December 05, 2025

จากสถิติองค์การอนามัยโลกพบว่ามะเร็งปอดเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งของโลก โดยมีผู้ป่วยรายใหม่ถึง 2.5 ล้านรายและผู้เสียชีวิตประมาณ 1.8 ล้านรายต่อปี ในประเทศไทย มะเร็งปอดเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตอันดับสอง โดยมีผู้ป่วยรายใหม่ถึง 17,222 รายต่อปี หรือเฉลี่ยผู้เสียชีวิตจากมะเร็งปอดวันละ 40 คน1

เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ในงานประชุม European Lung Cancer Congress (ELCC) 2025 ที่จัดขึ้น ณ กรุงปารีส แอสตร้าเซนเนก้าได้เปิดเผยผลการวิจัยเกี่ยวกับมะเร็งปอดภายใต้โครงการ CREATE ที่มีการใช้เครื่องมือ qXR-LNMS ซึ่งพัฒนาโดยบริษัท Qure.ai เพื่อแสดงประสิทธิภาพในการคัดกรองมะเร็งปอดจากภาพเอกซเรย์ทรวงอกซึ่งอาศัยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นเครื่องมือช่วย โดยนวัตกรรมนี้ช่วยขยายโอกาสให้ประชาชนสามารถเข้าถึงการตรวจคัดกรองและการวินิจฉัยโรคด้วยวิธีที่ทันสมัยและมีความสะดวก

โครงการ CREATE ได้ศึกษาประสิทธิภาพในการคัดกรองมะเร็งปอดใน 5 ประเทศ ได้แก่ อียิปต์ อินเดีย อินโดนีเซีย เม็กซิโก และตุรกี โดยมีผู้เข้าร่วมจำนวน 700 ราย ผลการศึกษาพบว่าค่าความแม่นยำของ Positive Predictive Value (PPV) อยู่ที่ร้อยละ 54.1 ซึ่งสูงกว่ามาตรฐานที่กำหนดไว้เป็นจำนวน 20% ส่วน Negative Predictive Value (NPV) อยู่ที่ร้อยละ 93.5 ซึ่งสูงกว่ามาตรฐานที่กำหนดไว้เป็นจำนวน 70% ผลการศึกษามีความสอดคล้องกันทุกกลุ่มประชากร ซึ่งรวมถึงผู้ที่ไม่เคยสูบบุหรี่และบุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 55 ปี ซึ่งโดยทั่วไปไม่ได้อยู่ในเกณฑ์การตรวจคัดกรองมะเร็งปอด

นอกจากนี้ ยังมีการเผยแพร่แบบจำลองการวิเคราะห์ผลกระทบด้านงบประมาณของโครงการ CREATE โดยอ้างอิงจากการใช้ข้อมูลในประเทศเวียดนามมาเป็นกรณีศึกษาต้นแบบ ซึ่งพบว่าการใช้ AI ร่วมกับการเอกซเรย์ทรวงอก นั้น สามารถนำมาปฏิบัติใช้เป็นขั้นตอนเบื้องต้นก่อนการทำการตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ด้วยปริมาณรังสีต่ำ (Low Dose CT : LDCT) ในบริบทของสภาพแวดล้อมที่มีทรัพยากรจำกัด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของโปรแกรมการคัดกรองโดยเฉพาะในกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงสูง จากผลการศึกษานี้ยังพบว่าการนำ AI มาใช้ในกระบวนการคัดกรองมะเร็งปอดสามารถช่วยในการตรวจพบมะเร็งปอดได้ตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม นำไปสู่การลดลงของค่าใช้จ่ายในกระบวนการรักษาได้

 

พญ. วาสนา ประสิทธิ์สืบสาย ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า ประเทศไทย และ Frontier Markets เปิดเผยว่า “แอสตร้าเซนเนก้าได้ร่วมมือกับ Qure.ai ตั้งแต่ปี 2565 ภายใต้โครงการ Lung Ambition Alliance โดยนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ qXR-LNMS มาใช้ในการคัดกรองสัญญาณเริ่มต้นของมะเร็งปอด โครงการนี้มีเป้าหมายในการตรวจคัดกรองประชากรกว่า 1 ล้านคนภายในปี 2569 ปัจจุบัน เราได้ดำเนินการคัดกรองแล้วกว่า 5 แสน คน และมีอัตราการตรวจพบมะเร็งปอดที่ 0.1% ข้อมูลจากการศึกษา CREATE แสดงให้เห็นถึงประโยชน์ของการใช้ AI ที่สามารถแพร่หลายได้ง่าย ต้นทุนต่ำ และสามารถประยุกต์ใช้ในระบบสาธารณสุขเพื่อยกระดับการเข้าถึงการดูแลสุขภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

 

นพ. ภาสกร วันชัยจิระบุญ อายุรแพทย์มะเร็งวิทยา ผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์และนวัตกรรมทางการแพทย์ โรงพยาบาลพระปกเกล้า เปิดเผยว่า “แม้ว่าแนวทางมาตรฐานในการตรวจคัดกรองมะเร็งปอดจะแนะนำให้ใช้การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์แบบปริมาณรังสีต่ำ แต่ประเทศไทยยังคงเผชิญกับข้อจำกัดด้านต้นทุนสูงและการเข้าถึงที่จำกัด การมีเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่เสริมการตรวจภาพเอกซ์เรย์ทรวงอก สามารถเพิ่มการเข้าถึงการคัดกรองมะเร็งปอดในบริบทของประเทศที่มีทรัพยากรจำกัดได้ อย่างไรก็ตาม การนำ AI มาใช้นั้นจำเป็นต้องมาพร้อมกับความเข้าใจจากผู้ใช้ รวมถึงการวิจัยและปรับใช้ให้เหมาะสมกับบริบทของพื้นที่เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด”

การตรวจสุขภาพและการคัดกรองโรคอย่างสม่ำเสมอมีความสำคัญอย่างยิ่งในการลดความเสี่ยงจากโรคต่าง ๆ และยังช่วยเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชากรไทย การมีนวัตกรรมที่เข้าถึงได้ง่ายและมีประสิทธิภาพสูง ถือเป็นหัวใจสำคัญในการยกระดับการวินิจฉัยโรคให้มีความรวดเร็วและแม่นยำ ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาโรค เช่น มะเร็งปอด ให้กับประชาชนได้อย่างมีประสิทธิผล

 บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด ได้ร่วมลงนามความร่วมมือภายใต้โครงการ “Collaboration towards excellence in lung cancer

นำร่องที่โรงพยาบาลมะเร็งกรุงเทพ วัฒโนสถ มุ่งใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence หรือ AI) มาเสริมการปิดช่องว่างในการวินิจฉัยและรักษาโรคมะเร็งปอด รวมถึงการสร้างความตระหนักรู้แก่ภาคประชาชนในการประเมินความเสี่ยงและเข้ารับการตรวจคัดกรอง วินิจฉัย และรักษาอย่างทันท่วงที เพื่อร่วมรณรงค์ไปกับแคมเปญ Close the care gap ขององค์การอนามัยโลก (WHO) วันมะเร็งโลก สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของโรงพยาบาลมะเร็งกรุงเทพ วัฒโนสถ ในฐานะโรงพยาบาลเอกชนเฉพาะทางด้านโรคมะเร็ง ที่ให้ความสำคัญกับการดูแลผู้ป่วยแบบครบองค์รวมในทุกขั้นตอนการรักษาด้วยวิธีที่เหมาะสม และการตรวจหาสารพันธุกรรมของเซลล์มะเร็งในร่างกาย เพื่อให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาว ชูความเป็นศูนย์แห่งความเป็นเลิศด้านโรคมะเร็งแห่งเอเชียแปซิฟิก (Center of Excellence - Cancer)

นอกจากด้านการตรวจวินิจฉัยและรักษาของโรงพยาบาลที่ครบครัน แอสตร้าเซนเนก้า เป็นหนึ่งในสมาชิกของ The Lung Ambition Alliance (LAA) เกิดจากความร่วมมือระหว่างภาคีพันธมิตรระดับนานาชาติ 4 องค์กรที่มีการดำเนินกิจกรรมใน 50 ประเทศทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย เพื่อร่วมกันสานต่อเป้าหมายในการเพิ่ม ‘อัตราการรอดชีวิต 5 ปี’ ของผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดให้เป็น 2 เท่า ภายใน พ.ศ. 2568 พร้อมศึกษาทำความเข้าใจถึงวิวัฒนาการของโรค พัฒนาเทคนิคระดับก้าวหน้าเพื่อการดูแลรักษาโรคมะเร็งปอด ส่งเสริมให้ผู้ป่วยมีชีวิตที่ยืนยาวมากขึ้น

 

ศ.พิเศษ นพ.ธีรวุฒิ คูหะเปรมะ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมะเร็งกรุงเทพวัฒโนสถ กล่าวว่า “งานแถลงข่าวในครั้งนี้เป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นเพื่อสนับสนุนการรณรงค์วันมะเร็งโลกหรือ World Cancer Day ซึ่งในปีนี้องค์การอนามัยโลกหรือ WHO ให้ความสำคัญกับการ “Close the care gap” หรือการปิดช่องว่างในการดูแลรักษาโรคมะเร็ง ซึ่งทางโรงพยาบาลเน้นในเรื่องของมะเร็งปอด เนื่องจากปัจจุบันเราพบผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดสูงขึ้นเป็นอย่างมากในคนที่ไม่สูบบุหรี่ และมีภัยคุกคามต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันที่เพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งปอดในผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ เช่น ฝุ่น PM2.5 ซึ่งมีความสัมพันธ์กับการเปลี่ยนแปลงของเซลล์เยื่อบุระบบทางเดินหายใจโดยเฉพาะในผู้ที่มียีนกลายพันธุ์ EGFR หรือ KRAS และในปัจจุบันยังไม่มีแนวทางการตรวจคัดกรองในมะเร็งปอดในกลุ่มที่ไม่เคยสูบบุหรี่ ดังนั้น การที่จะปิดช่องว่างหรือ Close the care gap ในเรื่องนี้ จำเป็นต้องอาศัยเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ทันสมัยเข้ามาช่วยเสริม เช่น การนำปัญญาประดิษฐ์หรือ A.I. มาช่วยในการวินิจฉัยภาพเอกซเรย์รังสีทรวงอกในผู้ที่เข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปี และโรงพยาบาลนำชุดตรวจหาสารพันธุกรรมของเซลล์มะเร็งในร่างกายจากเลือด (Circulating Tumor DNA : ctDNA) โดยใช้เทคโนโลยี Next-Generation Sequencing ที่สามารถตรวจหามะเร็งหลายชนิดพร้อมกัน เพื่อค้นหาโรคมะเร็งตั้งแต่ก่อนเป็นจนถึงระยะเริ่มต้น ซึ่งช่วยเสริมการตรวจคัดกรองประเมินความเสี่ยงโรคมะเร็งเฉพาะบุคคล พร้อมทั้งช่วยให้แพทย์วางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย

 

นายโรมัน รามอส ประธานบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “โรคมะเร็ง หากรู้เร็ว สามารถรักษาได้ โรคมะเร็งถือเป็นหนึ่งในกลุ่มโรคที่แอสตร้าเซนเนก้า ประเทศไทยให้ความสำคัญมาตลอดระยะเวลา 40 ปี เราพร้อมเดินหน้าประสานความร่วมมือกับหน่วยงานด้านสาธารณสุข องค์กรพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อส่งเสริมคนไทยหันมาตรวจคัดกรองโรคมะเร็งตั้งแต่ระยะเริ่มต้นมากขึ้น ทั้งนี้ ในฐานะบริษัทชีวเภสัชภัณฑ์ชั้นนำระดับโลก เรามุ่งมั่นในการนำวิทยาศาสตร์มาต่อยอดและพัฒนาการดูแลสุขภาพของประชาชนมาโดยตลอด ล่าสุดกับการนำเสนอการใช้เทคโนโลยี AI มาประยุกต์ใช้ร่วมกับเครื่องเอกซเรย์ปอด เพื่อช่วยให้แพทย์สามารถตรวจพบเงาของก้อนเนื้อในปอดซึ่งอาจเป็นตัวบ่งชี้มะเร็งปอดในระยะเริ่มต้นที่อาจมีขนาดเล็กหรือมองเห็นได้ยากภายในระยะเวลา 3 นาที ซึ่งช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยและสามารถเข้าสู่กระบวนการรักษาอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ลดอัตราการเสียชีวิต เพิ่มอัตราการรอดชีวิต 5 ปีของผู้ป่วยมะเร็งปอดได้มากยิ่งขึ้น”

 

พญ.เมธินี ไหมแพง ประธานคณะผู้บริหาร กลุ่ม 1 และผู้อำนวยการโรงพยาบาลกรุงเทพ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “กว่า 10 ปีของโรงพยาบาลมะเร็งกรุงเทพ วัฒโนสถ ภายใต้การบริหารงานของบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทที่มีเครือข่ายกลุ่มโรงพยาบาลเอกชนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เรามุ่งมั่นให้การบริการทางด้านสุขภาพและศูนย์แห่งความเป็นเลิศในโรคต่าง ๆ โดยเฉพาะโรคมะเร็ง รองรับผู้ป่วยทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งการร่วมมือกับแอสตร้าเซนเนก้า ประเทศไทยในครั้งนี้ ถือเป็นการช่วยส่งเสริมศักยภาพของโรงพยาบาล ผ่านการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านวิชาการทางคลินิกวิทยาศาสตร์ ร่วมกับสถาบันมะเร็งระดับนานาชาติที่มีชื่อเสียงระดับโลก รวมถึงการถ่ายทอดนวัตกรรม และความเชี่ยวชาญขั้นสูงให้แก่ทีมแพทย์ผู้ชำนาญการและทีมสหสาขาวิชาชีพ (Multi-disciplinary team – MDT) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกับแนวทางการวินิจฉัยและรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งปอด ส่งเสริมให้โรงพยาบาลมะเร็งกรุงเทพ วัฒโนสถ เป็นศูนย์แห่งความเป็นเลิศด้านโรคมะเร็งแห่งเอเชียแปซิฟิกในอนาคต

ความร่วมมือของทั้งสององค์กรในครั้งนี้ จะช่วยปิดช่องว่างการตรวจวินิจฉัย และดูแลเติมเต็มทุกการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็ง Close the Care Gap ให้มีความก้าวหน้ายิ่งขึ้น และเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีให้ประชาชนคนไทยและทุกเชื้อชาติ ห่างไกลจากโรคมะเร็ง และข้ามผ่านการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

X

Right Click

No right click