นายสุนทร จักษุกรรฐ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพีเอฟ เรสเทอรองท์ แอนด์ ฟู้ดเชน จำกัด เปิดเผยว่า “ธุรกิจห้าดาว” (Five Star) ประกาศปรับลดราคาจำหน่ายสินค้า Five Star ถาวรหลายรายการ มาตั้งแต่วันที่ 12 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เพื่อเพิ่มความคุ้มค่าให้กับผู้บริโภค โดยโครงสร้างราคาใหม่นี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่ออัตรากำไรเดิมของเถ้าแก่แฟรนไชส์ หากแต่เป็นการช่วยกระตุ้นผู้บริโภคซื้อสินค้าห้าดาวมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าขายดียอดนิยมของห้าดาว หลายรายการ อาทิ ไก่ย่างทุกสูตร ไก่ทอด ไก่กรอบ และไก่จ๊อทุกเมนู ส่งผลให้เถ้าแก่ห้าดาวสามารถจำหน่ายสินค้าได้เพิ่มขึ้น จนได้กำไรที่มากกว่าเดิม

“ห้าดาวให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ในการกับการพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ รสชาติ และความคุ้มค่า เพื่อประโยชน์ของผู้บริโภคมาโดยตลอด ซึ่งเป็นเป้าหมายร่วมกันของครอบครัวห้าดาว ที่บริษัทฯ และแฟรนไชส์ มุ่งขับเคลื่อนมาอย่างต่อเนื่องตลอด 40 ปี เพื่อเดินหน้าการสร้างโอกาสแก่เถ้าแก่ห้าดาว เติบโตบนเส้นทางธุรกิจไปด้วยกันอย่างมั่นคง ควบคู่กับการสร้างแหล่งอาหารให้กับชุมชนและผู้บริโภคอย่างยั่งยืน” นายสุนทร กล่าว

ธุรกิจห้าดาว ยึดหลักการสร้างคุณค่าภายใต้ 3 ประโยชน์ คือ ประโยชน์แรก ประชาชนที่ได้รับประทานอาหารที่ดี มีคุณภาพ ในราคาคุ้มค่าเข้าถึงได้ เหมาะกับสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน ประโยชน์ต่อมา คือเถ้าแก่ในฐานะคู่ค้าที่แข็งแกร่ง ที่ต้องได้รับประโยชน์จากการจำหน่ายสินค้าได้มากขึ้น มีกำไรเพิ่มขึ้น โดยห้าดาวไม่เคยลดกำไรของผู้ประกอบการแม้ในช่วงเวลา Promotion ก็ตาม ตอกย้ำการมุ่งสร้างงานสร้างอาชีพและสร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับผู้ประกอบการ และสุดท้ายประโยชน์จึงจะส่งต่อมาถึงบริษัทฯ

บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ได้รับประกาศนียบัตรเครื่องหมายรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์ผลิตภัณฑ์ (Carbon Footprint of Product: CFP) ประจำไตรมาสแรกของปี 2567  จำนวน 584 รายการ จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. โดยมี นายเกียรติชาย ไมตรีวงษ์ ผู้อำนวยการ อบก.เป็นประธานในพิธีมอบประกาศนีบัตรรับรองฯ ตอกย้ำความุ่งมั่นพัฒนาผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำ (CP Low-carbon Products) เพื่อส่งมอบสู่ผู้บริโภคมีส่วนร่วมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไปด้วยกัน  

ผลิตภัณฑ์ของซีพีเอฟทั้ง 584 รายการ ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์บกทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ รวมเป็นจำนวน 523 รายการ อาทิ อาหารสุกรขุน ไฮโกร 591, อาหารไก่เนื้อ ไฮโปรไวท์ 510 รวมทั้งเมล็ดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์  กลุ่มผลิตภัณฑ์เป็ด มีทั้งผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการต่ออายุฉลาก และได้รับการขึ้นทะเบียนสินค้าที่ได้รับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์ อาทิ เป็ดปรุงสุก ผลิตภัณฑ์เป็ดพะโล้ รวมจำนวน 20 รายการ ยกตัวอย่าง เนื้อเป็ดย่างเครื่องเทศสไตส์ฮ่องกง ตราซีพี, เป็ดต้มทอดเลาะกระดูกแช่แข็ง ตราซีพี เป็นต้น ผลิตภัณฑ์ไก่ปรุงสุก 1 รายการ ได้แก่ เนื้ออกไก่หั่นเต๋าอบ ตราคิทเช่นจอย ผลิตภัณฑ์ของสายธุรกิจสัตว์น้้ำ มีผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองตลอดห่วงโซ่อุปทานตั้งแต่อาหารกุ้งจนถึงผลิตภัณฑ์แปรรูป รวมจำนวน 40 รายการ อาทิ อาหารกุ้งขาว บลังก้า พลัส,จุลินทรีย์ ไบโอติก,กุ้งขาวแวนนาไมสด,เกี๊ยวกุ้งจักรพรรดิ ตราซีพี ฯลฯ

สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ได้รับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์จากอบก. เป็นการประเมินปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาจากผลิตภัณฑ์แต่ละหน่วย ตลอดวัฎจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่การได้มาซึ่งวัตถุดิบ กระบวนการผลิต การประกอบชิ้นงาน การกระจายสินค้า การใช้งาน และการจัดการซากบรรจุภัณฑ์หลังของเสียหลังหมดอายุการใช้งาน รวมถึงการขนส่งที่เกี่ยวข้อง โดยคำนวณออกมาในรูปของ กรัม, กิโลกรัม หรือตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า สะท้อนความมุ่งมั่นในการผลิตสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ส่งมอบผลิตภัณฑ์คาร์บอนฯต่ำ (CPF low-carbon products) ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน มุ่งสู่เป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero) เป็นทางเลือกสำหรับผู้บริโภคในการมีส่วนร่วมบริหารจัดการและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยสังเกตได้จากฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์บนผลิตภัณฑ์ 

ซีพีเอฟ ให้ความสำคัญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำ โดยประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่ปี 2552  ตามหลักการประเมินวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์ตามมาตรฐาน ISO 14040 ,ISO 14044 และISO 14067  ซึ่งจนถึงปัจจุบัน มีผลิตภัณฑ์ของซีพีเอฟที่ได้รับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์ 880 รายการ และในปี 2024 มีแผนเพิ่มผลิตภัณฑ์กลุ่มเนื้อหมูชีวา แบรนด์ยูฟาร์ม เพื่อขึ้นทะเบียนรับรองการได้รับฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ นอกเหนือจากเนื้อหมูซีพี และหมูซีพี คุโรบุตะที่ได้รับรองไปก่อนหน้านี้แล้ว  รวมทั้งในปีนี้ จะนำกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทาน ขึ้นทะเบียนรับรองฉลากคาร์บอนฟุตพริ้นท์ด้วยเช่นกัน

นายสุนทร จักษุกรรฐ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพีเอฟ เรสเทอรองท์ แอนด์ ฟู้ดเชน จำกัด เปิด เผยว่า "ธุรกิจห้าดาว" (Five Star) สานฝันผู้ประกอบการมีธุรกิจเป็นของตัวเอง มุ่งสร้างงานสร้างอาชีพและสร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับผู้ประกอบการ มาตลอด 40 ปี ปัจจุบันมีแฟรนไชส์กว่า 5,000 รายในประเทศไทย และอีก 3,500 รายในต่างประเทศ ตั้งเป้าปี 2567 ขยายความสำเร็จเป็น 11,500 ราย ใน 10 ประเทศ โดยมุ่งเน้นการสานต่อความสำเร็จ สร้างเถ้าแก่ที่เข้มแข็งมีคุณภาพ ส่งต่ออาหารคุณภาพปลอดภัยสู่ผู้บริโภค โดยมีบริษัทฯ เป็น “เพื่อนแท้ทางธุรกิจ” ที่ช่วยสนับสนุนในทุกๆด้าน ช่วยสร้างโอกาสที่จับต้องได้ บนพื้นฐานความน่าเชื่อถือในการดำเนินธุรกิจของห้าดาวที่มีมาอย่างยาวนาน ด้วยกลยุทธ์ที่โดดเด่น ซึ่งสามารถตอบโจทย์ผู้ประกอบการเป็นเถ้าแก่ที่มีการเติบโตทางธุรกิจอย่างมั่นคง

“ตลอดการดำเนินงาน 40 ปี ธุรกิจห้าดาวมุ่งมั่นสร้างอาชีพ ให้ผู้ประกอบการมีโอกาสเติบโตบนเส้นทางธุรกิจไปด้วยกันอย่างมั่นคงและยั่งยืน จากระบบบริหารจัดการแบบครบวงจร ที่ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเริ่มต้นธุรกิจได้อย่างมืออาชีพ โดยมีบริษัทฯ เป็นทีมหลังบ้านที่แข็งแกร่ง ด้วยการลงทุนที่ต่ำกว่าในอุตสาหกรรมใกล้เคียงกัน จึงลดความเสี่ยงของผู้ลงทุน ทำให้สามารถคืนทุนได้ในเวลาอันรวดเร็ว เป็นการสร้างอาชีพและรายได้ที่แน่นอน ช่วยสร้างงานให้กับคนในชุมชน เป็นส่วนสำคัญในการสร้างความมั่นคงทางอาหาร ส่งมอบอาหารปลอดภัยให้กับผู้บริโภค และมีส่วนร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปด้วยกัน” นายสุนทร กล่าว

ธุรกิจห้าดาว เป็นธุรกิจจุดจำหน่ายอาหารในรูปแบบแฟรนไชส์สัญชาติไทย ดำเนินการภายใต้ บริษัท ซีพีเอฟเรสเทอรองท์ แอนด์ ฟู้ดเชน จำกัด บริษัทย่อยของ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ปัจจุบันธุรกิจห้าดาวมีแฟรนไชส์จำหน่ายอาหารหลากหลาย ตั้งแต่ ซุ้มไก่ย่าง-ไก่ทอดห้าดาว กระทะเหล็ก Hi Pork เป็ดเจ้าสัว ข้าวมันไก่ไห่หนาน และ STAR COFFEE และยังคงเดินหน้าพัฒนารูปแบบร้านให้มีความเหมาะสมกับพื้นที่ และสอดคล้องกับความต้องการของผู้ประกอบการ ทั้งรูปแบบ Five Star Glass House และ Five Star Shop

นอกจากนี้ ยังสนับสนุนการทำ Food Delivery สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค โดยเฉพาะการใช้จ่ายผ่าน TrueMoney Wallet ที่ช่วยอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าในยุคของสังคมไร้เงินสด (Cashless Society) ที่สำคัญยังมีทีมงานเข้าตรวจสอบคุณภาพมาตรฐาน QSC และประเมินการรักษามาตรฐานของร้านอยู่เสมอ ตอกย้ำภาพลักษณ์การเป็นเจ้าของธุรกิจอาหารที่ผู้บริโภคเชื่อมั่นด้านคุณภาพ ความปลอดภัยของสินค้า และมีความเป็นเลิศในการบริการ

บุชเชอร์ (BUCHER) แบรนด์ไส้กรอกพรีเมียมอันดับหนึ่งของไทย ในกลุ่มบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ร่วมกับ ร้านอาหาร Potong Fine Dining ที่ได้รับมิชลินสตาร์ การันตีความอร่อย โดย 'เชฟแพม-พิชญา อุทารธรรม' จัดกิจกรรม 'The Exclusive Fine Dinning by Chef Pam' เปิดประมูลบัตรรับประทานอาหารการกุศล โดยรายได้ทั้งหมดไม่หักค่าใช้จ่าย มอบให้ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อสมทบทุนปรับปรุงห้องผ่าตัดและสร้างอาคารหอผู้ป่วยใน ภายใต้โครงการ “ได้โอกาส ให้โอกาส”

สำหรับ การเปิดประสบการณ์เหนือระดับ แบบ Exclusive Fine Dining สุดหรู โดย 'เชฟแพม' จะรังสรรค์เมนูพิเศษจากวัตถุดิบพรีเมียมยอดนิยมของบุชเชอร์ อย่าง 'ไส้กรอกอกหมูชีส กลิ่นทรัฟเฟิล' ไส้กรอกหมูบดหยาบหนังกรอบ สอดไส้ชีสกลิ่นทรัฟเฟิลนำเข้าจากเยอรมนี และ 'ไส้กรอกหมูคูโรบูตะ กลิ่นชาร์โคลกริลล์' ที่ทำจากเนื้อหมูคูโรบูตะบดหยาบคัดสรรพิเศษ เนื้อนุ่มฉ่ำ หอมกลิ่นย่างถ่านชาร์โคลเป็นเอกลักษณ์ ผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมกิจกรรมประมูลบัตรรับประทานอาหาร 8 ที่นั่ง (Charity Seat) ณ ร้านโพทง (Potong) ได้ตั้งแต่วันนี้ – 30 เมษายน 2567 ทาง www.Bucherxpotong.com 

ทั้งนี้ ยังร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการให้โอกาส ด้วยการบริจาคสมทบทุน 'ปรับปรุงห้องผ่าตัด และสร้างอาคารหอผู้ป่วยใน' ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก ธนาคารกรุงเทพ เลขที่ 901-7-05611-1 ชื่อบัญชี ศิริราชมูลนิธิ สร้างอาคารส่วนขยายศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก กองทุน สร้างอาคารส่วนขยายศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก ระยะที่ 2 (ลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า ตามกรมสรรพากรกำหนด) เว็บไซต์ : https://www.gj.mahidol.ac.th/main/donation

หนุนคู่ค้าธุรกิจสร้างห่วงโซ่อุปทานอาหารที่ยั่งยืน

Page 1 of 47
X

Right Click

No right click