นายสุวัชชัย วงษ์เจริญสิน ประธานกรรมการ นายภูวสิษฏ์ วงษ์เจริญสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมคณะกรรมการ บริษัท ซีพีแอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CPL ผู้นำในอุตสาหกรรมฟอกหนังในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เข้าร่วมการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 ซึ่งเป็นการจัดการประชุมในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-AGM) โดยที่ประชุมรับทราบผลการดำเนินงานปี 2566 รวมถึงพัฒนาการต่างๆ ของบริษัทฯ ที่ได้ขยายไปสู่ธุรกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy) และธุรกิจใหม่ๆ เพื่อสร้างการเติบโต ภายใต้การลงทุนของบริษัท ซีพีแอล เวนเจอร์ พลัส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ CPL ถือหุ้นในสัดส่วน 99.97%

กรุงเทพฯ (29 เมษายน 2567) - บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ S โดยคุณปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา ประธานกรรมการ และคุณฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พร้อมด้วยคณะกรรมการ จัดประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 รายงานผลการดำเนินงานในปี 2566 พร้อมเผยแผนการดำเนินงานและกลยุทธ์ปี 2567 เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายในการสร้าง New All-Time High ในด้านรายได้และกำไรในทุกพอร์ตธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ผ่านปรัชญา “Go Beyond Dreams”

คุณฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ กรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยหลังการประชุมว่า ในปี 2566 ที่ผ่านมา สิงห์ เอสเตท กวาดรายได้รวมเติบโตขึ้นถึง 17% เป็นจำนวน 14,675 ล้านบาท คิดเป็นผลกำไร 240 ล้านบาท ด้วยปัจจัยดังกล่าวที่ประชุมจึงอนุมัติจ่ายปันผลในอัตราหุ้นละ 0.015 บาท โดยคิดเป็นอัตราการจ่ายปันผล 45.12% ของกำไรสุทธิหลังการปรับปรุงรายการ และมีกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 15 พฤษภาคม 2567

 

โดยในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2566 สิงห์ เอสเตท มีสัญญาณการเติบโตของธุรกิจที่ชัดเจน และต่อเนื่องมาจนถึงช่วงต้นปี 2567 จากผลตอบรับที่ดีจากตลาด ผนวกกับความสำเร็จจากการดำเนินการตามแผนพัฒนาที่สร้างไว้ในปี 2566 ทำให้ธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ทำรายได้รวมสูงสุดในประวัติการณ์ ตามเป้าหมายพร้อม New All-Time High ที่ตั้งไว้ได้สำเร็จ

ทั้งนี้ ในปี 2567 สิงห์ เอสเตท ยังเดินหน้าเพิ่มศักยภาพในการสร้างผลกำไร ผ่านการขยายพอร์ตโฟลิโอ เพื่อยกประสิทธิภาพการสร้างรายได้และการทำกำไร ภายใต้ปรัชญา Go Beyond Dreams ที่ใช้ 3 แนวทางสนับสนุนในการขับเคลื่อนการเติบโตครั้งนี้ ได้แก่ 1) Go Expertise การสร้างซินเนอร์จีจากความชำนาญของทีมระหว่าง 4 กลุ่มธุรกิจ โดยดึงเอาจุดแข็งและความชำนาญที่แตกต่างและโดดเด่นของแต่ละธุรกิจเพื่อเกื้อหนุนกันและกัน 2) Go Elixir การผนึกกำลังกับพันธมิตรใหม่ เพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจและการลงทุน 3) Go Exceed, Go Exist ความมุ่งมั่นในการพัฒนาอย่างยั่งยืน สู่การเป็นองค์กร Carbon Neutrality ของสิงห์ เอสเตท ในปี 2573 เพื่อสร้างความสมดุลของธุรกิจทั้งกับชุมชน สังคมและสิ่งแวดล้อม โดยมีกลยุทธ์สำคัญในแต่ละธุรกิจ ได้แก่

1. กลุ่มธุรกิจที่พักอาศัย ยังคงยึดหลักการ Best in Class พร้อมเปิดตัวโครงการที่พักอาศัยคุณภาพในปี 2567 มูลค่ารวม 10,000 ล้านบาท อาทิ โครงการแบรนด์สริน (S’RIN) แห่งที่สอง เพื่อต่อยอดกระแสตอบรับและความต้องการที่ดีของลูกค้า โดยคาดว่าจะพร้อมรับรู้รายได้ในช่วงปลายปี 2567 และโครงการเอ็กซ์คลูซีฟ เรสซิเดนท์ ภายใต้แบรนด์สมิทธ์ (SMYTH’S) เพื่อตอบรับ Real Demand ที่เติบโต ในกลุ่มที่พักอาศัยระดับบน ที่มีจำนวนยูนิตไม่มาก เน้นความเป็นส่วนตัว ทำเลใกล้เมืองและพื้นที่เมืองชั้นใน รวมถึงการเข้าซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการใหม่ ๆ และการเปิดโอกาสเข้าร่วมลงทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อเร่งการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

2. กลุ่มธุรกิจโรงแรมภายใต้การบริหารงานของ SHR มุ่งเน้นการลงทุนโรงแรมที่เป็นสินทรัพย์คุณภาพ เพื่อสร้างศักยภาพในการแข่งขันและการเติบโตของรายได้ในระยะยาว โดยยกระดับประสบการณ์ท่องเที่ยวและบริการให้กับลูกค้า เช่นการปรับปรุงห้องพัก ทั้งนี้ในไตรมาส 1 ปี 2567 ที่ผ่านมา ห้องพักที่ได้รับการปรับปรุงแล้ว สามารถ command ADR ได้สูงขึ้น 20 – 30% โดยในปี 2567 – 2568 จะเดินหน้าปรับปรุงโรงแรมศักยภาพในประเทศไทย และสหราชอาณาจักร ต่อเนื่องจากส่วนแรกที่ทำการปรับปรุงในปี 2566 รวมถึงการยกระดับและนำเสนอ Brand Concept ใหม่ให้ตอบโจทย์ความต้องการและเทรนด์การท่องเที่ยวในระดับสากล ในขณะที่การหมุนเวียนสินทรัพย์ (Asset Rotation) ยังเป็นปัจจัยหนึ่งในการเสริมความแข็งแกร่งด้านผลประกอบการ พร้อมมองหาโอกาสในการควบรวมกิจการเพื่อสร้างการเติบโตให้แก่พอร์ตโฟลิโอของบริษัทฯ

3. กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน เน้นเจาะลูกค้ากลุ่มธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโต และใช้ช่องทางการขายที่หลากหลายและเหมาะสมต่อแต่ละสภาวการณ์ ซึ่งจะช่วยผลักดันผลประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้า และธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมให้เติบโตต่อเนื่องได้

“จากแนวทางกลยุทธ์ดังกล่าว เชื่อมั่นได้ว่า สิงห์ เอสเตท จะขับเคลื่อนผลการดำเนินงานให้เติบโตขึ้น ผ่านการส่งมอบสินค้าและบริการที่เป็นเลิศ เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตของลูกค้าไปพร้อมกับพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน ภายใต้วิสัยทัศน์มุ่งมั่นสร้างคุณค่าและการเติบโตอย่างยั่งยืน (Entrusted And Value Enricher) และปรัชญา ‘Go Beyond Dreams’ โดยเชื่อมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายรายได้รวมของบริษัทให้เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในปี 2567 ตั้งเป้ารายได้โต 20% อยู่ที่ 1.8 หมื่นล้านบาท ” คุณฐิติมา กล่าวเสริม

ดร. นริศ ชัยสูตร (ที่ 4 จากขวา) ประธานกรรมการบริษัท บริษัท ฟังก์ชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ FTI พร้อมด้วยคณะกรรมการบริษัท ฯ เข้าร่วมการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 ในรูปแบบการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (e-AGM) โดยที่ประชุมผู้ถือหุ้น มีมติอนุมัติทุกวาระการประชุม รวมถึงวาระการพิจารณาการจ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.04 บาทต่อหุ้น จากที่ได้มีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วในอัตรา 0.03 บาทต่อหุ้น รวมเป็นการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2566 ทั้งสิ้น 0.07 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) 12 มีนาคม 2567 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 15 พฤษภาคม 2567

กรุงเทพฯ 26 เมษายน 2567 : นายวิโรจน์ ธนาลงกรณ์ ประธานกรรมการ นายบุญชัย ปัณฑุรอัมพร ประธานคณะกรรมการบริหาร นางสาวดวงดาว มหะนาวานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และคณะกรรมการ บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) หรือ SABINA เข้าร่วมการประชุมผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2567 โดยที่ประชุมรับทราบผลการดำเนินงานประจำปี 2567 ซึ่งบริษัทฯ มีรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 3,450.4 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 462.5 ล้านบาท พร้อมทั้ง มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 1.33 บาท คิดเป็น 100% ของกำไรสุทธิ โดยมีการจ่ายปันผลระหว่างกาลไปแล้วในอัตรา 0.66 บาทต่อหุ้น คงเหลือการจ่ายปันผลอีก 0.67 บาทต่อหุ้น ที่มีกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนผู้มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 7 พฤษภาคม 2567 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 17 พฤษภาคม 2567

บมจ. ไวส์ โลจิสติกส์ หรือ WICE ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศแบบครบวงจร จัดงานประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-AGM) โดยมีนายเอกพล พงศ์สถาพร ประธานกรรมการบริษัท ดร. อารยา คงสุนทร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และนายชูเดช คงสุนทร กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ พร้อมด้วยคณะกรรมการบริษัท ผู้บริหารระดับสูง เข้าร่วมประชุม

นายชูเดช คงสุนทร กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ไวส์ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ WICE เปิดเผยว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2567 รับทราบผลการดำเนินงานประจำปี 2566 โดยผู้ถือหุ้นมีมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลงวดผลการดำเนินงานในปี 2566 เป็นเงินสดในอัตรา 0.24 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็น 153.83 ล้านบาท และคิดเป็น 51.18% ของกำไรสำหรับปี โดยจะกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิเข้าร่วมประชุม (Record date) พร้อมกำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 5 มีนาคม 2567 และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 13 พฤษภาคม 2567 เพื่อตอบแทนและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ถือหุ้น และพร้อมปักธงเพื่อก้าวสู่ผู้นำในการให้บริการโลจิกติกส์ครบวงจรที่มีเครือข่ายครอบคลุมทั้งภูมิภาคเอเชีย

สำหรับแผนธุรกิจปี 2567 ว่า บริษัทตั้งเป้าการเติบโตไม่น้อยกว่า 20% จากปีก่อน โดยมองว่าอัตราค่าระวางเรือและอากาศจะมีการปรับตัวขึ้น พร้อมกับปริมาณการขนส่งทั้งนำเข้าและส่งออกจะมีเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน บริษัทเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้าอย่างสหรัฐอเมริกาและประเทศจีนจะกลับมาฟื้นตัว จากนโยบายและแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งภาคเอกชนและการบริโภคภายในประเทศ รวมถึงภาคการลงทุน จนส่งผลให้ภาพรวมของธุรกิจโลจิสติกส์ดีขึ้นไปด้วย นอกจากนี้บริษัทเน้นกลยุทธ์ wallet share และเครือข่ายโลจิสติกส์แบบครบวงจรที่จะช่วยเพิ่มฐานลูกค้า ตลอดจนการสร้างโซลูชั่นการบริการให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าควบคู่ไปด้วยกัน

ขณะที่บริษัทคาดว่าได้เริ่มรับรู้รายได้จากโครงการต่างๆ ที่เริ่มลงทุนไปในปีที่แล้ว เช่นโครงการ Green Logistics Hub ที่ร่วมมือกับพันธมิตร ในการพัฒนาพื้นที่เพื่อให้เป็นศูนย์กลางการบริหารจัดการโลจิสติกส์ ที่ให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึงโครงการการให้บริการขนส่งสินค้าแบบตู้ควบคุมอุณหภูมิ ซึ่งเริ่มให้บริการแบบเต็มกำลังตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาส 2และบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้าเพิ่มอีกหลายราย การให้บริการขนส่งเชื้อเพลิงชีวมวลอัดแท่ง จากสปป.ลาวมายังท่าเรือแหลมฉบัง โดยจะเริ่มให้บริการ ภายในไตรมาส 2 นี้

บริษัทยังมีแผนที่จะขยายพื้นที่คลังสินค้าใหม่ เพื่อรับรองการเติบโตของลูกค้า โดยตั้งเป้าขยายพื้นที่อีก 20,000-30,000 ตารางเมตร ซึ่งจะทำให้บริษัทมีพื้นที่ให้บริการ ถึง 100,000 ตารางเมตร ทั้งนี้คาดว่าจะใช้งบสำหรับการลงทุนและขยายกิจการในโครงการต่างๆประมาณ 200-300 ล้านบาท

Page 1 of 9
X

Right Click

No right click