November 22, 2024

บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) ได้รับการคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 100 บริษัทจดทะเบียนที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environment Social Governance: ESG) จากการประเมินหลักทรัพย์จดทะเบียนจำนวนทั้งสิ้น 920 บริษัท และเป็น 1 ใน 4 จาก 21 บริษัทจดทะเบียนที่ได้รับรางวัลในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง (Property & Construction) โดยได้รับประกาศนียบัตร ESG100 Company จากสถาบันไทยพัฒน์ เป็นปีที่ 4 

นายรานจัน ซาซเดอวา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม กลุ่มบริษัทปูนซีเมนต์นครหลวง หรือ ปูนอินทรี กล่าวว่า กลุ่มบริษัทปูนซีเมนต์นครหลวง ให้ความสำคัญในการดำเนินงานเพื่อสิ่งแวดล้อม สังคม ด้วยการบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาลที่ดี (Good Corporate Governance) ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของวัฒนธรรมองค์กร บริษัทฯ ให้การสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืนของชุมชน และสังคมในทุกพื้นที่ที่กลุ่มบริษัทปูนซีเมนต์นครหลวงมีการประกอบกิจการ พร้อมกับการอนุรักษ์ และใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างมีคุณค่า

โดย สถาบันไทยพัฒน์ เป็นองค์กรสาธารณประโยชน์ มุ่งเน้นงานด้านการส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนของกิจการและความรับผิดชอบต่อสังคมของภาคเอกชน โดยหน่วยงาน ESG Rating ของสถาบันไทยพัฒน์ ได้จัดทำรายการหลักทรัพย์จดทะเบียนที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) จำนวน 100 บริษัท จากการประเมินข้อมูลหลักทรัพย์ด้านการพัฒนาความยั่งยืนของธุรกิจในประเทศไทย เพื่อรองรับความต้องการของนักลงทุนที่ให้ความสำคัญกับการลงทุนในบริษัทที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม ตลอดจนมีการบริหารงานด้วยหลักธรรมาภิบาลที่ดี

ทั้งนี้การพิจารณาคัดเลือกและรับรองบริษัท ESG100 ของสถาบันไทยพัฒน์ ใช้ข้อมูล ESG ที่บริษัทเผยแพร่ในแบบแสดงรายการข้อมูลประจำปี (แบบ 56-1) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ในหัวข้อความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR)
เป็นสำคัญ รวมถึงข้อมูล ESG ที่มีการเปิดเผยหรือปรากฏต่อสาธารณะ ในรายงานประจำปี (แบบ 56-2) หรือในรายงานแห่งความยั่งยืน (Sustainability Report) โดยการประเมินหลักทรัพย์ ESG100 จะประกอบด้วยเกณฑ์เบื้องต้นสำหรับการคัดกรอง (Screening Criteria) และเกณฑ์หลักสำหรับการประเมิน (Rating Criteria) ซึ่งได้นำหลักการ 12 ประการของ CORE Framework ตามแนวทางการประเมินความยั่งยืนของ Global Initiative for Sustainability Ratings (GISR) มาใช้พัฒนาระเบียบวิธีการประเมิน (Rating Methodology) ทั้งในด้านกระบวนการ (Process) และด้านเนื้อหา (Content)

“กลุ่มบริษัทปูนซีเมนต์นครหลวง ยังคงรักษามาตรฐานในฐานะผู้นำอุตสาหกรรมที่ดำเนินธุรกิจตามนโยบายการพัฒนาอย่างยั่งยืนด้วยหลักธรรมาภิบาลที่ดี รับผิดชอบต่อชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของกลุ่มบริษัทภายในปี 2573 (INSEE Sustainability Ambition 2030)” นายรานจัน กล่าวปิดท้าย

“พฤกษา” ตอกย้ำความเป็นผู้นำที่มุ่งสนับสนุนให้อุตสาหกรรมก่อสร้างขับเคลื่อนธุรกิจควบคู่การดูแลสิ่งแวดล้อม จับมือพันธมิตร “ปูนซีเมนต์นครหลวง หรือ ปูนอินทรี” นำผลิตภัณฑ์ “ปูนซีเมนต์อินทรีเพชร Easy Flow” ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ปูนซีเมนต์ไฮดรอลิกหรือปูนซีเมนต์ลดโลกร้อน (กรีนซีเมนต์) มาใช้เป็นส่วนผสมในคอนกรีตในโครงการพฤกษา ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้เกือบ 5 ล้านตัน พร้อมเดินหน้านำเทคโนโลยีสีเขียวมาใช้ในการผลิตแผ่นพรีคาสท์คาร์บอนต่ำ และดีไซน์บ้านลดโลกร้อน

นายอุเทน โลหชิตพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า พฤกษามีวิสัยทัศน์ที่มุ่งสู่ผู้นําในการสร้างสรรค์คุณภาพชีวิตการอยู่อาศัยอย่างสมบูรณ์แบบ เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ภายใต้แนวคิด “ใส่ใจเพื่อทั้งชีวิต....อยู่ดี มีสุข” ซึ่งกลยุทธ์สำคัญที่ใช้ในการขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ดังกล่าว คือ แนวคิด “Green to Great” เดินหน้าพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืนบนพื้นฐานของ ESG (Environment, Social, Governance) โดยพฤกษาได้ประกาศเป้าหมายที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกร้อยละ 30 ภายในปี 2573 และมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2593 ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของประเทศไทยและนานาประเทศ

จากวิสัยทัศน์ดังกล่าว พฤกษา ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับ ปูนอินทรี มาตั้งแต่ปี 2562 โดยเลือกใช้ปูนซีเมนต์อินทรีเพชร Easy Flow ซึ่งเป็นปูนซีเมนต์ลดโลกร้อน ที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศ นำร่องในโครงการพฤกษาแนวราบ ปัจจุบันมีการใช้ ปูนซีเมนต์อินทรีเพชร Easy Flow ในโครงการแนวราบ ประมาณ 327 โครงการ ซึ่งสามารถลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกได้เกือบ  5 ล้านตัน เทียบเคียงกับการปลูกต้นไม้ทดแทนถึงกว่า 524,483 ต้น  

“บ้านภายใต้แบรนด์พฤกษาเป็นบ้านคาร์บอนต่ำ นอกจากการก่อสร้างโครงการโดยเลือกใช้ปูนรักษ์โลกจากปูนซีเมนต์อินทรีเพชร Easy Flow พฤกษายังเป็น ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายแรกที่ใช้คาร์บอนเคียว ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสีเขียวในการผลิตแผ่นพรีคาสท์คาร์บอนต่ำในการสร้างบ้าน โดยนำคาร์บอนไดออกไซด์ที่เป็นตัวการสำคัญในการทำลายชั้นบรรยากาศมาฉีดกักเก็บเข้าไปในขั้นตอนการผสมคอนกรีต จึงช่วยลดการปล่อยคาร์บอนและก๊าซเรือนกระจกอื่น ๆ ขณะเดียวกันยังสามารถลดปริมาณการใช้ซีเมนต์ลงร้อยละ 5 แต่ยังคงประสิทธิภาพความแข็งแกร่งได้ตามมาตรฐาน และเมื่อเร็ว ๆ นี้ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก ได้ประกาศรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์ให้กับ อินโน พรีคาสท์ โดยได้รับฉลากลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ Carbon Footprint Reduction (CFR) หรือฉลากลดโลกร้อน ซึ่งถือเป็นพรีคาสท์รายแรก รายเดียว ของอุตสาหกรรมในประเทศไทยที่ได้การรับรอง อีกทั้งยังมีวัสดุก่อสร้างอื่น ๆ ด้วยเช่นกันที่ได้รับฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ Carbon Footprint of Product (CFP)

นอกจากนี้ บ้านภายใต้แบรนด์พฤกษา ยังให้ความสำคัญกับ ดีไซน์บ้านที่ช่วยลดความร้อน และ ใช้นวัตกรรมที่ช่วยประหยัดพลังงาน อาทิ โซล่าเซลล์ ระบบระบายอากาศ นวัตกรรมกรองอากาศและลดพลังงาน รองรับ EV Charger และมีบริการจากแอปพลิเคชัน MyHaus ซึ่งเป็นนวัตกรรมระบบบ้านอัจฉริยะที่ช่วยควบคุม IOT และความปลอดภัยในบ้าน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายให้ผู้อยู่อาศัยได้ด้วย” นายอุเทน กล่าว

นายมนตรี นิธิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจปูนซีเมนต์ของประเทศไทย บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ เป็นหนึ่งในผู้นำตลาดปูนซีเมนต์ของประเทศไทย ซึ่งให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์และสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อให้ได้สินค้าที่มีคุณภาพสูงสุด และสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังเป็นผู้ผลิตปูนซีเมนต์และคอนกรีตผสมเสร็จ ที่มีเป้าหมายการทำงานด้านความอย่างยั่งยืน ที่มุ่งเป้าชัดเจนในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศจากผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ซึ่งปูนซีเมนต์อินทรีเพชร Easy Flow เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยขับเคลื่อนวิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืนขององค์กร เนื่องจากเป็นปูนซีเมนต์ไฮดรอลิกประเภท GU ตามมาตรฐาน มอก. 2594-2556 ที่ได้รับการรับรองจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) มีค่าคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่าปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ทั่วไปมากกว่า 50 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์ต่อหนึ่งตันซีเมนต์ จึงสามารถนำไปคำนวณเรตติ้งสำหรับการจัดอันดับอาคารสีเขียวได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ 

“นอกจากเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแล้ว ปูนซีเมนต์อินทรีเพชร Easy Flow ยังมีคุณสมบัติเด่นอีกหลายด้าน อาทิ ช่วยเพิ่มความไหลลื่นให้กับคอนกรีตได้ดี เทเข้าแบบได้ง่าย เพิ่มความสะดวกในการทำงาน รับกำลังอัดได้สูง ใช้ได้ในงานก่อสร้างโครงสร้างทั่วไป โครงสร้างขนาดใหญ่ ไปจนถึงผลิตภัณฑ์คอนกรีตหล่อสำเร็จ นอกจากนี้ ยังช่วยลดโอกาสการเกิดรอยแตกร้าวที่ผิวคอนกรีต เนื่องจากการหดตัวจากเนื้อคอนกรีตที่ละเอียดและไหลตัวได้ดี ปูนซีเมนต์อินทรีเพชร Easy Flow จึงตอบโจทย์โครงการของพฤกษา และสร้างความมั่นใจให้กับลูกบ้านของพฤกษาด้วย” นายมนตรี กล่าว

ปัจจุบันประชากรโลกเปิดรับความหลากหลายทางสังคมที่มากขึ้น ด้วยการรับฟังความคิดเห็นและเปิดโอกาสให้กับทุกคนอย่างเท่าเทียม กลุ่มบริษัทปูนซีเมนต์นครหลวง ส่งเสริมความเสมอภาคของพนักงานทุกคน และเน้นย้ำความสำคัญของผู้หญิง
เนื่องในวันสตรีสากล (8 มีนาคมของทุกปี) ผ่านมุมมองของ 3 หญิงเก่งแห่งกลุ่มบริษัทปูนซีเมนต์นครหลวง ที่มาร่วมแบ่งปันแนวคิดเรื่องความเสมอภาคภายในสังคมที่เปิดกว้างมากขึ้น ในการยอมรับบทบาทของผู้หญิง ในมิติของการขับเคลื่อนธุรกิจและสังคม

คุณพรศิริ เตชะสรรเพชร Category Management Department Manager บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความประทับใจกับบรรยากาศการทำงานในบริษัทฯ ที่ให้ความสำคัญกับทัศนคติและผลงาน เป็นสังคมการทำงานที่เปิดกว้างแสดงความคิดเห็นได้ โดยไม่ยึดติดในเรื่องของเพศสภาพ ด้วยผู้บริหารที่เปิดกว้างและโอกาสให้ผู้หญิงในการทำงานได้อย่างเต็มที่ โดยให้ความสำคัญกับทัศนคติ และผลงาน 

“การเปิดกว้างและการปฏิบัติกันอย่างเท่าเทียม มีส่วนทำให้คนที่มีความสามารถ มีกำลังใจมากพอที่จะทำงานให้แตกต่าง และทุ่มเทไปกับการทำงานอย่างเต็มที่ ความสำเร็จและเป็นที่ยอมรับในหน้าที่การงานทุกคนสามารถทำได้ อย่าท้อถอย และหมดหวัง หรือกลัวที่จะล้มเหลวเพราะทุกความล้มเหลวจะกลายเป็นบทเรียนที่ดีของเรา และอย่าลืมที่จะลองมองหาโอกาสพัฒนาตัวเองในการทำงานปัจจุบันอยู่ตลอดเวลา ทุกการเรียนรู้สร้างอนาคตที่ดีและมีคุณค่าเพิ่มมากขึ้นในอนาคต”

คุณสาวิตรี เปรมรัตนวงศ์ คุณแม่ลูกสองกับบทบาทหน้าที่ General Manager (Distribution) บริษัท นครหลวงคอนกรีต จำกัด เริ่มต้นด้วยตำแหน่ง Transport Analyst และได้ไปทำงานในส่วนของศูนย์รับจองและจัดส่งคอนกรีตที่ต่างประเทศ จนมีโอกาสได้รับผิดชอบงานระดับภูมิภาค ดูแลประเทศเวียดนาม ไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ทำให้ได้เห็นมุมมองของคนทำงานที่หลากหลายและความคิดแตกต่าง พร้อมการได้รับโอกาสได้ไปคุมงานทีมที่มาจากหลายประเทศ จากประสบการณ์ทำงานประมาณ 15 ปีในบริษัทฯ จึงต้องทุ่มพลังแบบคูณสองเพื่อบริหารจัดการทั้งสองส่วนในชีวิตให้ลงตัวและประสบความสำเร็จ นอกจากนั้นการอยู่ร่วมกันในสังคมที่มีความหลากหลาย ความท้าทายจึงไม่ได้มีแค่ในหน้าที่การงานที่รับผิดชอบเท่านั้น แต่ยังมีด้านบทบาท พฤติกรรม และคุณลักษณะที่เป็นบททดสอบ 

“ผู้หญิงทุกคนมีสิทธิและโอกาสในการใช้ชีวิต และการทำงานในสายงานอาชีพต่าง ๆ ซึ่งปัจจุบันก็เปิดกว้างให้ผู้หญิงได้ทำงานในหลากหลายด้านมากขึ้น เราเชื่อว่าผู้หญิงทุกคนมีความอดทนสูง หากคุณมีความตั้งใจ มุ่งมั่นในการพิสูจน์ศักยภาพการทำงานของตัวเอง เก็บเอาข้อกังขามาเป็นแรงกระตุ้นในการพัฒนา เสริมสร้างพลัง เพื่อนำไปทุ่มเทกับการทำงานให้ได้อย่างเต็มที่ ก็จะประสบความสำเร็จได้ในไม่ช้าแน่นอน” 

คุณณัฐวุฒิ ลายันติ Commercial - Sales Support Officer (Industrial Services) บริษัท อินทรี อีโคไซเคิล จำกัด LGBTQ+ รุ่นใหม่ กล้าคิด กล้าแสดงออก ที่ได้รับโอกาสจากองค์กรในการทำงาน และได้รับโอกาสให้เรียนรู้งาน รวมทั้งพัฒนาทักษะที่หลากหลาย อบรมภาษาต่างประเทศ การเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อสังคม รวมถึงการพูดคุย One-on-One กับหัวหน้างานในทุกเดือน เพื่อพูดคุยและเสนอความคิดเห็น ซึ่งคำแนะนำที่ได้สามารถนำไปปรับใช้ในการทำงานได้เป็นอย่างดี ซึ่งการเรียนรู้และพัฒนาทักษะอยู่ตลอดเวลานี้เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับตัวเองสำหรับโอกาสงานใหม่ในอนาคต 

“การเป็น LGBTQ+ นอกจากต้องทำให้คนส่วนใหญ่จะยอมรับและเปิดรับฟังความคิดเห็นแล้ว เรื่องงานก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญเช่นกัน โดยส่วนตัวแล้วการมีเพื่อนร่วมงานและสิ่งแวดล้อมที่ดี มีหัวหน้าคอยให้คำแนะนำ และมองเห็นถึงศักยภาพการทำงานเป็นส่วนสำคัญของพลังใจในการทำงาน อย่างไรก็ตามสิ่งที่สำคัญที่สุดในการประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานคือ ตัวเรา ต้องเชื่อมั่นในตัวเอง กล้าที่จะแสดงความคิดเห็น อย่ากลัวที่จะแตกต่าง และอย่ากดดันตัวเองจนเกินไป และหากเจอปัญหาจงจำไว้เสมอว่าทุกอุปสรรคปัญหาเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ให้รีบแก้ไขและปรับปรุงเพื่อนำไปวางแผนพัฒนาการการทำงานให้ดียิ่งขึ้นต่อไป” 

ทั้งนี้ คุณดวงพร บุศราวงศ์ รองประธานอาวุโส สายงานการบริหารบุคลากรและประสิทธิภาพองค์กร บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) กล่าวเพิ่มเติมว่า “ตลอดระยะเวลา 55 ปีของการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทปูนซีเมนต์นครหลวง ทั้งในประเทศไทยและในภูมิภาค เราเป็นองค์กรที่ให้ความสำคัญเกี่ยวกับประเด็นสิทธิมนุษยชน โดยมีการส่งเสริมคุณค่าของความหลากหลายในองค์กร และสร้างบรรยากาศของการอยู่ร่วมกันอย่างเท่าเทียนับเป็นความมุ่งมั่นขององค์กรในการสร้างความผูกพันและการมีส่วนร่วมกับพนักงานทุกคน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายการพัฒนาด้านความยั่งยืน 2573 โดยเน้นการปฏิบัติอย่างเสมอภาค ทั้งกระบวนการคัดเลือกพนักงานเข้ามาทำงาน การพัฒนาทักษะ และสนับสนุนการเติบโตในสายงานโดยไม่มีการแบ่งแยก ไปจนถึงการสร้างบรรยากาศในการทำงานที่เปิดโอกาสให้พนักงานทุกคนได้แสดงความคิดเห็น และการให้เกียรติซึ่งกันและกันในองค์กร”

กลุ่มบริษัทปูนซีเมนต์นครหลวง สนับสนุนพลังจากผู้หญิงเก่งและแกร่ง เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์แรงบันดาลใจขับเคลื่อนความสำเร็จในการทำงาน และการดำเนินชีวิต พร้อมส่งกำลังใจให้ผู้หญิงทุกคน ได้ร่วมสร้างแรงผลักดันสังคมสู่ความเสมอภาคอย่างเท่าเทียม และเป็นแรงขับเคลื่อนให้สังคมเปิดกว้างมากขึ้น อย่างที่ควรจะเป็น #IWD2024 #InspireInclusion

ปูนซีเมนต์นครหลวง ผนึกกำลังพันธมิตร และมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จัดมหกรรมนวัตกรรมใหญ่ที่สุดของภาคใต้ Southern Innovation and Technology Expo (SITE2024) งานที่รวบรวมเทคโนโลยีและนวัตกรรมชั้นนำด้านพลังงาน ดิจิทัล อาหารและการเกษตร และสุขภาพแบบครบวงจร โดยจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-4 กุมภาพันธ์ 2567 ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งได้รับเกียรติจาก นางสาวพิมพ์ภัทนา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานเปิดงาน

ภายในงานนี้ ปูนซีเมนต์นครหลวง ได้ร่วมจัดตั้งบูธนิทรรศการภายใต้คอนเซ็ปต์ “นวัตกรรมปูนซีเมนต์รักษ์โลก” นำเสนอนวัตกรรมด้านพลังงานทดแทนและพลังงานสะอาดในกระบวนการผลิตปูนซีเมนต์ รวมถึงเชื้อเพลิงทางเลือก ซึ่งเป็นเป้าหมายด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน ปี 2573 และความมุ่งมั่นดำเนินงานขับเคลื่อนด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมาภิบาลของกลุ่มบริษัทฯ

นอกจากนั้นยังมีการบรรยายแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ในหัวข้อ ‘Green Cement for Greener Future’ โดยนายมนตรี นิธิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจปูนซีเมนต์ของประเทศไทย บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) และนางสาวสุจินตนา วีระรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินทรี อีโคไซเคิล จำกัด บริษัทในกลุ่มบริษัทปูนซีเมนต์นครหลวง เพื่อส่งเสริมความร่วมมือทั้งด้านการถ่ายทอดนวัตกรรม เทคโนโลยี และเรื่องราวความสำเร็จของกลุ่มบริษัทฯ ด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ซึ่งจะจัดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 13:00 - 13:45 น. ณ เวที Convention Hall

ผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมงานมหกรรมนวัตกรรมใหญ่ที่สุดของภาคใต้ Southern Innovation and Technology Expo (SITE2024) สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/SITE2024/ ดูข่าวสารและกิจกรรมอื่นๆที่น่าสนใจจากปูนซีเมนต์นครหลวง ได้ที่เว็บไซต์ https://siamcitycement.com/thailand/th/home และเฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/INSEEGroup/ 

ปูนซีเมนต์นครหลวง ขยายโอกาสทางการศึกษาแก่เด็กด้อยโอกาสในพื้นที่ห่างไกล ภายใต้โครงการโรงเรียนสีเขียว เป็นปีที่ 14 ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก่อสร้างโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน มาแล้วกว่า 33 แห่ง ด้วยวิสัยทัศน์ “การพัฒนาอย่างยั่งยืน ปี 2573” ยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ ของคนไทย ล่าสุดได้รับเข็มเชิดชูเกียรติผู้ทำคุณประโยชน์ให้กับกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เนื่องในโอกาสวันสถาปนาตำรวจตระเวนชายแดน ประจำปี 2566

ดร.สุนีย์ ศรไชยธนะสุข กรรมการอิสระและประธานคณะกรรมการตรวจสอบ บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปูนซีเมนต์นครหลวงมีความมุ่งมั่นในการส่งเสริมโอกาสทางการศึกษา โดยปัจจุบันได้ร่วมมือ กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สร้างโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน เพื่อขยายโอกาสทางการศึกษาให้กับเด็กๆที่ด้อยโอกาส ในพื้นที่ห่างไกล ภายใต้โครงการโรงเรียนสีเขียว มาเป็นปีที่ 14 ด้วยวิสัยทัศน์ “การพัฒนาอย่างยั่งยืน ปี 2573” ยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทย มากว่า 20 ปี โดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนเยาวชนที่ด้อยโอกาสให้เข้าถึงโอกาส ในการศึกษาอย่างเท่าเทียม

ทั้งนี้ โรงเรียนสีเขียวได้ดำเนินการก่อสร้างล่าสุดคือ โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนปูนอินทรี-มูลนิธิกรุงศรี อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นโรงเรียนแห่งที่ 33 ของโครงการ โดยมีมูลนิธิกรุงศรีได้ร่วมสนับสนุนการก่อสร้างโรงเรียนดังกล่าวอีกด้วย

“รางวัลผู้ทำคุณประโยชน์ให้กับกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน ถือเป็นกำลังใจและแรงผลักดันให้ปูนซีเมนต์นครหลวง ส่งเสริมโอกาสทางการศึกษา สร้างขวัญและกำลังใจต่อการศึกษาของเยาวชน เพื่อต่อยอดและพัฒนาสู่การเป็นบุคลากรที่ดีของประเทศในอนาคต และเสริมสร้างคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้น โดยโครงการยังมุ่งเน้นการอนุรักษ์พลังงาน รักษาสิ่งแวดล้อม ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม” ดร.สุนีย์ กล่าว

 

Page 1 of 2
X

Right Click

No right click