December 05, 2025

SCB WEALTH เปิดตัวกองทุน SCBGMLITE (A)เปิดขาย IPO วันที่18-25 พฤศจิกายนนี้ เงินลงทุนขั้นต่ำ 1,000 บาท โดย BlackRock เป็นผู้รับมอบหมายงานด้านการจัดการลงทุนของกองทุน เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนแบบ Multi-Asset ออกแบบเพื่อนักลงทุนที่ต้องการพอร์ตที่มีความเสี่ยงเหมาะสมควบคู่โอกาสเติบโตในทุกสภาวะตลาด ด้วยโครงสร้างพอร์ตที่ผสมผสานการลงทุนในตราสารหนี้ หุ้น และสินทรัพย์ทางเลือก พร้อมระบบควบคุมความผันที่ช่วยให้พอร์ตเดินหน้าได้อย่างมีเสถียรภาพ โดยอาศัยความเชี่ยวชาญระดับโลกของ BlackRock ในการบริหารจัดการ นับเป็นอีกหนึ่งกองทุนที่ควรมีไว้ในพอร์ต เพื่อเสริมศักยภาพของพอร์ตในระยะยาว พร้อมเปิดโอกาสรับการเติบโตในทุกสภาวะตลาดจากการลงทุนที่มีคุณภาพระดับสากล

นายศรชัย สุเนต์ตา, CFA รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Wealth & Investment Product กลุ่มธุรกิจ Consumer Banking ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า SCB WEALTH ร่วมมือกับ BlackRock ในการพัฒนาโซลูชันการลงทุนให้นักลงทุนไทย เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม และเข้าถึงการลงทุนระดับโลกที่มีคุณภาพ โดยได้คัดสรรผลิตภัณฑ์การลงทุนที่เหมาะสำหรับผู้ลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ไม่สูงมากนัก แต่มีโอกาสในการสร้างผลตอบแทนมากกว่าการลงทุนในตราสารหนี้ ธนาคารไทยพาณิชย์ในฐานะผู้สนับสนุนการขายและรับซื้อคืนหน่วยลงทุน จะเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรก (IPO) กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Global Multi-Asset Core Portfolio Lite หรือ SCBGMLITE(A) ซึ่งจัดตั้งโดยบลจ.ไทยพาณิชย์ ระหว่างวันที่ 18-25 พฤศจิกายนนี้ เงินลงทุนขั้นต่ำ 1,000 บาท มูลค่าหน่วยลงทุนละ 10 บาท

กองทุน SCBGMLITE (A) มีนโยบายลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศ เช่น หน่วย CIS หน่วยของกองทุน ETFที่ลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆทั่วโลก กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ หน่วยทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน เป็นต้น โดยกองทุนจะพิจารณาปรับสัดส่วนการลงทุนได้ตั้งแต่ร้อยละ 0 ถึงร้อยละ100 ของมูลค่ำทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม ซึ่งการปรับส่วนลงทุนจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุนตามความเหมาะสมของสถานการณ์ในแต่ละช่วงเวลา ทั้งนี้บริษัทจัดการจะมอบหมายให้ BlackRock (Singapore) Limited เป็นผู้รับมอบหมายงานด้านการบริหารจัดการกองทุน

ในเบื้องต้นกองทุนจะลงทุนผ่านกองทุนรวมดัชนี (ETF) ซึ่งจะมีสภาพคล่องสูง รองรับการปรับพอร์ตได้รวดเร็ว ลงทุนได้มากกว่า10 สินทรัพย์ เช่น หุ้น ตราสารหนี้ รวมถึงสินทรัพย์ทางเลือกอย่าง ทองคำ REITและTIPs เป็นต้น

กองทุน SCBGMLITE (A) ได้ผสานการลงทุนในตราสารหนี้กับโอกาสสร้างผลตอบแทนจากหุ้น และสินทรัพย์ทางเลือก ส่งผลให้พอร์ตมีโอกาสเติบโต ขณะเดียวกันยังมีความเสี่ยงโดยรวมอยู่ในระดับที่เหมาะสมกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ไม่สูงมากนัก ประกอบกับมีเครื่องมือ Liquid Alternative เข้ามาช่วยทดแทนความผันผวนในช่วงตลาดไม่นิ่ง ยิ่งมีโอกาสทำให้โครงสร้างพอร์ตมีเสถียรภาพมากขึ้น จึงเป็นโซลูชันที่ตอบโจทย์นักลงทุนที่ต้องการมองหาความสบายใจควบคู่โอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีบนความเสี่ยงที่รับได้ และเป็นอีกหนึ่งกองทุนที่ควรมีไว้ในพอร์ต เพื่อสร้างศักยภาพในระยะยาว พร้อมเปิดโอกาสรับการเติบโตในทุกสภาวะตลาด

 

คำเตือน

· การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง รวมถึงควรขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากผู้ประกอบธุรกิจก่อนตัดสินใจลงทุน

· กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Global Multi-Asset Core Portfolio Lite หรือ SCBGMLITE(A) ความเสี่ยงกองทุนระดับ 5 ความเสี่ยงปานกลางค่อนข้างสูง โปรดศึกษารายละเอียดข้อมูลกองทุนกับ บลจ.ไทยพาณิชย์อีกครั้ง

· กองทุนนี้ไม่เหมาะสมกับผู้ลงทุนที่ต้องการผลตอบแทนสมํ่าเสมอหรือต้องการรักษาเงินต้น ผู้ลงทุนโปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

· กองทุนไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจขาดทุน หรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้

· กองทุนรวม SCBGMLITE(A) นี้บริหารจัดการการลงทุนในผลิตภัณฑ์ต่างประเทศโดย BlackRock ภายใต้สัญญาแต่งตั้งรับมอบหมายงานด้านการจัดการลงทุนเป็นไปตามที่ระบุในโครงการจัดการกองทุนโดยบลจ.ไทยพาณิชย์ ซึ่งผู้ถือหุ้นหลัก ได้แก่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)

· ผลการดำเนินงานในอดีตไม่ได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

· ศึกษาข้อมูลกองทุนหลักและหนังสือชี้ชวนกองทุนที่ร่วมรายการเพิ่มเติมได้จาก website ของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม www.scbam.com

· สอบถามรายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ SCB Call Center โทร. 02-777-7777

บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เผยว่ากระแสตอบรับหลังจัด Roadshow เพื่อนำเสนอข้อมูลหุ้นกู้ให้แก่นักลงทุนสถาบันและสหกรณ์ออมทรัพย์ ได้รับความสนใจอย่างมาก นักลงทุนเชื่อมั่นในพื้นฐานทางธุรกิจของบริษัทฯ ที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นภายหลังการควบรวมกับ INTUCH ส่งผลให้ GULF มีธุรกิจที่มีความหลากหลาย ครอบคลุมธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ได้เเก่ ธุรกิจพลังงาน ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ ธุรกิจโทรคมนาคมและดาวเทียม และธุรกิจดิจิทัล ซึ่งเป็นธุรกิจที่สอดรับกับเมกะเทรนด์และตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงของโลกในอนาคต โดยอันดับเครดิตของหุ้นกู้และองค์กรอยู่ที่ระดับ “AA-” แนวโน้ม “Stable” คาดเสนอขายผ่าน 10 สถาบันการเงิน วันที่ 30 กันยายน และ 1 - 2 ตุลาคม 2568

 นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เปิดเผยว่า จากที่บริษัทฯ ได้จัด Roadshow เพื่อนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับภาพรวมธุรกิจ และผลประกอบการของบริษัทฯ รวมถึงข้อมูลหุ้นกู้ชุดใหม่ที่จะออกเสนอขายเป็นครั้งแรกภายใต้บริษัทใหม่หลังการควบรวมกิจการกับ INTUCH ให้กับนักลงทุนสถาบันและสหกรณ์ออมทรัพย์ นั้นได้รับความสนใจและการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนในการเข้าร่วมรับฟังข้อมูล

“ภายหลังการควบรวมกับ INTUCH นอกจากจะเป็นการสร้างศักยภาพร่วมกันระหว่างธุรกิจพลังงานและธุรกิจดิจิทัลแล้ว ยังเพิ่มความแข็งแกร่งในด้านฐานะทางการเงินและกระแสเงินสดที่มั่นคงมากขึ้น อีกทั้งยังขยายฐาน Asset, Equity และ EBITDA ให้แข็งแกร่งขึ้น ส่งผลให้ leverage ratio ต่ำลง ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการขยายธุรกิจของบริษัทฯ ในอนาคตด้วย” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินกล่าว

หุ้นกู้ที่ GULF เสนอขายในครั้งนี้ เป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จำนวน 4 ชุด ประกอบด้วย หุ้นกู้อายุ 3 ปี เสนอขายผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่ ที่มิใช่บุคคลธรรมดา และหุ้นกู้อายุ 5 ปี อายุ 7 ปี และอายุ 10 ปี เสนอขายประชาชนเป็นการทั่วไป โดยหุ้นกู้ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2568 ที่ระดับ “AA-” แนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่”

ทั้งนี้ GULF ดำเนินธุรกิจในลักษณะ Holding Company ประกอบด้วย ธุรกิจพลังงาน ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ ธุรกิจโทรคมนาคมและดาวเทียม และธุรกิจดิจิทัล

ในส่วนของธุรกิจพลังงาน GULF เป็นหนึ่งในผู้ผลิตไฟฟ้าภาคเอกชนชั้นนำของประเทศ ที่ดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติและจากพลังงานหมุนเวียน รวมไปถึงธุรกิจก๊าซ ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงหลักที่มีความสำคัญต่อการผลิตไฟฟ้า ช่วยเสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้แก่ประเทศไทย

ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ GULF มีโครงการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (Public-Private Partnership: PPP) หลายโครงการ โดยมุ่งเน้นส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ผ่านการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ของประเทศ อาทิ โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 โครงการมอเตอร์เวย์สายบางปะอิน – นครราชสีมา (M6) และสายบางใหญ่ – กาญจนบุรี (M81) ในส่วนการดำเนินงานและการบำรุงรักษา (Operation & Maintenance : O&M) และโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะที่ 3 (ช่วงที่ 1)

ธุรกิจโทรคมนาคมและดาวเทียม GULF ถือหุ้น 40.4% ในบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (ADVANC) ซึ่งรู้จักกันดีภายใต้แบรนด์ AIS ผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคมและเทคโนโลยี และยังถือหุ้นทั้งทางตรงและทางอ้อมกว่า 40% ในบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) (THCOM) ผู้นำในการให้บริการด้านโทรคมนาคมผ่านดาวเทียมของประเทศไทย

ธุรกิจดิจิทัล GULF ร่วมกับ Singtel และ ADVANC ลงทุนในธุรกิจศูนย์ข้อมูล (Data Center) ซึ่งเป็นผู้พัฒนาศูนย์ข้อมูลในประเทศไทย สำหรับธุรกิจ Cloud นั้น ปัจจุบัน GULF ร่วมกับ AIS พัฒนาธุรกิจการให้บริการทั้ง public cloud และ private cloud โดยร่วมกับพันธมิตรระดับโลกอย่าง Oracle และ Google โดย Oracle Alloy เป็นระบบ public cloud ในขณะที่ Google Distributed Cloud air-gapped เป็นระบบคลาวด์ที่มีความปลอดภัยสูง ซึ่งมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นทางภาครัฐ เอกชน และกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม นอกจากนี้ GULF ยังให้บริการโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลผ่านสินทรัพย์ดิจิทัล โดยร่วมมือกับ Binance ลงทุนใน GULF Binance เพื่อให้บริการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งสอดคล้องกับกระแส Blockchain Technology ในปัจจุบัน

ทั้งนี้ GULF มุ่งมั่นสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน พร้อมที่จะขับเคลื่อนธุรกิจด้วยนวัตกรรมที่ไม่มีข้อจำกัด ด้วยการขยายการลงทุนไม่เพียงแค่ในประเทศไทย แต่ยังสามารถก้าวไปได้ไกลในต่างประเทศ โดยความแข็งแกร่งของภาคธุรกิจไทยจะเป็นแรงสนับสนุนสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ เพิ่มศักยภาพการแข่งขันทางธุรกิจสู่ระดับสากล

การเติบโตของ GULF ได้สะท้อนผ่านผลการดำเนินงานไตรมาสแรกของปี 2568 (ข้อมูลทางการเงินเสมือน) โดยบริษัทฯ มีรายได้รวม 32,344 ล้านบาท โดยมีกำไรจากการดำเนินงาน (core profit) 6,506 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31.91% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2567 ซึ่งมีกำไรจากการดำเนินงานที่ 4,932 ล้านบาท

สำหรับวันที่คาดว่าจะเสนอขายหุ้นกู้ GULF คือวันที่ 30 กันยายน และวันที่ 1-2 ตุลาคม 2568 โดยผู้ที่สนใจจองซื้อสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมจากหนังสือชี้ชวนการเสนอขายหุ้นกู้ได้ที่ www.sec.or.th หรือสอบถามผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ ดังต่อไปนี้

- ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (ยกเว้นสาขาไมโคร) โทร. 1333 หรือจองซื้อผ่านแอปฯ Bangkok Bank Mobile Banking สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดา

- ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-111-1111 หรือจองซื้อออนไลน์บนแอปฯ Krungthai Next ผ่านระบบ Money Connect by Krungthai สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดา

- ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) โทร. 1572 หรือจองซื้อผ่านแอปฯ krungsri app สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดา

- ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-888-8888 กด 869 หรือจองซื้อผ่านเว็บไซต์ K-My Invest (www.kasikornbank.com/kmyinvest) สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดาสัญชาติไทย

(ซึ่งรวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารกสิกรไทย)

- ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) โทร. 02-777-6784 หรือจองซื้อผ่านแอปฯ SCB EASY สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดาสัญชาติไทย (ซึ่งรวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารไทยพาณิชย์)

- ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-626-7777 หรือจองซื้อผ่านแอปฯ CIMB Thai สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดา

- ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) โทร. 1428 กด #4 (ซึ่งรวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ธนชาต ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารทหารไทยธนชาต)

- ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) โทร. 02-285-1555

- บริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) โทร. 02-165-5555 หรือจองซื้อผ่านแอปฯ Dime! สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่เป็นบุคคลธรรมดา (ซึ่งรวมถึงธนาคารเกียรตินาคินภัทร ในฐานะหน่วยงานขายของบริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร)

- บริษัทหลักทรัพย์เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โทร. 02-658-5050

นายชาญวิทย์ เขียวนาวาวงศ์ษา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร, นางสาวณัฐพร พงษ์ชาญชวลิต ประธานฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท สกิน ลาบอราทอรี่ จํากัด (มหาชน) หรือ SKIN พร้อมด้วยนายสุพล ค้าพลอยดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน ร่วมกับ นายไพโรจน์ เหลืองเถลิงพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า จำกัด (มหาชน) หรือ AIRA ร่วมนำเสนอข้อมูลธุรกิจ ข้อมูลทางการเงิน และศักยภาพการเติบโต แก่นักลงทุน โดยมีนักลงทุนสนใจเข้ารับฟังข้อมูลเป็นจำนวนมาก ณ ห้องค้า AIRA ชั้น 17 จามจุรีสแควร์ จังหวัดกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน ที่ผ่านมา

บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS เครือข่ายโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำของประเทศไทย ได้รับการยกย่องให้เป็น "Most Honored Company” จาก Extel (หรือเดิมชื่อ Institutional Investor Research) Asia Executive Team Rankings ประจำปี 2025 โดยได้รับความไว้วางใจจากผู้บริหารกองทุน และนักวิเคราะห์ ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ กว่า 6,000 ราย ที่เข้าร่วมในการลงคะแนนผ่านผลสำรวจนี้

BDMS ได้รับการยกย่องให้เป็น Most Honored Company ใน 2 หมวดหมู่ โดย BDMS ได้อันดับหนึ่งในกลุ่มธุรกิจ Healthcare, Pharma & Biotech Sector ของกลุ่มประเทศ Rest of Asia (ex-China and Japan) และอันดับหนึ่งในประเทศไทย รวมในทุกภาคธุรกิจทั่วประเทศ ผลการสำรวจนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการบริหารงานของ CEO CFO ผู้บริหารระดับสูง ทีมนักลงทุนสัมพันธ์ ด้าน ESG ซึ่งเป็นแนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาขององค์กรอย่างยั่งยืน (Environment, Social, และ Governance) โดยผู้บริหารสามารถให้ข้อมูลที่ชัดเจนและสามารถตอบคำถามนักลงทุน เพื่อให้ตัดสินใจได้ถูกต้องในการลงทุนในบริษัท รวมถึงได้รับการยอมรับอยู่ในระดับสากลจากทั้งผู้บริหารกองทุน และนักวิเคราะห์

นางนฤมล น้อยอ่ำ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่อาวุโสและประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน BDMS กล่าวว่า "เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับการจัดอันดับสูงสุดครั้งนี้ รางวัล Extel Awards เป็นเครื่องยืนยันความน่าเชื่อถือและความแข็งแกร่งของ BDMS ในฐานะผู้นำในตลาดเฮลท์แคร์ รวมถึงเป็นการสร้างความไว้วางใจให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย และสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพขององค์กร"

บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยีชั้นนำอันดับ 1 ของไทย และอันดับ 1 ของโลกด้านความยั่งยืน ด้วยคะแนน DJSI 2024 สูงสุดในกลุ่มอุตสาหกรรมโทรคมนาคมต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ เปิดโอกาสการลงทุนในช่วงดอกเบี้ยขาลง โดยเสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไป จำนวน 5 ชุด อายุตั้งแต่ 3 ปี ถึง 10 ปี ด้วยอัตราดอกเบี้ยคงที่ระหว่าง 3.00 - 3.85% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือนตลอดอายุหุ้นกู้ เสริมด้วยอันดับความน่าเชื่อถือ “A+” แนวโน้ม “คงที่” (Stable) จากทริสเรทติ้ง เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2568 สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของบริษัทฯ ในธุรกิจโทรคมนาคมและธุรกิจเทคโนโลยีดิจิทัล คาดเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 2 และวันที่ 6 - 7 พฤษภาคม 2568 ผ่าน 7 สถาบันการเงินชั้นนำได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ กสิกรไทย ไทยพาณิชย์ ซีไอเอ็มบี ยูโอบี บริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร และบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส รวมถึงการขายผ่านแอปพลิเคชัน TrueMoney Wallet โดยมีธนาคารกรุงศรีอยุธยา เป็นนายทะเบียนหุ้นกู้และผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้

นางสาวยุภา ลีวงศ์เจริญ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)กล่าวว่า “หุ้นกู้ TRUE ชุดใหม่ที่กำลังจะเสนอขายในครั้งนี้ มี 5 รุ่น อายุตั้งแต่ 3 ปี ถึง 10 ปี เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุนทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ต้องการลงทุนระยะสั้น ระยะกลาง หรือระยะยาว ที่มองหาโอกาสรับดอกเบี้ยอย่างสม่ำเสมอ ด้วยอัตราผลตอบแทนที่น่าสนใจและด้วยสถานะการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ ทำให้นักลงทุนมั่นใจได้ว่าหุ้นกู้ TRUE เป็นทางเลือกการลงทุนที่มั่นคงในสภาวะตลาดปัจจุบัน โดยการออกหุ้นกู้ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้กู้ยืมแก่บริษัทย่อยเพื่อนำเงินที่ได้ไปชำระคืนหุ้นกู้ที่ถึงกำหนดชำระ (refinancing)

หุ้นกู้ TRUE เป็นอีกหนึ่งโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจ และคาดว่าจะได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนเป็นอย่างดีเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ซึ่งมีนักลงทุนจำนวนมากให้ความสนใจจองซื้อครบเต็มจำนวน และในปัจจุบัน ดอกเบี้ยมีแนวโน้มปรับตัวลดลง จึงเป็นจังหวะที่ดีสำหรับนักลงทุนในการสะสมหุ้นกู้ในช่วงนี้ เพื่อล็อกผลตอบแทนไว้ล่วงหน้า โดยเฉพาะนักลงทุนที่นิยมลงทุนในหุ้นกู้ที่มีคุณภาพสูง”

หุ้นกู้ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ชุดใหม่นี้ เสนอขาย ต่อประชาชนเป็นการทั่วไป (Public Offering) โดยมีอายุระหว่าง 3 ปี ถึง 10 ปี ซึ่งเป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ อันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทฯ และหุ้นกู้อยู่ที่ระดับ “A+” แนวโน้ม “คงที่” หรือ “Stable” จากทริสเรทติ้ง เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2568 คาดว่าจะเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 2 และวันที่ 6 - 7 พฤษภาคม 2568 สำหรับผู้ลงทุนทั่วไป มูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท โดยอัตราดอกเบี้ยหุ้นกู้ TRUE ชุดใหม่ ทั้ง 5 ชุด มีดังนี้

1. หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.00% ต่อปี

2. หุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 4 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.30% ต่อปี

3. หุ้นกู้ชุดที่ 3 อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.50% ต่อปี

4. หุ้นกู้ชุดที่ 4 อายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.70% ต่อปี

5. หุ้นกู้ชุดที่ 5 อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.85% ต่อปี และผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนวันครบกำหนดได้ตั้งแต่วันครบกำหนดปีที่ 5 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้ และร่างหนังสือชี้ชวนซึ่งยังไม่มีผลบังคับใช้ เนื่องจากอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงาน ก.ล.ต. ผู้ลงทุนสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้จากแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายตราสารหนี้ และร่างหนังสือชี้ชวนที่ www.sec.or.th หรือ สอบถามรายละเอียดที่ผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ทั้ง 7 แห่ง ได้แก่

• ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา (ยกเว้นสาขาไมโคร) หรือ โทร. 1333 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน Bangkok Bank Mobile Banking

• ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา โทร. 02 888 8888 กด 869 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน https://www.kasikornbank.com/kmyinvest (ยกเว้นบุคคลสัญชาติต่างด้าว และนิติบุคคล สามารถจองซื้อผ่านสำนักงานใหญ่และสาขา) และรวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)

• ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา หรือ โทร. 02 777 6784 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่านแอป SCB EASY และรวมถึงบริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ในฐานะหน่วยงานขายของธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)

• ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา หรือ โทร. 02 626 7777 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน แอป CIMB Thai

• ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา หรือ โทร. 02 285 1555

• บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด โทร. 02 680 4004

• บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) โทร. 02 165 5555 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่านแอปฯ Dime! และรวมถึง ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ในฐานะหน่วยงานขายของบริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน)

สำหรับผู้สนใจจองซื้อหุ้นกู้ผ่านแอปพลิเคชัน TrueMoney Wallet สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.truemoney.com หรือติดต่อขอคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ของ บริษัท ทรู มันนี่ จำกัด โทร. 1240 กด 6

Page 1 of 6
X

Right Click

No right click