December 05, 2025

ในยุคที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับ “คุณภาพชีวิต” มากกว่าปริมาณการใช้จ่ายเพื่อความสุขใจ (Emotional Spending) กลายเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยที่น่าจับตามองในปี 2568 โดยเฉพาะใน 3 หมวดฮีลใจ ได้แก่ หนังสือ สัตว์เลี้ยง และกีฬา-เวลเนส ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการของคนไทยในการดูแลจิตใจ สร้างพื้นที่ส่วนตัว และลงทุนกับสุขภาวะอย่างยั่งยืน สถิติชี้ชัด “Book-Lover” อ่านเฉลี่ยเกือบ 2 ชั่วโมงต่อวัน “Pet Parent” พร้อมจ่ายเพื่อสัตว์เลี้ยงเหมือนสมาชิกครอบครัว และ “Sports Wellness” กลายเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ สะท้อนวิถีชีวิตที่ไม่ได้มุ่งเพียงสิ่งจำเป็น แต่คือการมองหาความสุขเล็กๆ ที่เติมเต็มใจได้ทุกวัน

หนังสือ: อ่านเพื่อเติมใจ พื้นที่สงบในโลกที่วุ่นวาย

แม้โลกดิจิทัลจะเต็มไปด้วยคอนเทนต์สั้นและรวดเร็ว เช่น TikTok หรือ Reels เข้ามามีบทบาท แต่การอ่านยังคงเป็นกิจกรรมที่คนไทยเลือกใช้เพื่อเยียวยาใจ เป็น “พื้นที่สงบใจ” ของคนยุคใหม่ ข้อมูลจากสมาคม ผู้จัดพิมพ์ฯ ปี 2567 ชี้ว่าคนไทยอ่านเฉลี่ย 113 นาทีต่อวัน สวนกระแสความเชื่อว่า “ไม่อ่านหนังสือ” ด้วยสาเหตุหลักคือ ช่องทางการเข้าถึงที่ง่ายและหลากหลายขึ้น ไม่ว่าจะเป็น E-book Audiobook และกระแส “BookTok” ที่ทำให้หนังสือหลายเล่มกลับมาติดอันดับขายดี โดยเฉพาะแนวจิตวิทยา Self-Help และ Spirituality ที่ตอบโจทย์การดูแลสุขภาพจิตในชีวิตประจำวัน

สัตว์เลี้ยง: เปย์เพื่อสมาชิกตัวน้อย สะท้อนโครงสร้างครอบครัวใหม่

ด้วยโครงสร้างครอบครัวไทยเปลี่ยนไป ครัวเรือนเดี่ยวและคนโสดมีจำนวนเพิ่มขึ้น ทำให้ “สัตว์เลี้ยง” ก้าวขึ้นมาเป็นเพื่อนแท้ และสมาชิกครอบครัวที่เจ้าของพร้อมดูแลไม่ต่างจากคนในบ้าน ข้อมูลล่าสุดชี้ตลาดสัตว์เลี้ยงในประเทศไทยปี 2568 มีมูลค่ารวมราว 9 หมื่นล้านบาท และยังเติบโตต่อเนื่องกว่า 10–13% ต่อปี โดยเจ้าของใช้จ่ายเฉลี่ยประมาณ 50,000 บาท/ตัว/ปี ครอบคลุมตั้งแต่อาหาร ของเล่น บริการสุขภาพ และประกันสัตว์เลี้ยง กระแส “Pet Humanization” เจ้าของเลี้ยงสัตว์เสมือนลูก จึงเลือกอาหารพรีเมียม ของเล่นเสริมพัฒนาการ และบริการสุขภาพเฉพาะทาง “Petfluencer” สัตว์เลี้ยงจำนวนมากกลายเป็นดาราโซเชียล สร้างคอนเทนต์และมียอดผู้ติดตามหลักหมื่น–แสน เป็นส่วนผลักดันให้ตลาดสินค้าและบริการสัตว์เลี้ยงให้ก้าวสู่โลกดิจิทัล “บริการครบวงจร” ตั้งแต่ Pet hotel, Pet spa ไปจนถึงประกันสุขภาพสัตว์เลี้ยง เจ้าของยินดีลงทุนเพื่อให้มั่นใจว่าสัตว์เลี้ยงได้รับการดูแลระดับเดียวกับคน ทั้งหมดนี้สะท้อนว่า การใช้จ่ายเพื่อสัตว์เลี้ยงไม่ใช่เพียงค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยอีกต่อไป แต่คือการลงทุนทางใจที่ตอบโจทย์ชีวิตคนยุคใหม่ที่เลือกอยู่เดี่ยว อยู่คู่ หรือสร้างครอบครัวเล็กที่มีสัตว์เลี้ยงเป็นศูนย์กลาง

 

กีฬาและเวลเนส (Wellness): ลงทุนกับสุขภาพกายใจ สร้างพลังชีวิตใหม่

การเปลี่ยนแปลงไลฟ์สไตล์หลังโควิดทำให้คนไทยตระหนักว่าสุขภาพกายใจคือทุนชีวิตที่สำคัญ ตลาดเวลเนสและฟิตเนสในไทยได้รับแรงหนุนจาก 2 ปัจจัยใหญ่คือ “การเข้าถึงง่ายขึ้น” ฟิตเนสแบบรายเดือน คลาสออนไลน์ และ Wellness Retreat ที่เปิดกว้างให้คนทั่วไปเข้าร่วม “Mental Health Awareness” คนไทยหันมาให้ความสำคัญกับสมาธิ การพักผ่อนเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) โยคะ เวิร์กช็อป Mindfulness โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ที่การออกกำลังกายไม่ใช่แค่เรื่องรูปร่าง แต่คือการเติมพลังใจ รวมไปถึง Run Club และ Community การวิ่งมาราธอน การปั่นจักรยาน หรือการเข้าร่วมคลับฟิตเนสเล็กๆ กลุ่มเหล่านี้เติบโตต่อเนื่องไม่เพียงสร้างพื้นที่ให้คนออกกำลังกายร่วมกัน แต่ยังช่วยเสริมพลังของแบรนด์ต่างๆ การสร้างกลุ่มที่เหนียวแน่น สะท้อนให้เห็นว่าการดูแลสุขภาพวันนี้ไม่ได้เป็นเพียงกิจกรรมเดี่ยว แต่เป็นประสบการณ์ร่วมที่สร้างทั้งคุณค่าและมูลค่าในสังคม

การขยายตัวของ “Emotional Spending” ในประเทศไทย ปี 2568 สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างสังคมและพฤติกรรมผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น การอ่านหนังสือ ที่กลายเป็นพื้นที่พักใจและการพัฒนาตนเอง การดูแลสัตว์เลี้ยง ที่สะท้อนบทบาทของครอบครัวเดี่ยวและการเลี้ยงสัตว์เสมือนสมาชิกในบ้าน หรือ การออกกำลังกายและเวลเนส ที่ตอบโจทย์การลงทุนด้านสุขภาวะกายใจ ทั้งหมดนี้แม้จะเป็นตลาดที่มีสัดส่วนไม่ใหญ่เมื่อเทียบกับหมวดสินค้าจำเป็น แต่กลับมีอัตราการเติบโตต่อเนื่องและมีคุณค่าเชิงสังคมที่ชัดเจน

เคทีซีร่วมขับเคลื่อนการตอบสนองต่อเทรนด์ดังกล่าว ด้วยการมอบสิทธิประโยชน์ที่ครอบคลุมทั้ง Book, Pet และ Sports & Wellness ผ่านพันธมิตรหลากหลาย อาทิ ร้านหนังสือชื่อดัง ร้านค้า โรงพยาบาลสัตว์ และบริการสัตว์เลี้ยง ไปจนถึง Community “KTC Sports ตัวจริงเรื่องกีฬา” และ กิจกรรม Burn & Earn Challenge ที่ต่อยอดการออกกำลังกายของสมาชิกเข้าสู่ปีที่ 5 รวมถึงโปรโมชั่นไลฟ์สไตล์สายสุขภาพโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นฟิตเนส เวลเนสคลับ หรือร้านอาหารเพื่อสุขภาพ ตอกย้ำบทบาทของเคทีซีในการเป็นมากกว่าบัตรเครดิต แต่คือการเชื่อมโยงกับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ และสนับสนุนการใช้จ่ายที่มีทั้งคุณค่าและความยั่งยืน

Cr:  บทความจาก KTC 

 

 

 

c

ปี 2025 บริบทสำคัญที่มีอิทธิพลและเป็นปัจจัยหลักที่กำหนดทิศทางอุตสาหกรรมอาหาร และอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ คือ เทรนด์ผู้บริโภคทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นความกังวลด้านสิ่งแวดล้อมที่ทำให้ทั่วโลกต่างมองหาแพ็กเกจจิ้งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน รวมถึงการมาของเทรนด์รักสุขภาพและความเป็นอยู่ดี (Food Wellness) จากการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ หรือแม้แต่ ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ฯลฯ

ในอุตสาหกรรมแพ็กเกจจิ้งสำหรับบรรจุอาหารพร้อมรับประทาน (Ready-To-Eat) และอาหารสัตว์เลี้ยงพรีเมียม (Pet-Food) ซึ่งเป็นคอร์ธุรกิจหลักของ บริษัท เอกา โกลบอล จำกัด (EKA GLOBAL) ผู้นำตลาดนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหาร (Longevity Packaging) ก็เช่นเดียวกัน ผู้บริโภคก็มีแนวโน้มการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่คำนึงถึงสุขอนามัยและความปลอดภัย (Food Safety) และการออกแบบที่สะดวกสะบาย เพื่อทำให้ชีวิตง่ายขึ้น

“เอกา โกลบอล” ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยวิสัยทัศน์ “LIVE A HEALTHIER LIFESTYLE : การกินอยู่อย่างมีสุขภาพที่ดียิ่งขึ้น” ได้มุ่งมั่นคิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคนิวดิจิทัล โดยนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ช่วยยืดอายุอาหาร “เอกา โกลบอล” ออกแบบและผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ช่วยยืดอายุการเก็บรักษาอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยวางไว้นอกตู้เย็นได้นานกว่า 2 ปี พร้อมรักษาคุณภาพของอาหาร คงรสชาติ คงสีสัน และความปลอดภัยทางอาหารตามมาตรฐานระดับสากล

ทั้งนี้ ยังเพิ่มคุณค่าสินค้าให้กับผู้ประกอบ ด้วยโซลูชั่นบรรจุภัณฑ์ที่เชื่อถือได้ตอบโจทย์ความยั่งยืนและตอบโจทย์อุตสาหกรรมอาหารยุคใหม่โดยเฉพาะ

“เรียกได้ว่าบรรจุภัณฑ์ของเอกา โกลบอล ถูกพัฒนามาเพื่ออำนวยความสะดวกให้ชีวิตประจำวันของเราง่ายขึ้น ทั้งยังมีน้ำหนักเบา มีหลากหลายรูปทรงให้เลือกใช้ สามารถเข้าไมโครเวฟได้ เพียงเปิดแล้ว นำเข้าไมโครเวฟ อุ่นให้ร้อน ก็นำมารับประทานได้ทันที เป็นการเพิ่มโอกาสและติดอาวุธให้ธุรกิจ สามารถตอบสนองผู้บริโภคยุคใหม่ และตอบโจทย์ความยั่งยืน โดยสามารถรีไซเคิลได้ 100%” ‘ชัยวัฒน์ นันทิรุจ’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอกา โกลบอล จำกัด (EKA GLOBAL) กล่าวเสริม

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีกลุ่มบรรจุภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อมให้เลือกหลากหลาย ได้แก่ บรรจุภัณฑ์ Bioplastic (PLA) ที่ผลิตจากวัตถุดิบส่วนหนึ่งที่มาจากธรรมชาติ เช่น มันสัมปะหลัง ข้าวโพด หรือ อ้อย เป็นต้น บรรจุภัณฑ์ Biodegradable ที่ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติทั้งหมด และสามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ และบรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากเม็ดพลาสติกรีไซเคิล (PCR) หรือ เรซิน รีไซเคิล ฯลฯ

ทั้งนี้ ผู้ประกอบผู้สนใจสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภค พร้อมยกระดับภาพลักษณ์ธุรกิจให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ และยกระดับธุรกิจสู่มาตรฐานใหม่ระดับโลกด้วย Longevity Packaging ของเอกา โกลบอล บรรจุภัณฑ์อาหารที่ทันสมัยเก็บรักษาคุณภาพความอร่อยได้ยาวนาน ตอบโจทย์ความยั่งยืน และที่มีมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด สะดวกใช้ สามารถเยี่ยมชมบูธ “เอกา โกลบอล” ได้ที่งาน “ProPak Asia 2025” งานแสดงสินค้าและเทคโนโลยีด้านกระบวนการผลิต แปรรูปและบรรจุภัณฑ์อันดับหนึ่งของภูมิภาคเอเชีย ระหว่างวันที่ 11 – 14 มิถุนายน 2568 เวลา 10.00 – 18.00 น. ณ บูธหมายเลข AD65 ฮอลล์ 101 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค หรือ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.eka-global.com สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่เบอร์โทร. 038-574-187

ในงานเสวนา “Paw-ssibilities: The Next Chapter of Pet Industry” จัดโดย เคทีซี หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยพันธมิตรผู้จัดงาน Pet Expo Thailand โรงแรม GO Hotel โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ และบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ฉายภาพเทรนด์และทิศทางการเติบโตของอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงในประเทศไทย ที่มีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะการปรับตัวของธุรกิจต่างๆ เพื่อสอดรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปโดยมองสัตว์เลี้ยงเป็นสมาชิกในครอบครัวและเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโต

นางสาวสิรีรัตน์ คอวนิช ผู้บริหารสูงสุดฝ่ายการตลาดบัตรเครดิต “เคทีซี” กล่าวว่า ในปี2567 การใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีในหมวดสัตว์เลี้ยงมียอดรวมที่ 1,012 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% จากปี 2566 โดยกลุ่มสมาชิกอายุ 30 - 34 ปีมีสัดส่วนการใช้จ่ายเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงมากที่สุดถึง 17% รองลงมาคือกลุ่มสมาชิกอายุ 60 ปีขึ้นไป มีสัดส่วนที่ 16% และสมาชิกทั้ง 2 กลุ่มนี้ยังใช้จ่ายในหมวดดังกล่าวอย่างสม่ำเสมอ สำหรับแนวโน้มปีนี้คาดว่าอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงยังเติบโตต่อเนื่อง โดยเดือนมกราคม – เมษายน 2568 การใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต เคทีซีเติบโตที่ 10% โดยเดือนเมษายนมีการเติบโตถึง 12% ตามปัจจัยฤดูกาลและวันหยุดยาวที่มีความสำคัญในการส่งเสริมการขายสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยง

ข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยงจำนวน 5,009 ราย และมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากความต้องการของผู้บริโภคที่เลี้ยงสัตว์เสมือนสมาชิกในครอบครัวเช่น การทำประกันเพื่อคุ้มครองสัตว์เลี้ยง การดูแลสุขภาพด้วยเทคโนโลยี และสถานที่ที่เป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยง (Pet Friendly)

นางสาวยุภา ดำรงคงวิทยานุกูล ผู้จัดการโครงการ Pet Expo Thailand บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันการจัดงานมหกรรมสัตว์เลี้ยงได้รับความนิยมทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งการจัดงานมีความเฉพาะเจาะจงมากขึ้นเช่น งานที่เน้นสัตว์เลี้ยงบางประเภทหรือบางสายพันธุ์โดยเฉพาะ รวมถึงมีการแบ่งโซนพิเศษเพื่อรองรับความสนใจที่หลากหลายของกลุ่มคนรักสัตว์ สำหรับงาน Pet Expo Thailand 2568 ในปีนี้ คาดว่าจะดึงดูดผู้เข้าชมกว่า 200,000 คน นอกจากนี้กระแสการเลี้ยงสัตว์พิเศษ หรือ Exotic pets จะเพิ่มขึ้นมากกว่า 50% ขณะที่เทรนด์ระดับโลกความต้องการด้านสินค้าอาหาร และบริการสำหรับสัตว์เลี้ยงพิเศษมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียและละตินอเมริกาทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องมีโอกาสขยายตลาดเพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมนี้

นางสาวจตุพร วิไลแก้ว Head of Hotel Asset Management and Operations โรงแรม GO Hotel ในเครือเซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า GO Hotel ได้ปรับกลยุทธ์เพื่อตอบรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปโดยเฉพาะกลุ่ม Gen Y และ Gen Z ที่นิยมเดินทางแบบ Road Trip หรือ Staycation พร้อมสัตว์เลี้ยง จึงได้มีการแบ่งสัดส่วนห้องพักแบบ Pet Friendly 10-15% ของจำนวนห้องพักทั้งหมด พร้อมทั้งเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกเฉพาะ เช่น ชามอาหาร ถุงเก็บมูลสัตว์เลี้ยง ผ้าปูรองนอน และมีพื้นที่สำหรับสัตว์เลี้ยงได้เดินเล่นอย่างปลอดภัย รวมทั้งการอบรมให้ความรู้แก่พนักงานให้เข้าใจถึงความต้องการเฉพาะของเจ้าของสัตว์เลี้ยงเพื่อยกระดับประสบการณ์การเข้าพักของลูกค้าได้อย่างครบวงจร

นางธนัชชา วงษ์เจริญสิน ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจธนาคาร 2 บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากการคาดการณ์ตลาดประกันภัยสัตว์เลี้ยงในประเทศไทยปี 2568 จะมีมูลค่าประมาณ 100 – 200 ล้านบาท และมีแนวโน้มเติบโตเฉลี่ยปีละ15 – 20% ทั้งในแง่มูลค่าตลาดและจำนวนผู้ทำประกัน ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วนเดียวกับเจ้าของสัตว์เลี้ยงทั้งหมด ปัจจัยหลักมาจากการตระหนักถึงค่าใช้จ่ายในการดูแลและรักษาสัตว์เลี้ยงที่สูงขึ้น โดยค่ารักษาพื้นฐาน เช่น การฉีดวัคซีนหรือการตรวจสุขภาพอยู่ที่ 1,000 บาท – 5,000 บาทต่อครั้ง ส่วนการผ่าตัดหรือรักษาเฉพาะทางอาจสูงถึง 10,000 บาท – 50,000 บาท ทำให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงเริ่มมองหาทางเลือกในการบริหารความเสี่ยงผ่านประกันภัย

ทิพยประกันภัย เล็งเห็นโอกาสและความจำเป็นดังกล่าวจึงได้พัฒนาประกันภัยสัตว์เลี้ยงที่ ครอบคลุมการรักษา คุ้มครองชีวิตสัตว์เลี้ยง และความรับผิดต่อบุคคลภายนอก เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย พร้อมสร้างความอุ่นใจให้เจ้าของสัตว์เลี้ยง แนวโน้มนี้ยังส่งผลให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้อง เช่น สถานพยาบาลสำหรับสัตว์เลี้ยง ซึ่งปัจจุบันมีประมาณ 3,000 แห่งทั่วประเทศ มีโอกาสเติบโตตามความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สพ.ญ. นวพร ชวนปรีชา ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและลูกค้าสัมพันธ์ โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ เปิดเผยว่า โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อมีแผนที่จะขยายสาขาไปยังต่างจังหวัด โดยเฉพาะหัวเมืองใหญ่ รวมถึงขยายรูปแบบจากโรงพยาบาลไปเป็นคลินิกขนาดเล็กที่สามารถให้บริการขั้นพื้นฐานสำหรับสัตว์เลี้ยง เพื่อให้ครอบคลุมการให้บริการที่มากยิ่งขึ้น สอดคล้องกับความต้องการและแนวโน้มของประชากรไทยที่เลี้ยงสัตว์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มคนโสด คู่รักไม่มีบุตร และผู้สูงอายุ ซึ่งมองว่าสัตว์เลี้ยงคือสมาชิกที่สำคัญและต้องการให้สัตว์เลี้ยงได้รับการบริการรวมทั้งการดูแลไม่ต่างจากสมาชิกในครอบครัว นอกจากนี้ โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อยังได้นำนวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาดูแลรักษาสัตว์เลี้ยง ได้แก่ การวินิจฉัยด้วยภาพขั้นสูง (MRI, CT Scan) การผ่าตัดผ่านกล้องเพื่อลดการเจ็บปวด เวชศาสตร์เฉพาะบุคคลตามสายพันธุ์ รวมถึงบริการเสริม เช่น กายภาพบำบัด และบริการปรึกษาผ่านช่องทางดิจิทัล

นางสาวสิรีรัตน์กล่าวทิ้งท้าย เคทีซีได้ออกแคมเปญ “All my LOVE is Pet” เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของสมาชิกที่เลี้ยงสัตว์เสมือนสมาชิกในครอบครัว เพียงใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีที่ร้านค้าในหมวดสัตว์เลี้ยงที่ร่วมรายการ รับสิทธิพิเศษดังนี้

1. รับส่วนลดสูงสุด 15% จากร้านค้าสัตว์เลี้ยง และโรงพยาบาลสัตว์เลี้ยงที่ร่วมรายการ

2. แลกรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 15%

· เมื่อมียอดใช้จ่ายต่อเซลส์สลิปต่ำกว่า 2,000 บาท และใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่าย แลกรับเครดิตเงินคืน 12%

· เมื่อมียอดใช้จ่ายต่อเซลส์สลิปตั้งแต่ 2,000 บาทขึ้นไป และใช้คะแนน KTC FOREVER เท่ายอดใช้จ่าย แลกรับเครดิตเงินคืน 15%

3. แบ่งชำระ 0.74% ต่อเดือน นานสูงสุด 10 เดือน เมื่อมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรฯ ตั้งแต่ 3,000 บาท ขึ้นไป ผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ktc.co.th/promotion/pets/pet-accessories/all-my-love-is-pet ทั้งนี้มั่นใจว่ายอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตสำหรับสมาชิกกลุ่มคนรักสัตว์เลี้ยงจะมีส่วนช่วยผลักดันให้ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในปี 2568 เติบโตได้ตามเป้าหมายที่คาดไว้ที่ 10%

หมายเหตุ : บัตรเครดิตใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้ตามกำหนดจะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี

 

แสนสิริ เปิดตัวโครงการใหม่ “พินน์ ศูนย์วิจัย” คอนโดฯพร้อมอยู่โครงการที่ 2 ของ New Brand “พินน์” ที่สุดของความเป็นส่วนตัวเพียง 18 ยูนิต เดินทางสะดวกด้วย MRT BTS และ ARL เน้นห้องเพนท์เฮาส์ขนาดใหญ่ใจกลางเมืองใกล้ รพ.กรุงเทพฯ เพียง 2 นาที พร้อมพื้นที่ Rooftop Garden ลาน BBQ และรองรับที่จอดรถถึง 133% พิเศษ! ดีไซน์ในรูปแบบ Cat Allowed เปิดให้จองห้องจริง ครั้งแรก!! วันที่ 21-22 กันยายนนี้ ราคาเริ่ม 10.9 ล้านบาท* ลงทุนปล่อยเช่า Yield สูงสุด 8%*

นายสมัตถ์คม ต่างวิวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “จากกระแสตอบรับที่ดีของกลุ่มลูกค้าผู้บริโภคที่มีต่อคอนโดมิเนียมแบรนด์ “PYNN (พินน์)” พรีเมียมคอนโดฯ แบรนด์น้องใหม่จากแสนสิริที่เป็น Exclusive Residence ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า Niche Market ได้นำร่องเปิดตัวโครงการแรก พินน์ ปรีดี 20 ที่คาดว่าจะปิดการขาย (Sold out) ได้ในเร็วๆนี้ หลังจากที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเมษายนที่ผ่านมา ปัจจุบันมียอดขายแล้วกว่า 80% พร้อมส่งต่อความสำเร็จให้ “พินน์ ศูนย์วิจัย (PYNN Soonvijai)” โครงการล่าสุดสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ตอบโจทย์ Real Demand ทั้งกลุ่มผู้ซื้อเพื่อลงทุนปล่อยเช่าและซื้อเพื่ออยู่อาศัยที่พร้อม “Pin Your Owned ปักหมุดชีวิตใจกลางเมือง”

พินน์ ศูนย์วิจัย เป็นคอนโดฯ Low Rise สูง 7 ชั้น 1 อาคาร บนเนื้อที่ 200 ตารางวา มูลค่าโครงการรวม 260 ล้านบาท สไตล์ Contemporary Modern ที่ผ่านการตีความใหม่ ผสานความต่างของยุคสมัยไว้ได้อย่างลงตัว ด้วยงานสถาปัตยกรรมที่ลดทอนเส้นสายในอดีตให้ดูเรียบง่ายเกิดเป็นความ Classic ที่ร่วมสมัยรวมถึงฟังก์ชันรองรับการอยู่อาศัยที่คำนึงถึงคุณภาพชีวิตที่ดีในทุกมิติ โดยจุดเด่นของโครงการมีจำนวนยูนิตจำกัดเพียง 18 ยูนิตเท่านั้น! ให้ความเป็นส่วนตัวสูงด้วยจำนวนห้องชุดต่อชั้น 3 ยูนิต เป็นห้องเพนท์เฮาส์ยูนิตใหญ่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้าน มีให้เลือก 2 แบบ คือ 2 Bedrooms ขนาด 86-90 ตารางเมตร จำนวน 12 ยูนิต และแบบ 3 Bedrooms ขนาด 136.75-137.50 ตารางเมตร จำนวน 6 ยูนิต พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกอาทิ Rooftop Garden ลาน BBQ รวมถึงที่จอดรถที่มีให้มากถึง 133% หรือจำนวน 24 คัน พื้นที่เก็บของแยกแต่ละห้อง กระเป๋าเดินทาง และจักรยาน พร้อมดีไซน์พิเศษในรูปแบบ Cat Allowed ให้น้องแมวตัวโปรดอยู่ร่วมกับคุณได้อย่างมีความสุข รวมทั้งระบบรักษาความปลอดภัยสูงสุดตามมาตรฐาน LIV-24 และเทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัยตลอด 24ชั่วโมง

“พินน์ ศูนย์วิจัย มีขนาดเริ่มต้น 86 ตารางเมตร ไปจนถึง 3 Bedrooms ขนาด 137.50 ตารางเมตร ตั้งอยู่บน NEW CBD พระราม 9 แม้จะเป็นทำเลที่มีคอนโดฯ เปิดตัวหลายโครงการ แต่หาคอนโดฯ ที่มีห้องขนาดใหญ่ได้ยากหรือหากมองหาบ้านก็จะมีราคาที่สูงมาก โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของโครงการ คือ กลุ่มคนที่ซื้อลงทุนปล่อยเช่าให้กับชาวต่างชาติที่เดินทางมารับการรักษาที่โรงพยาบาลกรุงเทพฯ โดยส่วนใหญ่มองหาที่พักระยะยาว ได้แก่ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, เอธิโอเปีย, พม่า, ญี่ปุ่น, รัฐเซีย และยุโรป เป็นต้น ส่วนกลุ่มลูกค้าที่ต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองจะเป็นกลุ่มแพทย์ที่ทำงานอยู่โรงพยาบาลกรุงเทพฯ เจ้าของธุรกิจที่มองหาคอนโดฯใจกลางเมืองอยู่ใกล้เอกมัย-ทองหล่อ และกลุ่มผู้ปกครองที่มองหาคอนโดฯ ใกล้โรงเรียนลูก” นายสมัตถ์คม กล่าว

ที่สำคัญ พบว่าหากลูกค้าซื้อห้องชุดเพื่อการลงทุนจะได้รับผลตอบแทนการลงทุนประมาณสูงถึง 8% ในอัตราค่าเช่า 1,000 บาทต่อตารางเมตร หรือประมาณ 86,000-90,000 บาทต่อเดือน สำหรับห้องชุดแบบ 2ห้องนอน ส่วนห้องชุดแบบ 3 ห้องนอน ค่าเช่าจะอยู่ที่ 136,000-137,000 บาทต่อเดือน

พินน์ ศูนย์วิจัย ตั้งอยู่ในซอยศูนย์วิจัย หรือ พระราม 9 ซอย 26 ความสงบใจกลางเมือง ที่เชื่อมต่อ ทองหล่อ - เอกมัย - เพชรบุรี - พระราม 9 พร้อมเดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้าทั้ง MRT BTS และ ARL(Airport Rail Link) ใกล้แหล่งงานโซนออฟฟิศ CBD อโศก และพระราม 9 ครบทุกความสะดวกเดินทางเพียง 2 นาทีจาก รพ.กรุงเทพฯ หนึ่งใน รพ.ที่ดีที่สุดในเอเชีย แปซิฟิค เพียง 5 นาทีจากโรงเรียนนานาชาติ โชรส์เบอรี (Shrewsbury International School) 10 นาที จาก MRT เพชรบุรี และ 15 นาทีจาก BTS ทองหล่อ ใกล้ไลฟ์สไตล์ มอลล์ อาทิ เดอะ คอมมอน ทองหล่อ, ดองกิ มอลล์ ทองหล่อ และ เจ อเวนิว รวมทั้งเซ็นทรัล พระราม 9 ฯลฯ

เคทีซีชี้เทรนด์ดูแลสัตว์เลี้ยงเปรียบเสมือนสมาชิกในครอบครัว (Pet Parent) แรงต่อเนื่อง สะท้อนจากยอดรวมการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีในหมวดสัตว์เลี้ยงช่วงเดือนมกราคม – กรกฎาคม 2567 ที่เติบโตขึ้น 12% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยกลุ่มอายุสมาชิก 55 ปีขึ้นไป มีสัดส่วนใช้จ่ายสูงสุดที่ 28% รองลงมาคือ กลุ่มอายุ 30 – 39 ปี ที่ 25% โดยยอดใช้จ่ายหลักอยู่ที่โรงพยาบาลสัตว์และร้านค้าสัตว์เลี้ยง (Pet Shop) โดยสินค้ายอดนิยม ได้แก่ อาหารสัตว์เลี้ยง ของเล่น อุปกรณ์เสริม ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ รวมถึงเทรนด์เทคโนโลยี แอปพลิเคชันและแพลตฟอร์มออนไลน์ อุปกรณ์ติดตามสุขภาพสัตว์เลี้ยง หรือ เครื่องให้อาหารอัตโนมัติ

นายธีรพจน์ โชคอนันตัง ผู้อำนวยการ การตลาดบัตรเครดิต ‘เคทีซี’ หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากพฤติกรรมของสมาชิกที่ใส่ใจดูแลสัตว์เลี้ยงเปรียบเสมือนสมาชิกในครอบครัว (Pet Parent) เติบโตอย่างต่อเนื่อง เคทีซีจึงได้ออกแคมเปญ ‘Be my Love .. Be my Pet 2024 X Pet Friendly Hotel’ มอบส่วนลดสูงสุด 30% กับร้านค้าสัตว์เลี้ยง โรงพยาบาลสัตว์ชั้นนำและโรงแรม Pet Friendly ที่ร่วมรายการ นอกจากนี้ยังได้จัดกิจกรรม ‘PAW WOW WEEK - TOP SPENDER’ สมาชิกที่มียอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเคทีซีในหมวดสัตว์เลี้ยงสูงสุด (ตั้งแต่ 30,000 บาทขึ้นไป) ในช่วงระหว่างวันที่กำหนดของแต่ละสัปดาห์ (ระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม 2567 ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2567) รับบัตรกำนัลห้องพักโรงแรมฟรี 1 ห้อง 1 คืน พร้อมอาหารเช้า 2 ท่าน โดยโรงแรมที่ร่วมมอบรางวัล ได้แก่ อนันตศิลา บีช รีสอร์ต หัวหิน / อเวย์ บางกอก ริเวอร์ไซด์ คีน / แคสเซีย ภูเก็ต / ซัมเมอร์เซ็ท พัทยา / ไฮแอท รีเจนซี่ เกาะสมุย / ลา มิเนียร่า พูลวิลล่า พัทยา / ระยอง แมริออท รีสอร์ท แอนด์ สปา / เดอะ เภรี โฮเต็ล หัวหิน / อมารี หัวหิน / เดอะ เภรี โฮเต็ล เขาใหญ่ / เรเนซองส์ พัทยา รีสอร์ท แอนด์ สปา / ชามา เย็นอากาศ กรุงเทพฯ / ดุสิต ดี2 หัวหิน / เดอะ สุโขทัย กรุงเทพฯ / เดอะ สแตนดาร์ด หัวหิน และ ทูลานี รีสอร์ท กุยบุรี

สมาชิกที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรม ‘PAW WOW WEEK - TOP SPENDER’ สามารถลงทะเบียนผ่าน 3 ช่องทาง ดังนี้ 1) ผ่านเว็บไซต์ โดยสแกน QR จากสื่อประชาสัมพันธ์ ณ จุดขาย หรือผ่าน ktc.promo/tsp 2) ผ่านSMS พิมพ์ TSP เว้นวรรค ตามด้วยหมายเลขบัตร 16 หลัก ส่งไปยัง 0613845000 (ต้องได้รับข้อความ

ตอบกลับยืนยันการเข้าร่วมรายการจากเคทีซี จึงจะมีสิทธิ์เข้าร่วมรายการ) และ 3) ผ่าน KTC PHONE โทรศัพท์ 02 123 5000

ผู้สนใจสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://www.ktc.co.th/promotion/pets/pet-accessories/bemylove-bemypet  หรือ KTC PHONE โทรศัพท์ 02 123 5000 

 หมายเหตุ : บัตรเครดิตใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนดจะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี

Page 1 of 2
X

Right Click

No right click