื่อ #GrabThumbsUp x NEWYEAR presents Quality Food Quality Time in the Park ซึ่งจัดขึ้นที่เซ็นทรัลเวิร์ลตลอด 4 วันเต็มเพื่อสร้างเอนเกจเมนต์กับผู้บริโภค โดยแคมเปญนี้ถือเป็นอีกหนึ่งโชว์เคสสำคัญที่แกร็บฟู้ด มุ่งสร้างสรรค์ผ่านกลยุทธ์ Collaborative Marketing ซึ่งนอกจากจะสร้างสีสันและความแปลกใหม่ให้กับผู้บริโภคแล้ว ยังช่วยยกระดับความเป็นไลฟ์สไตล์แบรนด์ให้กับแฟลกชิปแบรนด์อย่าง #GrabThumbsUp ด้วย”
ภายในงานยังมีกิจกรรมพิเศษให้ผู้เข้าร่วมงานสามารถสั่งซื้อเมนูพิเศษได้ผ่านแอปฯ Grab และเลือกรับอาหารได้สะดวกที่งานผ่านฟีเจอร์ Pickup ทัังยังสามารถนำใบเสร็จรับเงินไปแลกรับของที่ระลึกลวดลายสุดลิมิเต็ดที่ออกแบบโดย NEWYEAR ได้ภายในงาน อาทิ กล่องข้าว กระเป๋าผ้า และ Griptok นอกจากนี้ แกร็บฟู้ดยังชวนผู้ใช้บริการเข้าถึงความอร่อยและเพลิดเพลินไปกับงานอาร์ตได้ โดยเลือกสั่งเมนูพิเศษจาก 5 ร้านแบรนด์ดังจาก #GrabThumbsUp ได้ผ่านแอปฯ Grab จนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้ พร้อมสัมผัสความน่ารักจากดีไซน์พิเศษของศิลปิน NEWYEAR ที่บริเวณหน้าร้านของทั้ง 5 แบรนด์ดังได้อีกด้วย