กรุงเทพฯ, ประเทศไทย, วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2567 – การแสดงความรักกำลังเข้าสู่ความเป็นดิจิทัลเมื่อเกือบ 80 เปอร์เซ็นต์ของคนไทยวางแผนที่จะซื้อของขวัญทางออนไลน์เพื่อมอบให้คนรักในช่วงวาเลนไทน์ อ้างอิงจากผลการศึกษาฉบับล่าสุดที่จัดทำโดย YouGov ในนามของวีซ่า ผู้นำการให้บริการการชำระเงินดิจิทัลระดับโลก โดยการศึกษาฉบับนี้1 มีจุดมุ่งหมายเพื่อวัดพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภคก่อนวันวาเลนไทน์ รวมถึงปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อ และการกระทำเช่นใดที่ทำให้คนรักใจละลายได้

หนึ่งในสิ่งที่ท้าทายที่สุดคือการอ่านใจว่าคนรักของคุณต้องการอะไร อ้างอิงจากผลการศึกษาฉบับนี้พบว่า เกือบหนึ่งในสาม (59%) ที่เลือกบอกคนรักไปเลยตรงๆ ว่าอยากได้อะไร โดยวิธีที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับสองคือการใช้เอไอ หรือ ปัญญาประดิษฐ์เป็นตัวช่วย ซึ่ง 27 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ตอบแบบสอบถามวางแผนที่จะบอกสิ่งที่ตนปรารถนาโดยการกระซิบใส่สมาร์ตโฟนของคู่รัก และอีก 22 เปอร์เซ็นต์ เลือกที่จะบอกใบ้คนรักและหวังว่าพวกเขาจะเข้าใจสิ่งที่อยากสื่อไปในที่สุด

เมื่อต้องตัดสินใจว่าจะเลือกซื้อของขวัญแทนใจสำหรับวันวาเลนไทน์จากที่ไหน เกินกว่าครึ่งของของผู้ตอบแบบสอบถาม (57%) วางแผนที่จะซื้อของจากร้านค้าออนไลน์และแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ขณะที่เกือบหนึ่งในห้า (20%) ตั้งใจจะซื้อโดยตรงจากร้านค้าบนสื่อโซเชียลอย่าง อินสตาแกรม เฟซบุ๊ก ติ๊กต็อก และไลน์

ความรักปี 2567 มาพร้อมสนนราคา จากการศึกษาชี้ให้เห็นว่า ราคาและส่วนลด (58%) คือปัจจัยสำคัญให้คนเลือกว่าจะซื้อของขวัญวาเลนไทน์จากที่ใด ตามด้วยความหลากหลายและคุณภาพสินค้า (50%) นอกจากนี้ยังเลือกพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ เพิ่มเติมไม่ว่าจะเป็นระยะเวลาของโปรโมชันหรือแพ็กเกจ (30%) การมีประสบการณ์ที่ดีในการซื้อครั้งก่อนกับร้านค้า (27%) และชื่อเสียงของแบรนด์ (21%)

นอกจากนี้ การศึกษายังพบอีกว่า เกือบเจ็ดในสิบของผู้ตอบแบบสอบถาม (68%) วางแผนที่จะใช้จ่ายไม่เกิน 1,000 บาท ในขณะที่ 29 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่าตั้งใจที่จะใช้จ่ายระหว่าง 1,001 ถึง 10,000 บาท และอีก 3 เปอร์เซ็นต์วางแผนที่จะใช้เงิน 10,000 บาทขึ้นไปกับของขวัญและการฉลองวาเลนไทน์ในปีนี้

เมื่อมาดูในส่วนของประเภทของขวัญที่เลือกซื้อสำหรับวันวาเลนไทน์ พบว่า เกือบหนึ่งในสาม (30%) บอกว่าเครื่องแต่งกาย กระเป๋าถือ และเครื่องประดับแฟชั่นคือตัวเลือกอันดับหนึ่งสำหรับหวานใจของพวกเขา ตามด้วยของขวัญแนวสื่อแทนใจอย่างช็อกโกแลต (25%) และดอกไม้ (12%)

สำหรับหลาย ๆ คน วิธีสื่อความในใจไม่ได้จำกัดเพียงแค่ของขวัญเท่านั้น และความโรแมนติกของจริงยังมีอยู่เมื่อการกระทำที่ชวนให้ใจละลายมากที่สุดคือการได้ใช้เวลาอันมีค่าร่วมกัน (41%) แต่ก็ยังมีอีกหลาย ๆ คู่ที่เลือกซื้อของแทนใจเพื่อแสดงความรักระหว่างกัน โดยของขวัญวาเลนไทน์หรือโปรโมชันที่ได้รับความนิยมที่สุดคือ เซ็ตของขวัญคู่รัก (27%) ซื้อหนึ่งแถมหนึ่ง (22%) ตามมาด้วยบริการแกะสลักชื่อบนสินค้าฟรี (15%) และบัตรกำนัลสปาที่โรงแรม (12%)

ย บริษัท คินน์ เวิลด์ไวด์ จำกัด ภายใต้แบรนด์ “คินน์” (KINN) ผู้นำโภชนเภสัช ผนึกกำลัง รพ.ธนบุรี บำรุงเมือง จัดแคมเปญ “Nutraceutical Trend in Perfect Health โภชนเภสัช เทรนด์ใหม่ของการมีสุขภาพดีที่ยั่งยืนยุคดิจิตัล” รับเทรนด์ใหม่ ปรึกษาก่อนป่วย และการแพทย์ เฉพาะบุคคล หนึ่งในเมกะเทรนด์สุขภาพเชิงป้องกัน เติบโตต่อเนื่องมีมูลค่าตลาดกว่า 1.55 ล้านล้านดอลลาร์มีแนวโน้มและเติบโต 5-10% ในแต่ละปี ผุดแคมเปญ“Nutraceutical Trend in Perfect Health โภชนเภสัช เทรนด์ใหม่ของการมีสุขภาพดีที่ยั่งยืนยุคดิจิทัล” แจกบัตรกำนัลใช้บริการศูนย์การแพทย์ ฟรี!! กระตุ้นคนไทยตื่นตัวดูแลสุขภาพ ตรวจความเสี่ยง พร้อมดูแลสุขภาพให้ดีอยู่เสมอ ช่วยสร้างการรับรู้แบรนด์ ขยายฐานลูกค้า เจาะตลาดคนทำงานและ ผู้สูงอายุ ตั้งเป้ายอดขายแตะ 500 ล้านภายใน 3 ปี

 

นางสาวศิริพร อริยพุทธรัตน์ ประธานกรรมการบริหาร และผู้ก่อตั้ง บริษัท คินน์ เวิลด์ไวด์ จำกัด ผู้นำด้านโภชนเภสัช เปิดเผยว่า ล่าสุดบริษัทได้ร่วมมือกับ โรงพยาบาล ธนบุรี บำรุงเมือง ศูนย์การแพทย์เฉพาะทางที่พร้อมดูแลรักษาด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการแพทย์ สำหรับคนทุกเพศ ทุกวัย ในการออกแคมเปญ “Nutraceutical Trend in Perfect Health โภชนเภสัช เทรนด์ใหม่ของการมีสุขภาพดีที่ยั่งยืนยุคดิจิทัล” ครั้งแรกในประเทศไทยที่ 2 ผู้นำด้านสุขภาพร่วมมือกันกระตุ้นคนไทยให้คนไทยหันมาดูแลสุขภาพ โดยเฉพาะวัยทำงานและกลุ่มผู้สูงวัย ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อโรคไม่ติดต่อแต่เรื้อรัง NCD’s (Non Communication Disease) ให้ตื่นตัวเช็คระบบสุขภาพร่างกายประจำปี ตั้งแต่การตรวจวัดระดับคอเลสเตอรอล, วัดระดับไขมัน, ระดับไตรกลีเซอไรด์ ซึ่งถือเป็นการตรวจสุขภาพขั้นพื้นฐาน ไปพร้อมกับการสร้างการรับรู้ของทั้งสองแบรนด์ ไปพร้อมกับการขยายฐานผู้ใช้บริการไปยังกลุ่มคนทำงานยุคดิจิทัลและผู้สูงอายุ โดยโรงพยาบาลจะมอบการให้บริการตรวจวัดระดับคอเลสเตอรอล วัดระดับไขมันในเลือด วัดระดับไตรกลีเซอไรด์ วัดระดับไขมันดี HDL ซึ่งเป็นการตรวจสุขภาพขั้นพื้นฐาน

แคมเปญดังกล่าวเป็นการออกแบบมาให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในการเข้ารักการปรึกษาแพทย์ของผู้คนในสังคมที่กำลังจะเปลี่ยนไปสู่ทรนด์ใหม่ จากการปรึกษาเพื่อที่จะ “ไม่เจ็บป่วย” เป็นการปรึกษา เพื่อที่จะ “ปรับปรุงไลฟ์สไตล์ Lifestyle” การดำเนินชีวิต โดยไม่ต้องรอให้เจ็บป่วย แล้วค่อยไปรักษา จะเป็นการศึกษาหาความรู้เพื่อดูแลสุขภาพทุกมิติ ทั้งด้านการใช้ชีวิต การกิน การอยู่ การออกกำลังกาย

แม้กระทั่งการพักผ่อน ในทุกเพศ ทุกวัย โดยเฉพาะคนทำงานในยุคดิจิทัลและผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยง- โรคไม่ติดต่อแต่เรื้อรัง ซึ่งประกอบด้วย 4 โรคหลัก ๆ คือ โรคหัวใจและหลอดเลือด, โรคมะเร็งปอด, โรคเบาหวาน และโรคทางเดินหายใจ โดย 90% เกิดจากความเสื่อมชราของร่างกายจากพฤติกรรมการดำเนินชีวิตของตัวเอง ส่งผลให้มีความต้องการการรักษาการแพทย์แบบเฉพาะบุคคล หรือที่เรียกว่า Personalized Medicine มากขึ้นและจะเริ่มต้นจากการตรวจปัจจัยเสี่ยง

ทั้งนี้ “คินน์” ในฐานะผู้นำตลาดสุขภาพด้านอาหารเสริมโภชนเภสัช Nutraceutical ได้นำจุดแข็งของบริษัทมาสนับสนุนเทรนด์การดูแลสุขภาพของคนยุคใหม่ ด้วยการค้นคว้าวิจัยคุณประโยชน์ของจุลินทรีย์ Bio Longevity โดยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัย อย่างไบโอ ไต้หวัน ประเทศไต้หวัน ในการนำถั่วนัตโตะธรรมชาติมาสกัด จนได้สารสกัดนัตโตะไคเนส (Nattokinase) ที่มีความเข้มข้น 20,000 ไฟบริโนปรินยูนิตต่อกรัมใน 1 แคปซูล ที่มีส่วนช่วยในการลดระดับคอเลสเตอรอล, มีส่วนช่วยลดไตรกลีเซอไรด์ บรรจุอยู่ในแคปซูลมังสวิรัติ ถือเป็นโภชนเภสัชธรรมชาติ 100% ทั้งสารสกัดและแคปซูลบรรจุ นอกจากนี้ยังร่วมการวิจัยกับคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อศึกษาประสิทธิผลของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร คินน์ เรด ยีสต์ ไรด์ พาวเดอร์ และนัตโตะ เฟอร์เมนต์เต็ด พาวเดอร์ ต่อระดับไขมันในเลือด และการส่งเสริมสุขภาพด้านอื่น ๆ ด้วยปัจจัยเหล่านี้จึงทำให้เรามีความโดดเด่นในตลาดโภชนเภสัชและได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค

ปัจจุบัน บริษัท มีสินค้าจำนวน 4 รายการ แบ่งเป็นกลุ่มสินค้าเพื่อสุขภาพ โดยมีฐานลูกค้ากว่า 500,000 คน และมีเป้าหมายระยะยาว 3 ปี จะมียอดขายแตะ 500 ล้านบาท สามารถครองส่วนแบ่งการตลาดสุขภาพเชิงป้องกันได้ 12 % จากปัจจุบันที่ ครองส่วนแบ่งการตลาดอยู่ 5% ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับภาพรวมธุรกิจในอุตสาหกรรม Health & Wellness ที่มีมูลค่ามากกว่า 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อปี ก่อนและมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้น 5-10% ในแต่ละปี

อย่างไรก็ดี “คินน์” ได้เดินหน้ากลยุทธ์ Wellness For Life เพื่อเดินหน้าสนับสนุนส่งเสริมการมีสุขภาพดีเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของคนทุกเพศ ทุกวัย และคนรักสุขภาพ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการออกแคมเปญที่ร่วมกับ รพ.ธนบุรี บำรุงเมืองนี้ คินน์ได้มอบโอกาสในการเข้าใช้ศูนย์การแพทย์เฉพาะทางเมื่อลูกค้าซื้อสินค้าครบ 4,499.- บาท ในการตรวจวัดระดับคอเลสสเตอรอล, ระดับไขมันไม่ดี LDL, ระดับไขมัน ดี และ ระดับไตรกลีเซอไรด์ ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายเป็นคนวัยทำงาน ผู้สูงอายุ คนรักสุขภาพ เพื่อเน้นย้ำ และขยายการรับรู้ของแบรนด์ คินน์ นัตโตะ ไปยังกลุ่มวัยทำงาน และกลุ่มผู้สูงวัย โรคไม่ติดต่อแต่เรื้อรัง โดยมีตัวช่วยเป็นคินน์ นัตโตะ KINN Natto ซึ่งเป็นตัวช่วยปรับระดับคอเลสเตอรอล โดย เป้าหมายของแคมเปญนี้ การ

ผลักดันนวัตกรรมเสริมอาหารโภชนเภสัช คินน์ นัตโตะ เข้าไปอยู่ในใจของผู้บริโภคชาวไทยทุกคน ตามสโลแกนของแบรนด์ คินน์ “เพื่อชีวิตยืนยาว อย่างยั่งยืน” และคาดว่าเพิ่มการรับรู้และทำให้คินน์ นัตโตะเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น ช่วยต่อยอดและสนับสนุนหน่วยธุรกิจใหม่ หรือ New S-Curve ของบริษัทฯ ได้อีกทางปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์อาหารเสริมโภชนเภสัชอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น 4 สูตร คือ คินน์ ถั่งเช่าเอ๊กตร้า, คินน์ ถั่งเช่าคลาสสิค, คินน์ หลืนจือสูตรเข้มข้น และคินน์ นัตโตะ และในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ จะมีตามมาอีก 4 สูตร ตามโรดแมพของบริษัทที่วางแผนเป็นอาหารเสริมโภชนเภสัชชั้นนำของประเทศไทยด้วยการใช้เทคโนโลยีทางวิทยาศาสตร์การแพทย์สมัยใหม่ในการวิจัย เพื่อการมีชีวิตยืนยาว อย่างยั่งยืน หรือที่เรียกว่า Integrated Longevity Nutraceutical พร้อมคิดค้นสูตรนิวตร้าซูติคอลผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสูตรอื่น ๆ อีกด้วย

บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ NT และ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือ กฟภ.

“ธนาคารกรุงไทย”จับมือ“ไอร่า แอนด์ ไอฟุล” เปิดให้บริการรับชำระเงินบัตรกดเงินสด A money ผ่านแอปฯ Krungthai NEXT เพิ่มความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ชำระเงินออนไลน์ได้ทุกที่ทุกเวลา ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคดิจิทัล

นายยูจิ ฟุคาดะ (Mr.Yuji Fukada) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอร่า แอนด์ ไอฟุล จำกัด (มหาชน) ผู้ให้บริการบัตรกดเงินสด “เอมันนี่ (A money)” ภายใต้คอนเซ็ปต์ “A money บัดดี้เรื่องเงิน” กล่าวว่า บริษัทฯ มีนโยบายและให้ความสำคัญกับการพัฒนาบริการ ทั้งในด้านของการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการให้บริการ และเพิ่มช่องทางการให้บริการที่หลากหลายอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดบริษัทฯ ได้ร่วมมือกับธนาคารกรุงไทย เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าในการชำระเงินบัตรกดเงินสด A money ผ่าน Krungthai NEXT ซึ่งปัจจุบันเป็นแอปพลิเคชันที่มีความปลอดภัยในการทำธุรกรรมทางการเงินที่ได้รับความนิยมจากประชาชนเป็นอย่างมาก

บัตรกดเงินสด A money ดำเนินธุรกิจด้วยวิสัยทัศน์การเป็นผู้ให้บริการด้านสินเชื่อส่วนบุคคลที่เติบโตเร็วที่สุดในประเทศไทย และพร้อมก้าวขึ้นเป็นบริษัทที่ให้บริการด้านการเงินชั้นนำของประเทศที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างครบวงจร ที่ผ่านมา ได้มีการร่วมมือกับพันธมิตรหลากหลาย เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า สำหรับการเพิ่มช่องทางการชำระเงินสำหรับลูกค้าบัตรกดเงินสด A money ผ่าน Krungthai NEXT ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันทางการเงินที่ได้รับความเชื่อถือและนิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย สะดวกสบาย ปลอดภัย จ่ายออนไลน์ที่ไหนก็ได้ ตอบโจทย์การทำธุรกรรมทางการเงินสำหรับลูกค้าบัตรกดเงินสด A money ได้แบบไร้ขีดจำกัด” นายฟุคาดะ กล่าว

สำหรับวิธีการใช้งานสำหรับลูกค้าที่ต้องการชำระเงินผ่าน Krungthai NEXT เพียงติดตั้งแอปพลิเคชัน A money และ Krungthai NEXT (รองรับทั้งระบบปฏิบัติการ Android และ iOS) พร้อมลงทะเบียนให้ถูกต้องครบถ้วน หลังจากนั้น เข้าไปที่แอปพลิเคชัน A money กดเช็คยอดที่ต้องการชำระเลือกช่องทางการชำระแบบ “ชำระเงินผ่าน Mobile Banking” แล้วกดเลือกบัญชีเป็นธนาคารกรุงไทย กดดำเนินการต่อ หลังจากนั้น จะสลับไปที่แอปพลิเคชัน Krungthai NEXT ซึ่งสามารถใส่รหัสผ่าน และกดชำระเงิน ได้ทันที สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการลูกค้าสัมพันธ์ A money โทร. 0-2004-5000

นางสาวสุพร สุนทรโรหิต Chief Business Innovation Officer บริษัท อินฟินิธัส บาย กรุงไทย จํากัด ผู้พัฒนาแอปพลิเคชัน “Krungthai NEXT” กล่าวว่า ธนาคารกรุงไทยและบริษัท อินฟินิธัสฯ มุ่งมั่นพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการเงิน พร้อมร่วมมือกับพันธมิตรทุกกลุ่ม ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อยกระดับบริการให้ตอบโจทย์ลูกค้าในทุกมิติ โดยเฉพาะบริการด้านการชำระเงิน ซึ่งเป็น 1 ใน 5 Ecosystem ที่ธนาคารให้ความสำคัญ โดยความร่วมมือกับบริษัท ไอร่า แอนด์ ไอฟุล ในการรับชำระเงินบัตรกดเงินสด A money ผ่านKrungthai NEXT ในครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญในการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า A money ทั่วประเทศ ช่วยให้การชำระเงินสะดวก รวดเร็ว สากล ทำรายการได้ทุกที่ทุกเวลา บนมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล ตอบโจทย์วิถีชีวิตยุคใหม่ที่มุ่งทำธุรกรรมการเงินผ่านช่องทางดิจิทัล

 “ธนาคารกรุงไทย” จับมือ “อินฟินิธัส” เปิดตัวบริการใหม่ “เป๋าตังเปย์”  มุ่งเป้าสร้างประสบการณ์ใหม่เพื่อตอบโจทย์สังคมไร้เงินสด ให้ตรงใจคนรุ่นใหม่ ภายใต้แนวคิด “เปย์ไป มีแต่ได้” คาดมีผู้ใช้งานกว่า 5 ล้านรายภายในปี 2566

นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกรุงไทย ในฐานะผู้นำดิจิทัลแบงกิ้งของไทย วางยุทธศาสตร์ชัดเจนในการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการเงิน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย ใน 5 Ecosystems หลัก ทั้งบริการภาครัฐ การศึกษา การขนส่งมวลชน สุขภาพและการรักษาพยาบาล รวมถึงการชำระเงิน ซึ่งเป็นหนึ่งในบริการหลักของระบบธนาคาร และเป็นปัจจัยสนับสนุนทุกกิจกรรมในระบบเศรษฐกิจ โดยในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา รูปแบบการชำระเงินของไทยเปลี่ยนแปลงไปสู่การชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ หรือ Digital Payment อย่างชัดเจน จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นตัวเร่งให้ประชาชนหันมาใช้จ่ายผ่านช่องทางดิจิทัลแทนเงินสดมากขึ้น

จากข้อมูลธนาคารแห่งประเทศไทย ล่าสุด ณ เดือนกันยายน 2565 การใช้จ่ายผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) เพิ่มขึ้นเฉลี่ยที่ 400 รายการต่อคนต่อปี จากปี 2564 อยู่ที่ 312 รายการต่อคนต่อปีและปี 2563 อยู่ที่ 202 รายการต่อคนต่อปี โดยช่องทางที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ Internet & Mobile Banking มีจำนวนผู้ใช้งานกว่า 133 ล้านบัญชี มีปริมาณธุรกรรม 2,139 ล้านรายการ เพิ่มขึ้น 48.6% มูลค่ารวม 8.43 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.3% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังมีธุรกรรมที่เติบโตสูงคือ บริการชำระเงินผ่านกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Wallet) ซึ่งเป็นการชำระเงินของคนรุ่นใหม่ มีไลฟ์สไตล์ชอบความสะดวก รวดเร็ว ทำธุรกรรมได้แบบเรียลไทม์บนมือถือ โดยมีจำนวนผู้ใช้งานถึง 122.6 ล้านบัญชี ปริมาณธุรกรรม 302 ล้านรายการต่อเดือน เพิ่มขึ้น 38.5% มูลค่ารวม 5.3 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง  

และเพื่อตอกย้ำการเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนสังคมไร้เงินสดอย่างยั่งยืน ธนาคารกรุงไทย ร่วมกับ บริษัท อินฟินิธัส บาย กรุงไทย จึงพัฒนา “เป๋าตังเปย์” (Paotang Pay) ให้เป็นซูเปอร์วอลเล็ตของคนไทย เพิ่มศักยภาพดิจิทัลเพย์เมนต์แอปฯ “เป๋าตัง” ให้ครบวงจรมากขึ้น เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต และลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจดิจิทัล โดยคาดว่าจะมีผู้ใช้งานกว่า 5 ล้านราย ภายในสิ้นปี 2566

นางประราลี รัตน์ประสาทพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินฟินิธัส บาย กรุงไทย จำกัด ผู้พัฒนาแอปฯ เป๋าตัง กล่าวว่า ทิศทางการชำระเงินในอนาคตมุ่งสู่ Digital Payment อย่างชัดเจน จากรายงาน Global Payments ของ World Pay ชี้ว่า ปัจจัยสนับสนุนคือ 1. ความนิยมซูเปอร์แอป หรือแอปฯ ที่รวมฟังก์ชันต่างๆเข้าด้วยกัน เพราะช่วยให้ผู้บริโภคได้รับประสบการณ์การใช้จ่ายแบบครบวงจรจากแพลตฟอร์มเดียว 2. ผู้บริโภคชอบการชำระเงินที่มีความคล่องตัว ใช้งานง่ายและรวดเร็ว ไม่จำเป็นต้องพกเงินสด 3. ผู้ให้บริการ e-Commerce ชั้นนำต่างเปิดรับการชำระเงินด้วยวอลเล็ต รวมถึงเปิดวอลเล็ตของตัวเอง เพิ่มช่องทางการรับชำระค่าสินค้าและบริการให้ผู้บริโภค 4. มีช่องทางการเติมเงินเข้าวอลเล็ตที่หลากหลายขึ้น ทั้งบัตรเครดิต บัตรเดบิต บัญชีธนาคาร เป็นต้น 5. การชำระเงินแบบไร้สัมผัสมีการเร่งตัวขึ้น โดยผู้บริโภคเริ่มใช้เงินสดน้อยลงและใช้วอลเล็ตมากขึ้น จากทิศทางดังกล่าว บริษัทจึงพัฒนา “เป๋าตังเปย์” ให้เป็นบริการอีกขั้นของการชำระเงินในรูปแบบซูเปอร์ วอลเล็ตบนแอปฯ เป๋าตัง ที่ผสานความสามารถของ Bank App และ e-Wallet เข้าด้วยกันให้บริการแบบ Open Loop เป็นวอลเล็ตแรก โดยใช้ QR พร้อมเพย์ เป็นตัวกลาง เปิดกว้างทุกการใช้จ่าย ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้จ่ายทุกร้านค้าได้อย่างอิสระ ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ มุ่งขยายฐานผู้ใช้งานกลุ่มนักเรียน นักศึกษา และวัยเริ่มต้นทำงานที่มีเพียง 30% บนแอปฯ เป๋าตังเป็นหลัก และเพื่อให้ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง “เป๋าตังเปย์” จึงถูกออกแบบและพัฒนาโดยทีมคนรุ่นใหม่ INFINITAS NEXT GEN TEAM ภายใต้แนวคิด “เปย์ไปมีแต่ได้” ครอบคลุมทั้งบริการโอนเงิน เติมเงิน สแกนจ่ายผ่านคิวอาร์พร้อมเพย์ได้ทุกธนาคาร และทุกร้านค้าทั่วไทย รวมถึงใช้ชำระบิลค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ บัตรเครดิต ประกัน หรือค่าธรรมเนียมหน่วยงานภาครัฐ ฯลฯ ซึ่งจะมาพร้อมสิทธิประโยชน์และภารกิจสนุกๆ เพื่อพิชิตคูปองส่วนลดมากมาย

นอกจากนี้ เพื่อให้สามารถใช้จ่ายได้ทุกร้านทั่วไทยอย่างแท้จริง ยังได้เปิดตัว บัตรเพลย์ บัตรที่เชื่อมกับ เป๋าตังเปย์ ผสานการใช้งานออนไลน์-ออฟไลน์ ใช้ชำระค่าโดยสารระบบขนส่งมวลชน แบบ Contactless แตะจ่ายได้ทั้งรถ ราง และทางด่วน ใช้ซื้อสินค้าออนไลน์ และรูดจ่ายผ่านเครื่อง EDC Payment ยกเว้นค่าธรรมเนียมในการออกบัตร เมื่อออกบัตรภายในวันที่ 31 มกราคม 2566 และใช้จ่ายผ่านบัตรเพลย์ ครบ 1,000 บาท/บัตร/เดือน รับสิทธิ์รับเครดิตเงินคืนเข้าเป๋าตังเปย์ 45 บาทต่อเดือน (จำกัด 1,000 สิทธิ์/เดือน) ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2565 – 28 กุมภาพันธ์ 2566

นางสาวสุพร สุนทรโรหิต Chief Business Innovation Officer บริษัท อินฟินิธัส บาย กรุงไทย จํากัด กล่าวว่า “เป๋าตังเปย์” พร้อมมอบความสะดวกสบายให้ผู้ใช้งานได้อย่างไร้รอยต่อ เพียงแค่มีแอปฯ เป๋าตัง ก็สมัครใช้งานได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องมีบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทย ด้วยขั้นตอนง่ายๆ เพียงกรอกข้อมูลบัตรประชาชนข้อมูล CDD (Customer Due Diligence) สแกนใบหน้ายืนยันตัวตน หากสมัครเป๋าตังเปย์สำเร็จ จะสามารถกดสมัครบัตรเพลย์บนแอปฯ เป๋าตังได้ทันที สะดวก และสามารถเติมเงินได้หลายช่องทางทั้ง G-Wallet Krungthai NEXT และ Mobile Banking ของทุกธนาคาร หรือผ่าน QR Code รับเงิน โดยไม่มีค่าธรรมเนียม ซึ่งเริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 22 พฤศจิกายน 2565

เป๋าตังเปย์และบัตรเพลย์  หวังสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับการใช้จ่ายของคนไทย โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ “เปย์สนุก” “เปย์ครบ” ทุกธุรกรรม และ “เปย์คุ้ม” รับส่วนลดมากมาย เมื่อสมัครใช้งาน และใช้จ่ายผ่าน เป๋าตังเปย์ที่ร้านค้าถุงเงิน เพียง 50 บาท รับส่วนลด 10 บาททันที สูงสุดคนละ 5 สิทธิ รวม 500,000 สิทธิ และจ่ายเพียงบาทเดียว เมื่อซื้อ Wall’s จำกัด 150,000 สิทธิ ตั้งแต่วันที่ 22 พฤศจิกายน - 31 ธันวาคม 2565 นอกจากนี้ ยังมีคูปองส่วนลดช้อปปิ้ง กิน เที่ยว ทุกเดือนกับพาร์ทเนอร์อีกจำนวนมาก สมัครได้แล้ววันนี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ https://krungthai.com/th/content/personal/paotang-pay หรือ Krungthai Contact Center 02-111-1111

Page 1 of 4
X

Right Click

No right click