กรุงเทพฯ – (8 พฤศจิกายน 2567) – บริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด ผู้นำบริการทางการเงินรวมทั้งสินเชื่อดิจิทัล และผู้ให้บริการแอปพลิเคชันทรูมันนี่ ประกาศความสำเร็จในการไถ่ถอนหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิของบริษัทย่อย ได้แก่ บริษัท แอสเซนด์ นาโน จำกัด มูลค่า 392,300,000 บาท ก่อนครบกำหนด ทั้งนี้ หุ้นกู้ดังกล่าวมีกำหนดครบไถ่ถอนในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2568 แต่บริษัทฯ สามารถดำเนินการไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมั่นคงทางการเงินและการบริหารจัดการทางการเงินที่มีประสิทธิภาพของบริษัทฯ โดยหุ้นกู้ดังกล่าวให้อัตราดอกเบี้ย 6.75% ต่อปี
คุณอชิรา เตาลานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท แอสเซนด์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า “การตัดสินใจไถ่ถอนหุ้นกู้ แอสเซนด์ นาโน ก่อนกำหนดในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ระยะยาวของบริษัทฯ รวมทั้งสะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งทางการเงิน และความสามารถในการบริหารจัดการทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างความมั่นใจแก่นักลงทุนในการบริหารจัดการและรักษาผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นกู้ ซึ่งการปรับปรุงโครงสร้างเงินทุน และลดภาระดอกเบี้ยในครั้งนี้ จะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงและเตรียมพร้อมสำหรับการขยายธุรกิจของกลุ่มบริษัท แอสเซนด์ มันนี่ ต่อไป ทั้งนี้ บริษัทฯ ขอขอบคุณนักลงทุนที่ให้ความสนใจและเชื่อมั่นในการลงทุนหุ้นกุ้ของกลุ่มบริษัทเสมอมาทั้งหุ้นกู้ แอสเซนด์ นาโน และหุ้นกู้ ทรูมันนี่ ในช่วงที่ผ่านมา”
บริษัท แอสเซนด์ นาโน จำกัด อยู่ภายใต้กลุ่มบริษัท แอสเซนด์ มันนี่ จำกัด และมีบทบาทสำคัญในการขยายบริการและการเข้าถึงสินเชื่อดิจิทัลในประเทศไทย โดยหนึ่งในผลิตภัณฑ์สำคัญของแอสเซนด์ นาโน คือ เพย์เน็กซ์ (Pay Next) ซึ่งเป็นบริการวงเงินและสินเชื่อที่ให้บริการผ่านแอปพลิเคชันทรูมันนี่ (TrueMoney) ที่มีผู้ใช้งานครอบคลุมกว่า 32 ล้านคนในประเทศไทย
คุณอชิรา เตาลานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท แอสเซนด์ กรุ๊ป จำกัด
ที่ผ่านมา แอสเซนด์ นาโน ได้มีการนำระบบบริหารความเสี่ยงที่ครอบคลุมมาใช้เพื่อให้มั่นใจว่าการให้สินเชื่อเป็นไปตามนโยบายการให้สินเชื่ออย่างยั่งยืนและมีความรับผิดชอบ โดยบริษัทฯ ได้นำเทคโนโลยีเอไอและการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง รวมทั้งการคำนวณความเสี่ยงทางการเงินที่ประเมินจากข้อมูลทางเลือก (Alternative Data) อาทิ พฤติกรรมการเติมเงินและการใช้จ่ายผ่านแอป มาประยุกต์ใช้ในการประเมินสินเชื่อ ซึ่งการประเมินแบบครอบคลุมนี้ ทำให้ แอสเซนด์ นาโน สามารถวิเคราะห์ความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ที่สมัครสินเชื่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาข้อมูลเครดิตแห่งชาติเพียงอย่างเดียว ซึ่งช่วยให้ผู้บริโภคและธุรกิจรายย่อยที่แต่ก่อนไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้จากสถาบันการเงิน สามารถสมัคร รู้ผล และเข้าถึงแหล่งเงินทุนและผลิตภัณฑ์การเงินที่หลากหลายได้อย่างสะดวกรวดเร็วผ่านแอปพลิเคชันทรูมันนี่ โดยการบริการวงเงินและสินเชื่อในรูปแบบดังกล่าวได้เปิดโอกาสให้ผู้บริโภคและผู้ประกอบธุรกิจรายย่อย เช่น พ่อค้า แม่ค้า สามารถเข้าถึงแหล่งเงินฉุกเฉินในเวลาที่จำเป็น ไปพร้อม ๆ กับต่อยอดการเติบโตของธุรกิจของตนได้โดยไม่ต้องพึ่งพาแหล่งเงินกู้นอกระบบ นอกจากนี้ แอสเซนด์ นาโน ยังมีการควบคุมการปล่อยวงเงินและสินเชื่อโดยปรับไปตามพฤติกรรมและความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ใช้ เพื่อเสริมสร้างวินัยและการใช้วงเงินอย่างมีความรับผิดชอบ ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นของพวกเขาเหล่านี้อย่างยั่งยืน
“บริการและนโยบายต่างๆ ของ แอสเซนด์ นาโน สอดคล้องกับพันธกิจของกลุ่ม แอสเซนด์ มันนี่ ในการสร้างนวัตกรรมทางการเงินที่ช่วยทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงบริการทางการเงินที่หลากหลายและมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น แอสเซนด์ นาโน จะยังคงมุ่งมั่นที่จะขยายบริการสินเชื่อดิจิทัล ไปพร้อม ๆ กับขยายความร่วมมือกับหน่วยงานกำกับดูแล
หน่วยงานภาครัฐ และพันธมิตรที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้นวัตกรรมทางการเงินเป็นเครื่องมือสำคัญในการเสริมสร้างความมั่นคงทางการเงินของคนไทย และสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจให้ประเทศไทยต่อไป” คุณอชิรา กล่าวสรุป
เมื่อพูดถึงการล่อลวงทางการเงิน หลายคนอาจคิดถึงฉากที่มิจฉาชีพสวมหมวกปีกกว้างและแว่นดำ คอยมองหาผู้ที่พร้อมจะ "รวยทางลัด" แต่ในความเป็นจริงแล้ว วิธีการเหล่านี้กลับแยบยลและทันสมัยกว่าที่คุณคิดมาก ลองนึกภาพดิไอคอนกรุ๊ปที่เต็มไปด้วยความหรูหรา ความวาววับ และการนำเสนอการลงทุนที่ฟังแล้วเหมือนฝันที่คุณสามารถแตะต้องได้ แม้ว่าความเป็นจริงจะไม่เป็นเช่นนั้นก็ตาม
ในกรณีของกลุ่ม ดิ ไอคอน กรุ๊ป การตลาดที่ใช้ไม่ใช่แค่การนำเสนอว่าคุณสามารถทำกำไรได้เร็ว แต่ยังสอดแทรกด้วยภาพลักษณ์ของความสำเร็จที่ดูจับต้องได้ ตัวอย่างเช่น การจัดงานหรูหรา ใช้รถหรูเป็นรางวัล และให้ความรู้สึกว่า "ถ้าคุณไม่ลงทุนตอนนี้ คุณอาจจะพลาดโอกาสทอง" นี่คือจุดเริ่มต้นของความหวังในการทำกำไรอย่างรวดเร็วที่เป็นกับดักสำคัญสำหรับหลายคน ผู้ลงทุนจำนวนมากจึงก้าวเข้ามาโดยไม่คำนึงถึงความเสี่ยงหรือที่มาของเงินทุน
สิ่งที่ทำให้เรื่องนี้น่าดึงดูดยิ่งขึ้นไปอีกก็คือ การสร้างบรรยากาศ "ความสำเร็จทันตาเห็น" ผ่านการใช้คนดังและสังคมออนไลน์ นักแสดงที่เราคุ้นเคยหรือผู้มีอิทธิพลในโลกออนไลน์มักเป็นหน้าตาของการลงทุนเหล่านี้ ทำให้ทุกอย่างดูเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ใช่แค่คุณที่ลงทุน แต่คนดังเหล่านี้ก็ทำเหมือนกัน!
ยิ่งไปกว่านั้น กรณีของดิไอคอนกรุ๊ปยังเน้นหนักไปที่การทำให้ผู้คนรู้สึกว่าการลงทุนนี้เป็นเรื่องง่าย มีคนลงทุนแล้วสำเร็จมาแล้วมากมาย ผลตอบแทนสูงและมีการชักชวนแบบ "ถ้าคุณไม่เข้าร่วม คุณอาจจะพลาดอะไรบางอย่างที่ยิ่งใหญ่" ซึ่งส่งผลให้หลายคนรู้สึกกดดันที่จะต้องตัดสินใจอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้ตกกระแส การหลอกลวงในลักษณะนี้จึงเปรียบเสมือนการนำเสนอการเดินเข้าสู่โลกของผู้ประสบความสำเร็จ ซึ่งเป็นสิ่งที่ใครๆ ก็อยากจะเป็น
แม้ว่าการขาดความรู้ทางการเงินและการลงทุนจะเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้คนจำนวนมากตกเป็นเหยื่อ แต่เสน่ห์ของการตลาดที่ถูกออกแบบมาอย่างแยบยลก็ไม่สามารถมองข้ามได้ ความรู้สึกว่าคุณกำลังเข้าใกล้กับ "การเป็นเศรษฐีคนใหม่" ทำให้ผู้คนหลงลืมความเสี่ยงที่ซ่อนอยู่ในนั้น บางคนอาจจะคิดว่า "ก็มีคนที่ได้รับผลตอบแทนจริงๆ นี่นา" แต่ความจริงคือการลงทุนลักษณะนี้มักดำเนินไปในลักษณะแชร์ลูกโซ่ โดยผู้ที่เข้ามาในช่วงแรกอาจได้รับผลตอบแทน แต่เมื่อเวลาผ่านไป การจ่ายผลตอบแทนจะกลายเป็นเรื่องยากเมื่อไม่มีผู้ลงทุนใหม่เข้ามาเพิ่มเติม
สิ่งสำคัญที่ทำให้ดิไอคอนกรุ๊ปดูมีเสน่ห์เกินกว่าจะต้านทานได้ คือบรรยากาศของ "โอกาสที่พลาดไม่ได้" งานเปิดตัวอลังการที่เปล่งประกาย รางวัลรถหรู และการโฆษณาที่ดูเหมือนทุกคนกำลังประสบความสำเร็จอยู่แล้ว หากคุณไม่เข้าร่วมก็เหมือนกับการปล่อยให้โอกาสหลุดมือ ซึ่งกดดันให้หลายคนต้องเข้าร่วมโดยไม่มีเวลาคิดให้รอบคอบ
สุดท้ายนี้ ความหลงใหลใน "ความสำเร็จที่ง่ายดาย" ที่หลายคนเห็นผ่านคนดังหรือภาพลักษณ์หรูหราของการลงทุน เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ผู้คนไม่สามารถต้านทานการตัดสินใจร่วมลงทุนได้ อย่างไรก็ตาม การลงทุนที่แท้จริงต้องมีการตรวจสอบ การศึกษา และประเมินความเสี่ยงอย่างละเอียด เพื่อลดโอกาสในการตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวงที่ดูหรูหราเกินจริง
เรื่อง ชายกลาง
14/10/2567
นางสาวสุรางค์ มงคลอารีย์พงษ์ (กลาง) ผู้บริหารสูงสุดสายงานบริหารช่องทางการขาย “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) นำทีมบริหารจัดงานสัมมนาใหญ่ปี 2023 "Work Life Harmony เสริมไอที สุขภาพดี พลิกชีวีให้ดีขึ้น" ให้กับผู้แนะนำผลิตภัณฑ์ทางการเงินเคทีซี (อิสระ) ที่ผ่านการคัดเลือกจากทั่วประเทศรวมกว่า 300 คน โดยในงานมี 2 วิทยากรที่มาแชร์ความรู้และประสบการณ์ทางด้านดิจิทัลและการมีสุขภาพที่ดี “ครูทิป” มัณฑิตา จินดา (ที่ 2 จากซ้าย) ร่วมพูดคุยในหัวข้อ "อัพสกิลดิจิทัล แบบไม่ตกเทรนด์กับครูทิป" และ “หมอเพื่อน” แพทย์หญิงกอบกุลยา จึงประเสริฐศรี (ที่ 2 จากขวา) แบ่งปันความรู้ในหัวข้อ "สมดุลชีวิตสร้างได้ด้วยตัวเรา" ณ โรงแรม แบงค็อก แมริออท มาร์คีส์ ควีนส์ปาร์ค สุขุมวิท 22 เมื่อเร็วๆ นี้
ตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยมีการคาดการณ์ว่าจะขยายตัวเฉลี่ยปีละ 13% ในช่วงปี 2022 - 2025 จนมีมูลค่าราว 32,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่งผลให้ธุรกิจต่าง ๆ ก้าวเข้าสู่โลกอีคอมเมิร์ซเพื่อหาโอกาสใหม่ ๆ ทั้งยังมีผู้ประกอบการรายใหม่เกิดขึ้นมากมาย ทั้งนี้ ผู้ค้าออนไลน์รายใหม่อาจจะยังขาดความรู้และประสบการณ์ ทั้งด้านการบริหารร้านค้าออนไลน์ การคำนวณต้นทุน การตั้งราคาขาย การบริหารคลังสินค้า และความรู้ด้านภาษี แม้ขายดีก็อาจจะขาดทุนได้
ดังนั้น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ Sea (ประเทศไทย) ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตแพลตฟอร์มชั้นนำ ได้แก่ การีนา (Garena) ช้อปปี้ (Shopee) และซีมันนี่ (SeaMoney) จึงผสานความเชี่ยวชาญ จัดทำวิดีโอสั้น (video series) ชุด ‘Smart E-commerce Entrepreneur’ จำนวน 5 ตอน เพื่อเติมเต็มความรู้ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการออนไลน์ ผ่านเนื้อหาที่ถูกย่อยให้กระชับ เข้าใจง่าย และนำไปใช้ได้จริง ทั้งด้าน ‘การทำธุรกิจบนอีคอมเมิร์ซ’ และ ‘การเงินเพื่อธุรกิจออนไลน์’ (Financial literacy for online sellers)
นางพรรณวดี ลดาวัลย์ ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ มุ่งส่งเสริมการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนในทุกมิติ โดยมุ่งมั่นพัฒนาตลาดทุนให้เป็นประโยชน์ต่อทุกภาคส่วน ภายใต้วิสัยทัศน์ “To Make the Capital Market ‘Work’ for Everyone” โดยภารกิจหนึ่งที่สำคัญในด้านการส่งเสริมความรู้ผู้ประกอบการ คือ การพัฒนาองค์ความรู้และทักษะความเป็นผู้ประกอบการ ตลอดจนการเผยแพร่ความรู้เหล่านี้ไปยังกลุ่มเป้าหมาย ภายใต้แบรนด์ “ห้องเรียนผู้ประกอบการ” ผ่านสื่อความรู้ดิจิทัล e-Learning คลิปความรู้ วีดีโอซีรีส์ บทความและ Infographic กว่า 600 ชิ้น ซึ่งการได้ร่วมมือกับ Sea (ประเทศไทย) ในครั้งนี้ จะเป็นการผนึกกำลังความแข็งแกร่งของแต่ละองค์กร มาต่อยอดและขยายผลไปยังกลุ่มเป้าหมายในวงกว้าง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการออนไลน์ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง”
ดร.ศรุต วานิชพันธุ์ ผู้อำนวยการอาวุโส Sea (ประเทศไทย) กล่าวถึงการยกระดับความสามารถผู้ประกอบการบนแพลตฟอร์มช้อปปี้ (Shopee) ว่า “การเริ่มทำธุรกิจบนอีคอมเมิร์ซเป็นเรื่องง่าย ทั้งยังใช้ต้นทุนต่ำ ทำให้คนไทยหันมาเป็นผู้ประกอบการออนไลน์กันมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ดังนั้น Sea (ประเทศไทย) และช้อปปี้ (Shopee) ซึ่งเป็นธุรกิจ อีคอมเมิร์ซภายในเครือ จึงมุ่งให้ความรู้และส่งเสริมทักษะผู้ประกอบการให้กับผู้ค้าช้อปปี้มาโดยตลอด ปฏิเสธไม่ได้ว่า การทำธุรกิจในปัจจุบันมีการแข่งขันสูง และผู้ค้ารายใหม่อาจจะยังขาดความรู้ โดยเฉพาะในด้านการจัดการร้านค้า การคำนวณและบริหารต้นทุน การตั้งราคา การบริหารคลังสินค้า และภาษี ดังนั้น การร่วมมือกับตลาดหลักทรัพย์ฯ ในครั้งนี้ จึงเป็นการผสานความเชี่ยวชาญ เพื่อตอบโจทย์ Pain Point ของผู้ประกอบการออนไลน์อย่างแท้จริง”
เนื้อหา 5 ตอน ประกอบไปด้วย
· EP1 โอกาสการขายผ่าน e-commerce
· EP2 ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธุรกิจ Ecommerce ประสบความสำเร็จ
· EP3 ตั้งราคาสินค้าอย่างไรให้เหมาะสมและไม่ขาดทุน
· EP4 จัดการ Stock สินค้าให้ดีทุนไม่จม
· EP5 ขายออนไลน์ต้องรู้ เสียภาษีอย่างไร
ผู้ประกอบการและบุคคลทั่วไปที่มีความสนใจ สามารถรับชม วิดีโอสั้นชุด ‘Smart E-commerce Entrepreneur’ ทั้ง 5 ตอน ได้ทาง Shopee University, SeaAcademy.co และ LiVE Platform by SET
ธุรกิจ Business Analytics & Development บริษัท เอ้ก ดิจิทัล ให้บริการโซลูชันที่ปรึกษาด้านข้อมูลและวิเคราะห์บิ๊กดาต้าครบวงจรที่ขับเคลื่อนด้วย AI “Business Analytics as a Service - Powered by AI Engine” รุกชิงส่วนแบ่งตลาดบิ๊กดาต้ามูลค่า 14,000 ล้าน เดินหน้าให้บริการใน 5 อุตสาหกรรมหลัก “ค้าปลีก-ธุรกิจสื่อ-การเงิน-ประกัน-ยานยนต์” ซึ่ง Data Science และเทคโนโลยี AI, Machine Learning ขั้นสูงของ EGG Digital จะเป็นขุมพลังที่ช่วยขับเคลื่อนองค์กรธุรกิจนั้นๆ อย่างตรงจุด โดยพร้อมดูแลและจัดการข้อมูลได้ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ มอบบริการแบบ End-to-End มีความยืดหยุ่นสูง วางแผน กำหนดกลยุทธ์ และออกแบบจัดการข้อมูลและการวิเคราะห์เชิงลึกได้หลากหลายมิติ ตอบอินไซต์และการดำเนินงานตามโจทย์ทางธุรกิจ เสริมศักยภาพความแข็งแกร่งการแข่งขันให้กับองค์กรต่างๆ ช่วยเพิ่มรายได้-ลดต้นทุน-ลดความเสี่ยง โดย EGG Digital ตั้งเป้ารายได้เติบโตก้าวกระโดด 30% ในปี 2566 นี้
นายวรภัทร งามเจตวรกุล ผู้จัดการทั่วไปธุรกิจ Business Analytics & Development บริษัท เอ้ก ดิจิทัล จำกัด กล่าวว่า “ธุรกิจยุคใหม่ต่างหันมาให้ความสำคัญกับการใช้ข้อมูลและมีความต้องการขับเคลื่อนธุรกิจด้วย Data-Driven Analytics โดยใช้ประโยชน์จากบิ๊กดาต้าเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งเอ้ก ดิจิทัล ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์เชิงลึกจากข้อมูลขนาดใหญ่และ ผู้ให้บริการที่ปรึกษาทางธุรกิจ ได้นำเสนอบริการให้คำปรึกษาด้านข้อมูลและวิเคราะห์บิ๊กดาต้าครบวงจรที่ขับเคลื่อนด้วย AI หรือ Business Analytics as a Service - Powered by AI Engine เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจตลอดเส้นทางให้กับองค์กรธุรกิจ เพิ่มรายได้ ลดต้นทุน และลดความเสี่ยง โดยที่ผ่านมาเอ้ก ดิจิทัล ได้เข้าไปช่วยจัดการข้อมูลในด้านต่าง ๆ ให้กับหลากหลายธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจรีเทลชั้นนำขนาดใหญ่ และ FMCG รวมกว่า 200 แบรนด์ ซึ่งเราได้นำผู้เชี่ยวชาญและเทคโนโลยีขั้นสูงเข้าไปช่วยจัดการกับข้อมูล พร้อมสร้างคุณค่าในหลากหลายมิติ อาทิ เพิ่มอัตราเติบโตเฉลี่ย (Growth), อัตราส่วนยอดขายต่อค่าใช้จ่าย (Sales to Cost Ratio), ค่าเฉลี่ยอัตราตอบรับการตลาดจากลูกค้า (Conversion) ให้สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ”
ธุรกิจ Business Analytics & Development ภายใต้เอ้ก ดิจิทัล ดำเนินงานโดยวางจุดยืนเป็นพาร์ทเนอร์คู่คิดของทุกธุรกิจในทุกสเกล มีบริการครอบคลุมทั้งด้านให้คำปรึกษาทางธุรกิจ (Business Consult) และด้านวิทยาศาสตร์ข้อมูล (Data Science) โดยใช้หลักการ “Always-on Power of Two” เป็นหัวใจสำคัญในการให้บริการคือ ผสานความเข้าใจ การวิเคราะห์ บริบททางธุรกิจ (Business Context) และการใช้ศาสตร์ด้านข้อมูลขั้นสูง (Advanced Data Science) ทั้ง Cloud Computing, AI ซึ่งรวมถึงการใช้ Generative AI, และ Machine Learning ที่สามารถออกแบบบริการและ Customize ให้ตอบโจทย์แต่ละธุรกิจอย่างเหมาะสมด้วยรูปแบบ Business Analytics as a Service - Powered by AI Engine พร้อมมีผู้เชี่ยวชาญดูแลแบบ End-to-End ตั้งแต่การสำรวจปัญหาและความต้องการ นำดาต้าของลูกค้าผนวกกับบิ๊กดาต้าของเอ้ก ดิจิทัล เพื่อวิเคราะห์เชิงลึกเป็นอินไซต์ทางธุรกิจ รวมถึงสามารถออกแบบกลยุทธ์และข้อเสนอแนะที่สร้างผลลัพธ์เชิงบวกที่ยั่งยืนให้กับลูกค้าด้วยอัตราค่าบริการที่เหมาะสม
โดยบริการ Business Analytics as a Service – Powered by AI Engine ของเอ้ก ดิจิทัล ประกอบด้วย 5 บริการหลัก ได้แก่ 1. Data Management as a Service – บริการดูแลจัดการข้อมูลครบวงจร (Data Discovery, Cleansing, Consolidation, Cloud, Query, Visualization) 2. Data Platform & Enrichment as a Service – บริการ Data Mart, Customer Data Platform (CDP),
Analytics Platform ทั้งแบบมาตรฐานและแบบ customize, Data Enrichment บริการข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์รอบด้าน (Customer 360/720 องศา) 3. Data Analytics as a Service – บริการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกทุกมิติ ตั้งแต่ขั้นพื้นฐาน เชิงบรรยาย (Descriptive), เชิงการพยากรณ์แนวโน้ม (Predictive), และขั้นสูงแบบให้คำแนะนำ เชิงการประมวลฉากทัศน์และผลลัพธ์ในแง่มุมต่าง ๆ (Prescriptive) ด้วยเทคโนโลยี AI และ ML 4. Business Consulting as a Service – บริการให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยีข้อมูลที่เชื่อมโยงกับกลยุทธ์และการดำเนินธุรกิจโดยผู้ที่มีประสบการณ์ตรงกับธุรกิจต่าง ๆ 5. Customer Experience Enhancement as a Service – บริการให้คำปรึกษา วางแผนกลยุทธ์ และดำเนินการด้านการพัฒนาประสบการณ์ลูกค้า (CX/CI) รวมถึงเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน และ Touchpoints ต่าง ๆ
นายวรภัทร กล่าวต่อว่า “จากผลสำรวจพบว่า ตลาด Big Data Analytics มีอัตราการเติบโต 12-15% ต่อปี* โดยคาดการณ์ว่า ในปีนี้ตลาดจะมีมูลค่าประมาณกว่า 14,000 ล้านบาท ซึ่งมองว่า ตลาดบิ๊กดาต้าในประเทศไทยยังมีโอกาสทางการตลาดอยู่อีกมาก เมื่อเทียบกับตลาดในเอเชียและตลาดโลก ดังนั้น ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ บริษัทฯ ได้วางแผนที่จะขยายการให้บริการในธุรกิจที่หลากหลายมากขึ้น โดยมุ่งเป้าไปที่ 5 ธุรกิจหลักที่มีความต้องการใช้บิ๊กดาต้าในการขับเคลื่อนธุรกิจอย่างมาก ได้แก่ ธุรกิจค้าปลีก หลังจากช่วงโควิด-19 ธุรกิจรีเทลแบบออฟไลน์เริ่มกลับมาคึกคักมากขึ้น การใช้บิ๊กดาต้าจะเข้าไปช่วยกำหนดโมเดลทางการตลาดไม่ว่าจะเป็น 4Rs (Recognize, Remember, Recommend, Relevance) และ 4Ps เพื่อทำการตลาดแบบเฉพาะเจาะจง ตอบอินไซต์ผู้บริโภคได้มากขึ้น ธุรกิจสื่อ กลับมาฟื้นตัวได้อย่างน่าสนใจโดยเฉพาะการใช้สื่อแบบ O2O2O ที่เกิดจากการวิเคราะห์ บิ๊กดาต้าและวัดผลการใช้สื่อได้อย่างครบลูป ธุรกิจการเงิน มีการนำบิ๊กดาต้ามาใช้มากที่สุดผ่าน FinTech อาทิ การวิเคราะห์ Credit Scoring และการประมวลผลเพื่อการดำเนินงานที่ดีที่สุด พร้อมทั้งการลดความเสี่ยงของธนาคารและสถาบันการเงิน เพื่อธุรกิจรายย่อยจนถึงรายใหญ่ ธุรกิจประกัน ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่เติบโตอย่างโดดเด่น มีการนำบิ๊กดาต้ามาใช้เพื่อนำเสนอบริการและเบี้ยประกันที่หลากหลาย ตรงตามพฤติกรรมลูกค้ากรมธรรม์ที่เปลี่ยนไปได้อย่างดี และธุรกิจยานยนต์ ซึ่งคำนึงถึงการมอบประสบการณ์ตั้งแต่ก่อนขาย ระหว่างการขาย และหลังการขายด้วยการใช้บิ๊กดาต้า”
“บริษัทฯ มั่นใจว่าบริการ Business Analytics as a Service - Powered by AI Engine จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยพลิกธุรกิจลูกค้าในภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ สู่ Data-driven เพื่อสามารถเพิ่มยอดขาย ลดค่าใช้จ่าย และลดความเสี่ยงในการตัดสินใจ โดยบริษัทฯ จะให้ความสำคัญกับการกำกับดูแลข้อมูลของลูกค้าด้วยมาตรฐาน 3 ชั้น เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าข้อมูลจะถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีที่สุด ทั้งการกำกับดูแลข้อมูลภายในให้เป็นไปตามมาตรฐานระดับสูง การกำกับดูแลข้อมูลตามพรบ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พรบ. การแข่งขันทางการค้า และมาตรฐานทางกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูล รวมถึงการใช้เทคโนโลยีและสถาปัตยกรรมขั้นสูงเพื่อป้องกันการรั่วไหลและรักษาความปลอดภัยของข้อมูล โดยตั้งเป้าปีนี้ เพิ่มรายได้ธุรกิจ Business Analytics & Development เติบโต 30% ปีนี้ ขยายจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้น 10% และช่วยดันตลาดบิ๊กดาต้าไทยเติบโตต่อเนื่อง” นายวรภัทร กล่าวทิ้งท้าย