February 22, 2025

 บ้านปู เน็กซ์ ผู้ให้บริการ Net Zero Solutions ชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ขยายความร่วมมือกับ ภิรัชบุรีกรุ๊ป ติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปและโซลาร์คาร์พอร์ต ณ ไบเทคบุรี บางนา สานต่อความสำเร็จของการติดตั้งระบบโซลาร์ให้กับซัมเมอร์ ลาซาล ออฟฟิศแคมปัสของภิรัชบุรีกรุ๊ปทั้งสามเฟส การติดตั้งระบบโซลาร์ให้กับคอมมูนิตี้สเปซไบเทคบุรี สะท้อนความมุ่งมั่นของทั้งสองบริษัทที่จะลดการปล่อยคาร์บอนในพื้นที่ศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพมหานครฝั่งตะวันออก โดยระบบโซลาร์ที่ไบเทคบุรี และซัมเมอร์ ลาซาล จะช่วยลดการปล่อย CO2 ประมาณ 3,700 ตันต่อปี ตอกย้ำความมุ่งมั่นสู่เป้าหมาย Net Zero

ย่านบางนาเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจและธุรกิจของกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออกซึ่งกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วจากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะและเมกะโปรเจกต์ต่างๆ ภิรัชบุรีกรุ๊ปมีบทบาทสำคัญที่ช่วยยกระดับย่านนี้ โดยพลิกโฉมไบเทคบุรี คอมมูนิตี้สเปซชั้นนำที่รวมสถานที่จัดงานนิทรรศการ งานแสดงโชว์ คอนเสิร์ต และศูนย์กลางไลฟ์สไตล์ครบวงจร โดยภิรัชบุรีกรุ๊ปเดินหน้าพัฒนาโครงการและตอกย้ำความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืน ได้ร่วมกับบ้านปู เน็กซ์ ติดตั้งระบบโซลาร์รูฟท็อปและโซลาร์คาร์พอร์ตขนาด 4 เมกะวัตต์ ครอบคลุมพื้นที่ 40,000 ตารางเมตรของไบเทคบุรี นับเป็นการติดตั้งโซลาร์ที่ใหญ่ที่สุดให้กับโครงการของภิรัชบุรีกรุ๊ป และคาดว่าจะช่วยให้ไบเทคบุรี ประหยัดค่าไฟฟ้าได้สูงสุดถึง 20 ล้านบาทต่อปี สะท้อนถึงความไว้วางใจที่ภิรัชบุรีกรุ๊ปมีต่อบ้านปู เน็กซ์ อย่างต่อเนื่องหลังจากติดตั้งระบบโซลาร์ให้กับโครงการซัมเมอร์ ลาซาลทั้งสามเฟสรวม 1 เมกะวัตต์

 

นายสมิทธิพร เศรษฐปราโมทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด กล่าวว่า “บ้านปู เน็กซ์ เป็นบริษัทลูกของบ้านปู ให้บริการ Net Zero Solutions ที่ช่วยลดการปล่อย CO2 ทั้งสามขอบเขต เราเข้าใจลูกค้าดีว่า โครงการมิกซ์ยูสมีความต้องการใช้พลังงานสูง และจำเป็นต้องมีระบบจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพ จึงนำเสนอบริการแบบครบวงจรตั้งแต่ให้คำปรึกษา ออกแบบ ติดตั้ง และบริการหลังการขาย เพื่อช่วยให้ภิรัชบุรีกรุ๊ปสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ลดค่าไฟฟ้า และบรรลุเป้าหมายการลดคาร์บอนในขอบเขตหนึ่งและขอบเขตสอง โดยเรามีแผนที่จะนำเสนอ Net Zero Solutions เพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนภารกิจด้านความยั่งยืนของไบเทคบุรี ไม่ว่าจะเป็นระบบกักเก็บพลังงานและบริการด้านการจัดการพลังงาน อาทิ ระบบทำความเย็น โดยโซลูชันเหล่านี้สามารถช่วยให้ไบเทคบุรี ใช้พลังงานได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นและช่วยลดการปล่อย CO2 ได้มากขึ้นในอนาคต”

 

นายปิติภัทร บุรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ภิรัชบุรีกรุ๊ป กล่าวว่า “ไบเทคบุรี มุ่งจัดสรรพื้นที่ที่ยั่งยืนและประหยัดพลังงานสำหรับธุรกิจและการจัดงานต่างๆ การติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปกับบ้านปู เน็กซ์ เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในภารกิจด้านความยั่งยืนของเรา เราเชื่อมั่นว่าความเชี่ยวชาญและโซลูชันล้ำสมัยของบ้านปู เน็กซ์ จะช่วยให้เราบรรลุเป้าหมาย Net Zero ซึ่งไม่เพียงเป็นประโยชน์ต่อพื้นที่ย่านบางนา แต่ยังเสริมสร้างอนาคตที่ยั่งยืนยิ่งขึ้นสำหรับทุกคน”

ความร่วมมือระหว่างบ้านปู เน็กซ์ และภิรัชบุรีกรุ๊ป ในโครงการไบเทคบุรีเป็นบทพิสูจน์ที่สะท้อนว่า Net Zero Solutions สามารถขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงสำคัญให้กับการพัฒนาเมือง โดยการบูรณาการความยั่งยืนเข้ากับการดำเนินธุรกิจหลักของทั้งสองบริษัทตอกย้ำว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจสามารถดำเนินไปพร้อมกับความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมได้ ความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยให้กรุงเทพฯ มีสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้นและยืดหยุ่นมากขึ้น นำไปสู่อนาคตที่ยั่งยืนในท้ายที่สุด

ดร.ธีระชัย พรสินศิริรักษ์ Head of Digital and Innovation - บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) คว้ารางวัล CIO100 Awards ประจำปี 2567 ซึ่งเป็นรางวัลที่จัดขึ้นโดย IDC (International Data Corporation) และ Foundry ผู้ให้บริการและที่ปรึกษาข้อมูลการตลาดด้านเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก ที่มอบให้กับผู้บริหารระดับสูงด้านเทคโนโลยีจากประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จำนวน 100 คน ที่ขับเคลื่อนด้านนวัตกรรมและสร้างการเปลี่ยนแปลงในองค์กร โดยพิจารณาจากหลักสำคัญด้านการนำเทคโนโลยีมาใช้ทำงานเพื่อสร้างคุณค่าให้กับองค์กร เป็นผู้นำที่สร้างแรงบันดาลใจ และสร้างผลกระทบเชิงบวกที่ยั่งยืน

ทั้งนี้ บ้านปูได้เดินหน้าขับเคลื่อนองค์กรด้วยกระบวนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล (Digital Transformation) โดยจัดตั้งหน่วยงาน Digital and Innovation (D&I) ซึ่งรวมผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีดิจิทัลสาขาต่างๆ ได้แก่ ทีมบ่มเพาะนวัตกรสู่การสร้างนวัตกรรม (Incubation)  ทีมวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) ทีมปัญญาประดิษฐ์ (AI/Machine Learning) ทีมอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (Internet of Things: IoT) และทีมดูแลความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Cybersecurity) เพื่อผลักดันการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ทั่วทั้งองค์กร นอกจากนี้ บ้านปูได้นำเทคโนโลยี AI มาใช้เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน เช่น ช่วยในการซื้อขายพลังงาน (Energy Trading) ในประเทศญี่ปุ่น บริหารซัพพลายเชนธุรกิจเหมืองในออสเตรเลีย และใช้ในการเฟ้นหา และพัฒนาบุคลากรที่มีทักษะหรือความถนัดเฉพาะตัวในงานด้านทรัพยากรมนุษย์ เป็นต้น

บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านพลังงานที่หลากหลาย ประกาศกลยุทธ์ใหม่ Energy Symphonics” หรือ “เอเนอร์จี ซิมโฟนิกส์ ขับเคลื่อนธุรกิจสู่ปี 2030 เน้นการเปลี่ยนผ่านพลังงานอย่างยั่งยืน พร้อมเผยผลประกอบการไตรมาส 3

นายสินนท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “‘Energy Symphonics’ สื่อถึงแนวทางผสานพลังงานที่หลากหลาย เพื่อสร้างโซลูชันพลังงานใหม่ที่ยั่งยืน ตอบสนองต่อความต้องการพลังงานของโลกที่เพิ่มสูงขึ้น พร้อมไปกับการดูแลโลกของเรา เรามีความมุ่งมั่นที่จะแก้โจทย์ความท้าทายด้านพลังงานและสร้างมาตรฐานใหม่เพื่อพลังงานที่มีใช้อย่างต่อเนื่อง ราคาสมเหตุสมผล และมีความยั่งยืน”

กลยุทธ์ใหม่ของบ้านปูสะท้อนความมุ่งมั่นในการเป็นผู้นำการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานอย่างมีความรับผิดชอบและยั่งยืน โดยมุ่งเน้นที่ 3 เป้าหมายหลัก ได้แก่ ความมั่นคงทางพลังงาน คือการจัดหาพลังงานที่เชื่อถือได้และต่อเนื่อง ความเสมอภาคด้านพลังงาน คือการจัดหาพลังงานที่มีราคาสมเหตุสมผล ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ และความยั่งยืนด้านพลังงาน คือการจัดหาพลังงานที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

กลยุทธ์ของบ้านปูเน้นรักษาสมดุลและตอบสามโจทย์ของพลังงาน (Energy Trilemma) ได้แก่ การส่งมอบพลังงานที่เชื่อถือได้และต่อเนื่อง (Energy Security) การจัดหาพลังงานที่มีราคาสมเหตุสมผลที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ (Energy Equity) และการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในการจัดหาพลังงาน (Energy Sustainability) โดยกลยุทธ์ใหม่มี 4 ภารกิจสำคัญ ดังนี้:

  • เป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050 และการลดคาร์บอน ตั้งเป้าหมายบรรลุ Net Zero ภายในปี 2050 ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไม่น้อยกว่า 20% และลดสัดส่วน EBITDA (กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา) ที่มาจากธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับถ่านหินให้ต่ำกว่า 50% ภายในปี 2030
  • ธุรกิจก๊าซธรรมชาติ โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ และการดักจับและกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture, Utilization and Sequestration: CCUS) มุ่งเน้นการเติบโตด้วย ‘แนวทางสู่ความสำเร็จ’ ที่ผสานธุรกิจก๊าซธรรมชาติระดับต้นน้ำ โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ และธุรกิจ CCUS เพื่อส่งมอบโซลูชันก๊าซธรรมชาติคาร์บอนต่ำในสหรัฐอเมริกา พร้อมทั้งสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง
  • ธุรกิจพลังงานหมุนเวียนและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง (Renewables+) เร่งขยายธุรกิจพลังงานหมุนเวียนทั่วภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกและภูมิภาคอื่น ๆ โดยลงทุนในระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (Battery Energy Storage System: BESS) ธุรกิจปลายน้ำที่เกี่ยวข้อง และธุรกิจคาร์บอนเครดิต เพื่อสร้างความต่อเนื่องให้กับพลังงานหมุนเวียน พร้อมทั้งเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจ
  • พัฒนาธุรกิจเหมืองแร่ยุคใหม่ ดำเนินกลยุทธ์การทำเหมืองอัจฉริยะ โดยการผสานการใช้โซลูชันอัจฉริยะและปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในกระบวนการทำเหมือง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการลงทุนในแร่แห่งอนาคตที่สำคัญต่อการเปลี่ยนผ่านพลังงาน

สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 3 บ้านปูมีความคืบหน้าทางธุรกิจที่สำคัญ ได้แก่

  • ความสำเร็จในการนำ BKV เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (New York Stock Exchange: NYSE) : การเสนอขายจำนวน 15,000,000 หุ้น ที่ราคา 18 เหรียญสหรัฐ ต่อหุ้น สามารถระดมทุนได้ถึง 270 ล้านเหรียญสหรัฐ สะท้อนถึงศักยภาพการเติบโตของธุรกิจที่ครอบคลุมตลอดห่วงโซ่คุณค่าก๊าซธรรมชาติในสหรัฐอเมริกา โดยบ้านปูยังคงถือหุ้นใหญ่ใน BKV
  • บริษัทร่วมทุนระหว่าง BKV Corporation และ Banpu Power (BPP) ภายใต้ชื่อ BKV-BPP Power JV สามารถรองรับการเติบโตของความต้องการพลังงานไฟฟ้าและ Data Center พร้อมคว้าโอกาสทางธุรกิจจากตลาดพลังงานในสหรัฐอเมริกา
  • การขยายการเติบโตของบ้านปู เน็กซ์ ในญี่ปุ่น : บ้านปู เน็กซ์ หนึ่งในบริษัทเรือธงของกลุ่มบ้านปู เข้าลงทุนในบริษัท แอมป์ จำกัด (แอมป์ เจแปน) บริษัทชั้นนำในประเทศญี่ปุ่น ผู้พัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนตั้งแต่ระยะเริ่มต้นจนถึงการนำออกสู่ตลาด ด้วยงบลงทุน 35 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลม 800 เมกะวัตต์ สู่เป้าหมายกำลังผลิตรวมจำนวน 2 กิกะวัตต์ ภายในทศวรรษนี้ นอกจากนี้ แบตเตอรี่ฟาร์ม Iwate Tono ใกล้ก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว ขณะนี้กำลังติดตั้งอุปกรณ์แรงดันไฟฟ้าสูงและสถานีไฟฟ้าย่อยในเฟส 2 โดยคาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ในไตรมาสที่ 2 ปี 2025

ในไตรมาสที่ 3 นี้ บ้านปูมีรายได้จากการขายรวม 1,339 ล้านเหรียญสหรัฐ (*ประมาณ 46,597 ล้านบาท) กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) รวม 379 ล้านเหรียญสหรัฐ (*ประมาณ 13,204 ล้านบาท) และขาดทุนสุทธิจำนวน 24 ล้านเหรียญสหรัฐ (*ประมาณ 830 ล้านบาท) จากราคาตลาดของถ่านหินและก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวลดลงและการขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากอัตราแลกเปลี่ยน จากการแข็งค่าของเงินสกุลบาทต่อเงินสกุลเหรียญสหรัฐ

นายสินนท์กล่าวในตอนท้ายว่า “ไม่ว่าเราจะต้องประสบกับความท้าทายของตลาดพลังงานที่ผันผวน บ้านปูเชื่อมั่นว่ากลยุทธ์ Energy Symphonics จะสร้างการเติบโตให้กับบริษัทฯ สร้างคุณค่าระยะยาวให้แก่ผู้ถือหุ้น ในขณะที่ยังคงให้ความสำคัญกับการดูแลผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม รวมถึงการดูแลโลกใบนี้”

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.banpu.com และ https://www.facebook.com/Banpuofficialth

*หมายเหตุ: คำนวณโดยอ้างอิงอัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยไตรมาสที่ 3 ปี 2024 ที่ USD 1: THB 34.8065

มอบฟลีทมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าพร้อมจัดอบรมทักษะที่จำเป็นต่อการประกอบอาชีพไรเดอร์

บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านพลังงานที่หลากหลาย พร้อมด้วย สถาบัน ChangeFusion ประกาศผล 3 ผู้ชนะสุดยอดโมเดลกิจการเพื่อสังคมภายใต้แนวคิด “ชุมชนแกร่ง ไทยแกร่ง” (Impactful Locals, National Boost) ในโครงการพลังเปลี่ยนแปลงเพื่อสังคม (Banpu Champions for Change: BC4C) ปีที่ 13 โดยไม่เรียงลำดับ ได้แก่ “ชันโรง” กิจการที่สร้างรายได้ให้ชุมชนจากสัตว์เศรษฐกิจพร้อมฟื้นป่าชายเลน จ.กระบี่ “คนทะเล” กิจการที่เน้นฟื้นฟูทะเลประจวบฯ ด้วยแพคเกจเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และ  “Karen Design” กิจการที่ใช้ภูมิปัญญาผ้าทอกะเหรี่ยงแก้ปัญหาปากท้องชุมชนในพื้นที่แม่ฮ่องสอน โดยผู้ชนะทั้ง 3 ทีมจะได้รับเงินสนับสนุนทีมละ 250,000 บาทเพื่อเป็นทุนดำเนินกิจการ

นายรัฐพล สุคันธี ผู้อำนวยการสายอาวุโส – สื่อสารองค์กร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เผยว่า “ในปีนี้เราเห็นแนวโน้มผู้ประกอบการมีความเข้าใจการทำกิจการเพื่อสังคมมากขึ้น มีทักษะด้านการใช้เทคโนโลยีเพื่อโปรโมทสินค้าตัวเองมากขึ้น ทั้งสามทีมมีความโดดเด่นที่พวกเขามีความมุ่งมั่นต่อความสำเร็จและไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคที่หลากหลาย สำหรับสิ่งที่บ้านปูมุ่งมั่นในการสนับสนุนคือระบบนิเวศของกิจการเพื่อสังคมในประเทศไทย เราต้องการสร้างเครือข่ายและประสานพลังกับหลาย ๆ หน่วยงาน เพื่อขับเคลื่อนให้กิจการเพื่อสังคมเติบโตไปสู่ตลาดในกระแสหลัก (Mass Market) เพื่อเพิ่มศักยภาพในเศรษฐกิจฐานราก ลดความเหลื่อมล้ำและแก้ปัญหาสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

ในปีที่ 13 โครงการฯ มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “Impactful Locals, National Boost: ชุมชนแกร่ง ไทยแกร่ง” เน้นการผลักดันศักยภาพ SE ในแต่ละพื้นที่ ที่ต่างประสบปัญหาทางด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างกัน โดยสามทีมที่ชนะสุดยอดโมเดลกิจการเพื่อสังคมในระยะเริ่มต้น (Incubation Program) นั้นสามารถนำองค์ความรู้ที่ได้จากโครงการฯ ไปใช้ในการทดลองตลาดระยะเวลา 3 เดือน ปรับโมเดลธุรกิจและแนวทางการสร้างอิมแพคต่อชุมชน สามารถพิสูจน์ตัวชี้วัดความสำเร็จได้อย่างชัดเจน โดยได้รับเงินทุนทีมละ 250,000 บาท ไปต่อยอดกิจการ (ไม่เรียงลำดับคะแนน) ดังนี้

  • ชันโรง: ต่อยอดรายได้จาก “ผึ้งจิ๋วชันโรง” พร้อมเพิ่มป่าชายเลนชุมชน กิจการที่สร้างรายได้จากการเพาะเลี้ยง “ผึ้งจิ๋วชันโรง” สัตว์เศรษฐกิจของชุมชน จำหน่ายรังชันโรงและผลิตภัณฑ์แปรรูป พร้อมส่งต่อความรู้เรื่องการเพาะเลี้ยงชันโรงแก่เครือข่ายวิสาหกิจชุมชน และต่อยอดรายได้จากการจำหน่ายมาฟื้นฟูและเพิ่มพื้นที่ป่าชายเลน จ.กระบี่ พร้อมกิจกรรมท่องเที่ยวชุมชน อาทิ กิจกรรมปลูกป่า ปล่อยปูดำ และชันโรง โดยตลอด 3 เดือนที่ผ่านมาสามารถสร้างรายได้รวมกว่า 2 แสนบาท

 

  • คนทะเล: ฟื้นทะเลประจวบฯ ด้วยแพคเกจท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ กิจการที่เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้วิถีชีวิตชาวประมง เยี่ยมชมธรรมชาติ พร้อมซึมซับวัฒนธรรมการกินอาหารทะเลไปพร้อมกับการฟื้นฟูระบบนิเวศทางทะเลอย่างยั่งยืน โดยมีกิจกรรมสร้าง “ธนาคารปู และบ้านปลา” ที่นำสัตว์เศรษฐกิจอย่างปูม้าและปลาอินทรีย์มาแปรรูปเป็นของฝาก ผลจากการทดลองตลาดในระยะเวลา 3 เดือน สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากกว่า 90 คน สร้างรายได้หมุนเวียนกิจการราว ๆ 40,000 บาท ต่อรอบการเปิดบริการ

 

  • Karen Design: ใช้งานดีไซน์ผ้าทอกะเหรี่ยง แก้ปัญหาปากท้อง-ลดการเผาป่าชุมชน กิจการที่นำภูมิปัญญาการทอผ้าแบบกะเหรี่ยงสไตล์ ของคนในชุมชน อ.แม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน มาสร้างอาชีพที่มีรายได้มากกว่าการเผาป่าเพื่อปลูกข้าวโพด พร้อมนำซังข้าวโพดมาเปลี่ยนเป็นงานคราฟต์ อาทิ โคมไฟในหลากหลายรูปแบบ โดยผลจากการทดลองตลาด 3 เดือนสามารถสร้างรายได้รวมกว่า 2 แสนบาท

“บ้านปู มุ่งมั่นในการพัฒนาศักยภาพให้กับเหล่าผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่มีใจเปี่ยมไปด้วยแพสชันให้สามารถทำกิจการเพื่อสังคมในฝันให้เกิดขึ้นจริงได้ ตลอด 13 ปีที่ผ่านมาได้ให้การสนับสนุนไปมากกว่า 130 กิจการ สร้างประโยชน์ให้แก่ชุมชนและองค์กรต่าง ๆ รวมทั้งสิ้น 187 แห่ง ครอบคลุมผู้ได้รับผลประโยชน์กว่า 2.5 ล้านคน” นายรัฐพล กล่าวทิ้งท้าย

Page 1 of 22
X

Right Click

No right click