×

Warning

JUser: :_load: Unable to load user with ID: 805

บริษัท ซีฟโก้ จำกัด (มหาชน) (SEAFCO) ได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ในบริษัทกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100

บมจ.นอร์ทอีส รับเบอร์ หรือ NER ได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ในบริษัทกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 ที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental Social and Governance: ESG) ในกลุ่มธุรกิจการเกษตร (Agribusiness) จากการประเมินหลักทรัพย์จดทะเบียน ในปี พ.ศ.2564 จำนวนทั้งสิ้น 824 หลักทรัพย์

นายชูวิทย์ จึงธนสมบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน)  หรือ NER ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง และยางผสม เพื่อจำหน่ายไปยังผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ และกลุ่มผู้ค้าคนกลาง ทั้งในและต่างประเทศ เปิดเผยว่า สถาบันไทยพัฒน์ ประกาศให้ NER ติดอันดับ ESG100 ประจำปี 2564 ด้วยการคัดเลือกจาก 824 หลักทรัพย์จดทะเบียน (ไม่รวมหลักทรัพย์ที่อยู่ระหว่างการฟื้นฟู) ให้เป็นบริษัทที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และ ธรรมาภิบาล (ESG) ในกลุ่มธุรกิจการเกษตร (Agribusiness) และเป็นบริษัทที่เข้าอยู่ในทำเนียบ ESG100 ต่อเนื่อง 3 ติดต่อกัน (2562 – 2564) นับตั้งแต่ที่เป็นบริษัทจดทะเบียน

ทั้งนี้การที่บริษัทได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 บริษัทกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 สะท้อนให้เห็นถึงเจตนารมณ์ของบริษัทที่มุ่งมั่นการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคม (Social) และหลักบรรษัทภิบาล (Corporate Governance) หรือ ESG และเป็นแบบอย่างที่ดีในการดำเนินธุรกิจเพื่อเป็นทางเลือกแก่ผู้ที่ต้องการลงทุนในหุ้นยั่งยืนที่สามารถสร้างผลตอบแทนในระยะยาว

สำหรับสถาบันไทยพัฒน์ เป็นผู้ริเริ่มพัฒนาข้อมูลด้านความยั่งยืนของธุรกิจ ได้เปิดเผยรายชื่อหลักทรัพย์จดทะเบียนที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้าน ESG จำนวน 100 บริษัท หรือที่เรียกว่ากลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 เป็นครั้งแรกในปี 2558 และได้มีการเก็บรวบรวมข้อมูลด้านความยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียนและดำเนินการต่อเนื่องมาเป็นปีที่เจ็ดในปีนี้

ขณะที่ การจัดอันดับบริษัทจดทะเบียนด้านการพัฒนาความยั่งยืนของธุรกิจนี้ ถือเป็นแหล่งข้อมูลด้านความยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียน เพื่อรองรับความต้องการของผู้ลงทุนที่ให้น้ำหนักการลงทุนในบริษัทที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ และเป็นทางเลือกให้ผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในหลักทรัพย์จดทะเบียนที่มีคุณภาพและได้รับผลตอบแทนที่มิได้ด้อยไปกว่าการลงทุนในแบบทั่วไป

บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) (TPCH) ได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ในบริษัทกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100

บริษัท ทานตะวันอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) (THIP) ได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ในบริษัทกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100

จากข้อมูลการสำรวจ 2016 Global Sustainable Investment Review ของ Global Sustainable Investment Alliance (GSIA) ระบุว่า ปริมาณเม็ดเงินที่ถูกจัดสรรในหมวดการลงทุนที่ยั่งยืน (Sustainable Investment) ทั่วโลก เพิ่มขึ้นจาก 18.3 ล้านล้านเหรียญ ในปี พ.ศ.2557 มาอยู่ที่ 22.9 ล้านล้านเหรียญ ในปี พ.ศ.2559 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 25.2 ในช่วงเวลา 2 ปี โดยการลงทุนในหมวดนี้ คิดเป็นร้อยละ 26.3 ของขนาดสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) ทั้งหมด หรือเทียบอย่างง่าย คือ ในจำนวนเงินลงทุน 4 เหรียญ จะมีอยู่ราว 1 เหรียญกว่าๆ ที่เป็นการลงทุนที่ยั่งยืน

 

การลงทุนที่ยั่งยืน เป็นการลงทุนที่พิจารณาปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance: ESG) ร่วมกับการพิจารณาข้อมูลด้านการเงิน สำหรับใช้เป็นแนวทางในการคัดเลือกและบริหารการลงทุน

 

เพื่อเป็นการตอบโจทย์การลงทุนที่ยั่งยืน พร้อมกับการสร้างผลตอบแทนการลงทุนที่มิได้ด้อยไปกว่าการลงทุนในแบบทั่วไป สถาบันไทยพัฒน์ โดยหน่วยงาน ESG Rating ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มพัฒนาข้อมูลด้านความยั่งยืนของธุรกิจในประเทศไทย ได้จัดทำและประกาศรายชื่อ 100 หลักทรัพย์จดทะเบียนที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้าน สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social and Governance: ESG) เรียกว่ากลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 ด้วยการคัดเลือกจากบริษัทจดทะเบียนจำนวนกว่า 600 บริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ไม่รวมหลักทรัพย์ที่อยู่ระหว่างการฟื้นฟู) ในปี พ.ศ.2558 เป็นปีแรก และได้ดำเนินการจัดทำและประกาศรายชื่อ กลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 ต่อเนื่องมาเป็นปีที่สาม ในปี พ.ศ.2560 นี้

 

ผลการคัดเลือกบริษัทจดทะเบียนที่เข้าอยู่ใน Universe ของ ESG100 ประจำปี 2560 ปรากฏว่าบริษัทที่ติดอันดับ กระจายอยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมทั้ง 8 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร (AGRO) 11 บริษัท กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค (CONSUMP) 6 บริษัท กลุ่มธุรกิจการเงิน (FINCIAL) 12 บริษัท กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม (INDUS) 16 บริษัท กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง (PROPCON) 14 บริษัท กลุ่มทรัพยากร (RESOURC) 10 บริษัท กลุ่มบริการ (SERVICE) 18 บริษัท และกลุ่มเทคโนโลยี (TECH) 13 บริษัท คิดเป็นมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) ของหลักทรัพย์ ESG100 ในตลาด SET ราว 6.2 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 40.6 เมื่อเทียบกับมาร์เก็ตแคปของ SET ที่ 15.3 ล้านล้านบาท และเป็นหลักทรัพย์ ESG100 ในตลาด mai จำนวน 10 บริษัท มีมาร์เก็ตแคปราว 4.1 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 13 เมื่อเทียบกับมาร์เก็ตแคปของ mai ที่ 3.1 แสนล้านบาท

 

ตัวอย่างของหลักทรัพย์ ESG100 ในกลุ่ม AGRO ได้แก่ บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล บมจ.น้ำมันพืชไทย บมจ.เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป ในกลุ่ม CONSUMP ได้แก่ บมจ.ไทยออพติคอล กรุ๊ป บมจ.กันยงอีเลคทริก บมจ.โอเชียนกลาส ในกลุ่ม FINCIAL ได้แก่ บมจ.นำสินประกันภัย บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป ธนาคารกสิกรไทย ไนกลุ่ม INDUS ได้แก่ บมจ.
กู๊ดเยียร์ (ประเทศไทย) บมจ.สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี บมจ.ศูนย์บริการเหล็กสยาม ในกลุ่ม PROPCON ได้แก่ บมจ.ศุภาลัย บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย บมจ.แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ ในกลุ่ม RESOURC ได้แก่ บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น บมจ.ไทยออยล์ บมจ.บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ ในกลุ่ม SERVICE ได้แก่ บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ บมจ.ดุสิตธานี บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ และในกลุ่ม TECH ได้แก่ บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น บมจ.อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น บมจ.ซินเน็ค (ประเทศไทย) เป็นต้น

 

ผลการทดสอบการให้ผลตอบแทนรวม (Total Return) โดยใช้ข้อมูลย้อนหลัง 5 ปี พบว่า หุ้น ESG100 ปี 2560 จะให้ผลตอบแทนรวมที่ 236% ส่วนหุ้นในดัชนี SET จะให้ผลตอบแทนรวมอยู่ที่ 63% ขณะที่ผลการทดสอบการให้ผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี (Year-to-date Return) หุ้น ESG100 จะให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 9.8% ส่วนหุ้นในดัชนี SET จะให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 3.9%

 

ในต่างประเทศ ได้มีผู้จัดทำข้อมูลและให้บริการดัชนีด้านความยั่งยืนเผยแพร่ให้แก่ผู้ลงทุน โดยใช้ข้อมูล ESG เป็นฐานในการพิจารณา เป็นจำนวนหลายราย อาทิ เอสแอนด์พี ดาวโจนส์ ฟุตซี่ เอ็มเอสซีไอ และนับวันจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากปริมาณเม็ดเงินที่ถูกจัดสรรในหมวดการลงทุนที่ยั่งยืนทั่วโลก มีอัตราเติบโตเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ

 

การเปิดเผยกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 ถือเป็นพัฒนาการของการเผยแพร่ข้อมูลด้าน ESG ของหลักทรัพย์จดทะเบียนให้แก่ผู้ลงทุน เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจลงทุนในบริษัทที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ควบคู่กับข้อมูลผลประกอบการทางการเงิน อันจะนำไปสู่การสร้างผลตอบแทนจากการลงทุน การส่งเสริมธรรมาภิบาลของบริษัท และการดูแลรับผิดชอบสังคมและสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน 

 

ผู้ลงทุนหรือผู้ที่สนใจข้อมูลหลักทรัพย์จดทะเบียนในกลุ่ม ESG100 สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.esgrating.com

 

เรื่อง : ดร.พิพัฒน์ ยอดพฤติการ  

ผู้อำนวยการสถาบันไทยพัฒน์

Page 3 of 3
X

Right Click

No right click