เป็นอีกหนึ่งคนบันเทิงที่นำเทรนด์เสมอและอยู่ในกระแสตลอดเวลาสำหรับ “จี๊บ เทพอาจ กวินอนันต์” ผู้ที่ควบทั้งบทบาทซีอีโอค่ายเพลง LOVEiS Entertainment และศิลปินในสังกัดค่าย marr ที่ล่าสุดได้จับมือร่วมกันกับ Bitkub NFT ปล่อยผลงาน NFT จากฝีมือการถ่ายภาพสุดพิเศษของตนเองเพื่อเปิดโอกาสให้ซื้อขายแลกเปลี่ยนและให้แฟนคลับได้เก็บสะสมในผลงานที่มีชื่อชุดว่า “NFT JEEP COLLECTION” ซึ่งเป็นการรวมภาพสุดพิเศษภาพที่ถ่ายโดยจี๊บเทพอาจกับบรรยากาศและโมเมนต์สุดน่ารักระหว่างซีอีโอของค่ายและศิลปินในสังกัดได้แก่ SLAPKISS, pluto, sarah salola, NINEW, Kinkaworn กับ 8 คอลเลคชั่นภาพที่จี๊บ เทพอาจ ตั้งชื่อภาพด้วยตัวเอง มี “ไปดูผีเสื้อที่ห้องเราไหม” “คูณสามSuperต๊อง” “ร้อน (Hot)” “ยกนิ้ว” “หน้าสด” “ทาบอก” “จอห์นนอนเล่น” และ “โลกของเรา 2 คน”
บริษัท มาร์ดี คราฟท์ จำกัด หรือ Mardi Craft ธุรกิจหนึ่งในเครือของคุณเทพอาจ กวินอนันต์ ผู้ที่คร่ำหวอดในแวดวงอาหารและเครื่องดื่ม มาร์ดี คราฟท์วางคอนเซ็ปต์ในการนำเสนอตัวเองสุดเก๋ด้วยแนวคิดที่ว่าเราคือสะพานที่เชื่อมโลกของคราฟต์เบียร์ในทุกมิติเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของแบรนด์คราฟต์เบียร์ เจ้าของร้านคราฟต์เบียร์ หรือผู้บริโภคคราฟต์เบียร์เองเพื่อนำเสนอประสบการณ์การดื่มคราฟต์เบียร์ที่ถูกผลิตในประเทศไทยอย่างถูกกฎหมายแล้ว โดยที่ผ่านมา มาร์ดี คราฟท์ มีการออกสินค้าที่หลากหลายเช่น Thai Myth Series ชูเอกลักษณ์ความเป็นไทยและ M๓๒ คราฟต์เบียร์ซีรีส์ที่นำเสนอความหลากหลายแตกต่างอย่างสร้างสรรค์
คุณชววัฒก์ สุทธินาค ผู้จัดการฝ่ายการตลาดและการขาย บริษัท มาร์ดี คราฟท์ จำกัด เผยว่า “สำหรับที่ผ่านมาตลาดคราฟต์เบียร์ในไทยมาแรงโตสวนกระแส ถึงแม่ว่าตลาดคราฟต์เบียร์ในไทยจะยังเป็นกลุ่ม Niche Market หรือกลุ่มเฉพาะมีสัดส่วนทางการตลาดอยู่ไม่ถึง 1% รวมทั้งที่นำเข้าและที่ผลิตเองภายในประเทศ หรือมูลค่าตลาดรวมที่ประมาณ 1,000 ล้านบาทแต่ก็มีแนวโน้มและมีอัตราการเติบโตสูงขึ้น 5-8% และคาดการณ์ว่าในอีกไม่กี่ปีนี้จะถึง 1% และมีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ประมาณ 2,000 ล้านบาท จากปัจจัยที่มีช่องการทางการการขายที่เติบโตและเพิ่มมากขึ้นไม่เหมือนในยุคสมัยก่อนที่ขายได้แค่ในร้านคราฟต์เบียร์หรือร้านที่ร่วมรายการเท่านั้น”
“ซึ่งในไตรมาสที่ 1 ของปี 65 มาร์ดี คราฟท์ ถือว่าเป็นผู้ผลิตจัดจำหน่ายที่นั่งใจในผู้บริโภคและอยู่ในอันดับต้นๆ ของประเทศไทยแล้ว เราได้จัดกิจกรรมสร้างการรู้จักส่งเสริมความสัมพันธ์และขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่องด้วยกลยุทธ์ (1)ออกสินค้าใหม่ที่หลากลาย โดดเด่นและแตกต่างตอบโจทย์ทุกคอเบียร์ (2)สร้างและกระจายช่องทางเพื่อให้สินค้าเป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้บริโภคและร้านค้ามากขึ้น (3)สื่อสารการตลาดเพื่อถ่ายทอดเรื่องราวของแบรนด์จนไปสู่การสร้างคอมมิวนิตี้ให้แข็งแกร่งอย่างเช่น อย่างเช่น Mardi Craft ส่ง Thai Myth Series จับคู่คราฟต์เบียร์และอาหาร ร่วมกับร้านสำรับใหญ่ Thai Cafe Experience ภายใต้งาน Thai Myth Essence ชูเอกลักษณ์วัตถุดิบไทยจากอาหารและคราฟต์เบียร์กิจกรรมนี้ได้รับผลตอบรับที่ดีมากจากร้านค้า ผู้เข้าร่วมกิจกรรมและสื่อได้ที่เข้าร่วมงาน นอกเหนือจากกิจกรรมดังกล่าว มาร์ดี คราฟท์ คลอดสินค้าซีรีส์ใหม่ เป็น Craft Beer Series ที่จะมีเบียร์ทั้งหมด 32 สไตล์ตอบโจทย์ทุกคอเบียร์เพิ่งออกวางจำหน่ายไปช่วงปลายไตรมาสที่ 1จำหน่ายช่วงปลายไตรมาสเป็นสินค้าที่นำเสนอความแตกต่างผ่านเบียร์สไตล์ที่หลากหลาย เพื่อให้คนไทยได้ลองสัมผัสความแตกต่าง สินค้าได้รับผลตอบรับที่ดีจากทั้งร้านค้าและผู้บริโภค เป็นไปตามเป้าหมายที่มาร์ดี คราฟท์วางไว้ ซึ่งต้องการผลิตและจัดจำหน่ายคราฟต์เบียร์ไทยที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์”
“สำหรับในไตรมาส 2 นั้น มาร์ดี คราฟท์ พร้อมดำเนินการตลาดอย่างต่อเนื่องด้วยการใช้แผนกลยุทธ์เดิมในการสร้างและขยายตลาดให้เป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้บริโภคมากขึ้น โดยในไตรมาสนี้เน้นการโปรโมท M๓๒ และนำเสนอความแตกต่างภายใต้กิจกรรม The Mutual M ที่สะท้อนความหลายหลากผ่านงานศิลปะกับศิลปินกลุ่มกราฟฟิตี้เพื่อสร้างผลงานแตกต่างอย่างสร้างสรรค์ เป็นการนำเสนอประสบการณ์ใหม่ให้กับอุตสาหกรรมคราฟต์เบียร์ไทยและผู้บริโภค ทั้งหมดนี้เพื่อมุ่งมั่นในการให้ผู้บริโภคได้สัมผัสความหลากหลายของคราฟต์เบียร์หลายสไตล์ สนุกไปกับการได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ เพื่อสร้างคอมมิวนิตี้ของคอเบียร์ให้แข็งแกร่งซึ่งเป็นเป้าหมายระยะยาวภายใน 5 ปี”