December 05, 2025

นับเป็นนวัตกรรมทางการแพทย์แนวใหม่ที่ถ่ายทอดความรู้จาก รพ.รัฐ สู่เอกชน มุ่งหาทางรอดรักษาผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวและมะเร็งต่อมน้ำเหลืองที่มีโอกาสหายได้ ถึง 70% เป็นความร่วมมือระหว่าง คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล และ เครือโรงพยาบาลสมิติเวช ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ในการรักษาด้วยนวัตกรรม Cell Therapy & Gene Therapy เพื่อยกระดับมาตรฐานการรักษาของไทยสู่ระดับสากล เป็นการรักษาแบบเซลล์และยีนบำบัด โดยนำเลือดมาสร้างเซลล์ภูมิคุ้มกันดัดแปลงให้ต่อสู้กับเซลล์มะเร็งได้โดยตรง เป็นครั้งแรกของอาเซียน

สำหรับการแลกเปลี่ยนความรู้ครั้งนี้ถูกถ่ายทอดในงาน ประชุมวิชาการระดับนานาชาติ “The Cell Therapy & Gene Therapy Symposium 2025” ถูกจัดขึ้นระหว่างวันที่ 5 – 7 กันยายน 2568  ณ  รพ.สมิติเวช ศรีนครินทร์ และ รร. เมอเวนพิค บีดีเอ็มเอส เวลเนส รีสอร์ท กรุงเทพฯ  ที่ผ่านมา โดยรวมผู้เชี่ยวชาญทั้งไทยและต่างประเทศ แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้าน การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดในผู้ป่วยธาลัสซีเมีย, นวัตกรรม CAR T- cell รักษาผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาวและมะเร็งต่อมน้ำเหลืองที่ดื้อยา, ความก้าวหน้าของการรักษาด้วยยีนบำบัด, รวมถึงการดูแลภาวะแทรกซ้อนและผลวิจัยทางคลินิกมาตรฐานโลก ตอกย้ำบทบาทไทยในการก้าวสู่ผู้นำด้านการรักษาโรคด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย

ศ.นพ.สุรเดช หงส์อิง รองคณบดีกิจการพิเศษ และหัวหน้า Center of Excellence for Cell Therapy and Gene Therapy คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล และกุมารแพทย์โรคมะเร็งและโรคเลือด โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช อินเตอร์เนชั่นแนล อธิบายว่า โรคธาลัสซีเมีย และ มะเร็งเม็ดเลือดขาว เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตในทั้งเด็กและผู้ใหญ่ อย่างไรก็ตาม ความก้าวหน้าทางการแพทย์ได้นำไปสู่แนวทางการรักษาใหม่ ๆ ที่ช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิตให้แก่ผู้ป่วยได้

ปัจจุบัน นอกจากการรักษาด้วยเคมีบำบัด (คีโม) ยังมีทางเลือกสำคัญอย่างเช่น การปลูกถ่ายไขกระดูก สำหรับผู้ป่วยโรคเลือดจางธาลัสซีเมีย มะเร็งบางชนิด และโรคภูมิคุ้มกันบกพร่องปฐมภูมิ โดยเฉพาะเทคนิค Haploidentical Stem Cell Transplantation ซึ่งใช้สเต็มเซลล์จากพ่อหรือแม่หรือสมาชิกในครอบครัว ผลลัพธ์ของเทคนิคนี้พบว่า เด็กที่ได้รับการปลูกถ่ายมีอัตราการรอดชีวิตใน 1 ปีสูงถึง 100% และการรักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวและมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ด้วยนวัตกรรม CAR T-cell ซึ่งเป็นการรักษาแบบเซลล์และยีนบำบัด  ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาที่มีอยู่ราว 30% โดยนำเซลล์เม็ดเลือดขาวของผู้ป่วยมาปรับแต่งพันธุกรรมในห้องปฏิบัติการแล้วฉีดกลับเข้าสู่ร่างกายผู้ป่วย ให้โจมตีเซลล์มะเร็งโดยตรง เพิ่มโอกาสหายขาดให้แก่ผู้ป่วยที่หมดความหวังได้ถึง 70% แต่ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการรักษาลงได้มากกว่า 5 เท่า

ศ.คลินิก นพ.อาทิตย์ อังกานนท์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า งานประชุมนี้ เป็นความร่วมมือระหว่าง คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล และเครือโรงพยาบาลสมิติเวช มุ่งยกระดับการรักษาด้วย Cell Therapy & Gene Therapy สู่มาตรฐานสากล  และยังเป็นการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากภาครัฐสู่ภาคเอกชน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการเข้าถึงเทคโนโลยีและการดูแลที่มีมาตรฐานสูง ลดข้อจำกัดเรื่องสถานที่และคิวการรักษา และสามารถต่อยอดไปยังประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน เพิ่มโอกาสให้ผู้ป่วยในภูมิภาคเข้าถึงนวัตกรรมทันสมัย การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้กับผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลก ไม่เพียงช่วยเพิ่มศักยภาพบุคลากรไทย แต่ยังเปิดโอกาสให้ผู้ป่วยได้เข้าถึงนวัตกรรมการรักษาที่ทันสมัยและมีความหวังใหม่ในการต่อสู้กับโรคร้าย

ทางด้านพญ.สุรางคณา เตชะไพฑูรย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม รพ.สมิติเวช และ รพ.บีเอ็นเอช และผู้อำนวยการ รพ.เด็กสมิติเวช อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า “ด้วยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ยาวนาน ของโรงพยาบาลสมิติเวช ที่ได้เปิดศูนย์ดูแลเด็กป่วยมะเร็งและบริการปลูกถ่ายไขกระดูกมาเป็นเวลากว่า 20 ปี  และได้ร่วมมือกับ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ในการศึกษาวิจัยและนำเทคโนโลยี CAR T-cell  เป็นการผสมผสานระหว่างเซลล์และยีนบำบัด มาใช้ในการดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวและมะเร็งต่อมน้ำเหลือง การร่วมมือครั้งนี้ไม่เพียงเพิ่มประสิทธิภาพการรักษา แต่ยังเปิดทางให้ผู้ป่วยสามารถเข้ารับการรักษาได้ในโรงพยาบาลเอกชนโดยไม่ต้องรอนาน ภายใต้กระบวนการรักษาและห้องปฏิบัติการที่ได้มาตรฐานสากล (GMP) ในประเทศไทย  นี่คืออีกหนึ่งก้าวสำคัญในการผลักดันประเทศไทยสู่การเป็น ศูนย์กลางการแพทย์ (Medical Hub) ของเอเชีย”

นอกจากนี้ยังได้รับเกียรติจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ ได้แก่

Professor Philippe Leboulch แพทย์และนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Paris-Saclay ประเทศฝรั่งเศส และมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ประเทศสหรัฐอเมริกา แพทย์ผู้เชี่ยวชาญและทำการศึกษาพัฒนา lentivirus เพื่อเป็นพาหะสำหรับการปรับแต่งยีนของโรคพันธุกรรมต่างๆ และเป็นหนึ่งในทีมการศึกษาวิจัยการรักษาด้วยยีนบำบัดในผู้ป่วยโรคเลือดจางธาลัสซีเมีย (Beta-Thalassemia) ได้สำเร็จ โดยจะมาร่วมบรรยายในหัวข้อ “All About the Future of Gene Therapy”

Prof. Hideki Marumatsu, M.D., Ph.D. กุมารแพทย์เฉพาะทางด้านโรคเลือดและโรคไขกระดูก จาก มหาวิทยาลัยนาโงยะ ประเทศญี่ปุ่น ผู้มีความเชี่ยวชาญในการดูแลรักษาโรค Aplastic Anemia และกลุ่มโรค Bone Marrow Failure ชนิดต่างๆ และมีการศึกษาติดตามผู้ป่วย Japan Childhood Aplastic Anemia Cohort Study จะมาร่วมบรรยายในหัวข้อ “Hematopoietic Stem Cell Transplantation in Aplastic Anemia and Inherited Bone Marrow Failure”

การประชุมครั้งนี้สะท้อนพลังความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการยกระดับคุณภาพชีวิตผู้ป่วยอย่างยั่งยืน และเปิดเวทีให้ผู้เชี่ยวชาญทั้งในและต่างประเทศแลกเปลี่ยนความรู้ เพื่อเตรียมบุคลากรไทยและนานาชาติสู่การรักษาแห่งอนาคต

มูลนิธิรามาธิบดี ในพระบรมราชูปถัมภ์สมเด็จ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ผลักดันศักยภาพของการศึกษาแพทย์ไทยผ่านการสนับสนุนอาคารกายวิภาคคลินิก (Clinical Anatomy Building) ของสถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งได้รับการสนับสนุนในการสร้างอาคาร และเครื่องมือทางการแพทย์จากผู้บริจาค ซึ่งเป็นพลังแห่งน้ำใจที่ช่วยส่งเสริมการศึกษาและการแพทย์ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น พร้อมเปิดให้บริการด้านกายวิภาคศาสตร์อย่างครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่กระบวนการรับบริจาคร่างกาย การรักษาสภาพร่างอาจารย์ใหญ่ และการนำร่างอาจารย์ใหญ่มาใช้เพื่อการศึกษาวิจัยในกลุ่มนักศึกษาแพทย์ แพทย์เฉพาะทาง และแพทย์นวัตกร ควบคู่กับการศึกษาด้วยเทคโนโลยีการเรียนการสอนที่ล้ำสมัย เพื่อยกระดับประสิทธิภาพของการศึกษาแพทย์ และเตรียมความพร้อมให้บุคลากรทางการแพทย์ก้าวเข้าสู่ระบบสาธารณสุขในยุคดิจิทัล

‘อาจารย์ใหญ่’ คือผู้ที่อุทิศร่างกายเพื่อเป็นสื่อการเรียนรู้ทางการแพทย์ ซึ่งมีบทบาทสำคัญด้านการศึกษาที่ช่วยให้นักศึกษาแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์เข้าใจถึงโครงสร้างร่างกายของมนุษย์ได้อย่างลึกซึ้ง พร้อมเสริมสร้างทักษะด้าน กายวิภาคศาสตร์ก่อนรักษาผู้ป่วยจริง เพื่อเพิ่มความเชี่ยวชาญในกระบวนการรักษาและลดโอกาสการเกิดข้อผิดพลาดทางการแพทย์ และอาจารย์ใหญ่ยังมีบทบาทด้านการวิจัยเพื่อยกระดับการรักษาพยาบาล ผ่าน การพัฒนาเทคนิคการรักษารูปแบบใหม่ ตลอดจนการทดลองนวัตกรรมทางการแพทย์ เพื่อนำผลลัพธ์ทางการศึกษามาต่อยอดเป็นแนวทางในการรักษาผู้ป่วยต่อไปในอนาคต

อ.ดร. เบญริตา จิตอารี อาจารย์สาขาพรีคลินิก โรงเรียนแพทย์รามาธิบดี กล่าวว่า “อาจารย์ใหญ่เปรียบเสมือน ‘ผู้ให้’ ที่สร้างอนาคตใหม่ทางการแพทย์ได้อย่างไม่สิ้นสุด สำหรับนักศึกษาแพทย์การเข้าใจโครงสร้าง ความสัมพันธ์ และความเชื่อมโยงของแต่ละอวัยวะภายในของมนุษย์ผ่านการศึกษาจากร่างอาจารย์ใหญ่ถือเป็นพื้นฐานสำคัญของวิชาชีพแพทย์ ในวิชามหกายวิภาคศาสตร์ (Gross Anatomy) นักศึกษาแพทย์จะได้ศึกษาจากร่างอาจารย์ใหญ่ควบคู่กับการเรียนรู้ผ่านเทคโนโลยีทันสมัย เพื่อบ่มเพาะองค์ความรู้สู่การต่อยอดการรักษาผู้ป่วยอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป”

อาคารกายวิภาคคลินิกเป็นศูนย์กลางการให้บริการด้านกายวิภาคศาสตร์อย่างครบวงจรแห่งแรกของคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ตั้งอยู่ที่สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ มีบทบาทหน้าที่ครอบคลุมใน 4 มิติ ได้แก่ ด้านการรับบริจาคร่างกายและดูแลร่างอาจารย์ใหญ่จนเสร็จสิ้นพิธีกรรมทางศาสนา ด้านการรักษา-คงสภาพและจัดเก็บร่างอาจารย์ใหญ่ ด้านการบริหารการนำร่างอาจารย์ใหญ่มาใช้เพื่อการศึกษาให้เกิดประโยชน์สูงสุด และด้านการผลิตสื่อการเรียน การสอนที่มีคุณภาพภายในห้องเรียนของอาคารกายวิภาคคลินิกนำเทคโนโลยีการสอนและอุปกรณ์ผ่าตัดทันสมัยเข้ามาช่วยในการศึกษา เพื่อลดความจำเป็นในการใช้ร่างอาจารย์ใหญ่ ในขณะที่ยังสามารถมอบประสบการณ์ที่ใกล้เคียงกับการผ่าตัดจริงในรูปแบบสามมิติ โดยเฉพาะเทคโนโลยีความเป็นจริงเสมือนหรือ Virtual Reality (VR) ที่ช่วยให้สามารถเรียนรู้โครงสร้างร่างกายมนุษย์ได้อย่างละเอียดยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับการศึกษาจากบทเรียนและรูปภาพสองมิติเพียงอย่างเดียว โดยเนื้อหาที่อยู่ภายในระบบนี้ถูกสร้างขึ้นจากข้อมูลจริงของอาจารย์ใหญ่ จัดทำโดยสถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ และถือเป็นแห่งแรกในไทยที่ผลิตเนื้อหาลักษณะนี้ขึ้นเอง รวมถึงมีเครื่องจำลองระบบภาพกายวิภาคเสมือนจริง (Anatomage Table) ที่เอื้อให้สามารถเข้าถึงการเรียนรู้และทบทวนบทเรียนได้ทุกเวลา โดยอาคารแห่งนี้จะมีนักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 2 (ชั้น Pre-clinic) เข้ามาเรียนเฉลี่ยปีละ 220 คน สำหรับแพทย์เฉพาะทางมีห้องผ่าตัดไฮบริด (Hybrid Operating Room) รองรับเทคโนโลยีการวินิจฉัยขั้นสูง ช่วยให้สามารถทำหัตถการที่ซับซ้อนได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น

 

นอกจากบทบาทของอาจารย์ใหญ่ในด้านการเป็นสื่อการเรียนรู้ที่สำคัญ ร่างอาจารย์ใหญ่ยังถูกนำมาใช้เพื่อทดลองและฝึกฝนการใช้นวัตกรรมการแพทย์ล้ำสมัย รวมทั้งสำหรับการฝึกฝนและพัฒนากระกวนการทำหัตถการต่างๆ ทางการแพทย์ เช่น การผ่าตัดเฉพาะทาง ช่วยให้บุคลากรทางการแพทย์เกิดความชำนาญการก่อนนำไปใช้จริงกับผู้ป่วย เพื่อให้สามารถใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย

ปัจจุบัน อาคารกายวิภาคคลินิกได้รับร่างอาจารย์ใหญ่เฉลี่ยเพียง 15 ร่างต่อเดือน จากจำนวนผู้แจ้งความประสงค์บริจาคร่างกายประมาณ 300 คนต่อเดือน ขณะที่จำนวนร่างอาจารย์ใหญ่ที่ถูกนำมาใช้เพื่อการศึกษาอยู่ที่ประมาณ 200 ร่างต่อปี ซึ่งยังไม่เพียงพอต่อความต้องการในการเรียนการสอนและการวิจัยทางการแพทย์ เนื่องจากเทคโนโลยียังไม่สามารถทดแทนการศึกษาจากอาจารย์ใหญ่ได้ทั้งหมด

“กายวิภาคศาสตร์คลินิก โรงเรียนแพทย์รามาธิบดี ศึกษาและปรับเปลี่ยนสูตรของสารที่ใช้คงสภาพอาจารย์ใหญ่อยู่เสมอให้สามารถรักษาสภาพเพื่อให้คงคุณภาพของเนื้อเยื่อที่ใกล้เคียงคนที่ยังมีชีวิตและใช้ในการศึกษาได้ในระยะเวลายาวนานที่สุด รวมทั้งเพื่อให้มีการใช้ร่างอาจารย์ใหญ่ให้เกิดประโยชน์สูงที่สุดก่อนจัดงานพระราชทานเพลิงศพผู้อุทิศร่างกายเพื่อการศึกษา ซึ่งเป็นพิธีที่จัดขึ้นเพื่อแสดงถึงความกตัญญูต่ออาจารย์ใหญ่ที่มอบองค์ความรู้ให้กับนักศึกษา นอกจากนี้ ยังตั้งใจเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการบริจาคร่างกาย เพื่อให้กลุ่มคนรุ่นใหม่เปิดใจกับการบริจาคร่างกายมากขึ้น” อ.ดร. เบญริตา จิตอารี กล่าวปิดท้าย

มูลนิธิรามาธิบดีฯ มุ่งมั่นสนับสนุนพันธกิจด้านการผลิตบุคลากรทางการแพทย์ที่มีศักยภาพอย่างต่อเนื่อง การมอบงบประมาณสนับสนุนอาคารกายวิภาคคลินิก (Clinical Anatomy Building) ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของการปลดล็อกโอกาสทางการศึกษาเพื่อเสริมสร้างความเชี่ยวชาญด้านทักษะทางการแพทย์ พร้อมพัฒนาองค์ความรู้ใหม่ทางกายวิภาคศาสตร์ นำไปสู่การยกระดับวงการแพทย์ไทยในอนาคต ร่วมบริจาคร่างกายเพื่อการศึกษาและวิจัยทางการแพทย์ ได้ที่ อาคาร กายวิภาคทางคลินิก สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ และผู้ที่สนใจบริจาคเงินเพื่อสนับสนุนการสร้างบุคลากรทางการแพทย์รุ่นใหม่ที่มีคุณภาพ ขอเชิญร่วมบริจาคเงินสมทบทุนให้กับโครงการจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ เพื่อสถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ และ โครงการเพื่อผู้ป่วยยากไร้ ได้ที่ มูลนิธิรามาธิบดีฯ www.ramafoundation.or.th

 

มูลนิธิรามาธิบดี ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สานต่อภารกิจแห่ง ‘การให้’ ที่มอบความสุขได้อย่างไม่สิ้นสุด จับมือ ‘Bacon Time’ สโมสรอีสปอร์ตแถวหน้าของประเทศไทย ส่งทีมนักกีฬาอีสปอร์ตแบบจัดเต็มมาโชว์ฟอร์มรูปแบบใหม่กับการสตรีมการกุศล ร่วมกับ คุณหมอจากคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี พร้อมชวนสาวกเกมเมอร์  ร่วมบริจาคเงินให้โครงการอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดี และย่านนวัตกรรมโยธี เพื่อเพิ่มพื้นที่ บวกความหวังให้ประชาชนไทยเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพได้อย่างเท่าเทียม  

สำหรับคนไทยการเล่นเกมเป็นหนึ่งในรูปแบบของความบันเทิงที่ได้รับความนิยมโดยเฉพาะในกลุ่มคนเจเนอเรชั่นใหม่ ด้านอุตสาหกรรมเกมและอีสปอร์ตมีแนวโน้มเติบโตและพัฒนาศักยภาพอย่างต่อเนื่อง นอกจากเกมจะสร้าง ความสนุกสนานและประสบการณใหม่บนโลกออนไลน์ เกมยังกลายมาเป็นโอกาสในการก้าวสู่อาชีพทางเลือกบนโลก ความเป็นจริง ตั้งแต่อาชีพเกมสตรีมเมอร์ (Game Streamer) ไปจนถึงนักกีฬาอีสปอร์ต (E-sports Player) และอาจกล่าวได้ว่าเกมเป็นหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญของการขับเคลื่อนสังคมและเศรษฐกิจไทย ในขณะที่การเพิ่มขึ้นของประชากร เจเนอเรชั่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z ที่กำลังก้าวเข้ามาเป็นกลุ่มที่มีบทบาทสำคัญของการพัฒนาและสร้าง การเปลี่ยนแปลงในอนาคต มูลนิธิรามาธิบดีฯ จึงมองหาโอกาสในการสร้างสรรค์โครงการรูปแบบใหม่เพื่อเข้าถึงกลุ่มคน เจเนอเรชั่นใหม่อยู่เสมอ  

ในปีที่ผ่านมา มูลนิธิรามาธิบดีฯ ประสบความสำเร็จจากการเปิดมิติใหม่ของ ‘การให้’ ผ่านโครงการพิเศษ Rama X Gamers “Fun For Fund” การสตรีมเกมเพื่อการกุศลร่วมกับกลุ่มเกมเมอร์ชื่อดังของไทย และในปีนี้ มูลนิธิรามาธิบดีฯ จึงขยายความร่วมมือกับสโมสรอีสปอร์ตขวัญใจแฟนเกมชาวไทย ‘Bacon Time’ เพื่อต่อยอดโครงการในซีซั่น 2 ด้วยกิจกรรม ‘BAC Clinic #เบคคลินิก’ สตรีมการกุศลที่จะเปลี่ยนนักกีฬาอีสปอร์ต ‘สายบวก’ มาส่ง ‘พลัง +1’ เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีร่วมกันกับมูลนิธิรามาธิบดีฯ โดยการเล่นเกมโชว์พร้อมเปิดช่วงให้แฟนเกมเข้ามารับคำปรึกษาปัญหาเกี่ยวกับการเล่นเกม โดยมีบุคลากรทางการแพทย์จากโรงพยาบาลรามาธิบดี รับหน้าที่ ‘หมอ (กาย)’ และ ‘หมอ (ใจ)’ ร่วมให้คำปรึกษาด้านผลกระทบทางกายและจิตใจที่เกิดจากการเล่นเกม พร้อมให้แนวทางการรับมือเพื่อไขทุกปัญหาควบคู่ไปกับการเสริมสร้างสุขภาวะทางจิตใจที่ดี เพราะมูลนิธิรามาธิบดีฯ ตระหนักถึงปัญหาความเปราะบางของสภาวะทางจิตใจที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ต้องเผชิญ  

 

คุณพรรณสิรี คุณากรไพบูลย์ศิริ ผู้จัดการมูลนิธิรามาธิบดีฯ กล่าวว่า “มูลนิธิรามาธิบดีฯ ยึดมั่นในบทบาท ‘สะพานแห่งการให้’ มาตลอดระยะเวลากว่าครึ่งศตวรรษเพื่อเป็นที่พึ่งให้คนไทยเสมอมา ในปีนี้ มูลนิธิฯ สานต่อโครงการ Rama X Gamers “Fun For Fund”+1 ซีซั่น 2 #RamaFunforFund ผ่านความร่วมมือกับสโมสรอีสปอร์ต ‘Bacon Time’ #RamaxBaconTime ตั้งเป้าหมายประชาสัมพันธ์การระดมทุนโครงการก่อสร้างอาคารแห่งใหม่ของโรงพยาบาลรามาธิบดี ไปยังกลุ่มคนเจเนอเรชั่นใหม่โดยเฉพาะกลุ่มแฟนเกมที่ชื่นชอบในกีฬาอีสปอร์ต พร้อมส่งเสริมให้ผู้เล่นได้สนุกสนานและเพลิดเพลินไปพร้อมกับนักกีฬา ควบคู่ไปกับการสร้างเสริมความรอบรู้เรื่องสุขภาพ (Health Literacy) และสุขภาวะที่ดีทางจิตใจ ซึ่งสอดคล้องไปกับพันธกิจหลักของมูลนิธิรามาธิบดีฯ ในการสร้างสุขภาพที่ดีของคนไทยอย่างยั่งยืน โดย การระดมทุนโครงการอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดีและย่านนวัตกรรมโยธี มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มพื้นที่ เพิ่มโอกาสให้ประชาชนไทยทุกคนเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพได้อย่างทัดเทียมและทั่วถึง”  

 

คุณสุรศักดิ์ วินิจ Co-Founder และ Vice Present of Talents บริษัท Ampverse Digital กล่าวว่า “ทีมเบคอนไทม์ สโมสรกีฬาอีสปอร์ตชั้นนำของประเทศไทย ภายใต้สังกัดแอมป์เวิร์ส (Ampverse) บริษัทผู้ให้บริการด้านธุรกิจเกมมิงและอีสปอร์ตครบวงจรระดับโลก เบคอนไทม์ #ทีมBaconTime มีความยินดีที่จะร่วมเป็นผู้นำของอุตสาหกรรมเกมที่ขับเคลื่อนโครงการ Rama X Gamers “Fun For Fund”+1 ซีซั่น 2 #RamaxBaconTime เพื่อระดมทุนสร้างโรงพยาบาลรามาธิบดีแห่งใหม่ โดยส่งนักกีฬาอีสปอร์ตแบบฟลูทีมมาจัดสตรีมการกุศล ‘BAC Clinic #เบคคลินิก’ ร่วมกับบุคลากรทางการแพทย์จากโรงพยาบาลรามาธิบดี เพื่อมอบความสุขและความสนุกให้แฟนคลับได้อิ่มอกอิ่มใจและอิ่มบุญไปพร้อมกัน ตอกย้ำจุดยืนของเบคอนไทม์กับการเป็นแบรนด์อีสปอร์ต-เอนเตอร์เทนเมนต์ ที่ไม่เพียงนำเสนอเนื้อหา การแข่งขันกีฬาอีสปอร์ตเท่านั้น แต่นำเสนอเนื้อหาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสนุกสนานและสร้างสรรค์ พร้อมเปิดโอกาสให้แฟนคลับเข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างสิ่งที่ดีสู่สังคมร่วมกัน เบคอนไทม์จะยังคงมุ่งมั่นในการส่งเสริมคอมมูนิตี้เกมให้เป็นพื้นที่ของการเล่นเกมที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน ความสร้างสรรค์ และเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน”  

 

ภายในงานแถลงข่าวมีการสาธิตรูปแบบกิจกรรมการระดมทุนในปีนี้ นำโดยนักกีฬาอีสปอร์ต หมูหวาน-เมธาสิทธิ์,  
กายหงิด-วิรัชสัณห์, เต๋าเอ็ก-วรสิทธิ์, คิมเซนเซย์-ศิชฌนะ, เต้-พสุ และ มาร์คกี้-เจษฏาพันธ์ พร้อมด้วย ‘หมอ (กาย)’ ที่จะมาให้คำแนะนำเกี่ยวกับปัญหาทางร่างกาย นพ. ณัฐภัทร ศรีสุวัฒน์ แพทย์ด้านเวชศาสตร์การกีฬา ภาควิชาศัลยกรรมผ่าตัดกระดูกและข้อ และ ‘หมอ (ใจ)’ ที่จะมาให้คำปรึกษาด้านจิตใจ อ.พญ. พิชชาภัสร์ ชินณะราศรี อาจารย์จิตแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี พร้อมชวนแคสต์เกมติดตามกิจกรรม ‘BAC Clinic #เบคคลินิก’ ในวันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2567 ติดจอรอชมไลฟ์ได้ตั้งแต่เวลา 16.00 น. และร่วมบริจาคให้กับโครงการอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดี และย่านนวัตกรรมโยธี เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีสู่สังคมร่วมกัน สามารถติดต่อข้อมูลเพิ่มเติมได้ยูทูป www.youtube.com/@RamaFoundationTH และ https://www.youtube.com/@BaconTime  

 โครงการอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดี และย่านนวัตกรรมโยธี จะทำหน้าที่ครอบคลุมใน 3 มิติ ได้แก่ 1) โรงพยาบาลเพื่อให้บริการทางการแพทย์ที่มีประสิทธิภาพ 2) โรงเรียนแพทย์เพื่อผลิตบุคลากรทางการแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเข้าสู่ระบบสาธารณสุขไทย และ 3) ศูนย์ศึกษาวิจัยเพื่อต่อยอดแนวทางในการรักษารูปแบบใหม่รวมถึงนวัตกรรมทางการแพทย์ โดยคาดการณ์ว่าจะเริ่มก่อสร้างในช่วงต้นปี พ.ศ. 2567 และคาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการประชาชนภายในปี พ.ศ. 2573 โครงการอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดี และย่านนวัตกรรมโยธี ยังคงขาดงบประมาณสำหรับการก่อสร้างประมาณ 6,000 ล้านบาท และงบประมาณสำหรับการจัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์ที่ทันสมัยอีกกว่า 3,000 ล้านบาท ขอเชิญชวนผู้มีจิตศรัทธาร่วมบริจาคเงินสมทบทุนให้กับโครงการอาคารโรงพยาบาลรามาธิบดี และย่านนวัตกรรมโยธี ได้ที่ มูลนิธิรามาธิบดีฯ www.ramafoundation.or.th  

นายกฤษณ์ จันทโนทก ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายตัวแทนประกันชีวิต เอไอเอ ประเทศไทย เป็นตัวแทนมอบเงินบริจาคให้แก่โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลราชวิถี และสถาบันมะเร็งแห่งชาติ

X

Right Click

No right click