December 05, 2025

 

ดีแคทลอน เผยเทรนด์กิจกรรมกลางแจ้งมาแรงช่วงสิ้นปี 2568 โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่น Gen Z และ Gen Y ที่หันมาใช้ธรรมชาติเป็นพื้นที่พักใจและฟื้นพลังชีวิต

ทั้งนี้ยอดขายในหมวดกิจกรรมและกีฬากลางแจ้งเติบโตสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2567 ที่ผ่านมา โดยเฉพาะสินค้าประเภทวิ่งมียอดขายเติบโตมากกว่า 20% และสินค้าที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมเดินป่า แคมป์ปิ้ง มียอดขายเติบโตมากกว่า 10% สะท้อนพฤติกรรมคนไทยที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพและการเชื่อมโยงตนเองเข้ากับธรรมชาติ พร้อมตอกย้ำกลยุทธ์ “Bring Sport Closer to People” ด้วยการเปิดสาขาใหม่ที่ เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ ขยายฐานคนรักกีฬาและสุขภาพสู่โซนกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก

 เทรนด์ใหม่: จากออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ สู่การรวมกลุ่มสร้างประสบการณ์แบบ Sub-culture

จากการเก็บข้อมูล ดีแคทลอนชี้ให้เห็นว่าคนไทยยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Y – Gen Z กำลังนิยาม “การดูแลสุขภาพ” ขึ้นใหม่ จากเดิมที่การออกกำลังกายคือการทำให้ร่างกายแข็งแรง มาสู่การให้ความสำคัญกับ “สุขภาพใจ” และ “การใช้เวลาร่วมกับผู้อื่น” มากขึ้น สะท้อนให้เห็นว่าเทรนด์ “เวลเนสยุคใหม่” ไม่ได้อยู่ที่ผลลัพธ์ทางร่างกายเพียงอย่างเดียว แต่คือการเข้าสังคม สร้างประสบการณ์ใหม่ที่ได้ทั้งสุขภาพกาย สุขภาพใจ และความสัมพันธ์ผ่านกลุ่มคนที่มีความชอบคล้ายกัน เป็นคอมมูนิตี้ที่มีเอกลักษณ์และวัฒนธรรมย่อย(Sub-culture) ของตนเอง ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลของกรมพลศึกษาในปี 2567 ที่พบว่า คนไทยออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพิ่มขึ้นจาก 40.4% ในปี 2565 เป็น 44.4% ในปี 2567 อีกทั้งในปัจจุบันยังได้รับแรงบันดาลใจจากกลุ่มผู้มีอิทธิพล คนดัง อินฟลูเอ็นเซอร์ ผ่านทางช่องทางโซเชียลมีเดีย ตลอดจนกระแสความนิยมจากกลุ่ม Running Club, คลาสโยคะในสวน ไปจนถึงกลุ่มเดินป่าและตั้งแคมป์ ส่งผลให้ “การออกกำลังกาย และกิจกรรมกลางแจ้ง” ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และกำลังเข้ามาเปลี่ยนกิจกรรมส่วนตัวหรือกลุ่มเล็กๆ สู่กิจกรรมทางสังคม ที่ผู้คนได้มาเชื่อมต่อ สร้างแรงบันดาลใจ และเติมเต็มชีวิตร่วมกัน

มร.ดีเรน เชตติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดีแคทลอน ประเทศไทย กล่าวว่า “เป็นเรื่องน่ายินดีที่ได้เห็นเทรนด์การรักสุขภาพ การออกกำลังกาย และการรวมตัวกันของคอมมูนิตี้ที่มีความสนใจคล้ายกันเกิดขึ้นมากมายในประเทศไทย ยอดการเติบโตของสินค้าหมวดกิจกรรมและกีฬากลางแจ้งของดีแคทลอน สะท้อนให้เห็นชัดถึงความเชื่อมโยมของคนไทยกับธรรมชาติในสถานที่ต่างๆ รวมถึงการใส่ใจในการดูแลตัวเองของคนในยุคปัจจุบัน ดีแคทลอนพร้อมเป็นหนึ่งในคัลเจอร์ใหม่ที่จะช่วยสร้างประสบการณ์ด้านกีฬาและกิจกรรมกลางแจ้งให้เป็นเรื่องที่เข้าถึงง่าย ด้วยอุปกรณ์คุณภาพ ราคาคุ้มค่า และคำแนะนำที่เป็นมิตรจากทีมเมทในสโตร์ของเรา”

 Decathlon ปักหมุดบางกะปิ สร้าง “Urban Active Zone” ใจกลางเมือง

เพื่อสานต่อกระแสรักสุขภาพที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ดีแคทลอนเดินหน้ากลยุทธ์ “Bring Sport Closer to People” เปิดตัวสาขาที่ 28 ที่เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ ซึ่งเป็นย่านศักยภาพของกรุงเทพฯตะวันออก รายล้อมด้วยชุมชน มหาวิทยาลัย และสนามราชมังคลากีฬาสถาน ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่แบรนด์ตั้งใจปักธงให้กลายเป็น Urban Active Zone แห่งใหม่ของคนเมือง สาขาใหม่นี้ออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ “Semi-experience Store” ที่ให้ลูกค้าได้ทดลอง เคลื่อนไหว และสัมผัสกีฬาได้จริง ภายใต้พื้นที่กว่า 1,500 ตร.ม. ผ่านการจัดวางสินค้าตามหมวดหมู่กีฬาอย่างครบครัน ทั้งวิ่ง ปั่นจักรยาน ฟิตเนส โยคะ แคมป์ปิ้ง เดินป่า อุปกรณ์กีฬาสำหรับเด็ก เช่น อินไลน์สเก็ต หรืออุปกรณ์สร้างทักษะทางร่างกายสำหรับเด็กตามอายุต่างๆ ไปจนถึงอุปกรณ์สำหรับกิจกรรมในฤดูหนาว การออกแบบเน้นบรรยากาศโปร่ง โล่ง สบาย และเข้าถึงง่าย พร้อมพื้นที่สำหรับทดลองใช้อุปกรณ์จริง เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงการออกกำลังกายในบรรยากาศสนุกและเป็นกันเอง นอกจากนี้ ดีแคทลอนยังร่วมมือกับเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ และกลุ่มคนออกกำลังกายในพื้นที่ วางแผนจัดกิจกรรมกีฬาตลอดทั้งปี อาทิ Running Club ที่สอนเทคนิคการวิ่งและรวมกลุ่มออกวิ่ง หรือแคมป์ปิ้งเวิร์ค ช็อป เพื่อสร้างพลังให้ย่านบางกะปิกลายเป็น “Active Lifestyle Community” ที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจและพลังบวก

 มร.ดีเรน เชตติ กล่าวเพิ่มเติมว่า “เรามองว่ากีฬาไม่ใช่เพียงอุปกรณ์หรือสถานที่ แต่คือเครื่องมือในการสร้างแรงบันดาลใจ ความสัมพันธ์ และความสุขในชีวิตประจำวัน การเปิดดีแคทลอน สาขาเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ จึงเป็นก้าวสำคัญในการนำพลังของกีฬาเข้าใกล้ชีวิตผู้คน และทำให้ทุกคนรู้สึกว่ากีฬาเป็นเรื่องเข้าใจง่ายและเข้าถึงได้จริง”

Bring Sport Closer to People ที่ดีแคทลอน กีฬาเล่นได้ทุกวัน

ปลายปีนี้ การพักผ่อนของคนไทยอาจไม่ได้หมายถึงการพักผ่อนอยู่บ้านอีกต่อไป แต่คือการออกเดินทางเพื่อไปใกล้ชิดธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นการเดินป่า ตั้งแคมป์ ปั่นจักรยาน หรือโยคะกลางแจ้ง กิจกรรมเหล่านี้กลายเป็น “รูปแบบใหม่ของการออกกำลังกายและการเชื่อมโยงตัวตนเข้ากับสังคมในรูปแบบใหม่” ที่ไม่ได้มีเป้าหมายเพียงความฟิตของร่างกาย แต่เป็นการเติมเต็มสุขภาพใจ หรือการฮีลใจ และสร้างสัมพันธ์กับสิ่งรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นผู้คน สิ่งของ สถานที่ หรือธรรมชาติ ชมข้อมูลสินค้า อุปกรณ์กีฬา และอุปกรณ์กิจกรรมกลางแจ้งจาก ดีแคทลอน เพิ่มเติมได้ที่ ดีแคทลอนสโตร์ทุกสาขา หรือค้นหาดีแคทลอนสาขาใกล้คุณที่  https://www.decathlon.co.th/

ในยุคที่การแข่งขันบนตลาดอีคอมเมิร์ซไม่เพียงแต่ดุเดือดในแง่ของความ ‘ถูก’ แต่ยังรวมถึง ความ ‘คุ้ม’ และ ‘คอนเทนต์’ ที่กลายเป็นปัจจัยสำคัญในการมัดใจนักช้อปมือโปร

จากรายงานของ Thailand E-Commerce Trends 2025 คาดการณ์ว่า ตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยปี 2568 จะมีมูลค่าสูงถึง 1.07 ล้านล้านบาท และเติบโตถึง 7% เมื่อเทียบกับปีก่อน1สะท้อนถึงโอกาสทองที่นักการตลาดไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเจาะกลุ่ม Gen Z ที่มีประชากรถึง 20% ของประเทศ ซึ่งกำลังก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลบนสมรภูมิอีคอมเมิร์ซที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน ผู้เล่นที่เข้าใจความต้องการของกลุ่มนี้และสามารถวางกลยุทธ์การตลาดที่ตอบโจทย์พฤติกรรมการเสพคอนเทนต์ของ Gen Z ได้ก่อน ก็จะมีโอกาสมัดใจและดึง กำลังซื้อจากกลุ่มนี้ไป ดังนั้นคำถามสำคัญไม่ใช่แค่ ‘จะขายอะไรให้ Gen Z?’ แต่เป็น ‘จะขายยังไงให้มัดใจ Gen Z ได้อยู่หมัด?’ ในวันที่ผู้บริโภคกลุ่มนี้ไม่ได้ตัดสินใจซื้อสินค้าจากแค่ ‘ราคา’ อีกต่อไป

ล่าสุด Kantar (คันทาร์) บริษัทวิจัยชั้นนำด้านข้อมูลเชิงลึกและที่ปรึกษาทางการตลาดระดับโลก เผยผลวิจัยฉบับใหม่ ในหัวข้อ “From Watching to Buying: Why Gen Z Are Embracing Content-Driven Shopping” ที่เจาะลึกเทรนด์การซื้อสินค้าออนไลน์ของกลุ่มผู้บริโภค Gen Z จากการสำรวจข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคกลุ่ม Gen Z โดยงานวิจัยฉบับนี้เจาะลึกถึงบทบาทของคอนเทนต์และปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการซื้อสินค้าออนไลน์ในประเทศไทย โดยมุ่งเน้นที่กลุ่ม Gen Z อายุระหว่าง 18–24 ปี เพื่อเป็นแนวทางสำคัญที่ช่วยให้แบรนด์และนักการตลาดสามารถปรับกลยุทธ์การสื่อสารให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์และความคาดหวังของผู้บริโภครุ่นใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

คอนเทนต์แบบ ‘Multi-Format’ กลายเป็นมาตรฐานใหม่ มัดใจผู้บริโภค Gen Z

จากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เน้นความไว ส่งผลให้ Gen Z มองหารูปแบบคอนเทนต์ที่เข้าถึงได้ง่าย และ สามารถมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกับเพื่อนและครีเอเตอร์ กลายเป็นรูปแบบความบันเทิงหลักที่ชาว Gen Z มองหา จึงเป็นผลให้คอนเทนต์วิดีโอสั้นแนวตั้ง ได้รับความนิยมสูงสุด ด้วยสัดส่วน 71% ที่เน้นนำเสนอคอนเทนต์ที่สั้น กระชับ และเข้าถึงง่าย ตอบโจทย์พฤติกรรมแบบเสพคอนเทนต์แบบ Mobile First ที่เน้น ‘ดูไว เข้าใจง่าย’

อย่างไรก็ตาม คอนเทนต์วิดีโอยาวก็ยังคงมีบทบาทสำคัญ โดย 56% เลือกรับชมคอนเทนต์ที่มีความยาว เช่น วิดีโอสอนการใช้งาน (Tutorial) วิดีโอถ่ายทอดไลฟ์สไตล์ (Vlog) และวิดีโอให้สาระ-ความรู้ (Documentary) ตอบโจทย์กลุ่มที่ต้องการศึกษาข้อมูลเชิงลึกในรายละเอียด ในขณะที่ ไลฟ์สตรีม เช่น เกมสตรีมมิ่ง ถือว่ามีสัดส่วนต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้เล็กน้อย อยู่ที่ 32% แสดงให้เห็นว่า ผู้บริโภค Gen Z ให้ความสำคัญกับคอนเทนต์ที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ ดูที่ไหน-เมื่อไหร่ก็ได้ตามที่ต้องการ (On-Demand) มากกว่าคอนเทนต์แบบเรียลไทม์

จากผลวิจัยแสดงให้เห็นว่า ผู้บริโภค Gen Z เปิดรับสื่อวิดีโอที่หลากหลาย สั้น-ยาว สลับกันไปมา การใช้วิดีโอสั้นเข้ามาดึงดูดความสนใจเพื่อนำไปสู่การรับชมคอนเทนต์วิดีโอยาว กำลังจะกลายมาเป็นมาตรฐานใหม่ที่ Gen Z มองหา นักการตลาดจึงควรวางกลยุทธ์ การสื่อสารที่ครอบคลุมรูปแบบของเนื้อหาและช่วงเวลาที่เหมาะสมและถ้าวัดกันด้วยเรื่องแพลตฟอร์มครองใจ YouTube ถือเป็นแพลตฟอร์มชั้นนำที่รองรับรูปแบบเนื้อหาวิดีโอทั้งแบบสั้นและยาว โดยผู้บริโภค Gen Z ชื่นชอบถึง 78% รองลงมาคือ TikTok, Instagram, Facebook

โดยผู้บริโภค Gen Z เผยอีกว่าเลือกเสพคอนเทนต์จาก YouTube สำหรับวิดีโอยาวๆ เพราะแพลตฟอร์มเหล่านี้ช่วยให้อินฟลูเอนเซอร์หรือผู้เชี่ยวชาญสามารถอธิบายข้อมูลได้อย่างละเอียดลึกซึ้ง โดย 97% ของผู้บริโภค Gen Z ระบุว่า ครีเอเตอร์ที่น่าเชื่อถือมีส่วนสำคัญในการตัดสินใจซื้อ โดยให้ความสำคัญกับรีวิวที่เชื่อถือได้โดยพิจารณาจากการรีวิวสินค้าจากความเชี่ยวชาญในฐานะผู้ใช้งานจริง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ มีความเชื่อมโยงกับ YouTube อย่างเห็นได้ชัด นักการตลาดควรพิจารณาให้ดีว่า ควรให้ใครพูดแทนแบรนด์ถึงจะทำให้รีวิวนั้นน่าเชื่อถือมากพอ และคำถามถัดไปคือจะขายอะไรให้ผู้บริโภค Gen Z?

 

This Is Me: ช้อปปิ้งสะท้อนอัตลักษณ์ เพราะนี่คือ ‘ฉัน’

ประเภทสินค้าที่ผู้บริโภค Gen Z ทั่วไปให้ความสนใจ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ดูแลตัวเอง (36%) อาหารและเครื่องดื่ม แฟชั่นผู้หญิง ความงาม และเครื่องประดับแฟชั่น แต่เมื่อเจาะไปที่ผู้บริโภคหญิง Gen Z มีพฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอยที่หลากหลายมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับผู้บริโภคชาย Gen Z นั่นหมายถึง ผู้หญิง นิยมซื้อสินค้าประเภทแฟชั่นผู้หญิง ผลิตภัณฑ์ดูแลตัวเอง ความงาม และเครื่องประดับแฟชั่น แสดงให้เห็นว่า ผู้บริโภคหญิง Gen Z ให้ความสำคัญกับสินค้าที่แสดงออกถึงตัวตนอย่างชัดเจน นักการตลาดอาจต้องทำการบ้านเพิ่มเติมเพื่อมองให้ลึกถึงการพัฒนาสินค้าหรือบริการที่ตอบโจทย์ตัวตนและส่งเสริมภาพลักษณ์ในแบบที่ผู้หญิง Gen Z ให้ความสนใจ ในขณะที่ผู้ชายนิยมซื้อสินค้าประเภทแฟชั่นผู้ชาย และอุปกรณ์เสริมอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลัก

เมื่อรู้ว่าสินค้าหมวดหมู่ใดที่ผู้บริโภค Gen Z สนใจแล้ว นักการตลาดจะนำเสนอสินค้าเข้าไปอยู่ในสายตาของพวกเขาได้อย่างไร ให้สอดคล้องไปกับพฤติกรรม ‘เสิร์ชก่อนซื้อ’?

จากผลการวิจัยพบว่าเมื่อผู้บริโภค Gen Z ได้ตระหนักถึงปัจจัยดังกล่าวแล้วนั้น ก็มองหาช่องทางที่ตอบโจทย์ที่สุดในการเลือกซื้อสินค้า โดยรายงานระบุว่า Shopee เป็นแพลตฟอร์มอันดับแรกที่ Gen Z ใช้ทั้งในการค้นหาไอเดียและตัดสินใจซื้อสินค้า รองลงมาคือ TikTok Shop และ Lazada

 

‘ส่งฟรี’ ครองแชมป์ทุกสมัย: เพราะราคา ‘ถูก’ ไม่ใช่ปัจจัย แต่คุ้ม ‘ถูกใจ’ ต่างหากที่ Gen Z ตามหา

แม้จะอยู่ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ท้าทาย แต่ตัวกระตุ้นหลักที่ทำให้ผู้บริโภค Gen Z ตัดสินใจซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ กลับไม่ใช่แค่เรื่องของ ‘ราคา’ เท่านั้น แต่คือความรู้สึก ‘คุ้มค่า’ ที่สามารถจับต้องได้จริง โดย 3 ปัจจัยกระตุ้นสูงสุดที่เป็นแรงสนับสนุนพฤติกรรมการจับจ่ายบนโลกออนไลน์ของผู้บริโภค Gen Z นั่นคือ การส่งฟรี (40%) โปรโมชั่นที่น่าสนใจ (29%) และส่วนลดที่คุ้มค่า (28%) พฤติกรรมนี้อาจจะกำลังบอกนักการตลาดว่า การแข่งขันเพื่อชิงตำแหน่งผู้เล่นที่ ‘ราคาถูกที่สุด’ อาจไม่ใช่วิธีที่เวิร์ค เสมอไป แต่ควรคำนึงถึงความคุ้มค่าในแง่ของประสบการณ์ที่ผู้บริโภคจะได้รับเป็นสำคัญ และเมื่อพูดถึงพฤติกรรมการซื้อสินค้าบนช่องทางออนไลน์ พบว่า ผู้บริโภค Gen Z มีการใช้จ่ายผ่านทั้งโซเชียลคอมเมิร์ซและแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ สะท้อนถึงความยืดหยุ่นในการเลือกใช้แพลตฟอร์มที่ตอบโจทย์ประสบการณ์ที่แตกต่างกัน

ด้านความนิยมของแพลตฟอร์มสำหรับการจับจ่ายใช้สอย พบว่า Shopee ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่ครองใจผู้บริโภค Gen Z มากกว่าครึ่ง (52%) โดยมีปัจจัยหนุนที่สำคัญด้าน UX/UI ที่ใช้งานง่าย โปรโมชั่นและส่วนลดที่น่าดึงดูดใจ รวมไปถึงประสบการณ์ด้านขนส่งที่น่าเชื่อถือ จึงกลายเป็น Go-To แพลตฟอร์มเมื่อคิดจะซื้อสินค้าออนไลน์ อันดับถัดมาคือ Lazada (22%) TikTok (16%) และ Facebook (8%)

กลุ่มผู้บริโภค Gen Z ถือว่าเป็นพลังของคนรุ่นใหม่ที่มีอิทธิพลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่นักการตลาดไม่ควรมองข้าม หากคิดจะขายสินค้าให้กับผู้บริโภคกลุ่มนี้ นักการตลาดจะคิดแค่เรื่องการพัฒนา ‘สินค้าที่ดีที่สุด’ และ ‘ราคาที่ถูกที่สุด’ อาจไม่เพียงพออีกต่อไป แบรนด์และนักการตลาดจำเป็นต้องเข้าใจถึงภาพรวมของพฤติกรรมการซื้อสินค้าของผู้บริโภค Gen Z และคำนึงถึงการส่งมอบ ‘ความคุ้มค่า’ พร้อม ‘ประสบการณ์ที่ดีที่สุด’ ควบคู่ไปกับการนำเสนอ ‘คอนเทนต์ที่ถูกใจ’ และ ‘วางสินค้าให้ถูกจุด’ เหมือนอย่าง Shopee ที่เฟ้นหา กลยุทธ์ในการมีส่วนร่วมกับผู้บริโภค Gen Z เพื่อเชื่อมโยงสินค้าเข้าไว้กับไลฟ์สไตล์และ Touch Point ของการจับจ่าย สร้างประสบการณ์ที่นำไปสู่การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์และผู้บริโภคกลุ่มนี้ จนกลายเป็น Brand Loyalty ขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจอย่างทันสถานการณ์ในยุคดิจิทัล

สตาร์บัคส์ ประเทศไทย รีเฟรชประสบการณ์ใหม่ กับการเปิดตัวแคมเปญเครื่องดื่ม ‘Gen Z’ ใหม่ล่าสุด ณ สยามสแควร์วัน แลนด์มาร์กสุดฮิตของชาว Gen Z

โดยเมนูใหม่ในครั้งนี้ประกอบด้วยเครื่องดื่มกลุ่มนัทตี้ ครีม ครั้นช์ และ พีช แอพริคอต คอฟฟรูติ ที่ผสมผสานเอกลักษณ์กาแฟของสตาร์บัคส์เข้ากับความทันสมัย ตอบโจทย์ชาว Gen Z ได้เป็นอย่างดี งานในวันนี้ยังมี คุณแจ๊คกี้ จักริน กังวานเกียรติชัย ศิลปิน T-Pop ที่กำลังมาแรงร่วมสร้างสีสันและความสนุกสนานกับการแสดงสุดพิเศษที่สะท้อนความสดใสและมีชีวิตชีวาตามสไตล์ Gen Z กลุ่มคนซึ่งเป็น แรงบันดาลใจเบื้องหลังเมนูเครื่องดื่มใหม่ของสตาร์บัคส์ พิเศษไปกว่านั้น ภายในงานยังมีการเปิดตัวมาสคอตแบริสต้า (Bearista) ครั้งแรกในประเทศไทย หมีแบริสต้าแสนน่ารักที่มาพร้อมผ้ากันเปื้อนสีเขียวอันเป็นเอกลักษณ์ของสตาร์บัคส์ ช่วยสร้างความประทับใจให้กับผู้ร่วมงาน นับเป็นการตอกย้ำความมุ่งมั่นของแบรนด์ในการสร้างภาพลักษณ์ที่เข้าถึงง่ายและสนุกสนานมากกว่าเคย

ด้วยวิสัยทัศน์ที่พร้อมปรับเปลี่ยนเพื่อพัฒนาอยู่เสมอ สตาร์บัคส์ให้ความสำคัญกับการทำความเข้าใจและสร้างความผูกพันกับลูกค้าในทุกช่วงวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่ม Gen Z ที่มีบทบาทโดดเด่นในปัจจุบัน สตาร์บัคส์ตระหนักดีว่ากลุ่ม Gen Z เป็น ผู้นำเทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่ โดยมักให้ความสำคัญกับการแสดงออกถึงตัวตน ความคิดสร้างสรรค์ และมองหาประสบการณ์ที่แตกต่าง ผลสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคล่าสุดชี้ให้เห็นว่า Gen Z ชื่นชอบสินค้าที่มีความเอ็กซ์คลูซีฟ ลิมิเต็ดอิดิชั่น และยังชอบประสบการณ์ที่สามารถถ่ายทอดเป็นเรื่องราวผ่านภาพได้อย่างสวยงาม สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ชีวิตติดคอนเทนต์ สตาร์บัคส์จึงได้รังสรรค์เครื่องดื่มใหม่ 2 เมนูพิเศษที่พร้อมจุดประกายความตื่นเต้นให้กับคน Gen Z และชวนแบ่งปันประสบการณ์บนช่องทางโซเชียล มุ่งยกระดับความประทับใจโดยรวมที่มีต่อแบรนด์ เครื่องดื่ม 2 เมนูสุดพิเศษรังสรรค์มาเพื่อให้เหมาะกับทุก ไลฟ์สไตล์ โดยผสานทั้งความสนุกสนานแปลกใหม่และรสชาติกลมกล่อมที่คุ้นเคย เครื่องดื่มกลุ่มนัทตี้ ครีม ครั้นช์ มีให้เลือกทั้งแบบอเมริกาโน่และลาเต้ คิดค้นมาภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘Dessert in a Cup’ หรือของหวานที่เสิร์ฟมาในแก้ว อัดแน่นด้วยรสชาติเข้มข้น หอมกลิ่นถั่ว ให้เนื้อสัมผัสละมุน ไว้ดื่มเป็นรางวัลให้กับตนเองตอนที่อยากพักใจ ส่วนเมนูพีช แอพริคอต คอฟฟรูติ ผสมผสานความพิถีพิถันในการชงกาแฟของสตาร์บัคส์เข้ากับการตกแต่งเครื่องดื่มแบบสะดุดตา เหมาะสำหรับเติมความสดชื่นเพื่อเริ่มต้นวันในช่วงเช้าและเติมพลังในช่วงบ่าย

“เมนูใหม่เหล่านี้สะท้อนถึงความตั้งใจของสตาร์บัคส์ที่พร้อมเติบโตและพัฒนาไปพร้อมๆ กับลูกค้าของเรา โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z ที่เป็นแรงบันดาลใจให้เราสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ด้วยความกล้าที่จะแตกต่างและความคิดสร้างสรรค์อันไร้ขีดจำกัดที่นับว่าเป็นความโดดเด่นในกลุ่มคนวัยนี้” คุณสุมนพินทุ์ โชติกะพุกกณะ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและสื่อสารองค์กร สตาร์บัคส์ ประเทศไทย กล่าว “สตาร์บัคส์เชื่อว่ากาแฟไม่ได้เป็นเพียงเครื่องดื่ม แต่เป็นเครื่องมือเชื่อมความสัมพันธ์ ช่วยแสดงออกถึงตัวตน และยังเป็นส่วนหนึ่งของช่วงเวลาพิเศษมากมาย กลยุทธ์ ‘Taste the Latest’ ของสตาร์บัคส์ จึงมุ่งมั่นสร้างสรรค์กาแฟที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ด้วยรสชาติที่ทุกคนคุ้นเคย แต่แฝงไว้ด้วยความแปลกใหม่น่าค้นหา ไม่ว่าจะเป็น ความเข้มข้น กลมกล่อมของเครื่องดื่มกลุ่มนัทตี้ ครีม ครั้นช์ หรือความสดชื่นจากเมนูพีช แอพริคอต คอฟฟรูติ แต่ละเมนูล้วนท้าทายข้อกำจัดของกาแฟในรูปแบบเดิมๆ และพร้อมส่งมอบความสุขอย่างแท้จริงให้กับลูกค้า เราหวังว่าเครื่องดื่มเหล่านี้จะเป็นตัวเชื่อมระหว่างผู้คน พร้อมจุดประกายความคิดสร้างสรรค์ และเติมเต็มช่วงเวลาแห่งความสุขในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็น ระหว่างการจิบกาแฟยามเช้า การใช้เวลาร่วมกับเพื่อนๆ หรือการแชร์ภาพโมเมนต์ดีๆ ทางโซเชียลมีเดีย สตาร์บัคส์พร้อมเป็นร้านกาแฟที่อยู่เคียงข้างคุณในทุกช่วงเวลา และเราจะเดินหน้าสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อลูกค้าทุกเจเนอเรชันต่อไป”

 

เกี่ยวกับเครื่องดื่ม Gen Z

นัทตี้ ครีม ครั้นช์

· นัทตี้ ครีม ครั้นช์ อเมริกาโน่ เครื่องดื่มสุดพิเศษที่เสิร์ฟพร้อมวิปครีมคาราเมลเนื้อนุ่มละมุน โรยด้วยอัลมอนด์เคลือบน้ำตาลกรุบกรอบ ให้ความรู้สึกเหมือนได้ลิ้มรสขนมหวานชั้นเลิศเสิร์ฟในแก้วกาแฟ

· นัทตี้ ครีม ครั้นช์ ลาเต้ สัมผัสความอร่อยที่คุ้นเคยในมิติใหม่ ด้วยการผสานเอสเพรสโซ่รสเข้มและนม เข้ากับซอสไวท์ช็อกโกแลตมอคค่า ท็อปด้วยวิปครีมคาราเมลและอัลมอนด์เคลือบน้ำตาล

 พีช แอพริคอต คอฟฟรูติ

การผสมผสานอย่างพิถีพิถันลงตัวของชาดำและชาคาโมมายล์ พร้อมเติมความหอมหวานด้วยซอสพีช-แอพริคอต และน้ำเชื่อมพีช ยกระดับความอร่อยด้วยช็อตเอสเพรสโซ่ซิกเนเจอร์สูตรเฉพาะของสตาร์บัคส์ เครื่องดื่มสุดสร้างสรรค์เมนูนี้ช่วยเพิ่มความสดชื่นให้กับกาแฟดำได้เป็นอย่างดี มาพร้อมชื่อเมนูที่สนุกสนาน มีสีสันสดใส เหมาะกับการถ่ายภาพ

เครื่องดื่มคอลเลกชัน Gen Z จากสตาร์บัคส์ จะพร้อมเสิร์ฟในเดือนมิถุนายน 2568 ที่ร้านสตาร์บัคส์ทุกสาขาทั่วประเทศ จนกว่าสินค้าจะหมด

การแสดงพิเศษจากศิลปิน: ความสนุกสไตล์ Gen Z

คุณแจ๊คกี้ จักริน กังวานเกียรติชัย ศิลปิน T-Pop ที่กำลังมาแรง ยังได้ร่วมสร้างสีสันในงานเปิดตัวด้วยการแสดงเพลงฮิตให้ผู้ร่วมงานได้รับฟังแบบใกล้ชิด พร้อมถ่ายทอดเรื่องราวความประทับใจในร้านสตาร์บัคส์ และเชิญชวนแฟนๆ มาร่วมลิ้มลองเครื่องดื่มคอลเลกชัน Gen Z ใหม่ล่าสุดนี้ไปด้วยกันในบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นกันเอง สะท้อนถึงทิศทางของแบรนด์ที่มุ่งเน้นการเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่

 

พบกับแบริสต้า: แอมบาสเดอร์มอบความสุขใหม่ล่าสุดจากสตาร์บัคส์

เพิ่มดีกรีความน่ารักให้กับงานด้วยการเปิดตัวแบรนด์แอมบาสเดอร์ใหม่ล่าสุด ครั้งแรกในประเทศไทย กับ "แบริสต้า" ตุ๊กตาหมีในชุดผ้ากันเปื้อนสีเขียวอันเป็นเอกลักษณ์ของสตาร์บัคส์ ที่จะพร้อมสร้างรอยยิ้มและมอบความอบอุ่นให้กับลูกค้าสตาร์บัคส์ทุกช่วงวัย

บริษัทเบอร์สัน (Burson) ผู้นำด้านการสื่อสารระดับโลกที่มุ่งสร้างคุณค่าให้กับองค์กรต่างๆ ได้เปิดเผยผลสำรวจระดับโลกเกี่ยวกับทัศนคติด้านสุขภาพของ Gen Z พบว่ามีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับคนกลุ่มนี้เรื่องการดูแลสุขภาพรายงาน "Gen Z: เรียกร้องการเข้าถึงและการเปลี่ยนแปลงด้านการดูแลสุขภาพ" เป็นการสำรวจขนาดใหญ่ที่สุดโดยบริษัทด้านการสื่อสาร ซึ่งรวบรวมข้อมูลจากคน Gen Z อายุ 18-27 ปี จำนวน 5,000 คนใน 10 ประเทศ การศึกษานี้ยังใช้ข้อมูลจาก Decipher Health ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม AI ใหม่ของเบอร์สันที่ช่วยวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือของข้อมูลและการเผยแพร่ข่าวสาร เพื่อพัฒนาการสื่อสารระหว่างผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดในระบบสาธารณสุข

ผลสำรวจพบว่า หลังจากการระบาดของโควิด-19 คน Gen Z ให้ความสำคัญกับสุขภาพกายและสุขภาพจิตในระดับที่ใกล้เคียงกัน โดยมีความกังวลด้านสุขภาพกายร้อยละ 56 และสุขภาพจิตร้อยละ 57 ขณะที่ให้ความสำคัญกับทั้งสองด้านเท่ากันที่ร้อยละ 59 ซึ่งต่างจากความเชื่อทั่วไปที่มองว่า Gen Z สนใจเรื่องสุขภาพจิตมากกว่าสุขภาพกาย

"Gen Z คือปจจุบันของการดูแลสุขภาพ ไม่ใช่แค่อนาคต ถึงเวลาแล้วที่เราต้องสร้างการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพเพื่อเสริมศักยภาพให้พวกเขาในฐานะผู้บริโภคด้านสุขภาพยุคใหม่" เบรนนา เทอร์รี่ หัวหน้าฝ่ายลูกค้าสุขภาพระดับโลกของเบอร์สันกล่าว "ผลการวิจัยของเราชี้ให้เห็นว่า มีโอกาสมากมายสำหรับองค์กรด้านสุขภาพในการสื่อสารกับคนรุ่นใหม่ที่เติบโตมาพร้อมเทคโนโลยีดิจิทัลและให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิต การเข้าใจความต้องการและความสนใจของ Gen Z จะช่วยให้เราสร้างความไว้วางใจ ส่งเสริมการมีส่วนร่วม และพัฒนาประสบการณ์การดูแลสุขภาพที่ตอบโจทย์พวกเขาได้ดียิ่งขึ้น"

 ผลการวิจัยยังแสดงให้เห็นแนวโน้มสำคัญเกี่ยวกับพฤติกรรมการดูแลสุขภาพของ Gen Z ดังนี้:

1. Gen Z ต้องการการดูแลสุขภาพของตนเองแม้ระบบจะน่าผิดหวัง:

· ร้อยละ 67 ของ Gen Z พอใจกับการดูแลสุขภาพของตนเอง

· แต่ยังพบอุปสรรคด้านค่าใช้จ่าย การสื่อสาร และข้อมูลที่คลาดเคลื่อน

· ร้อยละ 46 รู้สึกว่าการได้รับความสนใจจากบุคลากรทางการแพทย์เป็นเรื่องยาก

2. Gen Z ยังคงเน้นการพบแพทย์แบบตัวต่อตัว

· แม้เป็นคนยุคดิจิทัล แต่ยังไม่เชื่อมั่นข้อมูลสุขภาพออนไลน์และการรักษาทางไกล

· ร้อยละ 80 เคยพบข้อมูลสุขภาพที่ผิดพลาดทางออนไลน์

· มากกว่าร้อยละ 60 ชอบพบแพทย์แบบตัวต่อตัวมากกว่า เพราะรู้สึกได้รับการดูแลที่ดีกว่า

3. Gen Z เปิดรับข้อมูลจากบริษัทด้านการดูแลสุขภาพ

· พร้อมรับฟังข้อมูลที่น่าเชื่อถือและเป็นประโยชน์

· ร้อยละ 55 เชื่อว่าบริษัทด้านสุขภาพสามารถตอบสนองความต้องการของพวกเขาได้

"ในฐานะคน Gen Z ผลวิจัยนี้สะท้อนประสบการณ์ของดิฉันที่ว่า คนรุ่นของเราต้องการมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางของวงการสาธารณสุข" เฮย์ลีย์ สแกนดูรา ผู้บริหารฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของเบอร์สัน และหนึ่งในผู้นำการจัดทำรายงานนี้กล่าว "แม้จะมีความเข้าใจผิดว่าคนรุ่นของดิฉันไม่สนใจดูแลสุขภาพ แต่ดิฉันเชื่อว่าหากผู้ให้บริการด้านสุขภาพและบริษัทต่างๆ ทุ่มเทเวลา ใส่ใจ และสื่อสารกับพวกเรามากขึ้น จะช่วยลดความไม่พอใจที่คนรุ่นเรามีต่อระบบสาธารณสุข และส่งเสริมให้เรามีสุขภาพที่ดีตั้งแต่อายุยังน้อย"

Decipher Health: เครื่องมือวิเคราะห์ความเข้าใจและการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย

นอกจากการสำรวจทั่วโลกแล้ว รายงานนี้ยังใช้ Decipher Health วิเคราะห์ความน่าเชื่อถือของข้อมูลที่มีผลต่อกลุ่ม Gen Z โดยระบบ AI นี้แสดงให้เห็นความสอดคล้องระหว่างผลการวิเคราะห์กับการสำรวจ ตัวอย่างเช่น การสำรวจพบว่ามีข้อมูลที่ผิดพลาดแพร่หลายในสื่อออนไลน์ที่ Gen Z ใช้ โดยเฉพาะในโซเชียลมีเดีย ซึ่ง Decipher Health ให้คะแนนความน่าเชื่อถือสูงถึงร้อยละ 92 แสดงว่ากลุ่ม Gen Z ยอมรับว่าเป็นความจริง เมื่อขยายการวิเคราะห์ไปยังกลุ่ม Millennials และ Gen X พบว่ามีคะแนนความน่าเชื่อถือใกล้เคียงกัน (ร้อยละ 91 และ 89 ตามลำดับ) สะท้อนให้เห็นว่า Gen Z มีความกังวลคล้ายคลึงกับกลุ่มเป้าหมายอื่นๆ ที่วงการสาธารณสุขให้ความสำคัญ

"Decipher Health เป็นเครื่องมือที่ช่วยยกระดับงานวิจัยแบบดั้งเดิมของเรา ทำให้เข้าใจข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับ Gen Z ได้แม่นยำยิ่งขึ้น เทคโนโลยีใหม่นี้ช่วยให้เราออกแบบการสื่อสารที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมายทั้ง Gen Z และกลุ่มอื่นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดการคาดเดาในการสร้างเนื้อหา และสามารถทดสอบผลได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้เราทำงานได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น" วิกกี้ เลฟโก หัวหน้าฝ่ายสุขภาพดิจิทัลระดับโลกของเบอร์สันกล่าว "ทั้งนี้ บริษัทด้านสุขภาพสามารถติดต่อเบอร์สันทั่วโลกเพื่อขอรับคำปรึกษาในการวางกลยุทธ์การสื่อสารที่เข้าถึงกลุ่ม Gen Z ได้อย่างมีประสิทธิภาพได้"

 

โดย แซม เบิร์ด

3 ปีที่ผ่านมา เดลล์ได้พูดถึงยุคแห่งการฟื้นฟูและการกลับมารุ่งเรืองอีกครั้งของพีซี (Renaissance of the PC) ในขณะที่พีซี ยังคงเป็นผู้ช่วยที่ดีในการเชื่อมต่อและประสานการทำงานร่วมกันอย่างที่เคยเป็นมา ช่วงปี 2020 ณ จุดสูงสุดของการเรียนรู้ผ่านระบบเสมือน และการทำงานงานจากที่บ้าน เราได้เห็นบทบาทสำคัญของพีซีในทุกแง่มุมของการใช้ชีวิต และนี่คือช่วงเวลาที่เราได้ก่อร่างสร้างวิสัยทัศน์สำหรับอนาคต มีการกำหนดว่าที่ผ่านมามีการลงทุนไปในทิศทางใด พร้อมคาดการณ์ว่าประสบการณ์การใช้พีซีของผู้คนจะพัฒนาต่อไปในรูปแบบใด

ปัจจุบัน ช่วงเวลาสำคัญอีกอย่างกำลังมารออยู่แล้วที่ปลายนิ้วสัมผัส นี่คือช่วงเวลาของ GenAI คือความก้าวหน้าที่เราจะได้รับจาก GenAI ที่เทียบได้กับความก้าวหน้าในช่วงที่มีการเปิดตัวพีซีเมื่อ 40 ปีที่แล้ว ที่นำพาประสิทธิภาพอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนสู่โลกนี้ แต่สิ่งนี้มีความหมายอย่างไรต่ออนาคตของพีซี แล้ว GenAI จะเข้ามากำหนดรูปแบบประสบการณ์การทำงานระหว่างพีซีและมนุษย์หรือไม่อย่างไร

อย่างแรก จงมองที่ปัจจุบัน

เพื่อให้เข้าใจถึงโอกาสในอนาคตของ AI ให้ลองพิจารณาว่าเราได้ผ่านอะไรมาบ้างในอดีตและเรากำลังอยู่ในจุดไหนของปัจจุบัน สิ่งที่น่าจะเป็นก็คือโอกาสสูงที่คุณอาจจะได้ใช้งานปัญญาประดิษฐ์ในรูปแบบหนึ่งในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว (อย่าลืมว่าปัญญาประดิษฐ์ และแมชชีน เลิร์นนิ่งเกิดแล้วมาสักพัก) เราได้เห็นโอกาสที่พีซีช่วยขับเคลื่อนประสิทธิภาพให้กับผู้คน และทำให้คนเหล่านี้กลายเป็นผู้ใช้งาน AI ในยุคแรกๆ ทำให้พีซีมีความฉลาดมากขึ้น เรียนรู้สิ่งต่างๆ และรู้จักผู้ใช้งานมากขึ้น

โอกาสของ GenAI ในระยะเวลาอันใกล้

GenAI จะมีอิทธิพลต่อการทำงานและการใช้ชีวิตของผู้คน ในขณะที่ยังมีสิ่งอีกมากมายที่ต้องใช้จินตนาการ พีซีที่ใช้ความสามารถของ AI กำลังกลายเป็นส่วนหนึ่งในการถกประเด็นมากขึ้น เราเห็นว่า GenAI จะช่วยปลดล็อกศักยภาพไปสู่ระดับใหม่ๆ ได้อย่างไรบ้างกับการเปิดตัว Microsoft Copilot ในช่วงที่ผ่านมาก เราได้สังเกตการณ์การสาธิตการใช้งานหลายต่อหลายครั้ง ที่แสดงให้เห็นว่าพีซีจะทำการเก็บรวบรวมและสร้างข้อมูลได้รวดเร็วมากขึ้นกว่าที่ผ่านมามาก โดยใช้แนวคิดเป็นศูนย์กลาง และช่วยให้ผู้คนใช้เวลากับการสร้างสรรค์ แก้ปัญหาและสร้างนวัตกรรม

เดลล์กำลังทำงานอย่างใกล้ชิดกับไมโครซอฟท์ ในช่วงที่มีการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ของ Copilot (และผู้ใช้ Windows 11 เริ่มเข้าใจถึงประโยชน์ต่างๆ แล้วในตอนนี้) แต่เราจะไม่หยุดแค่นี้ เพราะเดลล์มุ่งเน้นการเป็นผู้ให้บริการพีซีชั้นนำในยุคของ AI ด้วยการลงทุนเพิ่มและมุ่งเน้นศูนย์กลางที่การสร้างความฉลาด ความปลอดภัยและการเป็นที่ปรึกษาด้าน AI อย่างครบวงจรที่ให้ความมั่นใจได้)

เดลล์ ต้องการให้อุปกรณ์ทำสิ่งต่างๆ ได้มากขึ้น ซึ่งจะต้องใช้พีซีที่มีการสร้างแบบจำลองด้านภาษา (language modeling) การประมวลผลด้านภาษา และความสามารถด้านแมชชีน เลิร์นนิ่ง เพื่อปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้ให้ดีขึ้น การใช้แอปพลิเคชัน AI

เหล่านี้บนพีซี จะนำมาซึ่งประสิทธิภาพมากมาย เช่นประสิทธิภาพเรื่องความคุ้มค่า ปรับปรุงความเป็นส่วนตัวได้ดีขึ้น รักษาความปลอดภัยดีขึ้น ช่วยลด latency และให้ประโยชน์เรื่องความยั่งยืน นอกจากนี้ ยังต้องใช้สถาปัตยกรรมใหม่ในการประมวลผลที่ไม่ได้อาศัย CPU หรือ GPU ซึ่งเดลล์กำลังทำงานอย่างจริงจังร่วมกับพันธมิตรทั่วทั้งอุตสาหกรรมเพื่อทำให้สถาปัตยกรรมใหม่ดังกล่าวเป็นจริงภายในปี 2024

ความเป็นไปได้ของ GenAI ในระยะยาว

เมื่อมองไปในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เราจะเห็นอนาคตพีซีเป็นเสมือนพันธมิตรดิจิทัลที่แท้จริง โดย พีซี จะพัฒนาบทบาทไปไกลกว่าการขับเคลื่อนผลลัพธ์ในการทำงานของมนุษย์ แต่จะก้าวสู่การขับเคลื่อนความสามารถของมนุษย์ ประเด็นนี้ จะทำให้ผู้ใช้งานต้องหันมาทบทวนการใช้งานแล็ปท็อปและเดสก์ท็อปที่คุ้นเคยกันใหม่ในปัจจุบัน

ตัวอย่างเช่น แทนที่ส่วนใหญ่จะใช้การพิมพ์บนคีย์บอร์ด เพื่อโต้ตอบการทำงานผ่าน command-and-control ก็จะเพิ่มเติมแนวทางการทำงานที่ไม่ต้องใช้ข้อความ เพื่อเตรียมความพร้อมให้เทคโนโลยีสามารถทำงานโต้ตอบสองทางระหว่างมนุษย์และพีซี ลองนึกภาพอนาคตที่เราสามารถประสานการทำงานหรือร่วมสร้างสรรค์ผลงานด้วยเสียง สั่งงานผ่านรูปภาพ และท่าทาง ให้จินตนาการว่าพีซีจะตีความโดยอาศัยการจับอารมณ์ของคุณ สีหน้าการแสดงออก น้ำเสียงหรือกระทั่งการเปลี่ยนวิธีการพิมพ์เพื่อให้ได้ประสบการณ์ที่สมบูรณ์มากขึ้น ในการสร้างผลลัพธ์ที่ดีที่สุดได้ตามที่คุณต้องการ ประสบการณ์การใช้งานพีซี จะเปลี่ยนจากการเสิร์ชเป็นการพร้อมท์คำสั่ง เปลี่ยนจากการอ่านไปสู่ความเข้าใจ จากการแก้ไขเป็นการชี้แนวทาง

เป็นความน่าตื่นเต้นเมื่อคิดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น ไม่ใช่แค่เรื่องของอุปกรณ์ แต่เป็นระบบนิเวศพีซีทั้งหมด เพราะเดลล์นำประสบการณ์ของมนุษย์มาใช้ในการขับเคลื่อนความก้าวหน้าของมนุษย์ และสายผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมของเรา ทั้งโซลูชันและบริการจะมีบทบาทสำคัญยิ่งในการเป็นขุมพลังขับเคลื่อนอนาคต

เราอยู่ในจุดของการเปลี่ยนผัน

เราอยู่ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีมา 30 ปี มีทั้งเรื่องน่าตื่นเต้นและสิ่งที่รุดหน้าไปอย่างรวดเร็วตลอดเวลา แต่โอกาสที่รออยู่ข้างหน้าก็ไม่เหมือนที่เคยเห็นตอนเปิดตัวพีซีเมื่อ 40 ปีที่ผ่านมา คงจะเป็นการโกหกหากบอกว่าเรามีคำตอบสำหรับทุกเรื่อง เพราะมันไม่มี แค่ประโยชน์ที่ตามมาก็มากมายมหาศาล แต่เราสามารถบอกได้ว่ามนุษย์จะยังคงเป็นศูนย์กลางของความก้าวหน้า ระหว่างที่มีการพัฒนาซอฟต์แวร์ใหม่ สถาปัตยกรรมใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น ความสามารถด้านการบริการใหม่ๆ และการคิดค้นอย่างต่อเนื่องโดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่การเชื่อมต่อและประสบการณ์ของผู้คน เราอยู่ในจุดของการเปลี่ยนผัน ซึ่งประสบการณ์ของผู้ใช้จะเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีขึ้นและเร็วขึ้นกว่าที่เคยมีมา เราได้รับโอกาส ในการปฏิวัติประสบการณ์การใช้งานพีซี และเรามุ่งเน้นทุกอย่างเพื่อเรื่องนี้

Page 1 of 3
X

Right Click

No right click