December 05, 2025

 บ้านปู เน็กซ์ ผู้ให้บริการ Net Zero Solutions ชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ขยายความร่วมมือกับ ภิรัชบุรีกรุ๊ป ติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปและโซลาร์คาร์พอร์ต ณ ไบเทคบุรี บางนา สานต่อความสำเร็จของการติดตั้งระบบโซลาร์ให้กับซัมเมอร์ ลาซาล ออฟฟิศแคมปัสของภิรัชบุรีกรุ๊ปทั้งสามเฟส การติดตั้งระบบโซลาร์ให้กับคอมมูนิตี้สเปซไบเทคบุรี สะท้อนความมุ่งมั่นของทั้งสองบริษัทที่จะลดการปล่อยคาร์บอนในพื้นที่ศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพมหานครฝั่งตะวันออก โดยระบบโซลาร์ที่ไบเทคบุรี และซัมเมอร์ ลาซาล จะช่วยลดการปล่อย CO2 ประมาณ 3,700 ตันต่อปี ตอกย้ำความมุ่งมั่นสู่เป้าหมาย Net Zero

ย่านบางนาเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจและธุรกิจของกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออกซึ่งกำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วจากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะและเมกะโปรเจกต์ต่างๆ ภิรัชบุรีกรุ๊ปมีบทบาทสำคัญที่ช่วยยกระดับย่านนี้ โดยพลิกโฉมไบเทคบุรี คอมมูนิตี้สเปซชั้นนำที่รวมสถานที่จัดงานนิทรรศการ งานแสดงโชว์ คอนเสิร์ต และศูนย์กลางไลฟ์สไตล์ครบวงจร โดยภิรัชบุรีกรุ๊ปเดินหน้าพัฒนาโครงการและตอกย้ำความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืน ได้ร่วมกับบ้านปู เน็กซ์ ติดตั้งระบบโซลาร์รูฟท็อปและโซลาร์คาร์พอร์ตขนาด 4 เมกะวัตต์ ครอบคลุมพื้นที่ 40,000 ตารางเมตรของไบเทคบุรี นับเป็นการติดตั้งโซลาร์ที่ใหญ่ที่สุดให้กับโครงการของภิรัชบุรีกรุ๊ป และคาดว่าจะช่วยให้ไบเทคบุรี ประหยัดค่าไฟฟ้าได้สูงสุดถึง 20 ล้านบาทต่อปี สะท้อนถึงความไว้วางใจที่ภิรัชบุรีกรุ๊ปมีต่อบ้านปู เน็กซ์ อย่างต่อเนื่องหลังจากติดตั้งระบบโซลาร์ให้กับโครงการซัมเมอร์ ลาซาลทั้งสามเฟสรวม 1 เมกะวัตต์

 

นายสมิทธิพร เศรษฐปราโมทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู เน็กซ์ จำกัด กล่าวว่า “บ้านปู เน็กซ์ เป็นบริษัทลูกของบ้านปู ให้บริการ Net Zero Solutions ที่ช่วยลดการปล่อย CO2 ทั้งสามขอบเขต เราเข้าใจลูกค้าดีว่า โครงการมิกซ์ยูสมีความต้องการใช้พลังงานสูง และจำเป็นต้องมีระบบจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพ จึงนำเสนอบริการแบบครบวงจรตั้งแต่ให้คำปรึกษา ออกแบบ ติดตั้ง และบริการหลังการขาย เพื่อช่วยให้ภิรัชบุรีกรุ๊ปสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ลดค่าไฟฟ้า และบรรลุเป้าหมายการลดคาร์บอนในขอบเขตหนึ่งและขอบเขตสอง โดยเรามีแผนที่จะนำเสนอ Net Zero Solutions เพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนภารกิจด้านความยั่งยืนของไบเทคบุรี ไม่ว่าจะเป็นระบบกักเก็บพลังงานและบริการด้านการจัดการพลังงาน อาทิ ระบบทำความเย็น โดยโซลูชันเหล่านี้สามารถช่วยให้ไบเทคบุรี ใช้พลังงานได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นและช่วยลดการปล่อย CO2 ได้มากขึ้นในอนาคต”

 

นายปิติภัทร บุรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ภิรัชบุรีกรุ๊ป กล่าวว่า “ไบเทคบุรี มุ่งจัดสรรพื้นที่ที่ยั่งยืนและประหยัดพลังงานสำหรับธุรกิจและการจัดงานต่างๆ การติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปกับบ้านปู เน็กซ์ เป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในภารกิจด้านความยั่งยืนของเรา เราเชื่อมั่นว่าความเชี่ยวชาญและโซลูชันล้ำสมัยของบ้านปู เน็กซ์ จะช่วยให้เราบรรลุเป้าหมาย Net Zero ซึ่งไม่เพียงเป็นประโยชน์ต่อพื้นที่ย่านบางนา แต่ยังเสริมสร้างอนาคตที่ยั่งยืนยิ่งขึ้นสำหรับทุกคน”

ความร่วมมือระหว่างบ้านปู เน็กซ์ และภิรัชบุรีกรุ๊ป ในโครงการไบเทคบุรีเป็นบทพิสูจน์ที่สะท้อนว่า Net Zero Solutions สามารถขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงสำคัญให้กับการพัฒนาเมือง โดยการบูรณาการความยั่งยืนเข้ากับการดำเนินธุรกิจหลักของทั้งสองบริษัทตอกย้ำว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจสามารถดำเนินไปพร้อมกับความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมได้ ความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยให้กรุงเทพฯ มีสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้นและยืดหยุ่นมากขึ้น นำไปสู่อนาคตที่ยั่งยืนในท้ายที่สุด

พร้อมจับมือเคนโด้-เกรียงไกรมาศ พิธีกรชื่อดังนั่งแท่นซีอีโอ ดันธุรกิจสู่ผู้นำด้าน CBD ตั้งเป้ายอดขาย 100 ล้านบาท ภายในปี 65 หวังบูเดอโลนมีส่วนเพิ่มรายได้ให้กับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องตั้งต้นน้ำ-ปลายน้ำ

นายพุทธชาติ รังคสิริ (ที่ 2 จากขวา) ประธานกรรมการ บริษัท ทีดับบลิวแซด คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TWZ ร่วมเป็นสักขีพยาน ในการลงนามในสัญญาสนับสนุนการวิจัยเรื่องการศึกษาสภาวะการให้แสงที่เหมาะสมสำหรับปลูกพืชกัญชงในโรงเรือน ระหว่าง นายสกล ปวิตรานนท์ (ที่ 2 จากซ้าย) กรรมการ บริษัท ซีบีดี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (CBD) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ TWZ กับศาสตราจารย์ ดร.หนึ่ง เตียอำรุง (ที่ 3 จากซ้าย) คณบดีสำนักวิชาเทคโนโลยีการเกษตร ในนามมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี (มทส.) ณ โครงการวิจัยและพัฒนากัญชาคุณภาพเพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ มทส. สวนเกษตรเฉลิมพระเกียรติ 50 พรรษา บรมราชกุมารี

สำหรับการวิจัยดังกล่าว จะทำการศึกษาสภาวะการให้แสงที่เหมาะสมสำหรับปลูกพืชกัญชงพันธุ์ Charlotte’s angel เพื่อใช้เป็นตัวแทนในการทดลอง เนื่องจากกัญชงพันธุ์ดังกล่าว สามารถเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว ให้สาร CBD ในปริมาณสูงและสาร THC ในปริมาณต่ำ เหมาะแก่การใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ อีกทั้งพืชกัญชงยังได้รับความสนใจจากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม เช่น กลุ่มเวชภัณฑ์ยา กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารเครื่องดื่มและอาหารเสริม (Super Food) กลุ่มผลิตภัณฑ์กระดาษ กลุ่มผลิตภัณฑ์สิ่งทอเสื้อผ้า เป็นต้น โดยคณะผู้วิจัยมีความสนใจที่จะพัฒนาเทคโนโลยี LED เพื่อการปลูกพืชกัญชงที่ โดยมุ่งเน้นการทดลองหา

อัตราส่วนระหว่างแสงที่เหมาะสมสำหรับปลูกพืชกัญชงในโรงเรือน เพื่อส่งเสริมการปลูกกัญชงในเชิงพาณิชย์และการใช้ประโยชน์ทางการแพทย์อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด โดยมีระยะเวลาในการศึกษาวิจัยรวม 8 เดือน

ทั้งนี้ บริษัท ซีบีดีฯ  ซึ่งบริษัทย่อยในกลุ่มบริษัท TWZ ที่ลงทุนในธุรกิจ กัญชง กัญชา ได้สนับสนุนด้านงบประมาณ รวมถึงอุปกรณ์เทคโนโลยี LED ให้กับ มทส. ในการทำวิจัย ซึ่งผลของการวิจัยสามารถไปเพิ่มผลประโยชน์ต่างๆ มากมายได้จริง โดยบริษัท ซีบีดีฯ และ มทส.จะเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในลิขสิทธิ์ สิทธิบัตรจากการศึกษาวิจัยโครงการนี้ และพร้อมให้บริษัท ซีบีดีฯ เตรียมต่อยอดผลวิจัยออกไปในเชิงพาณิชย์แต่เพียงผู้เดียวในผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี LED ที่จะส่งผลต่อการพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพในการปลูกพืชกัญชงกัญชาในประเทศไทยต่อไป

ปัจจุบัน บริษัท ซีบีดีฯ เป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย อุปกรณ์เทคโนโลยี LED เพื่อการเพาะปลูก กัญชง และกัญชา โดยมีกลุ่มลูกค้าเป็นกลุ่มเกษตรและบริษัทเอกชน ผู้ขออนุญาตผลิต (ปลูก) พืชกัญชง กัญชาเชิงพาณิชย์หรืออุตสาหกรรม กับทาง อย. โดยได้รับอนุญาตแล้ว 1,255 ราย เป็นเนื้อที่รวมกว่า 1 หมื่นไร่มีโอกาสที่จะใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มผลผลิต เบื้องต้นมีผู้ที่สนใจและติดต่อเข้ามาเพื่อขอซื้อแล้ว โดยบริษัท ซีบีดีฯ สามารถรับรู้รายได้ได้ทันทีในไตรมาสแรกของปี 2565 เป็นเงิน 50 ล้านบาท และบริษัทฯ ได้ตั้งเป้ายอดขาย อุปกรณ์เทคโนโลยี LED  ไม่น้อยกว่า 10,000 ชุด ในปี 2565 รวมเป็นมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท พร้อมกับเดินหน้าพัฒนาความร่วมมือกับผู้ผลิตตั้งโรงงานในประเทศไทยในอนาคต

X

Right Click

No right click