

บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ร่วมอยู่เคียงข้างคนไทย ขอเชิญชวนทุกคนมาใช้สิทธิ์ “คนละครึ่ง พลัส” ได้ทุกวันที่ร้านค้าในโซนพลาซ่า และ ศูนย์อาหารบิ๊กซี อิ่ม อร่อย คุ้มค่า กว่า 3,000 ร้านค้า เพียงแค่สังเกตสัญลักษณ์ หรือ โลโก้ "คนละครึ่งพลัส"
บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ห้างค้าปลีกในกลุ่มบีเจซี นำโดย นายสมบูรณ์ เหมธรรมมา ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส พร้อมด้วย นายกัมพล ตันสัจจา ประธานสวนนงนุช พัทยา ให้เกียรติร่วมเป็นประธานในพิธีเปิด “บิ๊กซี สวนนงนุช พัทยา” สาขาใหม่อย่างเป็นทางการ พร้อมขนทัพสินค้า - โปรโมชันสุดคุ้ม และดีลเด็ดฉลองสาขาใหม่มากมาย ณ สวนนงนุช พัทยา เมื่อเร็ว ๆ นี้

“บิ๊กซี สวนนงนุช พัทยา” (Big C Nongnooch Garden Pattaya) ได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ รวมถึงชาวไทย ที่เดินทางมายังพัทยา หนึ่งในเมืองท่องเที่ยวสำคัญของไทย โดยมุ่งเน้นการให้บริการที่ครบครัน สะดวกสบาย โดดเด่นด้วยบรรยากาศและการตกแต่งที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์ความเป็นไทยอย่างชัดเจน เปิดให้บริการในรูปแบบฟอร์แมทมาร์เก็ต มีขนาดพื้นที่รวมประมาณ 989 ตารางเมตร ตั้งอยู่บริเวณหน้า
โรงละครสกาลา สวนนงนุช พัทยา ซึ่งเป็น 1 ใน 10 สวนที่สวยที่สุดในโลก

ซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งนี้ จำหน่ายทั้งสินค้าอุปโภคและบริโภคที่เป็นที่นิยม มีคุณภาพมาตรฐานระดับสากล และราคาที่เป็นธรรมต่อนักท่องเที่ยวทุกชาติ โดยชูไฮไลต์โซน Exclusive @Big C วางจำหน่ายสินค้าของฝากที่มีเฉพาะบิ๊กซีและสวนนงนุชเท่านั้น รวมถึงให้บริการ Vat Refund ณ จุดบริการลูกค้าสัมพันธ์ เพื่อมอบประสบการณ์การท่องเที่ยวและการช้อปปิ้งสุดประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยว โดยเฉพาะชาวต่างชาติ พร้อมตอกย้ำความเป็น “ทัวร์ริสท์ เดสติเนชัน” (Tourist Destination) จุดหมายปลายทางแห่งการเลือกซื้อของฝากประเทศไทยจากพัทยา

ในโอกาสแกรนด์โอเพนนิ่ง บิ๊กซี มอบสินค้าหมวดท่องเที่ยวและการเดินทางในราคาสุดคุ้ม และโปรโมชันสุดพิเศษ อาทิ
โดยโปรโมชันนี้ จัดตั้งแต่วันนี้ – 30 กรกฎาคม 2568 เท่านั้น
“บิ๊กซี สวนนงนุช พัทยา” ไม่ได้เป็นเพียงซูเปอร์มาร์เก็ต แต่ยังเป็นจุดหมายปลายทางแห่งใหม่ ที่สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์การช้อปของนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก โดยขอเชิญชวนทุกท่านมาร่วมสัมผัสสินค้าของฝากคุณภาพดี ราคาสุดประหยัด และมีให้เลือกหลากหลายได้แล้ว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ในทุกวันจันทร์ – วันอาทิตย์ เวลา 08.00 – 18.30 น. ณ สวนนงนุช พัทยา หรือติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง Facebook: Big C Tourists Favorites.
บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ห้างค้าปลีกในกลุ่มบีเจซี โดย นายอัศวิน - นางฐาปณี เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ และรองประธานกรรมการบริหาร ร่วมกับ บลูพอร์ต หัวหิน เปิดตัว “Big C Hua Hin Marché” (บิ๊กซี หัวหิน มาร์เช่) ซูเปอร์มาร์เก็ตพรีเมียมโฉมใหม่อย่างเป็นทางการ ภายใต้แนวคิด “พรีเมียมที่เข้าถึงได้” มุ่งยกระดับประสบการณ์ช้อปปิ้งและการรับประทานอาหารในเมืองท่องเที่ยวระดับแนวหน้าของประเทศไทย โดยพิธีเปิดได้รับเกียรติจาก ฯพณฯ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ร่วมเป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร แขกผู้มีเกียรติ และสื่อมวลชน เข้าร่วมแสดงความยินดีอย่างอบอุ่น ณ ชั้น G บลูพอร์ต หัวหิน

Big C Hua Hin Marché ได้รับการออกแบบเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย ทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทย ชาวต่างชาติ รวมถึงคนในพื้นที่ โดยเน้นการให้บริการที่ครบครัน สะดวกสบาย และคุณภาพระดับสูงในราคาที่จับต้องได้ พร้อมนำเสนอบรรยากาศที่ทันสมัย ภายในศูนย์การค้าที่เปี่ยมด้วยเอกลักษณ์ของหัวหิน โดดเด่นด้วยกลุ่มสินค้าสดคุณภาพดี และสินค้านำเข้าหลากหลายประเภทจาก อังกฤษ ฝรั่งเศส ยุโรป สแกนดิเนเวีย และออสเตรเลีย รวมถึงโซนสินค้าท้องถิ่นที่ตอบโจทย์ทั้งการใช้งานและการเลือกซื้อเป็นของฝาก

ซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งนี้ไม่เพียงจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคและอาหารสดคุณภาพเท่านั้น แต่ยังจัดสรรพื้นที่บริการเฉพาะทางอย่างลงตัว เพื่อมอบประสบการณ์ที่แปลกใหม่ให้แก่ลูกค้าในทุกวัน ได้แก่

สิทธิพิเศษสำหรับสมาชิกบิ๊กพอยต์
ในโอกาสแกรนด์โอเพนนิ่ง บิ๊กซีมอบสิทธิพิเศษสำหรับสมาชิกบิ๊กพอยต์ เมื่อซื้อสินค้าครบ 599 บาท รับสิทธิ์แลกซื้อไข่ไก่ “We are Fresh No.1” แพ็ก 10 ฟอง ในราคาเพียง 9 บาท พร้อมรับคะแนนสะสมเพิ่มอีก 100 คะแนน นอกจากนี้ยังมีสินค้าราคาสุดพิเศษในหมวดอาหารสด อุปโภคบริโภค และเครื่องใช้ไฟฟ้า อาทิ หม้อหุงข้าว Tefal Digital ราคาพิเศษเพียง 790 บาท โดยโปรโมชันนี้จัด ตั้งแต่วันนี้ – 2 กรกฎาคม 2568 เท่านั้น

Big C Hua Hin Marché ไม่ได้เป็นเพียงซูเปอร์มาร์เก็ต แต่ยังเป็นจุดหมายปลายทางแห่งใหม่สำหรับผู้ที่มองหาประสบการณ์ด้านอาหารและการช้อปปิ้งในบรรยากาศระดับพรีเมียม ที่ผสานคุณภาพและความคุ้มค่าได้อย่างลงตัว โดยเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการแล้ว ณ ชั้น G บลูพอร์ต หัวหิน เปิดทุกวัน ตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันอาทิตย์ เวลา 08.00 – 21.00 น. โดยเริ่มเปิดให้บริการวันแรกเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2568 ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง Facebook: Big C Foodplace
กลุ่มบีเจซี บิ๊กซี นำโดย นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ได้รับเกียรติร่วมเป็นวิทยากรในงานสัมมนา ASEAN Forum 2025 จัดโดย สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) ซึ่งเป็นเวทีสัมมนาระดับภูมิภาคอาเซียน ที่รวบรวมทั้งผู้นำทางด้านธุรกิจ นักลงทุน นักนวัตกรรม และผู้กำหนดนโยบายระดับภูมิภาค เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับทิศทางสู่การเติบโตของเศรษฐกิจอาเซียน และโอกาสในการลงทุนทางธุรกิจใหม่ในภูมิภาคอาเซียน ในประเด็นเชิงลึกทั้งด้านการค้า โลจิสติกส์ อาหาร นวัตกรรม และพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ ณ โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก เมื่อเร็ว ๆ นี้
ภายในงาน นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ได้ร่วมแสดงวิสัยทัศน์ในหัวข้อ “INGREDIENT FOR THE BOOMING ECONOMY: NEW INVESTMENT OPPORTUNITIES” โดยนำเสนอแนวคิดและมุมองในฐานะผู้นำธุรกิจค้าปลีกและการผลิตระดับภูมิภาค สำหรับหัวข้อเสวนาในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจากผู้บริหารระดับสูงจากหลากหลายองค์กรร่วมแสดงวิสัยทัศน์ ได้แก่ นายทรงวุฒิ อภิรักษ์ขิต ผู้อำนวยการสำนักอุตสาหกรรมยานยนต์ และสำนักบริการการลงทุน Mr. Saribua Siahaan Director of Investment Promotion for Southeast Asia, Australia, New Zealand and the Pacific, Ministry of Investment and Downstream Industry / Indonesia Investment Coordinating Board (BKPM) และนายสุวรรณชัย โลหะวัฒนกุล อดีตผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)

นายอัศวิน กล่าวในงานเสวนาว่า กลุ่มบีเจซี บิ๊กซี มุ่งขยายธุรกิจในประเทศอาเซียนที่มีการเติบโตสูง โดยเรามีอุตสหาหกรรมที่หลากหลาย และมีการกระจายสินค้าไปยังร้านค้าที่ครอบคลุมทั่วภูมิภาค กว่า 194,000 แห่ง ในหลากหลายประเทศด้วยกัน โดยในประเทศไทย เรามีโรงงาน 12 แห่ง ศูนย์กระจายสินค้า 14 แห่ง ร้านค้าปลีก 12,818 แห่ง และรถขนส่ง 1,556 คัน ซึ่งสามารถกระจายสินค้าไปยังร้านค้ากว่า 89,922 แห่ง อีกทั้งยังมีเครือข่ายจัดจำหน่ายร้านค้ารายย่อยอีก 183 แห่ง สำหรับต่างประเทศ อาทิ เวียดนาม เรามีโรงงาน 7 แห่ง ศูนย์กระจายสินค้า 8 แห่ง ร้านค้าปลีก 2,466 แห่ง และรถขนส่ง 373 คัน ซึ่งสามารถกระจายสินค้าไปยังร้านค้ากว่า 104,869 แห่ง, ลาว เรามีร้านค้าปลีก 68 แห่ง และศูนย์กระจายสินค้า 1 แห่ง, กัมพูชา เรามีโรงงาน 1 แห่ง และร้านค้าปลีกอีก 22 แห่ง, มาเลเซีย เรามีโรงงาน 2 แห่ง และเมียนมา เรามีสำนักงานตัวแทน 1 แห่ง เป็นต้น โดย 91% ของยอดขายต่างประเทศของกลุ่มบีเจซี บิ๊กซี มาจากภูมิภาคอาเซียน และมีอัตราการเติบโตของยอดขายเฉลี่ย 9.2% ต่อปี ซึ่งในปี 2024 ที่ผ่านมา มียอดขายในอาเซียนเติบโตถึง 15,000 ล้านบาท
นายอัศวิน เผยถึงกระแสเทรนด์โลกและประเทศไทยในปี 2025 ว่า ยุคนี้เป็นยุคสุขภาพแบบองค์รวม (Holistic Health Era) ซึ่งผู้บริโภคจะให้ความสำคัญทั้งสุขภาพกาย ใจ และอารมณ์ อีกทั้งผู้บริโภคยังตระหนักถึงความยั่งยืน (Sustainability) และการเลือกซื้อที่ขับเคลื่อนด้วยคุณค่า (Value-Driven Choices) โดยให้ความสำคัญกับการใช้จ่ายและตัดสินใจซื้อสินค้าอย่างตั้งใจมากขึ้น รวมถึงให้ความสนใจกับสินค้าที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะบุคคล (Personalization) และสินค้าภายใต้แบรนด์ของร้านค้า (Private Label) ซึ่งมีราคาคุ้มค่า มีคุณภาพ และมีความน่าเชื่อถือ

นายอัศวิน กล่าวต่อว่า ตลาดสัตว์เลี้ยงยังคงเติบโต เทรนด์ Pet Humanization & Pet Tourism การที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับสัตว์เลี้ยงเหมือนสมาชิกในครอบครัว และต้องการให้มีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การท่องเที่ยว ยังคงเป็นกระแสต่อเนื่อง อีกทั้งมีการจำหน่ายผลิตภัณฑ์และการบริการเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง และสินค้าที่เป็นมิตรกับครอบครัวที่มีสัตว์เลี้ยงมากขึ้น นอกจากนี้ ห้างสรรพสินค้าหลายแห่งในประเทศไทย ยังสามารถพาสัตว์เลี้ยงเข้าได้ และมีการจัดอีเวนต์สำหรับสัตว์เลี้ยงด้วย โดยยอดขายรวมของอาหารและผลิตภัณฑ์ดูแลสัตว์เลี้ยงในช่องทางค้าปลีกของประเทศไทย ในปี 2024 เติบโตขึ้นจากปี 2023 ถึง 10.9% มีมูลค่ายอดขายรวมทั้งตลาด 7,645 ล้านบาท สำหรับ บิ๊กซี ยอดขายรวมของอาหารและผลิตภัณฑ์ดูแลสัตว์เลี้ยงในปี 2024 เติบโตขึ้นจากปีก่อน 1.6% และมีมูลค่ายอดขายรวม 1,250 ล้านบาท
สำหรับเทรนด์ด้านเทคโนโลยีและ AI ในปี 2025 นายอัศวิน กล่าวว่า ธุรกิจค้าปลีกมีการใช้เทคโนโลยีและ AI เพื่อดึงดูดลูกค้าและเพิ่มโอกาสในการขายมากขึ้น อาทิ ร้านค้าอัตโนมัติไร้พนักงาน หุ่นยนต์ในร้าน รถเข็นอัจฉริยะ และระบบนำทางในร้าน เป็นต้น อีกทั้งยังมีการทรานส์ฟอร์มร้านค้าให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคในยุคนี้ เช่น มีจุดชาร์จสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ขยายร้านสะดวกซื้อให้มีขนาดใหญ่ขึ้นและมีพื้นที่จอดรถ รวมถึงมีสินค้าและการบริการที่หลากหลาย เพื่อยกระดับการช้อปแบบครบจบในที่เดียว มีความสะดวก และทันสมัย
นายอัศวิน กล่าวถึงโอกาสการลงทุนในอาเซียนว่า การกระจายฐานการผลิตและห่วงโซ่อุปทานไปยังประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคอาเซียน อาทิ เวียดนาม ไทย และมาเลเซีย เหมาะสำหรับอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงส่วนอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ เหมาะสำหรับการผลิต นับเป็นโอกาสสำคัญในการสร้างความยืดหยุ่นและกระจายความเสี่ยงในระดับภูมิภาค อีกทั้งอาเซียนมีศักยภาพสูงในธุรกิจเกษตรและอาหาร เนื่องจากมีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ทั้งดินและแหล่งน้ำ ทำให้มีข้อได้เปรียบในการผลิตสินค้าเกษตรอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะข้าวสัตว์ปีก รวมถึงโลจิสติกส์ด้านอาหาร และการผลิตอาหารฮาลาล เพื่อส่งออกสู่ตลาดตะวันออกกลางและมุสลิมทั่วโลก

นอกจากนี้ อาเซียนยังมีศักยภาพการลงทุนอีกหลากหลายสาขาใหม่ที่กำลังเติบโต อาทิ ด้านเศรษฐกิจดิจิทัลและอีคอมเมิร์ซ ด้วยอัตราการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่สูงของประชากรในภูมิภาคนี้ และการเติบโตของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ, ด้านพลังงานสีเขียวและเทคโนโลยีด้านสภาพอากาศ เช่น อินโดนีเซีย มีศักยภาพด้านแร่สำรองที่ใช้ในแบตเตอรี่สูง, ด้านการแพทย์และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยในอาเซียน ทำให้การลงทุนในธุรกิจโรงพยาบาล คลินิก การดูแลผู้สูงอายุ และเทคโนโลยีด้านสุขภาพกำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน, ด้านการศึกษาและการพัฒนาทักษะ ในภูมิภาคอาเซียนมีความต้องการเพิ่มทักษะของแรงงานต่อเนื่อง ดังนั้น การลงทุนในแพลตฟอร์ม EdTech และธุรกิจการเรียนการสอนภาษายังคงเติบโต, ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ด้วยการขยายตัวของเมืองและการเชื่อมต่ออย่างไร้พรมแดนและขีดจำกัด เหมาะกับการลงทุนระบบโลจิสติกส์และโครงการเมกะโปรเจกต์อย่างมาก และด้านบริการทางการเงิน เนื่องจากประชาชนชั้นกลางเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จึงเป็นโอกาสสำคัญในการขยายบริการฟินเทค (Fintech) และไมโครไฟแนนซ์ (Microfinance) นายอัศวิน กล่าว
กลุ่มบีเจซี บิ๊กซี เป็นเลิศในการพัฒนาการผลิตสินค้าและบริการ ที่เปี่ยมด้วยคุณภาพตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ครอบคลุมกลุ่มธุรกิจที่หลากหลาย ได้แก่ กลุ่มสินค้าและบริการทางบรรจุภัณฑ์ กลุ่มสินค้าและบริการทางอุปโภคบริโภค กลุ่มสินค้าและบริการทางเวชภัณฑ์และทางเทคนิค และกลุ่มสินค้าและบริการทางการค้าปลีกสมัยใหม่ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เรามุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจในภูมิภาคอาเซียน ควบคู่กับการสนับสนุนความร่วมมือทางเศรษฐกิจและสังคมในอาเซียนอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันและเปิดโอกาสให้ธุรกิจไทยเติบโตในระดับภูมิภาคอาเซียนอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน
บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ห้างค้าปลีกในกลุ่มบีเจซี จับมือ พันธมิตร คู่ค้าผลิตภัณฑ์นมพร้อมดื่มชั้นนำ 20 แบรนด์ เดินหน้าสานต่อแคมเปญต้อนรับ “วันดื่มนมโลก” หรือ “World Milk Day” จัดงาน “World Milk Day วันดื่มนมโลก @ Big C ปีที่ 10” ยกทัพนมพร้อมดื่ม สนับสนุนให้คนไทยทุกเพศทุกวัยได้ดื่มนมที่ดีมีคุณภาพ ในปริมาณที่เหมาะสมต่อวัน เพื่อเสริมสร้างสุขภาพร่างกายให้สมบูรณ์แข็งแรง พร้อมทั้งร่วมกันส่งต่อนมให้แก่ชุมชนเด็กไทยเพื่อเสริมสร้าง การเติบโตและมีพัฒนาการที่ครบถ้วนสมวัย พร้อมจัดโปรโมชั่นส่วนลดสูงสุด 10% โดยวางเป้ากระตุ้นยอดขาย 235 ล้านบาท เติบโต 30% โดยจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 10 ภายใต้คอนเซ็ปต์ “บิ๊กซีสนับสนุนให้คนไทยมีสุขภาพดี” ณ ชั้น 2 บิ๊กซี เพลส สาขารัชดา เมื่อเร็วๆนี้

นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ห้างค้าปลีกในกลุ่มบีเจซี เปิดเผยว่า “จากความสำเร็จในการจัดงาน “World Milk Day วันดื่มนมโลก @ Big C” มาอย่างต่อเนื่อง ปีนี้เราจัดขึ้นเป็นปีที่ 10 เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความตระหนักและกระตุ้นให้คนไทย หันมาดื่มนมมากขึ้น บิ๊กซี ในฐานะห้างคนไทย หัวใจคือลูกค้า จึงได้ผนึกกำลังกับกลุ่มพันธมิตรผลิตภัณฑ์นมพร้อมดื่มแบรนด์ชั้นนำ 20 แบรนด์ ได้แก่ โฟร์โมสต์, หนองโพ, อีสฟิลด์, ไฮคิว,เอนฟาโกร, เอส-26 ,แลคตาซอย, ไวตามิ้ลค์, ดัชมิลล์, ไอวี่, แมกโนเลีย, แอนลีน, โอวัลติน, ไมโล, ลัฟ ,กู๊ดเมท, อัลมอนด์โคกะ, โอ๊ตไซด์, เมจิ, เอ็มมิลค์, ฮูเร่ มาให้ผู้บริโภคได้เลือกซื้อในราคาพิเศษลดสูงสุดถึง 10% เพื่อให้ผู้บริโภคได้เลือกซื้อนมคุณภาพในราคาที่คุ้มค่า นอกจากจะช่วยให้ลูกค้าหันมาดื่มนมเสริมสร้างสุขภาพของร่างกายแล้ว ยังได้ช่วยสร้างความยั่งยืนในอาชีพการเลี้ยงโคนมของเกษตรกรไทยอีกด้วย บิ๊กซีหวังว่ากิจกรรมนี้จะเป็นส่วนหนึ่งในเพิ่มการบริโภคนมของคนไทยทุกวัยอย่างน้อยวันละ 2 แก้ว/วัน เป็นประจำสม่ำเสมอเพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง โดยกิจกรรมครั้งนี้ยังได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการส่งต่อสิ่งดีๆ ให้กับเด็กๆ ในชุมชนด้วยการส่งต่อนมคุณภาพให้เข้าถึงคนทุกกลุ่มอีกด้วย”

นายแพทย์ศักดา อัลภาชน์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ตามที่กรมอนามัยมียุทธศาตร์ในการส่งเสริมสุขภาพ เพื่อให้คนไทยมีคุณภาพชิวิตที่ดี บริโภคอาหารที่เหมาะสมตามวัย และส่งเสริมให้ดื่มนมจืดวันละ 2 แก้ว ซึ่ง “นม” นับเป็นแหล่งสารอาหารที่อุดมไปด้วยประโยชน์ทั้งโปรตีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส และวิตามิน ซึ่งมีความสำคัญต่อร่างกาย และ นมมีแคลเซียมสูง ช่วยเสริมสร้างมวลกระดูกให้เพิ่มมากขึ้น ทำให้กระดูกและฟันแข็งแรง ร่วมกับทานอาหารที่เหมาะสมตามวัยเพื่อให้คนไทย มีรูปร่างที่ดี และสมส่วน แข็งแรง แต่เนื่องจากปัจจุบันคนไทยดื่มนมน้อยกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้คือ 25 ลิตร ต่อคนต่อปี ดังนั้นหากคนไทยหันมาให้ความสนใจในการดื่มนมในปริมาณที่เหมาะสมในแต่ละช่วงวัย จะทำให้มีโภชนาการที่ดี ดังนั้น กรมอนามัยจึงได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการสร้างความตระหนักให้คนในครอบครัวและเด็กให้เห็นความสำคัญของการดื่มนม ภายใต้แนวคิด “Dairy in Daily Life ดื่มนมจืด 2 แก้ว ทุกวัน ทุกวัย” เพื่อให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องร่วมกันขับเคลื่อนงานให้คนไทยดื่มนมอย่างต่อเนื่องและเข้าถึงนมมากขึ้น นอกจากนี้ยังถือเป็นการช่วยเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมไทย ให้มีความมั่นคงด้านอาชีพการเลี้ยงโคนม ส่งผลต่อภาคเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศด้วยเช่นกัน
ขอเชิญชวนลูกค้ามารวมพลังดื่มนมเพื่อสุขภาพที่ดี กับโปรโมชันสุดพิเศษจากบิ๊กซีและพันธมิตรแบรนด์นมพร้อมดื่มชั้นนำ พร้อมพบกับจัดกิจกรรมสุดพิเศษต้อนรับวันดื่มนมโลก แจก ชิม ผลิตภัณฑ์นม เพื่อให้ผู้บริโภคได้เลือกชิม พร้อมมั่นใจในความสดใหม่ของนมที่ตอบโจทย์ตามสไตล์และหลากหลายครบทุกความต้องการ ที่บิ๊กซี ได้ที่

Big C Hypermarket, Big C Market และ Big C Food place ตั้งแต่วันนี้ - วันที่ 25 มิถุนายน 2568
Big C Mini ตั้งแต่วันนี้ - วันที่ 25 มิถุนายน 2568
ติดตามกิจกรรมดีๆ จากบิ๊กซี หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.bigc.co.th หรือ Facebook Page : Big C บิ๊กซีคลิก https://www.facebook.com/BigCBigService/ หรือโทร. 1756