

แกร็บฟู้ด แอปสั่งอาหารอันดับ 1 ในประเทศไทย1 เดินหน้าเขย่าตลาดฟู้ดเดลิเวอรีครึ่งปีหลัง ส่งแคมเปญใหญ่ “GrabFood Mega Sale ลดแรง ตัวจริง” อัดดีลส่วนลดจัดเต็มกว่า 250,000 ดีล ขนทัพพาร์ทเนอร์ร้านอาหาร ทั้งเชนร้านอาหารจานด่วน (QSR) สตรีทฟู้ดเจ้าเด็ด หรือร้านดังในกระแสทั่วประเทศ ลุยสงครามความคุ้มค่าเพื่อผู้บริโภค ชูไฮไลต์ “Hot Deals” เคาะราคาช่วยมื้อประหยัดเริ่มต้นเพียง 30 บาท พร้อมลดเพิ่มอีกสูงสุด 60% ไม่มีขั้นต่ำ เพียงใส่โค้ด ‘MEGA’ และโปรโมชันส่งฟรี 0 บาททุกออเดอร์ หวังกระตุ้นการบริโภคพร้อมแบ่งเบาผู้บริโภคในยุคที่ทุกคนเริ่มรัดเข็มขัด
นายพนมกร จิระเสถียรพงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า “ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและสถานการณ์ค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น ปัจจุบันผู้บริโภคต้องเผชิญกับภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 1.5% ต่อปี2 ส่งผลให้มีความระมัดระวังการใช้จ่ายกันมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคในยุคที่ทุกคนเริ่มรัดเข็มขัด โดยมองหาสินค้าและบริการที่ยังคงคุณภาพในราคาที่เข้าถึงได้ แกร็บฟู้ดจึงได้ส่ง
แคมเปญใหญ่ในช่วงกลางปีเพื่อเอาใจสายกิน พร้อมตอกย้ำจุดแข็งในด้านความคุ้มค่ากับแคมเปญ ‘GrabFood Mega Sale ลดแรง ตัวจริง’ นำทัพโดยการให้ดีลส่วนลดภายใต้ซับแบรนด์ Hot Deals กว่า 250,000 ดีล ทุบสถิติสูงสุดเท่าที่เคยมี โดยร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ร้านค้าทั่วประเทศ ครอบคลุมตั้งแต่เชนร้านอาหารขนาดใหญ่ สตรีทฟู้ดเจ้าเด็ด ไปจนถึงร้านดังเจ้าอร่อยภายใต้แฟลกชิปแบรนด์อย่าง #GrabThumbsUp และ Only at Grab สอดคล้องกับกลยุทธ์หลักที่เรามุ่งนำเสนอความคุ้มค่า ควบคู่ไปกับคุณภาพและความหลากหลายของอาหาร เพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถเข้าถึงมื้ออร่อยกับเมนูคุณภาพในราคาที่คุ้มค่าที่สุด”
ขณะเดียวกัน แคมเปญ “GrabFood Mega Sale ลดแรง ตัวจริง” มีจำนวนพาร์ทเนอร์ร้านค้ารายย่อยที่กระจายอยู่ทั่วประเทศเข้าร่วมเพิ่มขึ้นสูงขึ้นกว่า 40% จากไตรมาสแรก นอกจากจะเป็นการเพิ่มตัวเลือกที่หลากหลายและครอบคลุมให้กับผู้บริโภคแล้ว ยังช่วยกระตุ้นยอดขายให้กับผู้ประกอบการร้านอาหารขนาดเล็กและรายย่อย โดยเฉพาะในช่วงสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ตอกย้ำบทบาทสำคัญของแกร็บฟู้ดในฐานะแพลตฟอร์มที่พร้อมสนับสนุนและเสริมความแข็งแกร่งให้ผู้ประกอบการร้านอาหารสามารถเดินหน้าธุรกิจได้อย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาที่ท้าทาย
เพื่อสร้างความคึกคักรับแคมเปญใหญ่ แกร็บฟู้ดลุยการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ประเดิมด้วยไฮไลต์พิเศษกับอีเวนต์เปิดตัวสุดยิ่งใหญ่ที่ได้ 4 หนุ่ม Friends of Grab พรีเซ็นเตอร์สุดฮอต เจมีไนน์-นรวิชญ์, โฟร์ท-ณัฐวรรธน์, สกาย-วงศ์รวี และ นานิ-หิรัญกฤษฎิ์ มาร่วมตอกย้ำภาพลักษณ์ตัวจริงเรื่องความคุ้มค่าผ่านซับแบรนด์ “Hot Deals” พร้อมเสริมทัพด้วยศิลปิน T-Pop แห่งยุคอย่างวง BUS และ PiXXiE ที่มาร่วมปลุกกระแสดีลแรง นอกจากนี้ ยังสร้างสีสันให้กับแคมเปญด้วยการส่งรายการ “THE FOOD TOOBLAND by GrabFood Mega Sale ลดแรง ตัวจริง” ครั้งแรก! กับเกมการแข่งขันในสไตล์เรียลลิตี้ิ นำทีมโดย โค้ชลูกเกด และโค้ชซอนย่า พร้อมด้วย นานิ หิรัญกฤษฎิ์, เต ตะวัน, ออฟ จุมพล, ฮง LYKN, ม๊าเดี่ยว และม้าม้วง ที่มาประชันกันทุบโจทย์ของแคมเปญครั้งนี้เพื่อพิสูจน์ว่าใครขึ้นแท่นเบอร์ 1 เจ้าแห่งดีลเด็ด “ตัวจริง” รับชมได้ทาง Youtube Grab Thailand พลาดไม่ได้กับแคมเปญ “GrabFood Mega Sale ลดแรง ตัวจริง” เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 - 31 กรกฎาคม 2568 ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/GrabFoodTH
แกร็บฟู้ด แอปสั่งอาหารชั้นนำในประเทศไทย1 เผย 5 เทรนด์อาหารที่น่าจับตามองในปี 2025 ผ่านรายงาน “เจาะลึกธุรกิจและเทรนด์ร้านอาหารปี 2025” (A Comprehensive Guide for 2025 Restaurateurs) ซึ่งเปิดตัวในงานประกาศรางวัล #GrabThumbsUp Awards 2025 พบดาวรุ่งดวงใหม่อย่าง ‘สาเก’ มาแรงกับการแพริ่งกับอาหารที่ช่วยทำให้ภาพลักษณ์ทันสมัยขึ้น
ขณะที่เทรนด์สแน็กรองท้อง และอาหารเพื่อสุขภาพยังคงเติบโตในวงกว้างโดยเฉพาะกระแส ‘โปรตีน-ซูเปอร์ฟู้ดฟีเวอร์’ นอกจากนี้ เมนูไวรัลที่มาจากต่างประเทศยังคงได้รับความนิยมต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคไทยที่พร้อมเปิดรับความแปลกใหม่ มองหาความเซอร์ไพรส์ และต้องการอยู่ในกระแสเสมอ (FOMO) โดยมีโซเชียลมีเดียเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสร้างกระแส และผลักดันแบรนด์และเมนูให้แจ้งเกิดในวงกว้าง

“สาเก” วัตถุดิบเปลี่ยนเกม ที่วงการอาหารต้องจับตา
ด้วยอิทธิพลของกระแส Asianization ที่มาแรงในช่วงปีที่ผ่านมา “สาเก” ได้กลายเป็นดาวรุ่งที่วงการอาหารทั่วโลกให้ความสนใจ เมื่อผนวกกับความนิยมในอาหารญี่ปุ่นของคนไทย สาเกจึงพร้อมขึ้นแท่นไฮไลต์ที่น่าจับตามองของปีนี้ โดยเฉพาะการนำไปแพริ่ง (Pairing) หรือจับคู่กับอาหาร ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่พบมากขึ้นในร้านอาหารสไตล์แคชวลไดนิ่ง (Casaul Dining) จึงเป็นที่คาดว่าปีนี้จะได้เห็นเทรนด์ร้านอาหารแนว Sake Bar เติบโตอย่างรวดเร็ว ไม่แพ้กระแสเนเชอรัลไวน์ (Natural Wine) ที่เคยร้อนแรงก่อนหน้านี้ ร้านอาหารและบาร์ที่นำเสนอประสบการณ์สาเกในมุมที่แปลกใหม่ จะยิ่งมีโอกาสเข้าถึงลูกค้ากลุ่ม Early Adopter ได้ก่อน
“Snackification” ของกินเล่นแทนมื้อหลัก
จากไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบของผู้บริโภคยุคใหม่ การรับประทานอาหารให้ครบ 3 มื้ออาจไม่ใช่เรื่องง่าย หลายคนจึงมองหาเมนูที่เน้น ‘กินไว กินง่าย ได้ประโยชน์’ ส่งผลให้เทรนด์ “Snackification” หรือการทานของว่างแทนมื้อหลัก กลายเป็นกระแสที่มาแรง ผู้บริโภคมองหาเมนูขนาดพอดีคำ (Bite-size) ที่สะดวกและให้พลังงานเพียงพอ สามารถรองท้องได้ในแต่ละช่วงของวัน หลายแบรนด์จึงจับเทรนด์นี้ด้วยการนำเสนอเมนูแนว Grab & Go ที่ตอบโจทย์ชีวิตแบบพร้อมเดินทาง ไม่ว่าจะเป็น บาร์ธัญพืช โอนิกิริ สลัดแร็ป หรือแม้แต่เส้นหมี่ไก่ฉีก พร้อมชูจุดขายเรื่องวัตถุดิบที่ให้พลังงานสูง ดีต่อสุขภาพ และแพคเกจจิ้งที่หยิบกินง่าย กลายเป็นช่องว่างทางการตลาดที่ร้านค้าและแบรนด์สามารถใช้เข้าถึงกลุ่มคนเมืองยุคใหม่ได้
![]()
โปรตีน-ซูเปอร์ฟู้ดฟีเวอร์
ไลฟ์สไตล์รักสุขภาพยังคงเติบโตในหมู่ผู้บริโภคชาวไทย การชูจุดขายเรื่องวัตถุดิบที่มีประโยชน์ต่อร่างกายจึงเป็นเทรนด์ที่ผู้ประกอบการไม่ควรมองข้าม หนึ่งในกระแสที่มาแรงคือ “โปรตีนฟีเวอร์” สะท้อนผ่านข้อมูลจากร้านน้ำผลไม้สเปเชียลตี้แห่งปีอย่าง PASH Juices ที่พบว่า ‘เวย์โปรตีน’ เป็นท็อปปิ้งยอดนิยมอันดับหนึ่งของเครื่องดื่มสมูทตี้ ขณะเดียวกัน วัตถุดิบที่ให้โปรตีนสูงอย่างเต้าหู้ กรีกโยเกิร์ต และถั่วต่างๆ ล้วนได้รับความนิยมในการนำมาใช้ประกอบอาหารทั้งคาวและหวาน สอดคล้องกับมูลค่าตลาดของโปรตีนทางเลือกที่เติบโตขึ้นจากปีก่อน2 รวมถึง “ซูเปอร์ฟู้ด” นานาชนิด อาทิ สาหร่ายสไปรูลิน่า ส่วนผสมในสมูทตี้สีฟ้าสุดฮิต หรือ Sea Moss Gel เจลสาหร่ายทะเลสีแดงที่กำลังเป็นไวรัล ดังนั้น การเพิ่มเมนูหรือตัวเลือกส่วนผสมเพื่อสุขภาพในรูปแบบที่น่าสนใจ จะเป็นแต้มต่อที่ช่วยดึงดูดลูกค้าสายเฮลตี้อย่างแน่นอน
“Swavory” ผสมผสานรสหวาน-คาว
เทรนด์ “Swavory” หรือการผสมผสานรสชาติหวาน (Sweet) และคาว (Savory) กำลังเป็นที่จับตามอง โดยเฉพาะในฝั่งของขนมและเครื่องดื่มที่เห็นการสร้างสรรค์เมนูทวิสต์ใหม่ๆ ด้วยการเติมคาแรกเตอร์ของคาวเข้าไป เช่น สมูทตี้โบวล์หน้ายำผลไม้สไตล์ไทยรสแซ่บอย่างเมนู ‘Yum Fruit Zaap! Bowl’ จากแบรนด์ Acai Story หรือน้ำแข็งใสสไตล์เม็กซิกันที่ตัดรสด้วยซอสพริกอย่างเมนู ‘คากิโกริแมงโก้นาดาซอสศรีราชา’ จาก After You เทรนด์นี้ยังเปิดโอกาสให้แบรนด์ต่างวงการได้คอลแลบร่วมกันเพื่อสร้างความเซอร์ไพรส์ให้ตลาด เช่นเดียวกับวงการค็อกเทลไทย ที่นำวัตถุดิบอาหารคาวมาผสมผสานในเมนูเครื่องดื่มที่แปลกใหม่ การชูรสเค็ม-หวานแบบไทยๆ ไม่เพียงแต่สร้างความแตกต่างในตลาด แต่ยังช่วยยกระดับวัตถุดิบท้องถิ่นและถ่ายทอดวัฒนธรรมอาหารไทยในมุมมองที่ทันสมัย ดึงดูดทั้งนักชิมชาวไทยและต่างชาติที่แสวงหาประสบการณ์ใหม่ๆ
จับกระแสต่างแดน สร้างจุดเด่นต่อยอดความปัง
ในปีที่ผ่านมา เมนูไวรัลในไทยส่วนใหญ่ได้รับอิทธิพลจากต่างประเทศ โดยมักเริ่มจากความนิยมเฉพาะกลุ่ม ก่อนที่จะกลายเป็นกระแสเมนสตรีมที่ขับเคลื่อนโดยแบรนด์ใหญ่และโซเชียลมีเดีย จนเกิดเป็น “Dupe Culture” ในวงการอาหาร เช่น เมนูสมูทตี้สีฟ้า หรือกระแสช็อกโกแลตดูไบที่ฮิตติดลมบน อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ เทรนด์เมนูจากต่างแดนยังคงร้อนแรงต่อเนื่อง อย่างกระแส ‘ชิโอะปัง’ หรือขนมปังเกลือ ที่มียอดค้นหาบนแกร็บฟู้ดพุ่งสูงขึ้นถึง 66 เท่าในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ รวมถึง ‘ทาร์ตไข่สไตล์ฮ่องกง’ และอีกหนึ่งเทรนด์ที่น่าจับตามองคือการกลับมาของ ‘โยเกิร์ตซอฟเสิร์ฟ’ ร้านที่ติดตามกระแสและปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว จะมีโอกาสสร้างจุดเด่นและเติบโตในตลาดที่แข่งขันสูงได้
แกร็บฟู้ด ตอกย้ำผู้นำแพลตฟอร์มเดลิเวอรียอดนิยม เขย่าตลาดด้วยแคมเปญใหญ่ส่งท้ายปี “GrabFood Mega Sale ประกาศศักดา ลดใหญ่ใส่สุด” ผนึกพันธมิตรร้านอาหารทั่วประเทศหั่นราคา-แจกโค้ดส่วนลดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 90% ทุกชั่วโมงแบบไม่มีขั้นต่ำ พร้อมส่งดีลสั่งอาหารราคาพิเศษเริ่มต้น 19 บาทกว่า 16,000 ดีล มาพร้อมโปรโมชันพิเศษส่งฟรี 0 บาท จัดเต็มด้วยกิจกรรมการตลาด 360 องศา โดยเพิ่มสัดส่วนของสื่อออฟไลน์ถึงสองเท่า โดยเฉพาะสื่อกลางแจ้ง (Out-of-Home) และ สื่อโฆษณาเคลื่อนที่ (Transit Media) เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้างและตอกย้ำเรื่องความคุ้มค่าและปลุกกำลังซื้อในช่วงที่ผู้บริโภคเริ่มรัดเข็มขัดจากสถานการณ์เศรษฐกิจ เสริมทัพด้วยกลยุทธ์ Music Marketing ปรับลุคพรีเซนเตอร์ “เบลล่า ราณี” เป็นแรปเปอร์สาวในแคมเปญโฆษณาล่าสุด ชวนสั่งอาหารเป็นกลุ่มต้อนรับช่วงเทศกาลปลายปีที่คนนิยมสั่งอาหารมาเลี้ยงฉลองร่วมกัน หลังยอดใช้บริการฟีเจอร์ Group Order (สั่งอาหารแบบกลุ่ม) เติบโตขึ้นกว่า 90%
นายพนมกร จิระเสถียรพงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า “เพื่อสร้างสีสันให้กับตลาดฟู้ดเดลิเวอรีและปลุกกำลังซื้อในช่วงโค้งสุดท้ายของปี แกร็บฟู้ดได้ส่งแคมเปญใหญ่ ‘GrabFood Mega Sale ประกาศศักดา ลดใหญ่ใส่สุด’ สร้างปรากฏการณ์คุ้มส่งท้ายปีเพื่อคืนกำไรให้กับผู้ใช้บริการ โดยเราได้ผนึกกำลังกับพันธมิตรร้านอาหารทั่วประเทศ ทั้งกลุ่มเชนร้านอาหารบริการด่วน (QSR) ร้านฮิตติดเทรนด์ ไปจนถึงร้านสตรีตฟู้ด หั่นราคาและมอบส่วนลดสูงสุดถึง 90%1 เพียงใส่โค้ด MEGA (ลดสูงสุด 80 บาท ไม่ต้องมียอดสั่งขั้นต่ำ) โดยจะมีการเติมโค้ดส่วนลดทุกชั่วโมง มาพร้อมดีลสั่งอาหารในราคาพิเศษภายใต้ซับแบรนด์ Hot Deals ที่เริ่มต้นเพียง 19 บาทกว่า 16,000 ดีล และโปรโมชันส่งฟรี 0 บาท ซึ่งถือเป็นโปรโมชันที่แรงที่สุดเป็นประวัติการณ์”

ภายใต้แคมเปญนี้ แกร็บฟู้ดเล่นใหญ่ใส่สุดจัดเต็มด้วยกิจกรรมการตลาดและส่งเสริมการขายแบบ 360 องศา ครอบคลุมทั้งสื่อออนไลน์และออฟไลน์ โดยได้เพิ่มสัดส่วนของการใช้สื่อออฟไลน์สูงขึ้นสองเท่า โดยเฉพาะสื่อกลางแจ้ง (Out-of-Home) ทั้งบิลบอร์ดและจอดิจิทัล พร้อมสื่อโฆษณาเคลื่อนที่ (Transit Media) เพื่อตอกย้ำเรื่องความคุ้มค่า (Affordability) ในช่วงที่ผู้บริโภคมีความระมัดระวังการใช้จ่ายจากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่ชะลอตัวและปัจจัยภายนอกต่าง ๆ

“นอกจากนี้ เรายังได้เสริมทัพด้วยการใช้กลยุทธ์มิวสิค มาร์เก็ตติ้ง (Music Marketing) เพื่อสร้างการจดจำและการเข้าถึงแคมเปญผ่านเพลงแร็พติดหู โดยส่งแคมเปญโฆษณาล่าสุดที่ได้ปรับลุคพรีเซนเตอร์ ‘เบลล่า ราณี’ ให้กลายเป็นแรปเปอร์สาวเพื่อเจาะกลุ่ม Gen Z ชวนผู้ใช้บริการสั่งอาหารเป็นกลุ่มเพื่อฉลองร่วมกันในช่วงเทศกาล โดยเฉพาะการใช้ฟีเจอร์ Group Order (สั่งอาหารแบบกลุ่ม) ซึ่งได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นหลังเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงไตรมาส 3 โดยมียอดใช้บริการเติบโตขึ้นกว่า 90%2” นายพนมกร กล่าวเสริม
ติดตามรายละเอียดของแคมเปญ “GrabFood Mega Sale ประกาศศักดา ลดใหญ่ใส่สุด” ได้ที่ https://www.facebook.com/GrabFoodTH
รับชมภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ได้ผ่านทาง
หมายเหตุ
1เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
2เปรียบเทียบยอดใช้บริการสั่งอาหารแบบกลุ่มผ่านฟีเจอร์ Group Order ระหว่างเดือนสิงหาคม-ตุลาคมกับช่วงก่อนหน้า
14 พฤศจิกายน 2567 - แกร็บฟู้ด ผู้นำแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรียอดนิยม ตอกย้ำความเป็นเทรนด์เซ็ตเตอร์ สานต่อกลยุทธ์ Collaborative Marketing คว้าศิลปินป๊อปอาร์ตดาวรุ่ง NEWYEAR - ปภากร ศรีกัลยกร เจ้าของคาแรคเตอร์ดัชชุนสุดน่ารักอย่าง “Wednesday” พร้อม 5 ร้านดังที่การันตีความอร่อยโดย #GrabThumsUp อย่าง SOURI, เผ็ดเผ็ด, โอ้กะจู๋, ROOTS และ Shake Shack ผุดแคมเปญพิเศษในช่วงปลายปีเพื่อสร้างปรากฏการณ์เชื่อมความอร่อยเข้ากับงานอาร์ตอย่างลงตัวผ่านงาน #GrabThumbsUp x NEWYEAR presents Quality Food Quality Time in the Park ครั้งแรก! กับการเปิดตัวเมนูพิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟ จากทั้ง 5 ร้านที่สั่งได้เฉพาะที่ Grab พร้อมถ่ายทอดประสบการณ์ความอร่อยผ่านผลงานศิลปะ ของที่ระลึก และกิจกรรมเพื่อสร้างเอนเกจเมนต์กับผู้บริโภค ยกระดับความเป็นไลฟ์สไตล์แบรนด์ของ #GrabThumsUp เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าคุณภาพ
![]()
นายพนมกร จิระเสถียรพงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า “เพื่อต้อนรับเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองในช่วงปลายปี แกร็บฟู้ดได้ส่งแคมเปญพิเศษเพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำเทรนด์ พร้อมชูแฟลกชิปแบรนด์อย่าง #GrabThumbsUp โดยเราได้ร่วมมือกับศิลปินป๊อปอาร์ตดาวรุ่งอย่าง NEWYEAR เพื่อสร้างสรรค์งานศิลปะที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากอาหารจานอร่อย พร้อมด้วย 5 ร้านดังที่โดดเด่นในด้านต่าง ๆ และการันตีความอร่อยโดย #GrabThumbsUp ที่มาร่วมสร้างสรรค์เมนูพิเศษเอาใจสายกิน ไม่ว่าจะเป็น เมนู Macaron Cream Cheese Strawberry Rose จากร้าน SOURI เมนูยำบะหมี่หน้าโรงเรียนจากร้านเผ็ดเผ็ด เมนู Fizzy Apple Cold Brew จากร้าน ROOTS เมนูซี่โครงเลดี้ สโมคบาร์บีคิวทรัฟเฟิลชีสจากร้านโอ้กะจู๋ และ เมนู Blackberry Lemonade จากร้าน Shake Shack โดยเราเปิดตัวครั้งแรกในงาน Pop-Up event ที่ชื่อ #GrabThumbsUp x NEWYEAR presents Quality Food Quality Time in the Park ซึ่งจัดขึ้นที่เซ็นทรัลเวิร์ลตลอด 4 วันเต็มเพื่อสร้างเอนเกจเมนต์กับผู้บริโภค โดยแคมเปญนี้ถือเป็นอีกหนึ่งโชว์เคสสำคัญที่แกร็บฟู้ด มุ่งสร้างสรรค์ผ่านกลยุทธ์ Collaborative Marketing ซึ่งนอกจากจะสร้างสีสันและความแปลกใหม่ให้กับผู้บริโภคแล้ว ยังช่วยยกระดับความเป็นไลฟ์สไตล์แบรนด์ให้กับแฟลกชิปแบรนด์อย่าง #GrabThumbsUp ด้วย”
![]()
ภายในงานยังมีกิจกรรมพิเศษให้ผู้เข้าร่วมงานสามารถสั่งซื้อเมนูพิเศษได้ผ่านแอปฯ Grab และเลือกรับอาหารได้สะดวกที่งานผ่านฟีเจอร์ Pickup ทัังยังสามารถนำใบเสร็จรับเงินไปแลกรับของที่ระลึกลวดลายสุดลิมิเต็ดที่ออกแบบโดย NEWYEAR ได้ภายในงาน อาทิ กล่องข้าว กระเป๋าผ้า และ Griptok นอกจากนี้ แกร็บฟู้ดยังชวนผู้ใช้บริการเข้าถึงความอร่อยและเพลิดเพลินไปกับงานอาร์ตได้ โดยเลือกสั่งเมนูพิเศษจาก 5 ร้านแบรนด์ดังจาก #GrabThumbsUp ได้ผ่านแอปฯ Grab จนถึงวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้ พร้อมสัมผัสความน่ารักจากดีไซน์พิเศษของศิลปิน NEWYEAR ที่บริเวณหน้าร้านของทั้ง 5 แบรนด์ดังได้อีกด้วย
21 พฤศจิกายน 2567 - แกร็บ ประเทศไทย รุกตลาดเรียกรถผ่านแอปฯ ผ่านกลยุทธ์ Social Marketing ดันบริการ GrabDriveYourCar เต็มสูบ รับดีมานด์พุ่ง 50% ในช่วงเทศกาล ชูจุดเด่นคนขับมืออาชีพมาตรฐานสูง มาถึงไวในเวลา 15 นาที ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 350 บาท พร้อมประกันอุบัติเหตุที่คุ้มครองทั้งผู้โดยสารและยานพาหนะด้วยวงเงินสูงสุดถึง 5 ล้านบาท ผุดแคมเปญพิเศษ “โปรเด็ด (เพื่อ) นักดื่ม” ส่งหนังโฆษณาปลุกจิตสำนึกรณรงค์ดื่มไม่ขับ พ่วงผนึกพันธมิตรผับ-บาร์และสถานบันเทิงให้ส่วนลดนักดื่มในช่วงเทศกาล พร้อมจัดคอร์สอบรมออนไลน์ให้คนขับหวังสร้างจิตสำนึกด้านความปลอดภัยและความรับผิดชอบต่อสังคม
นางสาวเมธินี อนวัชกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานธุรกิจการเดินทางและบริหารพาร์ทเนอร์คนขับ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า “ในช่วงปลายปีถือเป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองและมีการจัดงานเทศกาลต่างๆ อย่างต่อเนื่อง นอกจากผู้คนจะออกเดินทางท่องเที่ยวมากขึ้นแล้ว ก็ยังมีการนัดพบปะสังสรรค์และจัดงานเลี้ยงฉลองกันบ่อยครั้งด้วย ส่งผลให้บริการเรียกรถผ่านแอปฯ ได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากปัจจัยดังกล่าว ทำให้มียอดผู้ใช้บริการเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งรวมถึง GrabDriveYourCar หรือบริการคนขับรถยนต์ส่วนตัวมืออาชีพ ที่แกร็บเปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2562 โดยได้รับความนิยมอย่างมากจากผู้ใช้บริการในกลุ่มนักเที่ยวกลางคืนหรือสายดื่มที่เป็นเจ้าของรถยนต์แต่ไม่ต้องการขับ รถเองเมื่อไปปาร์ตี้สังสรรค์เพื่อหลีกเลี่ยงการเมาไม่ขับ รองลงมาคือกลุ่มผู้ใช้บริการที่ไม่สะดวกขับรถด้วยตัวเองในโอกาส
ต่างๆ จึงต้องการคนขับที่ไว้ใจได้ช่วยขับรถให้ เช่น ไปรับ-ส่งคนในครอบครัวเพื่อไปทำธุระหรือโรงพยาบาล รวมถึงกลุ่มนักธุรกิจที่มีประชุมนัดหมายสำคัญหรือเลี่ยงขับรถเองในช่วงเวลากลางคืน เป็นต้น”
“โดยปกติแล้ว บริการ GrabDriveYourCar จะได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญในช่วงปลายปีถึงต้นปี (พฤศจิกายน - มกราคม) ซึ่งสะท้อนผ่านยอดเรียกใช้บริการที่สูงขึ้นกว่าช่วงปกติถึง 50%1 ดังนั้น ในปีนี้ แกร็บจึงได้รุกทำตลาดบริการคนขับรถมืออาชีพอย่างจริงจัง โดยใช้กลยุทธ์การตลาดเพื่อสังคมหรือ Social Marketing ผ่านการทำแคมเปญพิเศษที่ชื่อ ‘โปรเด็ด (เพื่อ) นักดื่ม’ พร้อมส่งภาพยนตร์โฆษณาชุดพิเศษเพื่อร่วมรณรงค์ด้านความปลอดภัยและกระตุ้นจิตสำนึกให้กับผู้ใช้บริการสายดื่ม โดยนำอินไซต์จริงที่สะท้อนวิธีคิดและพฤติกรรมของนักดื่ม รวมถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นทั้งต่อตัวผู้กระทำ คนรอบข้างและสังคมโดยรวม มาเป็นจุดขายเพื่อกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและความรับผิดชอบร่วมกัน โดยแฝงมุขตลกเพื่อให้เข้าถึงได้ง่าย พร้อมผนึกพันธมิตรกับสถานบันเทิงต่างๆ เพื่อสร้างแรงกระเพื่อมทางสังคมให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม”
![]()
จุดเด่นของบริการ GrabDriveYourCar คือ
· มีฐานคนขับมืออาชีพพร้อมให้บริการ โดยคนขับแกร็บที่จะสามารถให้บริการ GrabDriveYourCar ได้ต้องผ่านระบบคัดกรองที่เข้มข้น ตั้งแต่การตรวจประวัติอาชญากรรมย้อนหลัง การทำแบบทดสอบทั้งข้อเขียนและสัมภาษณ์เพื่อประเมินทักษะด้านการขับรถ ทัศนคติ มาตรฐานความปลอดภัย รวมถึงความสามารถในการจัดการและรับมือกับเหตุไม่คาดฝัน ซึ่งคนขับกลุ่มนี้สามารถขับรถยนต์ได้ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์ซีดาน รถ SUV รถกระบะ รถตู้ ไปจนถึงซุปเปอร์คาร์
· มาไวทันใจ โดยผู้ใช้บริการจะใช้เวลารอคนขับเฉลี่ยเพียง 15 นาทีหลังจากระบบได้จัดสรรคนขับแล้ว
· ราคาเข้าถึงได้ โดยแกร็บได้ปรับราคาเริ่มต้นเพียง 350 บาทต่อเที่ยว2
· อุ่นใจ โดยแกร็บได้ทำประกันอุบัติเหตุระหว่างการเดินทางในทุกเที่ยว ซึ่งคุ้มครองทั้งผู้ใช้บริการและยานพาหนะ ด้วยวงเงินคุ้มครองสูงสุดถึง 5 ล้านบาทต่อเที่ยว
![]()
“ภายใต้แคมเปญนี้ แกร็บยังได้มอบส่วนลดบริการ GrabDriveYourCar 30% (สูงสุด 200 บาท) สำหรับผู้ใช้บริการใหม่ เพียงใส่รหัส DRIVE30 ตั้งแต่วันนี้จนถึงช่วงสิ้นปี พร้อมกันนี้ ยังได้ผนึกความร่วมมือกับคอมมูนิตี้มอลล์ ร้านอาหาร และสถานบันเทิงทั่วกรุงเทพฯ อาทิ theCOMMONS Groove @ centralwOrld ร้าน Brick Bar ร้าน Molly ร้าน Mulligans Irish Bar ร้าน Waterside Karaoke และร้าน 12Plato Brewing เป็นต้น เพื่อผลักดันให้คน "ดื่มไม่ขับ เรียก GrabDriveYourCar ขับให้" ให้ทุกคนได้เดินทางกลับบ้านอย่างปลอดภัยนอกจากนี้ เรายังได้จัดคอร์สอบรมออนไลน์สำหรับคนขับแกร็บที่ให้บริการเรียกรถผ่านแอปฯ เพื่อสร้างความตระหนักรู้ถึงโทษภัยของการดื่มแล้วขับ พร้อมให้บริการด้วยความปลอดภัยและมีความรับผิดชอบต่อสังคมด้วย” นางสาวเมธิณี ปิดท้าย