เพราะ “ตับ” เปรียบเสมือนหัวใจที่ 2 ของร่างกาย เป็นศูนย์กลางการทำงานของร่างกายและต้องทำงานหนักอยู่ตลอดเวลา หากสุขภาพตับไม่ดี สุขภาพของเราก็จะไม่ดีตามไปด้วย
จากกรณีศึกษาขององค์กรด้านการแพทย์และสุขภาพในปัจจุบัน ค้นพบดัชนีด้านสุขภาพและสุขภาวะของคนไทยที่เปลี่ยนไปและอยู่ในเกณฑ์ที่น่ากังวล ข้อมูลจาก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ระบุว่า “ประชากรไทยกว่า 71 ล้านคน มีผู้ที่ป่วยเป็นไขมันพอกตับโดยไม่รู้ตัว สูงถึง 25-30% หรือราวๆ 1 ใน 3 ของประชากรทั่วประเทศ ส่งผลให้หลายคนต้องเผชิญกับภัยร้ายจากโรคตับ” สอดคล้องกับข้อมูลทางสถิติ โดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. พบว่า “มะเร็งตับ กลายเป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับ 1 ในประเทศไทย และมีอัตราเสียชีวิตสูงถึง 16,000 คนต่อปี” ซึ่งพบว่าผู้ป่วยเหล่านี้มีพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่สนใจต่อ “สุขภาพตับ” ปล่อยให้ตับพังขาดการดูแล อันมาจากหลายปัจจัย เช่น การกินอาหารที่มีไขมันสูง การกินอาหารที่มีรสหวานและน้ำตาลสูง การกินอาหารที่มากเกินความต้องการของร่างกายจนเกิดภาวะอ้วน การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่และได้รับควันบุหรี่มือสองอย่างเป็นประจำ จากลักษณะดังกล่าว คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ได้มีข้อสรุปจากงานวิจัยพบว่า “ผู้ที่เป็นมะเร็งตับ ส่วนใหญ่พบในเพศชายมากกว่าเพศหญิงสูงถึง 2-5 เท่า ซึ่งมาจากการขาดวินัยในการดูแลสุขภาพอย่างจริงจัง”
พญ.ณัฐธิดา ศรีบัวทอง ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบบทางเดินอาหารและตับ ได้แชร์ความรู้เรื่องของสุขภาพตับและระดับอาการของโรคตับที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ “โรคตับเป็นโรคที่พบมากขึ้นกับคนไข้ในปัจจุบัน อาการป่วยที่เกี่ยวกับโรคของตับมีอยู่หลายระดับ ซึ่งผู้ป่วยบางรายแทบไม่รู้ตัว หรือรู้ตัวช้าในตอนที่ร่างกายทรุดหนักแล้ว ซึ่งบางเคสก็อยู่ในเกณฑ์ที่น่าเป็นห่วง โดยคนปกติที่มี ‘สุขภาพตับดี’ ตับจะมีผิวเรียบ สีชมพู และไม่มีแผลเป็น ซึ่งเมื่อมีไขมันสะสมอยู่ในเซลล์ตับ จุดนี้จะถือว่า เข้าสู่ภาวะ ‘ไขมันพอกตับ’ จากนั้น หากยังไม่ดูแลสุขภาพหรือได้รับการรักษา จนมีการอักเสบและก่อให้เกิดพังผืด ไปสู่เนื้อเยื่อตับสูญเสียหน้าที่ถาวร ถือว่าเข้ามาสู่ภาวะ ‘ตับอักเสบ’ และหนักไปกว่านั้น เมื่อตับมีลักษณะขรุขระเต็มไปด้วยปุ่ม เซลล์ตับได้ถูกทำลาย นี่คืออาการของภาวะ ‘ตับแข็ง’ และเคสที่หนักที่สุดคือ ‘มะเร็งตับ’ เซลล์ตับมีการแบ่งตัวและ เพิ่มจำนวนอย่างผิดปกติ ทำให้การรักษาผู้ป่วยนั้นเป็นไปได้ยาก ยิ่งสุขภาพตับพังมากเท่าไหร่ เมื่อได้รับการฟื้นฟูช้า ก็ทำให้การรักษาเป็นสิ่งที่หมอต้องทำการบ้านอย่างหนักมากขึ้น ทางที่ดีอยากให้ผู้ที่มีร่างกายปกติและผู้ที่มีภาวะเสี่ยงต่อการเป็นโรคตับหันมาดูแลสุขภาพของตนเอง รวมถึงหมั่นตรวจสุขภาพร่างกายและตับอย่างเป็นประจำ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อทราบแนวทางดูแลสุขภาพของตนเองให้แข็งแรงยาวนาน”
“นิวทริไลท์” จาก แอมเวย์ ผู้นำตลาดวิตามินและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ดูแลผู้คนทั่วโลกมา 90 ปี ตระหนักและพร้อมผลักดันให้ผู้คนได้มีสุขภาพและสุขภาวะที่ดี ได้เล็งเห็นถึงปัญหาสุขภาพตับของประชากรไทยที่ต้องเผชิญ จึงขอแนะนำวิธีดูแลสุขภาพให้ห่างไกลจากโรคตับภัยร้ายใกล้ตัว มีทั้งหมด 7 ข้อ ดังนี้
1. เลือกรับประทานอาหารที่ดี มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูปและอาหารปรุงแต่ง
2. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
3. หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
4. หลีกเลี่ยงการซื้อยากินเอง รวมถึงอาหารเสริมที่ไม่มีแหล่งที่น่าเชื่อถือมากพอ
5. หลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง อาหารหวาน การกินอาหารที่มากเกินความต้องการของร่างกาย
6. หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการได้รับเชื้อไวรัสตับอักเสบบี และซี โดยการมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย ไม่ใช้เข็มฉีดยาหรือของมีคมร่วมกับผู้อื่น
7. เลือกกินอาหารหรือสารอาหารที่มีส่วนช่วยในการดูแลตับ เช่น ‘สารสกัดจากบรอกโคลี’ ‘สารสกัดจาก ชะเอมเทศ’ และ ‘สารสกัดจากเมล็ดองุ่น’ ที่มีส่วนช่วยกำจัดสารพิษ ช่วยลดการอักเสบและการเกิดพังผืด ช่วยเพิ่มความไวต่ออินซูลินของเซลล์ ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระและปกป้องเซลล์ตับจากการถูกทำลาย รวมถึง ‘เลซิติน’ ซึ่งเป็นสารธรรมชาติที่พบได้ในไข่แดง ถั่ว ถั่วเหลือง นม เมล็ดทานตะวัน ตับ เนื้อสัตว์ บริวเวอร์ยีสต์ และอื่นๆ มีส่วนช่วยในการลดระดับโคเลสเตอรอลในเลือด ลดความดันโลหิต และมีส่วนช่วยในการลดการอักเสบของตับจากไขมันพอกตับได้
ทั้งนี้ การดูแลสุขภาพและสุขภาวะให้เกิดบาลานซ์ที่ดี เริ่มตั้งแต่การใช้ชีวิตประจำวัน การเคลื่อนไหวร่างกาย การออกกำลังกาย การเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ในปริมาณที่เหมาะสม ควบคู่การทานวิตามินหรือผลิตภัณฑ์ เสริมอาหารที่มีคุณภาพและจำเป็นต่อร่างกาย จะทำให้ทุกคนมีร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ ห่างไกลจากโรคร้ายอย่างปัญหาไขมันพอกตับและปัญหาที่มาจากโรคของตับได้ไม่ยาก
จากผลวิจัยล่าสุดพบว่า ผู้หญิงข้ามเพศชาวไทย 98% ต้องการผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ตอบโจทย์ความต้องการของพวกเธอในช่วงการเปลี่ยนแปลง
3 ใน 4 ของผู้หญิงข้ามเพศในประเทศไทย ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงของผิวและความรู้สึกไม่สบายผิว ระดับปานกลางถึงรุนแรง ในช่วงกระบวนการเปลี่ยนแปลง
วาสลีน ประเทศไทย แนะนำครั้งแรก! วาสลีน โปร เดอร์มา ทรานซิชั่น บอดี้ โลชั่น นวัตกรรมที่พัฒนาร่วมกับ ผู้หญิงข้ามเพศ เพื่อผู้หญิงข้ามเพศ ผ่านการทดสอบทางคลินิก
กรุงเทพฯ ประเทศไทย (15 กุมภาพันธ์ 2567) – วาสลีน เชื่อว่าผิวที่สวยงาม คือ ผิวสุขภาพดี สำหรับผู้หญิงข้ามเพศที่กำลังอยู่ในช่วงกระบวนเปลี่ยนผ่านสู่การข้ามเพศ ความสวยงามมีบทบาทสำคัญในเส้นทางของพวกเธอ จากผลวิจัยล่าสุด โดย วาสลีน ผู้หญิงข้ามเพศมากกว่า 9 ใน 10 คน เชื่อว่าการมีผิวพรรณที่น่าพึงพอใจส่งผลต่อความรู้สึกเป็นผู้หญิงและความมั่นใจ
ในตัวเองของพวกเธอเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ดี ผู้หญิงข้ามเพศชาวไทย 98% ยังต้องการผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ตอบโจทย์ความต้องการของพวกเธอในช่วงการเปลี่ยนแปลง
ในฐานะแบรนด์ที่ยืนหยัดเพื่อสุขภาพผิวที่ดีสำหรับทุกคน วาสลีนมุ่งมั่นที่จะดูแลผิวของทุกคน เพราะผิวของทุกคนสำคัญ (No skin ever goes unseen) ด้วยความมุ่งมั่นดังกล่าวนี้ วาสลีน ประเทศไทย ได้เปิดตัวนวัตกรรมล่าสุด วาสลีน โปร เดอร์มา ทรานซิชั่น บอดี้ โลชั่น (Vaseline Pro Derma Transition Body Lotion) ที่ผ่านการทดสอบทางคลินิก และพัฒนาร่วมกับผู้หญิงข้ามเพศ เพื่อผู้หญิงข้ามเพศ เป็นครั้งแรก วาสลีน โปร เดอร์มา ทรานซิชั่น บอดี้ โลชั่น เริ่มวางจำหน่ายเฉพาะที่ร้าน วัตสันทั่วประเทศไทยและช่องทางออนไลน์ ตั้งแต่วันที่ 17 กุมภาพันธ์นี้เป็นต้นไป
3 ใน 4 ของผู้หญิงข้ามเพศในประเทศไทยต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทางผิวหนังและความรู้สึกไม่สบายผิวระดับปานกลางถึงรุนแรงในช่วงระหว่างและหลังกระบวนการข้ามเพศ วาสลีน พัฒนาผลิตภัณฑ์นี้ขึ้นร่วมกับผู้หญิงข้ามเพศ ผ่านการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ในประเทศไทย เพื่อจัดการกับปัญหาผิวที่พบได้บ่อยในช่วงการใช้ฮอร์โมนบำบัด เช่น ผิวไวต่อแสง หมองคล้ำง่าย ผิวระคายเคือง สีผิวไม่สม่ำเสมอ และผิวแพ้ง่าย จากนั้น ผ่านการทดสอบทางคลินิก เพื่อพิสูจน์ประสิทธิภาพในการปรับสมดุล เสริมสร้างความแข็งแรง และเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว พร้อมทั้งเผยผิวดูกระจ่างใส และสุขภาพดีขึ้นอย่างเห็น ได้ชัด
“ที่ยูนิลีเวอร์ เรามุ่งสร้างสังคมที่เปิดรับความแตกต่างหลากหลายและเท่าเทียมมากยิ่งขึ้น ภายใต้วัฒนธรรมที่ทุกคนสามารถประสบความสำเร็จ ได้รับการปฏิบัติด้วยความเคารพและเท่าเทียม และความแตกต่างนั้นได้รับการยอมรับและชื่นชม เพื่อให้บรรลุจุดมุ่งหมายดังกล่าว เราได้ใช้ธุรกิจและศักยภาพของเราเพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกให้เกิดขึ้นภายในองค์กรของเรา รวมไปถึงสังคมโดยรวม” นายเจย์ โก Beauty & Wellbeing Thailand Lead, SEA Head of Customer Strategy & Planning บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด กล่าว
“วาสลีน เรามุ่งมั่นสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เพื่อผิวสำหรับทุกคน ผู้หญิงข้ามเพศมีความต้องการเฉพาะในเรื่องผิวที่ยังไม่ได้รับการตอบสนอง และเรารู้สึกภาคภูมิใจที่ได้คิดค้นโลชั่นบำรุงผิวที่ตอบสนองความต้องการเหล่านี้ของผู้หญิงข้ามเพศ ช่วยให้ผิวพรรณของพวกเธอแลดูสุขภาพดีและเสริมความมั่นใจในตัวเองยิ่งขึ้น” นางสาวสถิรวรรณ เอี่ยมอ่อง ผู้นำฝ่ายพัฒนาตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิวกายและผิวหน้า บริษัท ยูนิลีเวอร์ ไทย เทรดดิ้ง จำกัด
“ผู้หญิงข้ามเพศต้องเผชิญกับความท้าทายหลากหลายด้านในช่วงกระบวนการเปลี่ยนแปลง ผิวพรรณของพวกเธออาจจะแห้งและบอบบางแพ้ง่ายในช่วงเดือนแรกๆ ของการใช้ฮอร์โมนบำบัด อาการเหล่านี้อาจส่งผลกระทบรุนแรงต่อความมั่นใจในสภาพผิวและความรู้สึกมั่นใจในตัวเอง” นพ. วรพล รัตนเลิศ ผู้เชี่ยวชาญด้านการศัลยแพทย์ตกแต่ง ผ่าตัดแปลงเพศชายเป็นหญิง โรงพยาบาลยันฮี กล่าว
“เรารู้สึกดีใจที่ได้เห็นวาสลีนสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวนี้ขึ้นร่วมกับกลุ่มผู้หญิงข้ามเพศ เพื่อผู้หญิงข้ามเพศ ปัจจุบัน พบว่าผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของผู้หญิงข้ามเพศยังมีไม่มากนัก จึงเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ได้เห็นวาสลีนเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงผ่านการเปิดตัวนวัตกรรมใหม่นี้” ซีซ่า ฤทธิวงศ์ รองผู้อำนวยการสำนักสิทธิมนุษยชน ความยั่งยืน และการระดมทรัพยากร สมาคมฟ้าสีรุ้งแห่งประเทศไทย กล่าว
ผลิตภัณฑ์ วาสลีน โปร เดอร์มา ทรานซิชั่น บอดี้ โลชั่น เป็นผลิตภัณฑ์ล่าสุดภายใต้กลุ่มโลชั่นเวชสำอาง วาสลีน โปร เดอร์มา ซึ่งคิดค้นขึ้นเพื่อตอบโจทย์ปัญหาผิวเฉพาะด้านที่ยังไม่ได้รับการตอบสนองของผู้หญิงข้ามเพศในประเทศไทย ตัวผลิตภัณฑ์ได้ผ่านการทดสอบทางคลินิกสำหรับผิวบอบบางแพ้ง่าย โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีกลูต้า-เซราไมด์ และสารแอคทีฟที่ช่วยให้ผู้หญิงข้ามเพศมีผิวสุขภาพดีในช่วงกระบวนการข้ามเพศและหลังกระบวนการข้ามเพศ
จากผลวิจัยพบว่า 90% ของผู้หญิงข้ามเพศต้องเผชิญกับความท้าทายหลายด้านในช่วงกระบวนการเปลี่ยนแปลง เพื่อรับมือกับหลากหลายความกังวลที่เกิดขึ้น ผู้หญิงข้ามเพศกว่า 78% จึงทุ่มเทกับความพยายามด้านความงามเพื่อแสดงออกถึงความเป็นผู้หญิง และการมีผิวสุขภาพดีนั้นเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญ
อย่างไรก็ดี ผู้หญิงข้ามเพศบางครั้งรู้สึกว่าผลิตภัณฑ์ต่างๆ ยังไม่ตอบโจทย์กับทุกความต้องการด้านผิวพรรณของพวกเธอนัก ซึ่งข้อมูลเชิงลึกที่วาสลีนได้รับจากการทำวิจัยร่วมกับผู้หญิงข้ามเพศในประเทศไทยนี้เอง ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ วาสลีน ประเทศไทย ร่วมกับ สุธน เพ็ชรสุวรรณ ผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณามือรางวัล ในการสร้างสรรค์ภาพยนตร์โฆษณาออนไลน์เปิดตัวผลิตภัณฑ์ โดยตัวภาพยนตร์นั้นถ่ายทอดมุมมองของผู้หญิงข้ามเพศคนหนึ่งซึ่งใช้ชีวิตอยู่ในโลกที่ไม่มีอะไรพอดีสำหรับเธอ สะท้อนถึงเส้นทางความท้าทายในแต่ละวันที่ผู้หญิงข้ามเพศต้องเผชิญในช่วงกระบวนการเปลี่ยนแปลง
นอกจากนี้ วาสลีนยังได้จับมือกับยูน – ปัณพัท เตชเมธากุล ศิลปินวาดภาพประกอบหญิงข้ามเพศชาวไทย ในการออกแบบขวดผลิตภัณฑ์วาสลีน โปร เดอร์มา ทรานซิชั่น บอดี้ โลชั่น “เรารู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่คิดค้นขึ้นเพื่อผู้หญิงข้ามเพศโดยเฉพาะ ลวดลายผีเสื้อบนขวดนั้นสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงบวก ที่แสดงออกถึงอิสรภาพและการเฉลิมฉลอง” เธอกล่าว
ที่ผ่านมา วาสลีน เดินหน้ามอบประสบการณ์การดูแลผิวที่เท่าเทียมสำหรับทุกคน ผ่านโครงการต่างๆ อาทิ Vaseline Healing Project ซึ่งเป็นโครงการระดับโลกที่ช่วยให้ชุมชนที่ขาดโอกาสสามารถเข้าถึงการดูแลด้านผิวหนังขั้นพื้นฐานและมอบความรู้เกี่ยวกับการดูแลผิว รวมถึงในประเทศไทย และวาสลีนยังคงมุ่งมั่นสานต่อพันธกิจในการส่งเสริมให้ผู้คนทั่วโลกมีสุขภาพผิวดีขึ้น
สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ วาสลีน โปร เดอร์มา ทรานซิชั่น บอดี้ โลชั่น สามารถเข้าไปที่ facebook.com/VaselineThailand และรับชมภาพยนตร์โฆษณาได้ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์นี้ ที่ช่องทางยูทูบ VaselineThailand
FWD ประกันชีวิต แนะนำแพลตฟอร์มดิจิทัล “Mind Strength Support” บริการเพื่อดูแลสุขภาพทางใจเชิงป้องกัน สะดวก ใช้งานง่าย และมีการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลอย่างปลอดภัย ให้บริการผ่านสื่อรูปแบบต่างๆ อาทิ วิดีโอ ซีรีส์ FWD Mind Master Class ที่ขนทัพนักแสดงชั้นนำร่วมถ่ายทอดเคล็ดลับสร้างความแข็งแกร่งทางใจ พร้อม feature การทำแบบประเมินความแข็งแกร่งทางใจ หรือ เลือกรับคำปรึกษาและคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาได้ในที่เดียวสำหรับลูกค้าทื่ถือแบบประกันสุขภาพ “Mind Strength” พร้อมใช้บริการได้แล้ววันนี้ และฟรี 1 เดือน สำหรับบุคคลทั่วไปที่สนใจใช้บริการแพลตฟอร์ม “Mind Strength Support”
นางสาวอลิสา อารีพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานพัฒนาและนำเสนอผลิตภัณฑ์ บริษัท เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) (“เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต” หรือ “FWD ประกันชีวิต”) กล่าวว่า ด้วยรูปแบบการใช้ชีวิตในแบบปัจจุบัน ทำให้หลายคนต้องรับมือกับสถานการณ์ที่ท้าทายต่างๆ การดูแลสุขภาพใจจึงถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญ FWD ประกันชีวิต เราเข้าถึงและเข้าใจลูกค้า ด้วยหลักการทำงานแบบยึดความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก (Customer-led) เรามุ่งมั่นที่จะพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์และเลือกสรรบริการที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในรูปแบบ Total Solution ที่ดูแลลูกค้ามากกว่าการจ่ายเคลม เพื่อส่งเสริมสุขภาพกายและสุขภาพใจให้แข็งแกร่งไปพร้อมกัน โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เราจึงได้มอบบริการ “Mind Strength Support” แพลตฟอร์มดิจิทัลที่ช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงการบริการสุขภาพทางใจ จากความร่วมมือระหว่างกลุ่มบริษัท FWD และ ThoughtFull ผู้ให้บริการดิจิทัลด้านการดูแลสุขภาพทางใจ ให้แก่ลูกค้าผู้ถือกรรมธรรม์ “Mind Strength” แบบประกันสุขภาพที่มอบความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลด้านจิตเวช หนึ่งในนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ FWD Modular Series นอกจากนี้ยังเปิดโอกาสให้บุคคลทั่วไปที่สนใจสามารถเข้าใช้งานแพลตฟอร์มดังกล่าวโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเป็นเวลา 1 เดือน เริ่มให้บริการตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
“Mind Strength Support” เป็น แพลตฟอร์มที่ใช้งานง่าย สะดวก และปลอดภัยในเรื่องการรักษาข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งประกอบด้วยกิจกรรมบนแพลตฟอร์มสำหรับผู้ใช้บริการ ดังนี้
1) รับชม “เอฟดับบลิวดี มายด์ มาสเตอร์ คลาส” (FWD Mind Master Class) วิดีโอซีรีส์ที่ FWD ได้พัฒนาเนื้อหาร่วมกับผู้เชี่ยวชาญ นำโดย ผศ. นพ.ทรงภูมิ เบญญากร พร้อมนักแสดงชั้นนำ พอลล่า เทเลอร์ เจนสุดา ปานโต สิริสันต์ หน่อง-ธนา ฉัตรบริรักษ์ และคารีสา สปริงเกตต์ มาร่วมถ่ายทอดเคล็ดลับการเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางใจ
2) ทำแบบประเมินความแข็งแกร่งทางใจ โดยหลังจากตอบแบบประเมินจะได้รับคำแนะนำและวิธีการดูแลสุขภาพใจตามระดับคะแนนของตนเอง
3) ปรึกษาและรับคำแนะนำด้านสุขภาพทางใจออนไลน์ จากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตหรือนักจิตวิทยา ผ่านข้อความ หรือวิดีโอคอล โดยลูกค้าผู้ถือกรมธรรม์ Mind Strength สามารถใช้บริการได้ตลอดปีกรมธรรม์ สำหรับผู้ที่สนใจสามารถใช้บริการได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเป็นระยะเวลา 1 เดือน
ลูกค้าผู้ถือกรมธรรม์ Mind Strength รวมถึงลูกค้าเอฟดับบลิวดีและผู้ที่สนใจ สามารถเข้าใช้งานแพลตฟอร์ม Mind Strength Support เพื่อดูแลสุขภาพทางใจได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยสามารถคลิกลิงก์ https://mindstrength.fwd.co.th/
เราสามารถดูแลสุขภาพของเราให้ดีได้ตั้งแต่วันนี้ โดยไม่จำเป็นต้องให้เวลาล่วงเลยไปจนสุขภาพเสื่อมถอยลง ร่างกายที่พร้อมจากสุขภาพที่ดี จะขับเคลื่อนให้เราได้ทำในสิ่งที่รักในทุกวัน และช่วยเติมเต็มชีวิตให้มีความหมาย
ซึ่งการดูแลสุขภาพกล้ามเนื้อให้ดีถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญ เพราะเมื่ออายุเริ่มย่างเข้าวัย 40 ปีจะเริ่มมีภาวะการสูญเสียกล้ามเนื้อเพิ่มมากขึ้นในทุก ๆ ปี และจะเพิ่มสูงขึ้นเกือบสองเท่าเมื่อเข้าสู่วัย 70 ปีขึ้นไป
มวลกล้ามเนื้อและความแข็งแรง: ตัวบ่งชี้สุขภาพที่สำคัญ
จากงานวิจัยเผยว่า มวลกล้ามเนื้อถือเป็นตัวบ่งชี้สุขภาพโดยรวมได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง7,8 และพบว่าผู้ที่มีมวลกล้ามเนื้อน้อยจะได้รับผลกระทบต่อการใช้ชีวิตมากกว่าผู้ที่มีมวลกล้ามเนื้อมาก ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพชีวิตที่แย่ลง ภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัดมากขึ้น การทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายถดถอยลง และอัตราการรอดชีวิตต่ำกว่า9 นอกจากนี้ ยังพบว่ามวลกล้ามเนื้อที่ลดลงมีความสัมพันธ์กับความรุนแรงของโรคอัลไซเมอร์10 ที่มากขึ้น
เพราะอะไรเมื่อมีอายุมากขึ้น การดูแลกล้ามเนื้อให้แข็งแรงจึงทำได้ยากขึ้นไปด้วย
รู้หรือไม่ กว่า 35% ของผู้สูงอายุไทย หรือประมาณ 4 ล้านคน จาก 12.7 ล้านคนของผู้สูงอายุไทย เสี่ยงต่อการหกล้มในแต่ละปี1 จากผลวิจัยพบว่าเราจะเริ่มสูญเสียมวลกล้ามเนื้อเมื่อเข้าสู่ช่วงอายุ 40 ปี และจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และอัตราการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อจะเพิ่มสูงขึ้นเกือบสองเท่าเมื่อเข้าสู่วัย 70 ปีขึ้นไป
นอกจากนั้น 1 ใน 3 ของผู้ใหญ่ที่มีอายุกว่า 50 ปีขึ้นไป มีภาวะมวลกล้ามเนื้อน้อย11 (Sarcopenia) คือสภาวะที่มวลกล้ามเนื้อและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อลดลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็น การเดิน การลุกจากเก้าอี้ การยกข้าวของ หรือการเดินขึ้นบันได้ เป็นต้น
แอ็บบอต หนึ่งในผู้นำด้านการดูแลสุขภาพแถวหน้าระดับโลก ได้มุ่งมั่นในการส่งเสริมการดูแลกล้ามเนื้อแก่คนไทย ผ่านกิจกรรม #Sit2Stand ณ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม 2566 โดยมีผู้สูงอายุเข้าร่วมการทดสอบอายุมวลกล้ามเนื้อกว่า 700 คน โดยกว่า 50% ของผู้เข้าร่วมมีอายุกล้ามเนื้อสูงกว่าอายุจริงของตัวเอง! โดยนอกจากกิจกรรมดังกล่าว แอ๊บบอต ยังต้องการส่งเสริมให้กลุ่มผู้สูงวัยเพิ่มความตระหนักรู้ถึงความสำคัญของสุขภาพกล้ามเนื้อ รวมไปถึงแนวทางในการช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและการดูแลตนเอง เพื่อการเป็นสูงวัยอย่างมีสุขภาพดี เนื่องในวันพิชิตมวลกล้ามเนื้อน้อย (World Sarcopenia Day) อีกด้วย
หมั่นทดสอบอายุกล้ามเนื้อของคุณ
สำหรับใครที่กังวลเกี่ยวกับความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ สามารถทดสอบความแข็งแรงของอายุกล้ามเนื้อของตัวเองได้ง่าย ๆ ด้วยการทดสอบลุกนั่ง 5 ครั้ง และใช้เครื่องคำนวณอายุกล้ามเนื้อ ซึ่งเป็นเครื่องมือง่ายๆ ที่ช่วยประเมินอายุกล้ามเนื้อและทดสอบความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขาได้ แค่ 3 ขั้นตอน
· ขั้นตอนที่ 1: เลือกเก้าอี้ที่มีความมั่งคง โดยมีความสูงจากพื้นถึงที่นั่งราว 43-47 ซม.
· ขั้นตอนที่ 2: เปิดกล้อง และหันหน้าเข้าหากล้อง
· ขั้นตอนที่ 3: กอดอก และทำท่าลุกนั่งให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้จำนวน 5 ครั้ง
โภชนาการที่ดี ช่วยให้มวลกล้ามเนื้อแข็งแรง
โปรตีน: เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายของเราก็ต้องการโปรตีนที่เพิ่มขึ้นไปด้วยเพื่อช่วยในการเสริมสร้างกล้ามเนื้อรวมไปถึงการเพิ่มสมรรถภาพร่างกายโดยรวม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) แนะนำว่าปริมาณโปรตีนที่ผู้สูงอายุควรได้รับ คือ 0.8 ถึง 1 กรัม ต่อ น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ยกตัวอย่างเช่น ถ้าน้ำหนักตัว 60 กิโลกรัม ปริมาณโปรตีนที่ควรได้รับคือ 48 – 60 กรัม ต่อวัน เพื่อกล้ามเนื้อและร่างกายที่แข็งแรง14 โดยเนื้อสัตว์ ปลา ถั่วและธัญพืช รวมถึงโยเกิร์ต ก็เป็นตัวเลือกที่ดีในการเพิ่มโปรตีนให้กับร่างกาย
HMB: เป็นสารอาหารสำคัญที่มาจากกรดอะมิโนลิวซีน พบได้ในกล้ามเนื้อและพบได้ในปริมาณเล็กน้อยในอาหาร เช่น ไข่ไก่ อกไก่ เนื้อวัว อะโวคาโด และกะหล่ำดอกปรุงสุก ซึ่ง HMB ได้รับการพิสูจน์ผ่านงานวิจัยแล้วว่ามีส่วนช่วยเสริมสร้างและชะลอการสลายของมวลกล้ามเนื้อ
จากงานวิจัยพบว่าปริมาณ HMB ที่เหมาะสมที่เราควรได้รับคือ 1.5 กรัมต่อวัน ขณะที่งานวิจัยที่ศึกษาผลของการเสริมโภชนาการแก่ผู้สูงอายุในชุมชนประเทศสิงคโปร์ หรือ SHIELD Study โดยแอ๊บบอต ร่วมกับโรงพยาบาลชางงี เจเนอรัล (Changi General Hospital) และ ซิงเฮลท์โพลีคลินิค (Singhealth Polyclinic) พบว่า อาหารเสริมทางการแพทย์ที่มี HMB เป็น
ส่วนประกอบ มีส่วนช่วยส่งเสริมสุขภาพและโภชนาการที่ดี ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขา ช่วยให้แรงบีบมือเพิ่มขึ้น เส้นรอบวงน่องเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะขาดสารอาหารได้ถึงเกือบสามเท่า และยังส่งเสริมสมรรถภาพทางกายภาพและสุขภาพโดยรวมอีกด้วย
หากแต่การที่จะได้รับ HMB 1.5 กรัม จากอาหารเพียงอย่างเดียวนั้นเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก เนื่องจากเราอาจต้องบริโภคไข่ไก่มากถึง 50 ฟอง เนื้ออกไก่ 7 ชิ้น อะโวคาโดถึง 3,000 ลูก หรือกะหล่ำดอกปรุงสุกถึง 6,500 ถ้วย ดังนั้น นอกจากการรับประทานอาหารหลักให้ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอแล้ว เราควรเสริมมื้ออาหารด้วยอาหารสูตรครบถ้วนที่มี HMB
วิตามินซี: สารอาหารที่มีประโยชน์ในการช่วยส่งเสริมการทำงานตามปกติของระบบภูมิคุ้มกัน ซึ่งเป็นโปรตีนหลักในการสร้างเส้นเอ็นที่ใช้ในการเชื่อมต่อกล้ามเนื้อเข้ากับกระดูก โดยพริกหยวกสีแดงและสีเขียว น้ำส้ม สตรอเบอร์รี่ และกะหล่ำดอกเป็นอาหารที่มีปริมาณวิตามินซีสูง
ซิงค์ หรือสังกะสี: เป็นแร่ธาตุที่มีส่วนสำคัญต่อการสร้างเซลล์ใหม่ ซึ่งรวมถึงเซลล์ภูมิคุ้มกันและเซลล์กล้ามเนื้อ โดยร่างกายของคนเราจะสร้างเซลล์ใหม่ที่พร้อมใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพอยู่อย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการเสริมสร้างการทำงานของเซลล์กล้ามเนื้อด้วย โดยอาหารที่เป็นแหล่งแร่ธาตุดังกล่าว ได้แก่ เนื้อวัว เนื้อหมู อาหารทะเล อย่าง กุ้ง ปู หอยนางรม และเมล็ดฟักทอง เป็นต้น
โรงพยาบาลวิมุต คิกออฟแคมเปญ “ViMUT Healthy 50Plus” สุขภาพในฝันหลังอายุ 50+เชิญชวนคนไทยวัยเก๋าเตรียมความพร้อมในเรื่องสุขภาพ เพื่อก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างมีความสุข พร้อมจัดงาน “Healthy 50Plus Health Fair” เพื่อสร้างสุขภาพในฝันหลังอายุ 50+ ทั้งตระหนักรู้ถึงความสำคัญในการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ รู้เท่าทันโรคภัย พร้อมรับการรักษาได้อย่างทันท่วงที ช่วยลดปัญหาเรื่องการสูญเสีย ลดค่าใช้จ่าย และยกระดับคุณภาพชีวิตของทั้งผู้สูงวัยและสมาชิกในครอบครัว ให้อยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข
กระทรวงสาธารณสุขไทยได้กำหนดให้ปี พ.ศ. 2566 เป็น “ปีแห่งสุขภาพสูงวัยไทย” เพื่อกระตุ้นเตือนให้ทุกคนทราบว่าประเทศของเราจะก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างเต็มรูปแบบในปี พ.ศ. 2572 จากรายงานของศูนย์วิจัยกสิกรไทย (Kasikorn Research Centre) การเปลี่ยนแปลงสัดส่วนประชากรนี้ จะนำมาซึ่งความจำเป็นเร่งด่วนในด้านบริการสาธารณสุขและการสนับสนุนด้านสุขภาพที่ครอบคลุม
รพ.วิมุต จัดงาน Healthy 50Plus Health Fair ขึ้นเพื่อนำเสนอกิจกรรมต่างๆ มากมาย ทั้งการส่งเสริมสุขภาพของผู้สูงวัย การจัดบูธบริการให้คำปรึกษาและตรวจคัดกรองสุขภาพเบื้องต้นแบบไม่เสียค่าใช้จ่าย อาทิ ตรวจวัดความดัน เจาะน้ำตาลปลายนิ้ว, ตรวจวัดลานสายตา, ตรวจวัดความหนาแน่นของกระดูก, ตรวจแสกนเท้า และตรวจวัดมวลไขมันในร่างกายด้วยเครื่อง Inbody (จำกัด 100 สิทธิ์/วัน) สามารถลงทะเบียนล่วงหน้าได้ที่ https://register.vimut.com/healthy-50-plus นอกจากนี้ยังมีการบรรยายสุขภาพในหัวข้อต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงวัยโดยแพทย์เฉพาะทางจากหลากหลายสาขา มาพร้อมกิจกรรมแจกของรางวัล และบูธจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพมากมาย และเอาใจวัยรุ่นยุค 90 ในวันศุกร์ที่ 21 กรกฎาคม เวลา 10.30 น. พบกับ มอส-ปฏิภาณ ปฐวีกานต์ ที่จะมาร่วมสร้างความสุขและพูดคุยเกี่ยวกับสุขภาพของคนวัยเก๋า บอกเลยว่าไม่ควรพลาด!
สำหรับโปรโมชันงาน Healthy 50Plus Health Fair เริ่มจำหน่ายตั้งแต่ 21 ก.ค. – 31 ส.ค. 2566 และสามารถใช้บริการได้ตั้งแต่ 21 ก.ค. – 30 ก.ย. 2566 หรือติดตามข่าวสารจากโรงพยาบาลวิมุตได้ที่เว็บไซต์ www.vimut.com; เฟซบุ๊ก: www.facebook.com/vimuthospital; อินสตาแกรม: vimut_hospital; ไลน์: @vimuthospital หรือโทร. 02-079-0000