January 21, 2025

เราเชื่อว่า AI เป็นรากฐานสำคัญสำหรับอนาคตของการทำงาน และพลังการเปลี่ยนแปลงของ AI ควรเข้าถึงได้สำหรับทุกธุรกิจและพนักงานทุกคนในราคาที่เหมาะสม นั่นเป็นเหตุผลที่วันนี้เราตัดสินใจที่จะรวม AI ที่ดีที่สุดของ Google ไว้ในแพ็กเกจ Google Workspace Business และ Enterprise โดยนำความสามารถของ Generative AI ล่าสุดมามอบให้ลูกค้าธุรกิจของเรา โดยไม่จำเป็นต้องซื้อส่วนเสริมใด ๆ

การเพิ่มศักยภาพของบุคลากรด้วย AI ในที่ทำงาน

กว่า 20 ปีที่ Google Workspace ไม่ได้เป็นแค่ชุดเครื่องมือ แต่เป็นสถานที่ที่ทีมได้คิดค้น สร้างสรรค์ และเติบโตไปด้วยกัน เราได้สนับสนุนธุรกิจกว่า 10 ล้านรายไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ ตั้งแต่ธุรกิจสตาร์ทอัพที่คิดค้นนวัตกรรมใหม่ไปจนถึงองค์กรระดับโลก เพื่อพลิกโฉมวิธีการทำงานของพวกเขาให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ปัจจุบันเมื่อเราก้าวเข้าสู่ยุคของการทำงานที่ขับเคลื่อนด้วย AI จึงมีโอกาสใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมายสำหรับลูกค้าของเรา รวมทั้งช่วยสนับสนุนพันธกิจของเราในการช่วยให้ลูกค้าเติบโตได้อย่างรวดเร็ว

เราเชื่อว่า AI ไม่ใช่แค่เครื่องมืออีกชิ้นหนึ่ง แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงรากฐานในวิธีการทำงาน ตลอดปีที่ผ่านมา เราได้เห็นลูกค้ากว่า 1 แสนรายใช้ Generative AI เพื่อปลดล็อกประสิทธิภาพการทำงาน ความคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรมของพนักงาน โดย AI เข้ามาช่วยลดภาระของงานที่น่าเบื่อ เช่น การจดบันทึกการประชุม การจัดทำเอกสารและวิดีโอขนาดยาว และยังทำหน้าที่เป็นคู่คิดเชิงกลยุทธ์เพื่อเปลี่ยนไอเดียที่ดีที่สุดของพวกเขาให้กลายเป็นจริง ธุรกิจที่ใช้ AI กำลังได้รับความ

ได้เปรียบในการแข่งขันที่สำคัญ แต่หลายคนไม่แน่ใจว่าจะเริ่มต้นอย่างไร หรือประสบปัญหาด้านต้นทุนในการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้

 

การเสริมพลังให้กับทุกธุรกิจด้วย AI ที่ดีที่สุดของ Google

เพื่อตอบสนองความต้องการนี้ เรายินดีที่จะประกาศให้ทราบว่าตอนนี้ AI ที่ดีที่สุดของ Google ได้รวมอยู่ในแพ็กเกจ Google Workspace Business และ Enterprise แล้ว ทำให้ทุกธุรกิจมีเครื่องมือที่พวกเขาต้องการเพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ สำหรับอนาคต

AI ที่ดีที่สุดของ Google ผสานรวมอย่างลงตัวกับการทำงานในแต่ละวัน

ความสามารถด้าน AI ต่อไปนี้จะเริ่มทยอยเปิดตัวให้กับลูกค้า Workspace Business ในวันนี้ และสำหรับลูกค้า Enterprise ในปลายเดือนนี้

· รับความช่วยเหลือจาก AI ใน Gmail, Docs, Sheets, Meet, Chat, Vids และอื่นๆ: ทำงานให้ดีที่สุดได้เร็วขึ้นด้วย AI ที่ฝังอยู่ในเครื่องมือที่คุณใช้ทุกวัน Gemini ปรับปรุงการสื่อสารของคุณโดยช่วยคุณสรุป ร่าง และค้นหาข้อมูลในอีเมล แชท และไฟล์ของคุณ AI สามารถเป็นคู่คิดและมอบแรงบันดาลใจ ช่วยคุณสร้างเอกสาร สไลด์ สเปรดชีต และวิดีโอระดับมืออาชีพตั้งแต่เริ่มต้น Gemini ยังสามารถช่วยให้การประชุมของคุณราบรื่นขึ้น โดยการจดบันทึก ปรับปรุงคุณภาพเสียงและวิดีโอของคุณ และช่วยให้คุณตามทันการสนทนาหากคุณเข้าร่วมช้า

· แชทกับ Gemini Advanced ซึ่งเป็น AI รุ่นถัดไปของ Google: เริ่มต้นการเรียนรู้ การระดมความคิด และการวางแผนด้วยแอป Gemini บนแล็ปท็อปหรืออุปกรณ์มือถือของคุณ Gemini Advanced สามารถช่วยคุณจัดการกับโปรเจ็กต์ที่ซับซ้อน รวมถึงการเขียนโค้ด การวิจัย และการวิเคราะห์ข้อมูล และช่วยให้คุณสร้าง Gems ที่เป็นเหมือนทีม AI ผู้เชี่ยวชาญของคุณเพื่อช่วยในการทำงานซ้ำ ๆ หรืองานเฉพาะทาง · ปลดล็อกพลังของ NotebookLM Plus: เรากำลังนำผู้ช่วยวิจัย AI ที่ปฏิวัติวงการมาสู่พนักงานทุกคน เพื่อช่วยให้พวกเขาเข้าใจหัวข้อที่ซับซ้อนได้ง่ายขึ้น อัปโหลดแหล่งข้อมูลเพื่อรับข้อมูลเชิงลึกทันทีและภาพรวมของเสียงที่เหมือนกับพอดแคสต์ จากนั้นแชร์ Notebooks ที่กำหนดเองกับทีมเพื่อเร่งกระบวนการเรียนรู้และการเริ่มต้นทำงาน

ราคาแพ็กเกจ AI ที่เข้าใจง่ายขึ้น

เรากำลังลดความซับซ้อนของแพ็กเกจและราคาของเราเพื่อให้ลูกค้า Google Workspace ทุกรายมีโอกาสเข้าถึงประโยชน์จาก AI ของ Google ได้มากขึ้น โดยตอนนี้ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าส่วนเสริมเพื่อเข้าถึงความสามารถ Generative AI ล่าสุดของเราอีกต่อไป ตัวอย่างเช่น ลูกค้าที่สมัครแพ็กเกจ Workspace Business Standard พร้อมส่วนเสริม Gemini Business แต่เดิมจะต้องจ่าย 1,210 บาท ต่อผู้ใช้ต่อเดือน ตอนนี้ ลูกค้ารายเดียวกันนี้จะจ่ายเพียง 550 บาท ต่อผู้ใช้ต่อเดือน ซึ่งแพงกว่าราคาแพ็กเกจ Workspace แบบไม่มี Gemini เพียง 96 บาท เท่านั้น คุณสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับราคาที่อัปเดตของเราและความพร้อมใช้งานของฟีเจอร์ตามรุ่นได้ที่ศูนย์ช่วยเหลือ (Help Center) ราคานี้จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันพรุ่งนี้สำหรับลูกค้าใหม่ ส่วนลูกค้าปัจจุบันนั้น ราคาการสมัครสมาชิกรายเดือนจะได้รับการอัปเดตตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคม 2025 หรือในวันที่ต่ออายุพร้อมแพ็กเกจรายปี/แพ็กเกจตามระยะเวลาที่กำหนด แล้วแต่ว่าวันใดจะเกิดขึ้นทีหลัง ทั้งนี้ลูกค้าธุรกิจขนาดเล็กมากจะไม่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงราคาในขณะนี้

การปกป้องการสนทนาของคุณกับ AI ให้ปลอดภัย

เรารู้ว่าความปลอดภัยของข้อมูล การรักษาความลับ และการปฏิบัติตามกฎระเบียบเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้น ๆ สำหรับผู้นำธุรกิจเมื่อใช้ AI และเรามุ่งมั่นที่จะช่วยคุณรักษาข้อมูลของคุณให้ปลอดภัย

· ข้อมูลของคุณยังคงเป็นของคุณ: เราจะไม่ใช้ข้อมูล พรอมต์ หรือคำตอบที่สร้างขึ้นของคุณเพื่อฝึกโมเดล Gemini ภายนอกโดเมนของคุณโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมทั้งจะไม่ขายข้อมูลของคุณหรือใช้ในการกำหนดเป้าหมายโฆษณาด้วย

· คุณสามารถควบคุมได้: เราสร้าง Gemini ด้วยการควบคุมระดับองค์กรเพื่อช่วยคุณเริ่มใช้ Gemini ในขณะที่ปกป้องข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของคุณ Gemini จะดึงเฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวข้องที่ผู้ใช้ได้รับอนุญาตให้เข้าถึง นอกจากนี้ มาตรการควบคุมความปลอดภัยและความเป็นเจ้าของข้อมูล Workspace ที่มีอยู่ของคุณจะถูกนำไปใช้โดยอัตโนมัติ

· คุณสามารถปฏิบัติตามกฎระเบียบได้: Gemini สำหรับ Workspace และแอป Gemini เป็นหนึ่งในโซลูชันเพิ่มประสิทธิภาพ Generative AI กลุ่มแรกที่ได้รับการรับรองมาตรฐานด้านความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัว และความปลอดภัยที่ครอบคลุม รวมถึงมาตรฐาน SOC 1/2/3, ISO 27001/17/18 และ ISO 42001

Cr:  Google 

พร้อมนวัตกรรมการรักษาความปลอดภัยใน Google Workspace

ในปี 2024 นี้ Generative AI จะเติบโตขึ้นจนกลายเป็นส่วนสำคัญในการทำงานขององค์กรทุกระดับ ตั้งแต่ธุรกิจขนาดเล็กไปจนถึงทีมในบริษัทใหญ่และพนักงานทุกคน จึงทำให้เกิดคำถามว่า Gen AI จะเข้ามามีผลต่อการทำงานของเราต่อไปอย่างไร?

ตั้งแต่ปีที่แล้ว เราได้เห็นผู้คนทำงานร่วมกับ Gen AI ผ่านเครื่องมือของเราอย่าง Gemini for Google Workspace เพื่อพัฒนาทักษะที่มีอยู่ เช่น เหล่านักเขียนทำงานได้อย่างราบรื่นขึ้นด้วยเครื่องมือบรรณาธิการเสมือนจริง (Virtual Editor) หรือเหล่านักออกแบบมาร่วมกันรังสรรค์ไอเดียใหม่ ๆ หรือบางครั้งก็เป็นการเพิ่มทักษะต่าง ๆ ให้กับเครื่องมือการใช้งาน เช่น เหล่ามือใหม่ใน Spreadsheet หันมาใช้ AI เพื่อให้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน Spreadsheet ได้อย่างรวดเร็ว เป็นต้น

Gen AI เพียบพร้อมด้วยนวัตกรรมทางเทคโนโลยีมากมาย แต่สิ่งสำคัญสำหรับเจ้าของธุรกิจหรือพนักงานของธุรกิจขนาดเล็ก คือผลลัพธ์ที่ได้และวิธีที่ AI ช่วยลดเวลาทำงานได้อย่างมหาศาล ซึ่งช่วยให้พนักงานทำงานและยกระดับการพูดคุยโต้ตอบกับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเราจะเห็นผลลัพธ์ผ่าน 3 ส่วนหลัก ดังนี้

โมเดล AI หลายรูปแบบจะปรับปรุงกระบวนการทำงานของธุรกิจ SMB

ในปี 2024 เราจะเริ่มเห็นพลังของ AI ในหลากหลายรูปแบบ เช่น AI ที่เข้าใจข้อมูลทั้งข้อความ รูปภาพ เสียง วิดีโอ และอื่น ๆ ที่จะเข้ามาช่วยขับเคลื่อนองค์กรทุกขนาด รวมถึงธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง โดยไม่เพียงแต่จะให้ผลลัพธ์ที่ทรงพลังยิ่งขึ้นเท่านั้น แต่ AI ยังให้ความสามารถในการทำงานหลากหลายรูปแบบในคราวเดียว เช่น ผลลัพธ์ของการคำนวณ spreadsheet อาจอยู่ในเนื้อหาของอีเมล ซึ่งเขียนโดยอ้างอิงถึงการโต้ตอบของลูกค้าก่อนหน้านี้ และอาจมาพร้อมกับไดอะแกรมหรือภาพประกอบที่เหมาะสม เป็นต้น

นอกจากนี้ AI ยังมีประโยชน์สำหรับองค์กรทุกขนาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจขนาดเล็กที่บุคคลหนึ่งอาจต้องทำงานหลายหน้าที่ เช่น เจ้าของร้านจักรยานในท้องถิ่นอาจได้รับภาพถ่ายจากลูกค้าเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งโมเดล AI หลายรูปแบบจะสามารถเข้าใจภาพและอธิบายปัญหาได้

นี่คือตัวอย่างของการใช้ AI เพื่อเสริมความสามารถทางธุรกิจ เพื่อช่วยให้ลูกค้าของเรานำเสนอธุรกิจของตนและชิ้นงานต่าง ๆ ได้ดีที่สุดจากหลากหลายรูปแบบ และด้วยการโต้ตอบเชิงสนทนาของ AI ที่ปรับให้เข้ากับวิธีการทำงานของแต่ละบุคคล ผู้คนจึงสามารถพัฒนาการสื่อสารภายในและการสื่อสารกับลูกค้าให้สะดวก เข้าใจง่าย และมีความเป็นส่วนตัวยิ่งขึ้น

ธุรกิจ SMB จะต้องมุ่งไปที่การป้อนคำสั่ง AI

สองสิ่งที่สำคัญที่สุดเกี่ยวกับ Gen AI ในที่ทำงานคือวิธีที่คนทำงานร่วมกับ AI และวิธีที่ AI ทำงานร่วมกับคน

ในปี 2024 ธุรกิจทุกขนาดตั้งแต่ร้านขายของชำไปจนถึงองค์กรระดับโลก จะต้องให้ความสำคัญสูงสุดกับการป้อนคำสั่งข้อมูล หรือ prompts ที่ตรงจุดให้กับ AI เพื่อช่วยปรับปรุงการสื่อสารและการทำงานทุกขั้นตอน ตั้งแต่การสร้างเนื้อหาสำหรับแคมเปญการตลาดผ่านอีเมล ไปจนถึงการร่างและปรับแต่งการตอบกลับลูกค้า

สำหรับธุรกิจขนาดเล็กแล้ว การตั้ง prompts ให้กับ AI อาจนำไปใช้กับการสร้างอีเมลมอบข้อเสนอพิเศษให้แก่ลูกค้า พูดคุยเกี่ยวกับการซื้อครั้งก่อน และกระตุ้นให้เห็นความแตกต่างของการทำงานร่วมกับผู้ให้บริการรายนี้ หรืออาจเป็นการร่างหรือปรับแต่งเนื้อหาหรือจดหมายข่าวรายเดือน หรือแม้แต่แนะนำการตอบกลับอีเมลที่ไม่ได้รับคำตอบจากผู้ขายก็ได้เช่นกัน

และหากคุณใช้ Gemini for Workspace อยู่แล้ว หรือสนใจที่จะทดลองใช้ เรามาเรียนรู้เคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการเขียน prompt เพื่อช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์มากขึ้น เช่น

· ใช้ภาษาที่เป็นธรรมชาติ

· ชัดเจนและกระชับ

· ให้บริบทหรือข้อมูลที่ชัดเจน

· ใช้คีย์เวิร์ดที่เฉพาะเจาะจงและเกี่ยวข้อง

· แบ่งงานที่ซับซ้อนออกเป็นแต่ละ prompts

การร่วมมือกับ Gen AI จะกลายเป็นสิ่งสำคัญใหม่ที่ขาดไม่ได้ในที่ทำงาน

สิ่งที่โดดเด่นที่สุดประการหนึ่งเกี่ยวกับ gen AI คือปฏิสัมพันธ์ที่เป็นธรรมชาติ ผนวกกับการคำนวณที่ทรงพลังเป็นพิเศษ เพียงแค่คุณพูดหรือป้อนคำสั่งลงไป AI ก็จะค้นหาข้อมูลและมอบสิ่งที่คุณต้องการได้ภายในพริบตา โดยตามหลักการแล้ว เครื่องมือ gen AI จะได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ และพร้อมทำงานร่วมกับผู้คนหรือข้อมูลอย่างปลอดภัยและเป็นส่วนตัวมากขึ้น เพื่อช่วยสร้าง สื่อสาร และทำงานร่วมกันได้ดียิ่งขึ้น

ปีนี้เราจะได้เห็นบทสนทนาที่ทรงพลังยิ่งขึ้นระหว่างผู้คนและ Gen AI เนื่องจากตัวแมชชีนได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะเดียวกันผู้คนก็เริ่มคุ้นชินกับการทำงานร่วมกับ Gen AI รูปแบบใหม่นี้ด้วย ซึ่งต่างจากแอปพลิเคชันการเขียนและตัวช่วยการทำงานประเภทอื่น ๆ ทั่วไป เพราะการทำงานของ Gen AI จะเกิดขึ้นภายในขั้นตอนของการสร้างสรรค์งาน ที่อาจมีข้อเสนอแนะที่ช่วยเร่งการทำงานให้เร็วขึ้น หรือเปิดระบบการทำงานหรือกระบวนการใหม่ ๆ ที่ไม่รู้จักมาก่อน ให้สามารถทำงานได้อย่างคล่องมือ

ในขณะเดียวกัน AI ก็ได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นสำหรับการอ่านความต้องการตามสถานการณ์ของธุรกิจ ซึ่งจะสามารถแนะนำระบบการทำงานที่เหมาะที่สุดที่ควรนำมาใช้ในช่วงเวลาที่กำหนดได้ เช่นในการประชุมแต่ละครั้ง AI จะช่วยสรุปการสนทนาและส่งสรุปการประชุมให้ผู้ที่เกี่ยวข้อง หรือแม้แต่งานส่วนตัวที่ AI ก็สามารถแนะนำเครื่องมือหรือรูปภาพที่เหมาะกับงานไปพร้อม ๆ กับช่วยออกแบบไอเดียใหม่ ๆ ได้ด้วย

Gen AI ได้รับพลังจากข้อมูล ดังนั้นการแสดงออกที่ทรงพลังที่สุดจึงมาจากบริการบนคลาวด์ที่มีความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยในตัวเอง ซึ่งเมื่อเทียบกับแอปพลิเคชันรุ่นเก่าที่จัดเก็บข้อมูลบนแล็ปท็อปพร้อมไฟล์ที่แชร์เป็นไฟล์แนบโดยไม่มีการควบคุมการเข้าถึง ระบบบนคลาวด์จึงมีพลังในการเปลี่ยนแปลงโลกการทำงานด้วยคำแนะนำที่เป็นส่วนตัวและเหมาะสมกับงานนั้น ๆ อีกทั้งยังใช้ประโยชน์จากบริบทของงาน เช่น อีเมลหรือไฟล์ที่จัดเก็บไว้บนคลาวด์ในรูปแบบที่ให้ความเป็นส่วนตัวที่สุด

อย่างไรก็ตาม บทสนทนาที่แท้จริงคือการพูดคุยระหว่างคุณกับเพื่อนร่วมงาน กับบริษัท และกับลูกค้า ผมรู้สึกตื่นเต้นกับทุกสิ่งที่เราเตรียมไว้ให้สำหรับลูกค้าของเรา รวมถึงผู้คนที่จะได้รับประโยชน์จาก Gen AI ในปี 2024 และต่อไปในอนาคต

 

บทความ  :  อรรณพ  ศิริติกุล  Country Director , Google Cloud ประเทศไทย 

 

พฤกษา ผนึกความร่วมมือกับ Google ประเทศไทย เดินหน้าอัปสกิลด้านดิจิทัลให้กับนักธุรกิจ

 SAP SE (NYSE: SAP) และ Google Cloud ได้ประกาศการขยายความร่วมมืออย่างกว้างขวาง โดยการเปิดตัวข้อเสนอข้อมูลแบบเปิดที่ครอบคลุม ซึ่งออกแบบมาเพื่อลดความซับซ้อนของภูมิทัศน์ข้อมูลและปลดปล่อยพลังของข้อมูลธุรกิจ ข้อเสนอนี้ช่วยให้ลูกค้าสามารถสร้างระบบคลาวด์ดาต้าแบบ end-to-end ที่ข้อมูลถูกดึงมาใช้ได้จากทั่วทั้งองค์กร โดยใช้โซลูชัน SAP® Datasphere ร่วมกับระบบคลาวด์ดาต้าของ Google ดังนั้น ธุรกิจต่างๆ สามารถตรวจดูพื้นที่ข้อมูลทั้งหมดได้แบบเรียลไทม์ และเพิ่มประสิทธิภาพได้สูงสุดจากการลงทุนในซอฟต์แวร์ Google Cloud และ SAP ของพวกเขา

ข้อมูลเป็นรากฐานที่สำคัญของการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ผ่านมา องค์กรต่าง ๆ ใช้ทรัพยากรจำนวนมากในการสร้างศูนย์รวมรวมข้อมูลที่ซับซ้อน เครื่องมือวิเคราะห์แบบกำหนดได้เอง รวมถึง Generative AI และการประมวลผลภาษาธรรมชาติ (NLP) ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มตระหนักถึงความคุ้มค่าจากการลงทุนด้านข้อมูลเหล่านั้น ในขณะที่ข้อมูลที่มาจาก ระบบ SAP โดยเฉพาะ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่มีค่าที่สุดขององค์กร และสามารถให้ข้อมูลที่สำคัญอย่างข้อมูลด้านซัพพลายเชน การพยากรณ์ทางการเงิน การบันทึกทรัพยากรบุคคล ข้อมูลระบบ Omnichannel Retail และอื่น ๆ ได้ โดย SAP Datasphere จะทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลที่มีความสำคัญต่อภารกิจเหล่านี้ เข้ากับข้อมูลทั่วทั้งองค์กร จากหลากหลายแหล่งที่มา ซึ่งความสามารถในการรวมข้อมูลทั้งจากซอฟต์แวร์ SAP และที่ไม่ใช่มาจาก SAP (มาจากแหล่งข้อมูลอื่น ๆ) ไว้บน Google Cloud ได้อย่างง่ายดายนั้น ย่อมหมายความว่าองค์กรต่างๆ สามารถเร่งการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลได้อย่างรวดเร็วด้วยรากฐานข้อมูลที่กำหนดไว้อย่างสมบูรณ์ และยังคงรักษาบริบททางธุรกิจที่ครบถ้วนไว้ได้

 

Christian Klein ซีอีโอและคณะกรรมการบริหารของ SAP SE

Christian Klein ซีอีโอและคณะกรรมการบริหารของ SAP SE กล่าวว่า "การนำระบบและข้อมูลของ SAP มารวมกับข้อมูลในคลาวด์ของ Google ได้นำเสนอโอกาสใหม่สำหรับองค์กรต่างๆ ให้ได้รับคุณค่าที่มากขึ้นจากดาต้าฟุตปริ้นท์ทั้งหมด โดย SAP และ Google Cloud มีความมุ่งมั่นร่วมกันต่อข้อมูลแบบเปิด และการเป็นพันธมิตรของเราก็ได้ขยายออกไปเพื่อช่วยทลายกำแพงกั้นระหว่างข้อมูลที่จัดเก็บไว้ในระบบ ฐานข้อมูล และสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน ลูกค้าของเราไม่เพียงแต่ได้รับประโยชน์จาก AI ของธุรกิจที่สร้างไว้ในระบบของเราเท่านั้น แต่ยังได้รับประโยชน์จากรากฐานข้อมูลที่เป็นหนึ่งเดียวด้วย"

 

Thomas Kurian, ซีอีโอของ Google Cloud

Thomas Kurian, ซีอีโอของ Google Cloud กล่าวว่า "ตอนนี้ SAP และ Google Cloud นำเสนอระบบคลาวด์ข้อมูลแบบเปิดที่ครอบคลุมอย่างเหลือเชื่อ ซึ่งเป็นรากฐานสำหรับอนาคต AI ขององค์กร. แหล่งทรัพยากรเพียงบางแห่งอาจสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลพอ ๆ กับข้อมูล แต่ด้วยการผสานรวมข้อมูลและระบบ SAP เข้ากับคลาวด์ข้อมูลของเราอย่างลึกซึ้ง ลูกค้าจะสามารถใช้งานความสามารถในการวิเคราะห์ของเราได้เช่นเดียวกับเครื่องมือ AI ขั้นสูงและ โมเดลภาษาขนาดใหญ่ เพื่อค้นหาข้อมูลเชิงลึกใหม่จากข้อมูลของพวกเขา" องค์กรต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น Blue Bird Group, JB Cocoa, Kopi Kenangan, Link Net, NTUC Enterprise, Ocean Network Express, Siam Cement Group (SCG) และ Vingroup เป็นต้น ได้ใช้ประโยชน์จากการทำงานร่วมกันของ Google Cloud และ SAP เสนอเพื่อช่วยให้พวกเขาดำเนินธุรกิจอย่างชาญฉลาดและยั่งยืนมากขึ้น และบรรลุผลลัพธ์ที่มีผลกระทบ ข้อเสนอข้อมูลแบบเปิด ใหม่จาก SAP และ Google Cloud ช่วยส่งเสริมโซลูชัน RISE with SAP และจะช่วยให้ลูกค้าสามารถ: · เข้าถึงข้อมูลสำคัญทางธุรกิจแบบเรียลไทม์: การผสานรวมระหว่าง SAP Datasphere และ Google Cloud BigQuery ช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลที่สำคัญที่สุดได้อย่างง่ายดายแบบเรียลไทม์โดยไม่มีข้อมูลซ้ำซ้อน ข้อเสนอร่วมนี้สามารถรวมข้อมูลจาก ระบบซอฟต์แวร์ SAP เช่น SAP S/4HANA® และ SAP HANA® Cloud ทำให้องค์กรต่างๆ มีมุมมองที่ครอบคลุมเกี่ยวกับข้อมูลที่สำคัญที่สุดของตนบนคลาวด์ดาต้าของ Google

· ลดความซับซ้อนของภูมิทัศน์ข้อมูล: SAP และ Google Cloud ได้ร่วมกันสร้างวิศวกรรมการจำลองข้อมูลที่มีประสิทธิภาพและเทคโนโลยีการรวมศูนย์ ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถรวมข้อมูลจากซอฟต์แวร์ SAP เข้ากับ สภาพแวดล้อม BigQuery ได้อย่างง่ายดาย และใช้ประโยชน์จากความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลชั้นนำของ SAP และ Google Cloud ปัจจุบันนี้ ลูกค้าสามารถรวมข้อความค้นหาระหว่าง SAP Datasphere และ BigQuery เพื่อผสมผสานข้อมูลจาก ซอฟต์แวร์ SAP และ ที่ไม่ใช่ของ SAP ซึ่งช่วยขจัดพื้นที่จัดเก็บข้อมูลทั่วไปจากแหล่งที่มาที่ครอบคลุมทั้งด้านการตลาด การขาย การเงิน ห่วงโซ่อุปทาน และอื่นๆ ตัวอย่างเช่น ลูกค้าที่ทำธุรกิจค้าส่ง สามารถเห็นผลิตภัณฑ์ของตนได้อย่างสมบูรณ์ขณะที่พวกเขากำลังดำเนินการจำหน่ายสินค้าและเข้าถึงลูกค้า

· สร้างข้อมูลเชิงลึกที่เชื่อถือได้ด้วย โมเดล AI และแมชชีนเลิร์นนิง (ML) ขั้นสูงของ Google Cloud: ธุรกิจต่างๆ จะสามารถใช้ บริการ AI และ ML ของ Google Cloud เพื่อฝึกโมเดลบนข้อมูลทั้งจาก ระบบ SAP และ ไม่ได้มาจาก SAP · ทำการวิเคราะห์ขั้นสูง: องค์กรสามารถใช้ความสามารถในการวิเคราะห์ของโซลูชัน SAP Analytics Cloud ใน Google Cloud เพื่อวิเคราะห์ผลลัพธ์ทางการเงินและธุรกิจ พร้อมปรับปรุงความแม่นยำของโมเดล ด้วยการผสานรวมกับข้อมูลใน BigQuery ด้วย SAP Datasphere ลูกค้าสามารถวางแผนด้วยมุมมองเดียวที่ครอบคลุมธุรกิจของตน

· ใช้โซลูชันร่วมกันเพื่อความยั่งยืน: SAP และ Google Cloud กำลังค้นหาแนวทางที่จะรวม SAP Datasphere เข้ากับ ชุดข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ที่กว้างขึ้น รวมถึงข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนโดย Google Cloud เพื่อเร่งการเดินทางสู่ความยั่งยืนด้วยข้อมูลเชิงลึกที่นำไปใช้ได้จริง

· ใช้ SAP Business Technology Platform (SAP BTP) บนระบบ Google Cloud ทั่วโลก: SAP จะพัฒนาข้อเสนอมัลติคลาวด์โดยขยายการรองรับ SAP BTP และ SAP HANA Cloud บน Google Cloud ระดับภูมิภาค ซึ่งรวมถึงการสนับสนุน SAP Analytics Cloud และ SAP Datasphere SAP และ Google Cloud ตั้งใจที่จะเปิดตัว SAP BTP ใน 5 ภูมิภาคใหม่ในปีนี้ รวมถึงจะเพิ่มการรองรับเป็น 8 ภูมิภาคภายในปี 2568

ทั้งสองบริษัทยังวางแผนเป็นพันธมิตรกันในการริเริ่มเข้าสู่ตลาดสำหรับโครงการข้อมูลที่ใหญ่ที่สุดขององค์กร ทำให้ลูกค้าสามารถนำผลิตภัณฑ์ข้อมูลจากทั้ง SAP และ Google Cloud มาใช้ได้

Page 1 of 4
X

Right Click

No right click