September 19, 2024

เอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล (SCG International) เปิดตัวโครงการนวัตกรรม “ไมโครกริด บางซื่อคอมเพล็กซ์” (Microgrid Bangsue Complex) นำทีมโดยผู้บริหารเอสซีจี นายวิโรจน์ รัตนชัยสิทธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจเอสซีจี สมาร์ทลีฟวิง และกรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี ดิสทริบิวชั่นแอนด์รีเทล และนายอบิจิต ดัตต้า กรรมการผู้จัดการ บริษัทเอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล คอร์ปอเรชั่น จำกัด ร่วมกับนายพูนพัฒน์ โลหารชุน ประธานบริษัทอีโวลท์ เทคโนโลยี (Evolt Technology) และนางสาวพิชชารีย์ กีรติธากุล นักพัฒนานวัตกรรมอาวุโส สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) โดยโครงการนี้มุ่งเน้นการใช้พลังงานสะอาดและพลังงานทดแทน ด้วยการติดตั้งลานชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Carpark) และระบบจัดการพลังงานภายในอาคาร (Energy Management Software) เพื่อบริหารจัดการระบบพลังงานไฟฟ้าที่เอสซีจี สำนักงานใหญ่บางซื่อ ให้เป็นระบบไมโครกริด ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการพลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งจากการติดตั้งลานชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ด้วยขนาดกำลังการผลิต 735.9 kWp คาดว่าจะทำให้มีการใช้พลังงานทดแทนภายในเอสซีจี สำนักงานใหญ่บางซื่อ เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 18 จากปัจจุบันที่มีการใช้อยู่ที่ร้อยละ 10

โครงการไมโครกริด บางซื่อคอมเพล็กซ์ ได้รับทุนสนับสนุนจากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) เนื่องจากสามารถเชื่อมโยงเทคโนโลยีระบบกักเก็บพลังงานและการควบคุมขั้นสูงเข้าด้วยกัน ถือเป็นการนำระบบจัดการพลังงานภายในอาคารมาใช้ได้อย่างครบวงจร ในด้านการจับมือเลือกบริษัทอีโวลท์ เทคโนโลยี มาติดตั้งจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า เนื่องจากเป็นแพลตฟอร์มที่สามารถดึงข้อมูลการใช้พลังงานภายในอาคารและการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้ได้แบบเรียลไทม์ด้วยระบบ API (Application Program Interface) และมีคุณสมบัติจัดการพลังงานขั้นสูง เช่น การจัดการโหลดแบบไดนามิก การรวมพลังงานทดแทน ตอบสนองความต้องการในการทำงานร่วมกับระบบไมโครกริด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบโดยรวม

การเปิดตัวโครงการดังกล่าวนับเป็นก้าวสำคัญของเอสซีจี ที่จะสร้างโอกาสและเพิ่มศักยภาพในการนำพลังงานสะอาดเข้ามาใช้งานภายในองค์กรได้มากยิ่งขึ้น พร้อมมุ่งสู่การสร้างสังคม Net Zero ตามเป้าหมายองค์กร โดยนอกจากจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการบริหารจัดการพลังงาน และสร้างประโยชน์ต่อกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ ของเอสซีจีแล้ว ยังสามารถต่อยอดขยายผลร่วมกับองค์กรอื่น ๆ ที่มุ่งหวังจะใช้พลังงานสะอาดขับเคลื่อนการทำธุรกิจสีเขียวเพื่อสิ่งแวดล้อมยั่งยืน

เจาะกิกะโปรเจกต์ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ชูจุดแข็งโซลูชันซัพพลายเชนครบวงจร-ยืดหยุ่นรับทุกความท้าทาย

นายนิธิ ภัทรโชค กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง เอสซีจี และนายอบิจิต ดัดต้า กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล คอร์ปอเรชั่น จำกัด ร่วมกับ ดร. เช ซุน ฮง ประธานที่ปรึกษาบริษัท แอลเอส อิเล็กทริก และ ดร. โช วุก ดง รองประธานอาวุโส หน่วยงาน อิเล็กทริกพาวเวอร์ ดีเอ็กซ์ บิซ บริษัท แอลเอส อิเล็กทริก ร่วมลงนามเซ็นสัญญา MOU บันทึกข้อตกลงในการติดตั้งระบบการจัดการพลังงาน (EMS) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบไมโครกริด ณ เอสซีจี สำนักงานใหญ่ บางซื่อ ในปี 2566

เอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล คอร์ปอเรชั่น และ แอลเอส อิเล็กทริก ร่วมมือพัฒนาโซลูชันด้านพลังงานที่ยั่งยืน โดยนำระบบจัดการพลังงานอัจฉริยะ (EMS) ของ แอลเอส อิเล็กทริก มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบไมโครกริด บริเวณอาคารสำนักงาน ลานจอดรถพลังงานแสงอาทิตย์และสถานีชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า ณ เอสซีจี สำนักงานใหญ่ บางซื่อ โดยทั้งสองบริษัทจะผสานความร่วมมือในการจัดหาโซลูชันพัฒนาระบบไมโครกริดเพื่อลดต้นทุนด้านพลังงาน รวมถึงการบรรลุเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2593 (Net  Zero 2050)  

นายนิธิ ภัทรโชค กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง เอสซีจี กล่าวว่า “เอสซีจี มุ่งมั่นและส่งเสริมการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในทุกมิติ ซึ่งปัจจุบันความต้องการโซลูชันด้านการจัดการพลังงานเพิ่มสูงขึ้น หลายธุรกิจต่างมองหาวิธีลดการใช้พลังงานในอาคารและโรงงาน ความร่วมมือนี้จะช่วยส่งเสริมการทำธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยมลพิษเป็นศูนย์และสร้างอนาคตที่ยั่งยืนมากขึ้น"

“ความร่วมมือครั้งนี้ เอสซีจี และ แอลเอส อิเล็กทริก จะนำความเชี่ยวชาญของทั้งสองฝ่ายในการพัฒนาตลาดไมโครกริดที่กำลังเติบโตเพื่อแก้ปัญหาต้นทุนด้านพลังงานที่เพิ่มขึ้น ระบบการจัดการพลังงานจึงเป็นส่วนสำคัญของระบบไมโครกริดในการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตไฟฟ้าและมุ่งสู่เป้าหมายด้านความยั่งยืน” นายอบิจิต ดัดต้า กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าว

ดร. เช ซุน ฮง ประธานที่ปรึกษาบริษัท แอลเอส อิเล็กทริก กล่าวว่า "ระบบไมโครกริดจะปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ลดการปล่อยคาร์บอนและเพิ่มความยืดหยุ่นในกรณีที่ไฟฟ้าดับ ความร่วมมือในครั้งนี้จะนำไปสู่เป้าหมายความยั่งยืนในระยะยาวของเอสซีจีและอาจนำไปสู่การร่วมทุนในธุรกิจไมโครกริดในประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผมมั่นใจและเชื่อมั่นในความสำเร็จของการทำงานร่วมกันระหว่างทั้งสองบริษัท”

นายอบิจิต ดัดต้า (ที่ 3 จากซ้าย) กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี อินเตอร์เนชั่นแนล คอร์ปอเรชั่น จำกัด ในธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี และคุณ Naresh Saboo (ที่ 2 จากซ้าย) MD & Director บริษัท Big Bloc Construction Limited ผู้นำในตลาดอุตสาหกรรมก่อสร้างการผลิตอิฐมวลเบา ประเทศอินเดีย ร่วมแถลงข่าวความสำเร็จในการจัดหาที่ดิน เพื่อตั้งโรงงานผลิตอิฐมวลเบาและแผ่นผนังมวลเบารองรับกำลังการผลิตจำนวน 3 แสนลูกบาศก์เมตรในรัฐคุชราต ประเทศอินเดีย และคาดว่าจะเริ่มการผลิตสินค้าเข้าสู่ตลาดได้ในปี 2566

เอสซีจีประสบความสำเร็จในการเข้าไปดำเนินธุรกิจในประเทศอินเดียด้วยการทำตลาดภายใต้แบรนด์ “Zmartbuild” ซึ่งนำเสนอสินค้าและโซลูชันเกี่ยวกับการก่อสร้างที่หลากหลาย ตรงใจผู้บริโภค การร่วมทุนในครั้งนี้จึงเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่จะช่วยยกระดับอุตสาหกรรมก่อสร้างของอินเดียให้ดีขึ้น โดย BCL Group จะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 1.375 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี ซึ่งสูงที่สุดในภาคตะวันตกของอินเดีย สร้างรายได้มูลค่ากว่า 125 ล้านรูปีต่อปี

X

Right Click

No right click