วัตสัน แบรนด์สุขภาพและความงามชั้นนำของกลุ่มบริษัท เอเอส วัตสัน มุ่งเน้นตอบสนองความต้องการของลูกค้าเป็นหัวใจของการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่องตลอดปี 2566 ลงทุนเปิดและปรับปรุงร้านค้าแบบ O+O (Offline plus Online) กว่า 2,200 แห่งใน 15 ตลาดทั่วเอเชีย ยุโรป และตะวันออกกลาง เพื่อมอบประสบการณ์ชอปปิ้งที่สะดวกทั้งออนไลน์และออฟไลน์ พร้อมขับเคลื่อนสู่เป้าหมายร้านค้า O+O ที่เปิดบริการใหม่และร้านปรับปรุงอีกกว่า 3,800 สาขาภายในสิ้นปี 2567
คุณมาลีนา ไหง ประธานกรรมการบริหารกลุ่ม เอเอส วัตสัน กล่าวว่า "ในฐานะผู้นำด้านการค้าปลีกสุขภาพและความงามในเอเชีย วัตสันมุ่งมั่นนำเสนอผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงในราคาที่คุ้มค่า พร้อมมอบประสบการณ์การชอปปิ้งที่พึงพอใจ เราให้ความสำคัญกับความเห็นจากลูกค้าและทำงานอย่างใกล้ชิดกับแบรนด์พันธมิตรชั้นนำเพื่อพัฒนาประสบการณ์เฉพาะด้านของแต่ละหมวดหมู่สินค้า วัตสันเป็นผู้นำในการปฏิวัติการออกแบบร้านค้าเพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า และในช่วงสองปีนี้ เราได้ลงทุน 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในการเปิดร้านใหม่และปรับปรุงร้านค้าใน 15 ตลาดที่เราดำเนินธุรกิจอยู่"
“ในปี 2566 - 2567 เราได้เปิดร้านใหม่มากกว่า 1,200 สาขา พร้อมลงทุนปรับปรุงร้านค้าอีก 4,800 สาขาซึ่งจะทำให้ 75% ของร้านค้าในเอเชียของเราสามารถมอบประสบการณ์การชอปปิ้งที่ทันสมัยและเป็นนวัตกรรมใหม่แก่ลูกค้า”
วัตสันปรับโฉมร้านค้าใหม่ให้ดึงดูดใจคนรักความงามยุคใหม่ด้วยดีไซน์ที่ทันสมัย มอบประสบการณ์การชอปปิ้งที่น่าตื่นเต้นและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้ามากยิ่งขึ้น ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ วัตสัน ในจีนเปิดตัว ‘Watsons Pink’ ร้านที่ออกแบบภายในทั้งหมดด้วยโทนสีชมพูหวานละมุน สร้างบรรยากาศที่ดึงดูดใจลูกค้ากลุ่มวัยรุ่นได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ยังมีบริการสปาภายในร้านให้ลูกค้าได้ผ่อนคลายในขณะชอปปิ้งอีกด้วย
ในขณะเดียวกัน โซน Beauty Playground ยังได้รับการออกแบบและถูกนำเสนอภายในร้านรูปแบบคอนเซ็ปต์ใหม่ มอบประสบการณ์ที่ทันสมัยและเหมาะกับเทรนด์ด้วยพื้นที่แต่งหน้าที่มีสไตล์ พร้อมช่างแต่งหน้ามืออาชีพที่พร้อมให้คำแนะนำ อีกทั้งยังเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้ทดลองลุคต่าง ๆ และสนุกไปกับเครื่องสำอางหลากสีสัน
วัตสัน ไต้หวัน เนรมิตพื้นที่ภายในร้านให้กลายเป็นสวรรค์สำหรับเหล่าคนรักการถ่ายรูปและเครื่องสำอาง ด้วยการปรับเปลี่ยนร้านให้ดึงดูดใจ เหมาะแก่การถ่ายภาพลงโซเชียลมีเดีย พร้อมโซนแต่งหน้า ดีไซน์รูปทรงลิปสติก และกล่องไฟสีชมพูทรงกลมบนเพดาน นอกจากนี้ ยังมีโซน My Colour Studio ให้ลูกค้าสามารถรับการวิเคราะห์สีตามฤดูกาลเพื่อช่วยให้เข้าใจในเรื่องโทนสีผิว ดวงตา และสีผม พร้อมค้นหาพาเลตต์สีที่เหมาะสำหรับเสื้อผ้า การแต่งหน้า และทรงผมของแต่ละบุคคล
วัตสัน มาเลเซีย ยกระดับการชอปปิ้งให้สนุกและน่าดึงดูดยิ่งขึ้น ด้วยโซนประสบการณ์ที่หลากหลาย เช่น My Beauty, Hair Studio และ Watsons To Go อีกทั้งยังมี K-pop Land ที่รวมผลิตภัณฑ์ K-beauty จากเกาหลีมากมาย พร้อมการออกแบบร้านใช้สีสันสดใส และเหมาะสำหรับการถ่ายรูปลงอินสตาแกรม ซึ่งดึงดูดลูกค้ากลุ่มวัยรุ่นให้มาสนุกสนานกับการชอปปิ้งและถ่ายรูปกับเพื่อน ๆ นอกจากนี้ยังมีโซน Kid's Wonderland ที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าพาเด็ก ๆ มาชอปปิ้งและใช้เวลาครอบครัวร่วมกัน
ยกระดับประสบการณ์สุขภาพระดับมืออาชีพ
เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ใส่ใจสุขภาพเพิ่มขึ้น วัตสันแนะนำประสบการณ์การชอปปิ้งที่สร้างความสดชื่นสำหรับผู้ที่มองหาผลิตภัณฑ์สุขภาพและการปรึกษาด้านสุขภาพส่วนบุคคล วัตสัน ฮ่องกงได้ปรับปรุงร้านสาขาหลักใหม่ โดยนำเสนอ HealthQ ที่ซึ่งมีเภสัชกร แพทย์แผนจีน และนักโภชนาการคอยให้คำปรึกษาด้านสุขภาพส่วนบุคคล การฉีดวัคซีน และการประเมินสุขภาพ เพื่อให้ลูกค้ามีสุขภาพที่ดียิ่งขึ้น
วัตสัน ประเทศไทย ได้เปิดตัวประสบการณ์สุขภาพที่ยกระดับด้วยการออกแบบร้านที่ทันสมัยและมีสไตล์ พร้อมด้วยผลิตภัณฑ์สุขภาพที่หลากหลายเพื่อตอบสนองการดูแลสุขภาพส่วนบุคคล นอกจากนี้ยังมีห้องให้คำปรึกษาด้านสุขภาพแบบส่วนตัว โดยมีเภสัชกรมืออาชีพที่พร้อมให้คำแนะนำเฉพาะบุคคล
"เราเข้าใจดีว่าการนำเสนอเพียงผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดนั้นไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้าอีกต่อไป เราจึงมุ่งมั่นที่จะขยายและสร้างนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำเสนอประสบการณ์ O+O ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า วัตสันมุ่งมั่นที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับสมาชิกครอบครัววัตสันกว่า 100 ล้านคนของเรา ให้พวกเขาดูดี ทำดี และรู้สึกดีไปกับเรา" คุณมาลีนา กล่าวเพิ่มเติม
นีเวีย ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวระดับโลก ที่ได้รับความไว้วางใจในการดูแลผิวจากคนไทยมากว่าสามสิบปี ร่วมกับ วัตสัน ประเทศไทย ผู้นำร้านเพื่อสุขภาพและความงาม ส่งต่อกำลังใจแก่ผู้ป่วยมะเร็งในโครงการ “ชวนแชร์ ส่งต่อความห่วงใยสร้างพลังใจแก่ผู้ป่วยมะเร็ง” (Supporting Moment of Care) เพื่อแสดงถึงจุดยืนที่ต้องการต่อยอดจากนโยบายของบริษัท ไบเออร์สด๊รอฟ จำกัด ประเทศเยอรมนี เจ้าของแบรนด์นีเวีย ที่ต้องการช่วยเหลือและสนับสนุนผู้ป่วยและครอบครัวของผู้ป่วยมะเร็งทุกประเทศในอาเซียน
“มะเร็ง” โรคที่เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของประชากรทั่วโลก และการดูแลไม่ใช่เพียงการรักษาทางการแพทย์ แต่ยังรวมถึงการดูแลและการแสดงถึงความเข้าใจและห่วงใย ลูกค้านีเวียและวัตสัน สามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างพลังใจให้แก่ผู้ป่วยได้เข้าถึงการดูแลสุขภาพใจควบคู่ไปกับการรักษาเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าได้แล้ว เพียงซื้อผลิตภัณฑ์นีเวีย ทั้งทางช่องทางออนไลน์ และหน้าร้านวัตสันทุกสาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้ถึง 22 พฤษภาคม 2567 โดยทุก 1 ชิ้น นีเวีย บริจาค 1 บาท ให้แก่มูลนิธิเครือข่ายมะเร็ง เพื่อใช้ในกิจกรรมการดูแลและสนับสนุนผู้ป่วยมะเร็งและครอบครัวให้ตระหนักรู้และเข้าใจโรคมะเร็ง สามารถดูแลรักษาตนเองได้อย่างถูกต้อง รวมถึงกิจกรรมที่สร้างกำลังใจให้ผู้ป่วยและผู้ดูแลผู้ป่วยมะเร็ง ให้มีแรงใจสามารถต่อสู้กับโรคมะเร็งต่อไปได้อย่างเข้มแข็ง
นายเขมชาติ เติมวิวัฒน์ หัวหน้าฝ่ายขาย ผลิตภัณฑ์นีเวีย ประเทศไทย กล่าวว่า “โครงการนี้ นอกจากจะเป็นบทพิสูจน์ที่แสดงให้เห็นถึงพันธกิจ Care Beyond Skin ของเราว่าเป็นมากกว่าแค่การส่งมอบผลิตภัณฑ์ดูแลผิวคุณภาพเยี่ยม แต่ยังเป็นหนึ่งในปฏิญาณและภารกิจระดับโลกของ ไบเออร์สด๊อรฟ ซึ่งสอดรับกับนโยบาย “ภาวะเจ็บป่วยรุนแรง” ที่เป็นสวัสดิการให้แก่พนักงานของ ไบเออร์สด๊อรฟ ทั่วโลก และต่อยอดสู่เพื่อนร่วมสังคมในระดับอาเซียนและประเทศไทย เพราะเราไม่ต้องการดูแลแค่ผิวกายภายนอกเท่านั้น แต่เรามุ่งหวังที่จะช่วยดูแลถึงจิตใจ โดยเฉพาะช่วงเวลาเจ็บป่วย และเผชิญโรคร้าย ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนต้องการพลังใจ รวมทั้งอยากได้ความห่วงใยและความเข้าใจจากคนรอบตัว เราขอขอบคุณพันธมิตรอันดีของเราอย่าง วัตสัน อีกครั้งที่ให้การสนับสนุนอย่างดีเสมอมาและหวังว่าโครงการนี้จะช่วยแบ่งปันความห่วงใยไปยังผู้ป่วยมะเร็งและผู้ดูแล ให้ได้รับความรู้ในการดูแลรักษามะเร็งได้อย่างถูกต้อง เข้มแข็ง และสามารถก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าในอนาคต”
นอกจากได้ร่วมทำบุญแล้ว งานนี้ลูกค้าหนึ่งร้อยท่านแรก ที่ซื้อผลิตภัณฑ์นีเวียทุกประเภทในช่วงแคมเปญนี้ผ่านทุกช่องทางการขายของวัตสัน ทั่วประเทศ สามารถลงทะเบียนพร้อมอัปโหลดรูปใบเสร็จผ่านคิวอาร์โค้ด ณ จุดขายที่ร้านวัตสันทั่วประเทศ หรือผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อเข้าร่วมเวิร์กชอป “บอกสาว ๆ ให้รู้ทันมะเร็ง เปลี่ยนเรื่องร้ายให้กลายเป็นดี กับวิธีรับมือกับโรคร้าย” ซึ่งเป็นกิจกรรมความร่วมมือระหว่าง นีเวีย วัตสัน และมูลนิธิเครือข่ายมะเร็ง ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 18 มิถุนายน 2567 ณ ศูนย์การค้าไอคอนสยาม โดยงานนี้ผู้ร่วมงานจะได้รับข้อมูลอันเป็นประโยชน์เกี่ยวกับมะเร็ง ตลอดจนวิธีการสังเกตตนเอง การดูแลตนเอง และการให้ความรู้แก่ผู้ดูแลผู้ป่วยมะเร็งแล้ว ยังมีข้อมูลดี ๆ เกี่ยวกับวิธีลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งอีกด้วย ภายในงานยังมีกิจกรรมส่งต่อความห่วงใยจากการทำถุงผ้าแฮนด์เมดใส่ของใช้จำเป็นสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่ผู้ป่วยให้สามารถต่อสู้กับโรคร้ายต่อไป
ทุกคนสามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเสริมสร้างกำลังใจและส่งต่อความห่วงใยถึงผู้ป่วยมะเร็งร่วมกับนีเวีย และวัตสัน ได้อย่างสร้างสรรค์ เพียงซื้อผลิตภัณฑ์นีเวียจากทุกช่องทางการขายของ วัตสัน ทั่วตั้งแต่วันนี้ถึง 22 พฤษภาคม 2567 เพื่อสมทบทุนมูลนิธิเครือข่ายมะเร็ง เพื่อส่งกำลังใจให้ผู้ป่วยโรคมะเร็งและครอบครัวให้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากได้อย่างเข้มแข็งไปด้วยกัน
วัตสัน ผู้นำร้านเพื่อสุขภาพและความงามอันดับหนึ่งของประเทศไทย เผยทิศทางธุรกิจ ประจำปี 2567 เน้นขยายการเติบโต รวมถึงการนำความยั่งยืนมาใช้ผสานในการพัฒนาส่วนต่างๆ ของธุรกิจเพิ่มมากขึ้น ซึ่งในปีนี้ วัตสัน ในฐานะผู้นำตลาด ยังคงมุ่งหน้าชูกลยุทธ์การชอปปิ้งออฟไลน์และออนไลน์ (O+O) เพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของลูกค้า รวมถึงการต่อยอดให้กับสินค้าภายใต้แบรนด์วัตสัน โดยทั้งหมดนี้ ตอกย้ำความมุ่งมั่นของวัตสันในการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
วัตสัน ประเทศไทย เน้นการขยายการเติบโต ควบคู่ไปกับการส่งเสริมด้านความยั่งยืน และในฐานะร้านเพื่อสุขภาพและความงามแห่งแรกที่มีสาขาครอบคลุม 77 จังหวัดทั่วประเทศไทย วัตสันยังคงเดินหน้าขยายตามแผนงาน เพื่อสร้างการเข้าถึงที่ง่าย และสะดวกสบายให้กับลูกค้า ตอบรับความต้องการของลูกค้าทั่วประเทศ โดยตั้งเป้าเปิดสาขาใหม่รวม 50 สาขา รวมถึงพัฒนาหน้าร้านที่มีอยู่อีกด้วย
เพื่อสอดรับกับเป้าหมายความยั่งยืน วัตสัน ประเทศไทย ส่งเสริม Greener Store ซึ่งเป็นรูปแบบร้านค้าเพื่อความยั่งยืนของวัตสัน ที่ได้ทดลองเริ่มปฏิบัติการจริงไปแล้วที่สาขาสยามสแควร์ โดยการนำเสนอแนวคิดและมาตรการต่างๆ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มาปรับใช้ในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ อาทิ การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคา และการเลือกใช้วัสดุตกแต่งที่ผลิตจากกระดาษและไม้รีไซเคิล โดย คุณพสิษฐ์ มั่นคงขันติวงศ์ กรรมการผู้จัดการ วัตสัน ประเทศไทย กล่าวว่า “แนวคิด Greener Store ถือเป็นสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่นของวัตสันในการสร้างวัฒนธรรมที่บ่มเพาะความยั่งยืนในกระบวนการดำเนินงาน และปฏิบัติการต่างๆ ในทุกๆ วัน” ซึ่งแนวคิดดังกล่าวจะมุ่งเน้นไปที่ประเด็นสำคัญต่างๆ เช่น การเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การลดใช้พลังงาน รวมถึงเพิ่มการใช้พลังงานหมุนเวียน และการมีส่วนร่วมของลูกค้า
นอกจากนี้ วัตสัน ประเทศไทย ได้นำรถบรรทุกและรถปิคอัพไฟฟ้า มาใช้สำหรับการจัดส่งสินค้า ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ อีกทั้ง วัตสัน ยังมุ่งมั่นในการเพิ่มสัดส่วนการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน ซึ่งเป็นการเพิ่มทางเลือกและตอบรับความต้องการที่เปลี่ยนไปของลูกค้า ที่หันมาสนใจด้านสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น
กลยุทธ์ O+O ของวัตสันถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีในการมอบประสบการณ์การชอปปิ้งแบบไร้รอยต่อ โดยเฉพาะในปัจจุบัน วัตสัน มีสมาชิกวัตสันคลับ มากกว่า 9 ล้านคนที่ได้รับสิทธิพิเศษผ่าน “โปรโมเชื่อม” โปรโมชั่นที่ออกแบบมาเพื่อเชื่อมต่อการชอปปิ้งออนไลน์และออฟไลน์สำหรับสมาชิกวัตสัน คลับ โดยเฉพาะ ควบคู่ไปกับการใช้ความเข้าใจพฤติกรรมลูกค้าจากฐานสมาชิกที่แข็งแกร่ง มาใช้เป็นเครื่องมือในการยกระดับการสร้างประสบการณ์ที่ดีสำหรับสมาชิก กระตุ้นการมีส่วนร่วม และมัดใจสมาชิก ด้วยกิจกรรมสุดพิเศษต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟกับเซเลปชื่อดัง กิจกรรมเวิร์กช็อป รวมถึงสิทธิพิเศษในการแลกบัตรกำนัลด้านไลฟ์สไตล์ต่างๆ
เพื่อตอบรับกับเทรนด์ในยุคปัจจุบันที่ผู้บริโภคหันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพกันมากขึ้น ในปี 2567 วัตสัน ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านสุขภาพ ด้วยการเปิดตัววัตสัน เดย์ไวต้า (Day-Vita) ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารภายใต้แบรนด์วัตสัน โดยการเปิดตัวในครั้งนี้ เป็นการใช้ความเชี่ยวชาญด้านสุขภาพที่มีมาอย่างยาวนานของวัตสัน ประกอบกับความเข้าใจในผู้บริโภค ช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงการมีสุขภาพที่ดีได้ง่าย สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ในราคาที่เหมาะสม
คุณพสิษฐ์ กล่าวเสริมอีกว่า “นอกเหนือจากความสำเร็จทางธุรกิจ วัตสันยังตอกย้ำความมุ่งมั่นต่อความยั่งยืนของชุมชน ซึ่งนับเป็นหัวใจสำคัญเพื่อมุ่งสู่อนาคตที่สดใส ด้วยโครงการริเริ่มต่างๆ เช่น แคมเปญ Give a Smile กับ Operation Smile สนับสนุนเป้าหมายของเอเอส วัตสัน กรุ๊ป ในการฟื้นฟูรอยยิ้ม 10,000 รอยยิ้มภายในปี พ.ศ. 2573 ซึ่งก้าวต่อๆ ไปของเรา ก็จะยังคงมุ่งมั่นในการส่งต่อประสบการณ์การชอปปิ้งที่ดีที่สุด และสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน รวมถึงสร้างความมั่นใจว่าลูกค้าของเราจะได้รับความสุขและยิ้มได้ในทุกๆ วัน”