November 21, 2024

มอบฟลีทมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าพร้อมจัดอบรมทักษะที่จำเป็นต่อการประกอบอาชีพไรเดอร์

บ้านปู เน็กซ์ บริษัทลูกของบ้านปู ผู้ให้บริการโซลูชันพลังงานสะอาดชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จับมือ อีโวลูชั่น ดาต้า เซ็นเตอร์ (EDC) ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มดาต้าเซ็นเตอร์ชั้นนำ เตรียมติดตั้งโซลูชันพลังงานสะอาดให้กับศูนย์ปฏิบัติการข้อมูลหรือดาต้าเซ็นเตอร์ของ EDC ในไทยและเวียดนาม ส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ พร้อมรองรับความต้องการด้านคลาวด์คอมพิวติ้ง (Cloud Computing) และดาต้าเซ็นเตอร์ที่เพิ่มขึ้นทั่วภูมิภาค พัฒนาธุรกิจให้ยั่งยืนและร่วมขับเคลื่อนสังคมไร้คาร์บอนไปด้วยกัน

ตลาดดาต้าเซ็นเตอร์ระดับไฮเปอร์สเกลในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก*มีแนวโน้มเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) 10.21% ในช่วงปี 2567 ถึง 2572 จากการขยายตัวของอุตสาหกรรมคลาวด์คอมพิวติ้งที่ใช้ AI เพิ่มขึ้น โดยคาดว่าธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ในไทยจะเติบโตเฉลี่ยต่อปี 27% ในช่วงปี 2564 ถึง 2569** ความร่วมมือระหว่างบ้านปู เน็กซ์ และ EDC จะช่วยพัฒนาให้ธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เพื่อสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลให้กับประเทศไทย

สำหรับอุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์ในประเทศเวียดนาม มีส่วนสร้างการเติบโตให้เศรษฐกิจของประเทศเช่นกัน สอดรับทิศทางของภาครัฐที่ต้องการให้เศรษฐกิจดิจิทัลมีสัดส่วน 25% ของ GDP ภายในปี 2568*** โดยคาดว่าดาต้าเซ็นเตอร์ในเวียดนามจะขยายตัวเฉลี่ยต่อปี 37% ระหว่างปี 2564 ถึง 2569**** ในอนาคตทั้งไทยและเวียดนามจะกลายเป็นทำเลยุทธศาสตร์สำหรับนักลงทุนต่างชาติที่กำลังมองหาศูนย์กลางแห่งใหม่ในอาเซียนที่มีโครงสร้างพื้นฐานล้ำสมัย ทั้งด้านการจ่ายพลังงานไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ โครงข่ายไฟเบอร์ ระบบการคมนาคมขนส่ง และพลังงานสะอาด

นายสมิทธิพร เศรษฐปราโมทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด กล่าวว่า “บ้านปู เน็กซ์ บริการโซลูชันพลังงานสะอาดให้กับหลากหลายอุตสาหกรรม ดำเนินธุรกิจอยู่ทั้งในประเทศไทยและเวียดนาม เราจึงพร้อมที่จะสนับสนุน EDC โดยนำเสนอระบบโซลาร์ รวมถึงโซลูชันพลังงานสะอาดอื่นๆ ที่ออกแบบอย่างเหมาะสม และตอบสนองความต้องการของธุรกิจได้อย่างครอบคลุม จึงมั่นใจได้ว่าดาต้าเซ็นเตอร์ระดับไฮเปอร์สเกลจะใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ประหยัดค่าไฟฟ้า รวมทั้งลดการปล่อยคาร์บอน บ้านปู เน็กซ์ มีศักยภาพในการติดตั้งโซลูชันที่สามารถรองรับความต้องการพลังงานของดาต้าเซ็นเตอร์ได้ 100% หรือกว่า 30 เมกะวัตต์ สำหรับโครงการแห่งแรกในประเทศไทย และกว่า 50 เมกะวัตต์ สำหรับโครงการแห่งแรกในเวียดนาม”

นายดาร์เรน เว็บบ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีโวลูชั่น ดาต้า เซ็นเตอร์ กล่าวว่า “EDC มุ่งพัฒนาธุรกิจที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นสิ่งที่ลูกค้าของเรามองหาเช่นกัน ปัจจุบันผู้ประกอบการให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยคาร์บอน จึงจำเป็นต้องมีแหล่งพลังงานสะอาดขนาดใหญ่เข้ามาเป็นตัวช่วยในธุรกิจ โดยบ้านปู เน็กซ์ จะส่งมอบโซลูชันพลังงานสะอาดศักยภาพสูง เพื่อช่วยให้ EDC มีแหล่งพลังงานที่มีคุณภาพและน่าเชื่อถือให้บริการลูกค้าในดาต้าเซ็นเตอร์ของเราทั้งในไทยและเวียดนาม ซึ่งโครงการในสองประเทศนี้จะเป็นทำเลสำคัญที่เพิ่มศักยภาพให้กับโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล ดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ พร้อมรองรับความต้องการด้านดิจิทัลที่เติบโตขึ้น นอกจากนี้ ความร่วมมือกับบ้านปู เน็กซ์ จะช่วยเสริมแกร่ง EDC ในการพัฒนาและบริหารดาต้าเซ็นเตอร์ระดับไฮเปอร์สเกลในภูมิภาคนี้ให้ยั่งยืนยิ่งขึ้น”

ในอนาคต บ้านปู เน็กซ์ มีแผนที่จะนำโซลูชันพลังงานสะอาดอื่นๆ ไปเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงานให้กับดาต้าเซ็นเตอร์ของ EDC ได้แก่ ระบบกักเก็บพลังงาน และการบริหารจัดการพลังงาน อาทิ ระบบทำความเย็น เป็นต้น


ข้อมูลอ้างอิง

* Asia-Pacific Data Center Market Size & Share Analysis - Growth Trends & Forecast up to 2029:  - https://www.mordorintelligence.com/industry-reports/asia-pacific-data-center-market 

** How Data Center Operators Can Win in South-East Asia – Kearney

https://www.kearney.com/service/digital-analytics/digital/article/-/insights/how-data-center-operators-can-win-in-southeast-asia

*** Vietnam holds potential in virtual digital economy -  https://english.mic.gov.vn/Pages/TinTuc/161654/Vietnam-holds-potential-in-virtual-digital-economy--Deputy-Minister.html

**** How Data Center Operators Can Win in South-East Asia – Kearney

https://www.kearney.com/service/digital-analytics/digital/article/-/insights/how-data-center-operators-can-win-in-southeast-asia

บ้านปู เน็กซ์ บริษัทลูกของบ้านปู ผู้ให้บริการโซลูชันพลังงานสะอาดชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ร่วมกับ SVOLT ผู้ผลิตและจำหน่ายแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ประกาศเดินหน้าสายการผลิตของโรงงาน SVOLT Thailand อย่างเป็นทางการ พร้อมส่งมอบแบตเตอรี่สู่ตลาดประเทศไทย เพื่อใช้งานกับรถยนต์ไฟฟ้าหลากหลายรุ่นจาก เกรท วอลล์ มอเตอร์ และ โฮซอน มอเตอร์ นับเป็นก้าวสำคัญสำหรับโรงงานแห่งนี้ที่สามารถผลิตแบตเตอรี่และส่งมอบให้กับลูกค้าในไทยได้ภายในระยะเวลาเพียง 5 เดือน ตอกย้ำความแข็งแกร่งในอุตสาหกรรมพลังงานใหม่ในเอเชียแปซิฟิก โดยมีผู้แทนจากกระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) นายสินนท์ ว่องกุศลกิจ Group Senior Vice President บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) นายสมิทธิพร เศรษฐปราโมทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด และ Mr. Yang Hongxin, Chairman และ CEO บริษัท เอส โวลต์ เอเนอร์จี้ เทคโนโลยี จำกัด (SVOLT) ร่วมเป็นเกียรติในงาน

โรงงาน SVOLT Thailand ได้ก่อสร้างและเปิดทำการอย่างรวดเร็ว นับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จในการขยายธุรกิจของบ้านปู เน็กซ์ และ SVOLT ด้วยความตั้งใจที่จะผลิตและส่งมอบแบตเตอรี่ให้กับลูกค้าในประเทศไทยได้ดียิ่งขึ้น โดยโรงงานแห่งนี้ดำเนินการตามมาตรฐานการผลิตแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ของบริษัทฯ ทั้งยังนำเทคโนโลยีล้ำสมัยจากประเทศจีนมาใช้ ไม่ว่าจะเป็นนวัตกรรม กระบวนการผลิต และอุปกรณ์สำหรับอุตสาหกรรมแบตเตอรี่โดยเฉพาะ ผสานหลายเทคโนโลยีอัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วย AI อาทิ ระบบการตรวจสอบและวิเคราะห์ด้วยดิจิทัล รวมถึงระบบการติดตามและวิเคราะห์คุณภาพอย่างเต็มรูปแบบ สอดรับกับนโยบาย EV 3.5 ของภาครัฐ ทั้งยังมีสายการผลิตที่มีความยืดหยุ่นสูง สามารถสลับการผลิตแบตเตอรี่แต่ละประเภทได้อย่างสะดวกรวดเร็ว โดยจะผลิตแบตเตอรี่ให้กับรถยนต์ไฟฟ้าจากเกรท วอลล์ มอเตอร์ ไม่ว่าจะเป็น ORA, Haval, Tank และรุ่นอื่นๆ รวมถึงรถยนต์พลังงานใหม่จากค่ายโฮซอน มอเตอร์ คาดว่าโรงงาน SVOLT Thailand จะส่งมอบแบตเตอรี่ให้กับลูกค้าในประเทศไทยได้มากกว่า 20,000 ชุดตามความต้องการตลาดในปีนี้

นายสมิทธิพร เศรษฐปราโมทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด กล่าวว่า “บ้านปู เน็กซ์ มีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือนี้กับ SVOLT ซึ่งช่วยสะท้อนความมุ่งมั่นในการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมไร้คาร์บอน (Net-Zero) ของประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เรามั่นใจว่าการเปิดโรงงานผลิตแบตเตอรี่ของ SVOLT จะรองรับความต้องการแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังเติบโตขึ้น รวมถึงเสริมแกร่งศักยภาพการแข่งขันให้กับตลาด EV ทั้งในประเทศไทยและอาเซียน ตอกย้ำวิสัยทัศน์ของบ้านปู เน็กซ์ และ SVOLT ที่ต้องการส่งมอบโซลูชันพลังงานสะอาดคุณภาพสูง ผลิตภัณฑ์แบตเตอรี่ที่ผลิตในประเทศ และบริการที่ตอบสนองเทรนด์และความต้องการของลูกค้า ควบคู่ไปกับการสร้างสรรค์อนาคตที่ยั่งยืนของอุตสาหกรรมพลังงานในภูมิภาค”

Mr. Yang Hongxin, Chairman และ CEO บริษัท เอส โวลต์ เอเนอร์จี้ เทคโนโลยี จำกัด (SVOLT) กล่าวว่า “การเปิดโรงงาน SVOLT Thailand ตอกย้ำความมุ่งมั่นของบริษัทที่จะสานต่อปรัชญาการทำธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับการดูแลลูกค้าในแต่ละประเทศควบคู่ไปกับการเดินหน้ากลยุทธ์ระดับโลกของเรา โดยโรงงานแห่งนี้มีศักยภาพการผลิตและทุนสำรองทางเทคนิคสำหรับผลิตภัณฑ์หลากหลายประเภท เมื่อเปิดทำการ โรงงานแห่งนี้จะเพิ่มขีดความสามารถทางการผลิตเพื่อให้สอดรับกับแผนการขยายตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ไปยังต่างประเทศ รวมถึงให้ความสำคัญกับการตอบสนองความต้องการของตลาดและผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพการแข่งขัน ในอนาคต SVOLT จะต่อยอดองค์ความรู้ระดับโลกและอุดมการณ์ระยะยาวเพื่อให้เข้าใจตลาดและความต้องการของลูกค้าในแต่ละประเทศได้อย่างแท้จริง นำไปสู่การส่งมอบบริการและผลิตภัณฑ์แบตเตอรี่ที่ผลิตในประเทศเหล่านั้นให้กับลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น”

โรงงาน SVOLT Thailand เป็นส่วนสำคัญในแผนการขยายสู่ตลาดต่างประเทศของ SVOLT โดยเป็นโครงการร่วมทุนระหว่าง บ้านปู เน็กซ์ กับบริษัทลูกของ SVOLT คือ บริษัท เอส โวลต์ เอเนอร์จี้ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ SVOLT Thailand เน้นผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า สำหรับรถ 2 ล้อและ 3 ล้อ ระบบกักเก็บพลังงาน รวมถึงการรีไซเคิลแบตเตอรี่ และอื่นๆ อีกมากมาย ปัจจุบัน โรงงาน SVOLT Thailand ผลิตแบตเตอรี่ LCTP (Low-Carbon Transition Plan) ซึ่งมาพร้อมเซลล์พลังงาน Short Blade L600 ให้กับผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศไทย ได้แก่ เกรท วอลล์ มอเตอร์ และ โฮซอน มอเตอร์ รองรับความต้องการแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ขนาดเล็ก (A-Segment) ในตลาดประเทศไทย

บ้านปู เน็กซ์ และ SVOLT เป็น long-term partners ที่มีความมุ่งมั่นและเป้าหมายร่วมกันในการตอบรับเทรนด์พลังงานโลก การเปิดโรงงาน SVOLT Thailand จะช่วยให้ทั้งสองบริษัทได้ผนึกความเชี่ยวชาญและยกระดับเทคโนโลยีล้ำสมัยจากประเทศจีน เพื่อส่งเสริมเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางชั้นนำของการลดการปล่อยคาร์บอนในเอเชียแปซิฟิก สะท้อนจุดยืนของทั้งสองบริษัทที่จะส่งมอบบริการและผลิตภัณฑ์แบตเตอรี่คุณภาพสูงที่เหมาะสมในแต่ละตลาด ตลอดจนส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านทางพลังงานและความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมในภูมิภาคอีกด้วย

บ้านปู เน็กซ์ บริษัทลูกของบ้านปู ผู้ให้บริการโซลูชันพลังงานสะอาดชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ต่อยอดความแข็งแกร่งทางธุรกิจกับ SVOLT ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือจัดตั้งโรงงานและพัฒนาอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการกักเก็บพลังงาน เซลล์แบตเตอรี่ และการรีไซเคิลแบตเตอรี่ ตั้งเป้าให้โรงงาน SVOLT Thailand แห่งนี้เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ลิเธียมในประเทศไทย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และภูมิภาคอื่นๆ โดยได้รับเกียรติจาก Mr. Yang Hongxin, Chairman และ CEO บริษัท เอส โวลต์ เอเนอร์จี้ เทคโนโลยี จำกัด (SVOLT) Mr. Zhang Feng, Vice President บริษัท เอส โวลต์ เอเนอร์จี้ เทคโนโลยี จำกัด (SVOLT) นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) นายสินนท์ ว่องกุศลกิจ Group Senior Vice President บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) และนายสมิทธิพร เศรษฐปราโมทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด ร่วมลงนามความร่วมมือ

SVOLT และบ้านปู เน็กซ์จะเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ร่วมกันในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ในการประกอบแบตเตอรี่ลิเธียม ระบบกักเก็บพลังงาน การผลิตเซลล์แบตเตอรี่ และธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาดในประเทศไทยและสอดรับกับนโยบายต่างๆ นอกจากนี้ จะศึกษาความเป็นไปได้ในการตั้งโรงงานผลิตระบบกักเก็บพลังงานในประเทศไทย และอัปเกรดสายการผลิตจากแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ไฟฟ้าเป็นระบบกักเก็บพลังงานอีกด้วย โดยจะเริ่มต้นจากการศึกษาความเป็นไปได้ในการผลิตเซลล์แบตเตอรี่ในไทยเพื่อขานรับนโยบายภาครัฐและเตรียมความพร้อมสำหรับการผลิตในปี พ.ศ. 2569 เป็นต้นไป พร้อมทั้งขยายขอบเขตความร่วมมือทางธุรกิจ การใช้ทรัพยากรร่วมกัน และการพัฒนาโครงการด้านระบบกักเก็บพลังงานเพื่อสร้างแผนธุรกิจใหม่ๆ สำหรับรุกตลาดทั้งในไทยและภูมิภาคอาเซียน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และทวีปอเมริกาเหนือ

นายสมิทธิพร เศรษฐปราโมทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด กล่าวว่า “วันนี้เป็นอีกก้าวสำคัญของบ้านปู เน็กซ์ ที่จะมุ่งขับเคลื่อนสังคมไร้คาร์บอนในอนาคต การต่อยอดความร่วมมือกับ SVOLT เพื่อตอกย้ำการเป็นพันธมิตรธุรกิจที่แข็งแกร่ง พร้อมเปิดโอกาสใหม่ในธุรกิจด้านการกักเก็บพลังงาน เซลล์แบตเตอรี่ และการรีไซเคิลแบตเตอรี่ อีกทั้งช่วยสร้างมูลค่าในธุรกิจแบตเตอรี่ของบ้านปู เน็กซ์ ให้ครบวงจรยิ่งขึ้น รวมถึงผลักดันให้เรานำจุดแข็งมาตอบสนองความต้องการของตลาดในประเทศและบุกเบิกนวัตกรรมต่างๆ ที่เกิดจากความร่วมมือทางการค้า ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนอนาคตที่ยั่งยืนให้ประเทศไทยและทั่วโลกได้”

Mr. Yang Hongxin, Chairman และ CEO บริษัท เอส โวลต์ เอเนอร์จี้ เทคโนโลยี จำกัด (SVOLT)  กล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีที่หน่วยงานภาครัฐของไทยและบ้านปู เน็กซ์ ได้สนับสนุนการพัฒนาธุรกิจของ SVOLT ในประเทศไทย การลงนามในข้อตกลงครั้งนี้เป็นผลสำเร็จจากการทำงานร่วมกันของทั้งสองบริษัท ซึ่งจะนำจุดแข็งของแต่ละฝ่ายมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานรูปแบบใหม่ที่มีคุณภาพสูงในประเทศไทย เราเชื่อว่าความร่วมมือทางธุรกิจครั้งนี้ระหว่าง SVOLT และบ้านปู เน็กซ์ จะช่วยให้ SVOLT สามารถส่งมอบเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์แบตเตอรี่ล้ำสมัยสู่ตลาดไทยได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งช่วยส่งเสริมการพัฒนาตลาดพลังงานใหม่ในประเทศซึ่งจะช่วยให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ระดับโลก และสร้างประโยชน์ให้กับธุรกิจและผู้บริโภคชาวไทย”

ในฐานะองค์กรด้านเทคโนโลยีโครงข่ายพลังงานระดับโลก SVOLT ได้ขยายฐานธุรกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างต่อเนื่อง โดยในปี พ.ศ. 2566 ที่ผ่านมา ได้ร่วมมือกับบ้านปู เน็กซ์ ในหลายโครงการ ไม่ว่าจะเป็นการเริ่มก่อสร้างโรงงาน SVOLT Thailand อย่างเป็นทางการในเดือนกรกฎาคม การเข้าซื้อหุ้น SVOLT Thailand ของบ้านปู เน็กซ์ ในเดือนตุลาคม ตามมาด้วยกิจกรรมการเยี่ยมชมโรงงาน SVOLT ในเดือนพฤศจิกายนซึ่งได้รับเกียรติจากคณะผู้บริหารจากกระทรวงพลังงาน กระทรวงการคลัง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ก่อนจะปิดท้ายด้วยการผลิตแบตเตอรี่ชุดแรกจากโรงงานของ SVOLT Thailand และบ้านปู เน็กซ์ ในเดือนธันวาคม ด้วยความร่วมมือในครั้งนี้ SVOLT และบ้านปู เน็กซ์ จะผนึกกำลังนำความแข็งแกร่งมาใช้ร่วมกันทั้งเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ กลยุทธ์ระดับโลก และความหลากหลายทางธุรกิจ ซึ่งจะรวมไปถึงการร่วมมือกับบริษัทอื่นๆ ในประเทศ ในการพัฒนาเทคโนโลยี การผลิต และผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างการเติบโตให้กับตลาดพลังงานของไทยและส่งเสริมการใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพและสะอาดมากขึ้น

บ้านปู เน็กซ์ ผู้ให้บริการโซลูชันพลังงานสะอาดชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เผยเทรนด์สำคัญที่สะท้อนว่าองค์กรทั่วโลกต่างมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายด้าน Net-Zero อย่างจริงจังมากขึ้นโดยใช้นวัตกรรมพลังงานสะอาดเพื่อรับมือกับสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างเร่งด่วน ตั้งเป้าจำกัดอุณหภูมิโลกไม่ให้สูงขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียสเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผลกระทบที่รุนแรงเกินแก้ไขหากอุณหภูมิโลกสูงขึ้นถึง 2 องศาเซลเซียส โดยเทรนด์ดังกล่าวยังสอดรับกับบทสรุปของการประชุมว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งสหประชาชาติครั้งที่ 28 หรือ COP28 ที่เน้นย้ำบทบาทของภาคเอกชนในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ รวมถึงชูความสำคัญของการเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคพลังงานสะอาดอีกด้วย

การขับเคลื่อน Net-Zero ยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่องเมื่อองค์กรขนาดใหญ่จำนวนมาก ต่างวางเป้าหมายในด้านดังกล่าวไว้อย่างเข้มข้น โดยรายงานของ Net-Zero Tracker หน่วยงานอิสระที่ติดตามการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลกระบุว่า 1,475 องค์กรจากกว่า 4,000 รายทั่วโลกกำหนดเป้าหมาย Net-Zero เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจำนวนดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับระยะเวลาเพียงไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ โดยธุรกิจต่างๆ จากหลากหลายอุตสาหกรรมไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีชีวภาพ เภสัชกรรม อาหารและเครื่องดื่ม เกษตรกรรม การโรงแรม ภาคการผลิต วัสดุอุปกรณ์ ค้าปลีก คมนาคมขนส่ง และพลังงาน ต่างเห็นความจำเป็นเร่งด่วนของการรับมือกับสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง โดยดำเนินกลยุทธ์ที่ครอบคลุมทั้งการทำงานร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการนำข้อมูลทางวิทยาศาสตร์มาใช้วางเป้าหมายขององค์กร การชดเชยด้วยคาร์บอนเครดิต รวมถึงการลงทุนในเทคโนโลยีและการบริหารการดำเนินงานที่ยั่งยืน

สำหรับประเทศไทย ทั้งแบรนด์ไทยและแบรนด์ต่างชาติจากแต่ละอุตสาหกรรมกำลังดำเนินกลยุทธ์เพื่อส่งเสริมความยั่งยืนภายใต้เป้าหมายที่จะสร้างเสริมโลกที่เป็นมิตรกับธรรมชาติมากยิ่งขึ้นและมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ อย่างเช่นนิคมอุตสาหกรรมหลักชัยเมืองยาง, บีทาเก้น, โครงการมิกซ์ยูสซัมเมอร์ ลาซาล, โรงเรียนนานาชาติรักบี้, ตลาดสามย่าน, เอฟเอ็น แฟคตอรี่ เอ๊าท์เลท, เดอะ แพลทินัม แฟชั่น มอลล์, เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์, เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย), ดิ เอราวัณ กรุ๊ป และ ล็อกซเล่ย์  เป็นตัวอย่างองค์กรและแบรนด์ชั้นนำที่หันมาขับเคลื่อนธุรกิจไปพร้อมกับการลดการปล่อย CO2 ปริมาณมหาศาลต่อปี

ท่ามกลางความตื่นตัวด้านความยั่งยืนที่เติบโตขึ้นทั่วโลก บ้านปู เน็กซ์ เชื่อว่านวัตกรรมพลังงานสะอาด อาทิ แหล่งพลังงานหมุนเวียน ระบบกักเก็บพลังงาน ระบบบริหารจัดการพลังงาน ยานพาหนะพลังงานไฟฟ้า ตลอดจนเทคโนโลยีดักจับ กักเก็บ และใช้ประโยชน์คาร์บอน มีความจำเป็นต่อการบรรลุเป้าหมายด้าน Net-Zero เนื่องจากนวัตกรรมเหล่านี้มีบทบาทในการลดการปล่อยคาร์บอน จึงช่วยให้เกิดการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคพลังงานหมุนเวียน และนำไปสู่อนาคตที่ยั่งยืนในท้ายที่สุด โดยภายใต้ความมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมอนาคตที่ดียิ่งขึ้นให้กับทุกคน บ้านปู เน็กซ์ เดินหน้าพัฒนาโซลูชันพลังงานสะอาดอย่างต่อเนื่องเพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านอย่างเป็นรูปธรรม และได้ช่วยให้คู่ค้าลดการปล่อยคาร์บอนได้ประมาณ 4 แสนตัน เทียบเท่าการปลูกต้นไม้ประมาณ 29 ล้านต้นถือเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญต่อการขับเคลื่อนสังคมไร้คาร์บอนพร้อมทั้งสนับสนุนประเทศไทยเพื่อให้บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี  พ.ศ. 2593 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายใน พ.ศ. 2608

บ้านปู เน็กซ์ มุ่งมั่นเป็นผู้ให้บริการโซลูชัน Net-Zero ให้กับองค์กรทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จึงเดินหน้าขับเคลื่อน 5 ธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ธุรกิจแบตเตอรี่ ธุรกิจซื้อขายไฟฟ้า ธุรกิจอี-โมบิลิตี้ และธุรกิจพัฒนาเมืองอัจฉริยะและจัดการพลังงาน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการรับมือกับสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงทั่วโลก นอกจากนี้ บ้านปู เน็กซ์ ยังมองหาโอกาสใหม่ๆ ในการเป็นพันธมิตรกับองค์กรด้านเทคโนโลยีและพลังงานสะอาดที่มีศักยภาพเพื่อเพิ่มขีดความสามารถและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศธุรกิจโดยรวมอีกด้วย

Page 1 of 4
X

Right Click

No right click