แกร็บฟู้ด ตอกย้ำผู้นำแพลตฟอร์มเดลิเวอรียอดนิยม เขย่าตลาดด้วยแคมเปญใหญ่ส่งท้ายปี “GrabFood Mega Sale ประกาศศักดา ลดใหญ่ใส่สุด” ผนึกพันธมิตรร้านอาหารทั่วประเทศหั่นราคา-แจกโค้ดส่วนลดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 90% ทุกชั่วโมงแบบไม่มีขั้นต่ำ พร้อมส่งดีลสั่งอาหารราคาพิเศษเริ่มต้น 19 บาทกว่า 16,000 ดีล มาพร้อมโปรโมชันพิเศษส่งฟรี 0 บาท จัดเต็มด้วยกิจกรรมการตลาด 360 องศา โดยเพิ่มสัดส่วนของสื่อออฟไลน์ถึงสองเท่า โดยเฉพาะสื่อกลางแจ้ง (Out-of-Home) และ สื่อโฆษณาเคลื่อนที่ (Transit Media) เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้างและตอกย้ำเรื่องความคุ้มค่าและปลุกกำลังซื้อในช่วงที่ผู้บริโภคเริ่มรัดเข็มขัดจากสถานการณ์เศรษฐกิจ เสริมทัพด้วยกลยุทธ์ Music Marketing ปรับลุคพรีเซนเตอร์ “เบลล่า ราณี” เป็นแรปเปอร์สาวในแคมเปญโฆษณาล่าสุด ชวนสั่งอาหารเป็นกลุ่มต้อนรับช่วงเทศกาลปลายปีที่คนนิยมสั่งอาหารมาเลี้ยงฉลองร่วมกัน หลังยอดใช้บริการฟีเจอร์ Group Order (สั่งอาหารแบบกลุ่ม) เติบโตขึ้นกว่า 90%
นายพนมกร จิระเสถียรพงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า “เพื่อสร้างสีสันให้กับตลาดฟู้ดเดลิเวอรีและปลุกกำลังซื้อในช่วงโค้งสุดท้ายของปี แกร็บฟู้ดได้ส่งแคมเปญใหญ่ ‘GrabFood Mega Sale ประกาศศักดา ลดใหญ่ใส่สุด’ สร้างปรากฏการณ์คุ้มส่งท้ายปีเพื่อคืนกำไรให้กับผู้ใช้บริการ โดยเราได้ผนึกกำลังกับพันธมิตรร้านอาหารทั่วประเทศ ทั้งกลุ่มเชนร้านอาหารบริการด่วน (QSR) ร้านฮิตติดเทรนด์ ไปจนถึงร้านสตรีตฟู้ด หั่นราคาและมอบส่วนลดสูงสุดถึง 90%1 เพียงใส่โค้ด MEGA (ลดสูงสุด 80 บาท ไม่ต้องมียอดสั่งขั้นต่ำ) โดยจะมีการเติมโค้ดส่วนลดทุกชั่วโมง มาพร้อมดีลสั่งอาหารในราคาพิเศษภายใต้ซับแบรนด์ Hot Deals ที่เริ่มต้นเพียง 19 บาทกว่า 16,000 ดีล และโปรโมชันส่งฟรี 0 บาท ซึ่งถือเป็นโปรโมชันที่แรงที่สุดเป็นประวัติการณ์”
ภายใต้แคมเปญนี้ แกร็บฟู้ดเล่นใหญ่ใส่สุดจัดเต็มด้วยกิจกรรมการตลาดและส่งเสริมการขายแบบ 360 องศา ครอบคลุมทั้งสื่อออนไลน์และออฟไลน์ โดยได้เพิ่มสัดส่วนของการใช้สื่อออฟไลน์สูงขึ้นสองเท่า โดยเฉพาะสื่อกลางแจ้ง (Out-of-Home) ทั้งบิลบอร์ดและจอดิจิทัล พร้อมสื่อโฆษณาเคลื่อนที่ (Transit Media) เพื่อตอกย้ำเรื่องความคุ้มค่า (Affordability) ในช่วงที่ผู้บริโภคมีความระมัดระวังการใช้จ่ายจากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่ชะลอตัวและปัจจัยภายนอกต่าง ๆ
“นอกจากนี้ เรายังได้เสริมทัพด้วยการใช้กลยุทธ์มิวสิค มาร์เก็ตติ้ง (Music Marketing) เพื่อสร้างการจดจำและการเข้าถึงแคมเปญผ่านเพลงแร็พติดหู โดยส่งแคมเปญโฆษณาล่าสุดที่ได้ปรับลุคพรีเซนเตอร์ ‘เบลล่า ราณี’ ให้กลายเป็นแรปเปอร์สาวเพื่อเจาะกลุ่ม Gen Z ชวนผู้ใช้บริการสั่งอาหารเป็นกลุ่มเพื่อฉลองร่วมกันในช่วงเทศกาล โดยเฉพาะการใช้ฟีเจอร์ Group Order (สั่งอาหารแบบกลุ่ม) ซึ่งได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นหลังเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงไตรมาส 3 โดยมียอดใช้บริการเติบโตขึ้นกว่า 90%2” นายพนมกร กล่าวเสริม
ติดตามรายละเอียดของแคมเปญ “GrabFood Mega Sale ประกาศศักดา ลดใหญ่ใส่สุด” ได้ที่ https://www.facebook.com/GrabFoodTH
รับชมภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ได้ผ่านทาง
หมายเหตุ
1เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
2เปรียบเทียบยอดใช้บริการสั่งอาหารแบบกลุ่มผ่านฟีเจอร์ Group Order ระหว่างเดือนสิงหาคม-ตุลาคมกับช่วงก่อนหน้า
แกร็บฟู้ด ผู้นำแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรียอดนิยม เผยคนไทยขี้เบื่อ ชอบลองเมนูใหม่ ชงพาร์ทเนอร์ร้านอาหารเพิ่มเมนูใหม่เฉลี่ย 25% ต่อปี ผุดกลยุทธ์ Collaborative Marketing จับคู่ร้านฮิตติดกระแส ส่งเมนูพิเศษแบบโค-ครีเอชัน (Co-Creation Menu) เอาใจสายกินตลอดทั้งปี ซึ่งช่วยต่อยอดธุรกิจและเพิ่มทราฟิกเข้าร้านได้ถึง 2 เท่า พร้อมเปิดตัวแคมเปญล่าสุด #GrabThumbsUp อร่อยจริง จากคนกินจริง ตอกย้ำจุดแข็งในด้านคุณภาพและความหลากหลาย มาพร้อมส่วนลดสูงสุดถึง 500 บาท พร้อมโปรฯ เด็ดส่งฟรีทั้งเมือง*
นายจิรกิตต์ กว้างสุขสถิตย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจเดลิเวอรี แกร็บ ประเทศไทย เผยว่า “คนไทยถือเป็นชาติที่ยืนหนึ่งในเรื่องอาหารและให้ความสำคัญอย่างยิ่งในเรื่องการกิน โดยเฉพาะกลุ่มเจน Y และเจน Z ที่ชอบสรรหาร้านอาหาร รวมถึงเมนูใหม่ๆ มาลิ้มลองเพื่อสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างให้กับตัวเองอยู่ตลอดเวลา ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลพฤติกรรมการใช้บริการฟู้ดเดลิเวอรี โดยเราพบว่าหนึ่งในปัจจัยหลักที่ผู้ใช้บริการ GrabFood ให้ความสำคัญคือ การมีตัวเลือกของร้านอาหารที่หลากหลาย รวมถึงการนำเสนอเมนูอาหารที่แปลกใหม่และน่าสนใจ ดังนั้น เราจึงได้พยายามส่งเสริมให้ผู้ประกอบการร้านอาหารที่อยู่บนแพลตฟอร์มพยายามพัฒนาสินค้าและเมนูใหม่ ๆ อยู่เสมอ โดยในแต่ละปีพาร์ทเนอร์ร้านอาหารของแกร็บได้เพิ่มเมนูใหม่ๆ เฉลี่ยมากกว่า 25% เพื่อตอบโจทย์และเอาใจผู้ใช้บริการสายกิน”
“นอกจากการคัดสรรร้านอร่อยชื่อดังจากทั่วประเทศมาแนะนำให้ผู้ใช้บริการผ่านแฟลกชิปแบรนด์อย่าง #GrabThumsUp แล้ว อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่แกร็บบุกหนักในปีนี้ คือ การทำ Collaborative Marketing โดยจับคู่ร้านเด็ดที่มีเมนูฮิตติดเทรนด์มาร่วมมือกันสร้างสรรค์อาหารหรือเครื่องดื่มใหม่ๆ เพื่อสร้างความแตกต่างและประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟที่หาได้เฉพาะที่แกร็บ โดยเราเริ่มทดลองคอนเซ็ปต์นี้มาตั้งแต่ปี 2565 ผ่านการใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลบนแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็น แนวโน้มพฤติกรรมการสั่งอาหาร ยอดขายของร้านหรือเมนูที่ได้รับความนิยม ควบคู่ไปกับการจับเทรนด์ที่กำลังมาแรง โดยแกร็บทำหน้าที่เป็นตัวกลางคอยเชื่อมให้ร้านเด็ดแบรนด์ดังได้ผนึกความร่วมมือกันพัฒนานวัตกรรมหรือสินค้าใหม่ๆ ให้ตอบโจทย์ผู้ใช้บริการและถือเป็นการต่อยอดธุรกิจ ทั้งนี้ เราพบว่า การสร้างสรรค์เมนูพิเศษแบบโค-ครีเอชัน (Co-Creation Menu) ช่วยเพิ่มทราฟิกหรือการเข้าถึงร้านค้าบนแพลตฟอร์มได้ถึง 2 เท่า เมื่อเทียบช่วงก่อนและหลังการทำ Collaborative Marketing โดยตลอดทั้งปีนี้ GrabFood ได้นำเสนอเมนูพิเศษรวมกว่า 20 เมนูจากมากกว่า 30 ร้านดัง โดยได้รับเสียงตอบรับที่ดีและกระแสความนิยมจากผู้ใช้บริการอย่างล้นหลาม”
ภายใต้กลยุทธ์ Collaborative Marketing แกร็บได้ผนึกความร่วมมือกับแบรนด์ร้านอาหารต่างๆ ใน 3 รูปแบบ คือ
· Best Selling Alliances รวมเมนูดังขายดีแบบคูณสอง: การจับเมนูดังของสองร้านขายดีระดับแมสมาสร้างกิมมิคใหม่ โดยผสานจุดเด่นของเมนูดังจากทั้ง 2 แบรนด์เพื่อสร้างความแปลกใหม่อย่างลงตัว อาทิ การผนึกความร่วมมือกันของสองแบรนด์สุดปังอย่าง ซูรี (SOURI) แบรนด์ร้านขนมของ “วิน” เมธวินในสไตล์ Contemporary Patisserie ที่มีมาการองขึ้นชื่อ และ บัตเตอร์แบร์ (Butterbear) แบรนด์เบเกอร์รี่สุดไวรัลขวัญใจมัมหมี ที่ได้ร่วมงานกันอีกครั้งเพื่อสร้างสีสันให้วงการขนมกับการนำเสนอ ‘SOURI X Butterbear Boxset’ เพื่อเอาใจสายหวานด้วยเมนูยอดฮิตของทั้ง 2 ร้าน พร้อมเติมความน่ารักผ่านดีไซน์ Boxset แบบพิเศษที่ช่วยให้ขายดีแบบคูณสอง
· Specialty Synergy รวมร้านเอกลักษณ์สร้างเมนูคุณภาพ: การจับแบรนด์ที่มีจุดเด่นและความเชี่ยวชาญในอาหารที่ต่างกันมาร่วมมือกัน ซึ่งช่วยสร้างความแปลกใหม่ให้กับลูกค้าประจำและยังสามารถดึงดูดความสนใจจากลูกค้าใหม่ๆ อย่างเมนู “ชีสเค้กกับดิปชาไทย” จาก เลเยอร์ (Layers) ร้านขนมหวานที่มีเอกลักษณ์ของเค้กหลายเลเยอร์ไม่เหมือนใคร มาร่วมมือกับ ฉันจะกินชาเย็นทุกวัน ตัวตึงในเรื่องชาเย็น
เจ้าของเมนูชาเย็นสเลอปี้ที่มาแรงที่สุดในปีนี้ โดยผสานจุดแข็งและความเป็นเอกลักษณ์ของทั้งสองแบรนด์มาสร้างเมนูที่ใหม่ให้กับลูกค้าได้ลิ้มรสความอร่อยที่ผสานกันอย่างลงตัว
· Hybrid Fusion รวมพลังข้ามกลุ่มเป้าหมายขยายฐานลูกค้า: การร่วมมือของร้านมีฐานลูกค้าที่แตกต่างกัน หรือมาจากคนละวงการ อย่างเมนู “เบบี้เอแคลร์เมลอน” เมนูสุดไวรัลจากร้านอาฟเตอร์ยู (After You) คาเฟ่ร้านขนมสุดฮอตที่ไม่มีใครไม่รู้จักที่ร่วมมือกับ เอแคลร์จือปาก (Juepak) อินฟลูเอนเซอร์ตัวแม่ชื่อดังที่่มีผู้ติดตามหลักล้านคน ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้ไม่เพียงจะสร้างความตื่นเต้นและแปลกใหม่ให้กับวงการอาหาร แต่ยังช่วยขยายฐานลูกค้าระหว่างกันด้วย
“สำหรับในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ แกร็บฟู้ดเตรียมเปิดตัวแคมเปญใหม่ล่าสุด #GrabThumbsUp อร่อยจริง จากคนกินจริง เพื่อตอกย้ำจุดแข็งของแฟลกชิปแบรนด์อย่าง #GrabThumbsUp ที่คอยคัดสรรร้านอร่อยจากทั่วประเทศที่มีคะแนนเรตติ้งสูงและได้รับการรีวิวจากคนกินจริงมาแนะนำให้ผู้ใช้บริการ ซึ่งรวมถึงเมนูโค-ครีเอชันจากหลายแบรนด์ชั้นนำที่เตรียมทยอยเปิดตัวเพื่อเอาใจสายกิน มาพร้อมความคุ้มค่าด้วยการมอบส่วนลดคืนสูงสุดถึง 500 บาทสำหรับการสั่งอาหารในครั้งต่อไป พร้อมโปรฯ เด็ดส่งฟรีทั้งเมือง* เพียงใส่โค้ด 0BAHT ตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม - 24 พฤศจิกายนนี้” นายจิรกิตต์ ทิ้งท้าย
นายวรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย รับมอบรางวัล “สุดยอดแบรนด์ทรงพลัง” (The Most Powerful Brands of Thailand 2024) ในสาขาแพลตฟอร์มส่งอาหาร (Food Delivery Platform) จากภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะที่ GrabFood ได้ัรับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งใน 29 แบรนด์ที่ทรงพลังที่สุดในประเทศไทย จากการสำรวจและเก็บข้อมูลผู้บริโภคมากกว่า 24,000 ตัวอย่างทั่วประเทศ ครอบคลุมใน 4 มิติ ได้แก่ ความตระหนักในแบรนด์ ความชื่นชอบในแบรนด์ การใช้ผลิตภัณฑ์ และภาพลักษณ์ ณ หอประชุมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อเร็ว ๆ นี้
“แกร็บรู้สึกภูมิใจและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่แบรนด์แกร็บฟู้ด (GrabFood) ได้รับรางวัลสุดยอดแบรนด์ทรงพลัง (The Most Powerful Brands of Thailand) จากภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 2 โดยจากผลการวิจัยในปีนี้ แกร็บฟู้ดยังคงเป็นแบรนด์ที่ครองใจคนไทยทุกช่วงวัย (18-69 ปี) ทุกเพศ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด และเราจะยังคงมุ่งมั่นพัฒนาบริการและนวัตกรรมต่างๆ เพื่อให้แพลตฟอร์มของแกร็บสามารถตอบโจทย์พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปในทุกยุคทุกสมัย โดยยังคงรักษาคุณภาพและมาตรฐานการให้บริการอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการส่งเสริมความยั่งยืนในด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นไปตามพันธกิจในการดำเนินธุรกิจที่เรียกว่า GrabForGood” นายวรฉัตร กล่าวเสริม
สำหรับการประกาศรางวัล "สุดยอดแบรนด์ทรงพลังของประเทศไทย 2024" (The Most Powerful Brands of Thailand 2024) จัดขึ้นในปีนี้เป็นครั้งที่ 7 โดยภาควิชาการตลาด คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ทำการวิจัยและสำรวจความคิดเห็นจากประชาชนทั่วประเทศอย่างต่อเนื่องทุก 2 ปี โดยปีนี้มีการเก็บข้อมูลจาก 24,000 ตัวอย่าง แบ่งเป็นกลุ่มในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล 12,000 ตัวอย่าง และใน 13 จังหวัดหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศอีก 12,000 ตัวอย่าง เพื่อจัดอันดับความแข็งแกร่งของแบรนด์ พร้อมวิเคราะห์ปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมให้แบรนด์แข็งแกร่ง เพื่อนำมาเป็นองค์ความรู้ในการกำหนดกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดต่อไป
แกร็บฟู้ด (GrabFood) แพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรียอดนิยม เผยอินไซต์คนไทยนิยมสั่งอาหารผ่านแอปฯ เพื่อบริโภคเป็นกลุ่ม ระบุ 93% ของผู้ใช้บริการแกร็บฟู้ดสั่งอาหารมากินด้วยกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป
แต่กว่า 75% พบปัญหาในการแบ่งจ่ายหรือโอนเงินคืนกัน สบช่องผุดไอเดียอัปเกรดฟีเจอร์ “คำสั่งซื้อกลุ่ม” (Group Order) เพื่อแก้ปัญหาให้ผู้ใช้บริการสั่งอาหารร่วมกันได้สะดวกขึ้น สามารถเลือกเมนูโปรดได้ตามใจ และเพิ่ม 3 ออปชันการจ่ายเงินได้ตามต้องการ พร้อมส่งแคมเปญ “รักนะกรุ๊ปๆ กินกับกรุ๊ป สั่งกับ Grab” เจาะกลุ่มคนทำงานออฟฟิศ ครอบครัวและเพื่อน มาพร้อมโปรโมชันรูปแบบใหม่ ยิ่งสั่งกรุ๊ปใหญ่ ยิ่งลดเยอะ ด้วยส่วนลดสูงสุดถึง 15% เมื่อสั่งอาหารเป็นกลุ่มตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป พร้อมส่วนลด 30% สำหรับผู้ใช้ใหม่เพียงใส่โค้ด “NEWGROUP”
นายจิรกิตต์ กว้างสุขสถิตย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจเดลิเวอรี แกร็บ ประเทศไทย เผยว่า “จากการศึกษาพฤติกรรมการบริโภคของผู้ใช้บริการ หนึ่งในอินไซต์ที่น่าสนใจคือคนไทยนิยมรับประทานอาหารด้วยกันหรือใช้เวลาร่วมกันในมื้ออาหาร โดย 93% ของผู้ใช้บริการแกร็บฟู้ดในประเทศไทยจะสั่งอาหารมารับประทานร่วมกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป[1] ทั้งนี้ แกร็บได้พัฒนาและเปิดตัวฟีเจอร์ ‘คำสั่งซื้อกลุ่ม’ (หรือ Group Order) มาตั้งแต่ปี 2563 เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้บริการที่ต้องการสั่งอาหารร่วมกันภายในออเดอร์เดียว ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มคนทำงานออฟฟิศ โดยกว่า 85% ของผู้ใช้บริการฟีเจอร์ Group Order เลือกสั่งอาหารเพื่อมารับประทานร่วมกันในมื้อหลัก[2] โดยเฉพาะมื้อเที่ยงและมื้อเย็น รองลงมาคือสั่งอาหารร่วมกันเพื่อฉลองในโอกาสพิเศษหรือเทศกาลสำคัญ และรับประทานระหว่างการประชุม”
“หนึ่งในปัญหา (Pain Point) หลักของผู้ใช้บริการเมื่อสั่งอาหารร่วมกันคือ คนไทยเป็นคนขี้เกรงใจ ไม่กล้าทวงเงิน โดย 75% ของผู้ใช้บริการระบุว่า มักมีปัญหากับการแบ่งจ่ายเงิน[3] ไม่ว่าจะเป็น การคำนวณยอดสั่งและการหารค่าอาหาร หรือความวุ่นวายในการโอนเงินคืนกัน นอกจากนี้ ยังพบว่าบ่อยครั้งที่การสั่งอาหารร่วมกันในออเดอร์เดียวใช้เวลานาน บางครั้งเกิดความยืดเยื้อเพราะต้องรอให้แต่ละคนใส่รายละเอียดที่ต้องการโดยไม่มีการกำหนดเวลาปิดรับออเดอร์ ล่าสุดเราจึงได้พัฒนาและอัปเกรดฟีเจอร์ Group Order ให้ตอบโจทย์มากขึ้นเพื่อแก้ปัญหาการแบ่งจ่ายและลดเวลาในการสั่ง” นายจิรกิตต์ กล่าวเสริม
ฟีเจอร์คำสั่งซื้อกลุ่ม (Group Order) รูปแบบใหม่มาพร้อม 3 ไฮไลท์สำคัญที่ช่วยแก้ปัญหาของผู้ใช้บริการได้แบบตรงจุด คือ
นอกจากนี้ แกร็บฟู้ดได้เปิดตัวแคมเปญ “รักนะกรุ๊ปๆ กินกับกรุ๊ป สั่งกับ Grab” ภายใต้คอนเซปต์ “MEALATIONSHIP SAVER” เพื่อตอกย้ำจุดแข็งของฟีเจอร์คำสั่งซื้อกลุ่มในฐานะตัวช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์และเพิ่มความสุขให้กับการรับประทานอาหารร่วมกัน จัดเต็มด้วยกิจกรรมการตลาด 360 องศา ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อเจาะ 3 กลุ่มเป้าหมายหลัก คือ กลุ่มคนทำงานออฟฟิศ กลุ่มครอบครัว และกลุ่มเพื่อน พร้อมให้ส่วนลดพิเศษสูงสุด ถึง 15% เมื่อสั่งอาหารร่วมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป (สูงสุด 10 คน) พิเศษ! สำหรับผู้ใช้บริการใหม่ รับส่วนลดเพิ่ม 30% (สูงสุด 100 บาท เมื่อสั่งอาหารขั้นต่ำ 200 บาท) เพียงใส่โค้ด ‘NEWGROUP’ ตั้งแต่วันนี้ถึง 18 สิงหาคม 2567 เท่านั้น
ติดตามรายละเอียดเกี่ยวกับฟีเจอร์คำสั่งซื้อกลุ่ม (Group Order) และแคมเปญ “รักนะกรุ๊ปๆ กินกับกรุ๊ป สั่งกับ Grab”