“ผ้าทอมือ” ในสายตาของคนรุ่นใหม่ มีน้อยคนนักที่จะเลือกหยิบมาสวมใส่ในชีวิตประจำวัน และนั่นคือภารกิจ ท้าทายครั้งสำคัญที่ ดอยตุง (DoiTung) มุ่งมั่นจะก้าวข้ามให้สำเร็จ
พร้อมกับฉีกกฎเกณฑ์ของผ้าทอไทยให้หลุดจากภาพจำเดิมๆ เพื่อพลิกนิยามของงานหัตถกรรมฝีมือที่เต็มไปด้วยคุณค่าและเรื่องราวนี้ให้กลายเป็นไอเทมแฟชั่นที่จับต้องได้ สามารถนำมามิกซ์แอนด์แมทช์ได้อย่างสนุกกับทุกลุค ทุกโอกาส ด้วยลวดลาย รูปทรง และลูกเล่นฟังก์ชั่นต่างๆ ที่แบรนด์ตั้งใจออกแบบให้เป็นเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร ทั้งยังสะท้อนตัวตนของผู้สวมใส่ให้ออกมามีเสน่ห์สะดุดตา โดยล่าสุดได้เปิดตัวไลน์เสื้อผ้า “Everyday” คอลเลคชั่นใหม่ Autumn/Winter 2023 เพื่อตอกย้ำจุดยืนและความตั้งใจที่จะเปลี่ยนมุมมองรวมถึงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีต่อผ้าทอมือไทยอย่างเป็นรูปธรรม
ตลอดการเดินทางกว่าสามทศวรรษที่ผ่านมา แบรนด์ดอยตุงได้ยืนหยัดในฐานะธุรกิจเพื่อสังคมภายใต้การดำเนินงานของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยสินค้าดอยตุงในหมวดเสื้อผ้าและหัตถกรรมมีบทบาทเป็นกำลังสำคัญในการผลักดันอุตสาหกรรมผ้าทอไทยให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายทั้งภายในประเทศและทั่วทุกมุมโลก พร้อมกันกับที่แบรนด์มุ่งหวังจะเป็น “An Enterprise For A Better World” หรือธุรกิจที่ทำให้โลกดีขึ้น ด้วยโจทย์ตั้งต้นง่ายๆ ว่า “ชาวบ้านได้อะไร สังคมได้อะไร และสิ่งแวดล้อมได้อะไร”
นอกเหนือจากการฝึกฝนทักษะอาชีพเพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคงและคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ชุมชนชาวเขาแล้ว ดอยตุงยังตั้งปณิธานที่จะลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้ได้ในทุกกระบวนการ ในฐานะแบรนด์ที่มีความรับผิดชอบต่อผลประโยชน์ของส่วนรวม โดยยึดหลักการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมจำกัดการใช้สารเคมีให้น้อยที่สุด และใช้วัตถุดิบอย่างคุ้มค่าเพื่อไม่ให้มีส่วนใดเหลือทิ้ง (Zero Waste) ด้วยวิธีการลด (Reduce) การใช้ซ้ำ (Reuse) การซ่อมแซม (Repair) การแปรรูปนำมาใช้ใหม่ (Recycle) ตลอดจนการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับวัสดุเหลือใช้ (Upcycle) จนได้รับการการันตีด้วยรางวัล Design Excellence Award หรือ DEmark จากสำนักส่งเสริมนวัตกรรมและสร้างมูลค่าเพิ่มเพื่อการค้า กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ในประเภทกลุ่มสินค้าไลฟ์สไตล์ กลุ่มความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมผลิตภัณฑ์แฟชั่นเครื่องแต่งกาย และกลุ่มออกแบบบรรจุภัณฑ์ มาแล้วกว่า 5 สมัยติดต่อกัน
จากเดิมทีที่ผ้าทอมือเป็นภูมิปัญญาเก่าแก่และวิถีชีวิตของชุมชนที่ดอยตุงได้รับการสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นมาหลายชั่วอายุคน วันนี้ ดอยตุงเลือกที่จะขับเคลื่อนการเติบโตของแบรนด์ไปสู่อีกขั้น และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ให้กับผลิตภัณฑ์ โดยลุกขึ้นมาจับมือกับ ดีไซเนอร์รุ่นใหม่เพื่อปรับปรุงเทคนิคในการผลิตและพัฒนาเส้นใยด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย พร้อมทั้งบูรณาการ Creative Design การออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ โดยถ่ายทอดแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ เรื่องราวของผู้คน และวัฒนธรรมอันหลากหลายแห่งชนเผ่า เข้าไปผสมกับความคลาสสิกดั้งเดิมตามธรรมชาติของผ้าทอมือ จนสามารถคิดค้นออกมาเป็นวัสดุผ้าทอมือที่มีความร่วมสมัย และในขณะเดียวกันก็ยังคงความเป็นงานแฮนด์เมดที่รังสรรค์อย่างประณีตและพิถีพิถันในทุกกระบวนการจากช่างฝีมือของดอยตุง นับตั้งแต่การเลือกเส้นด้ายเพื่อให้ได้วัสดุที่บางเบา สวมใส่สบาย ไปจนถึงการย้อมสี
การถักทอไล่เฉดสีและลวดลายให้สวยงาม เรียกได้ว่าทุกตารางนิ้วของเนื้อผ้าทอมือดอยตุงคืองานหัตถกรรมชิ้นเอกที่เต็มไปด้วยรายละเอียดและเรื่องราวให้ค้นหา
ปัจจุบันสินค้าแฟชั่นแบรนด์ดอยตุงแบ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์ออกเป็น 2 ไลน์ ได้แก่ ไลน์ “Classic” ซึ่งเป็นที่ติดตลาดมาแล้วเป็นเวลานาน โดยมีกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นผู้ที่รักและชื่นชอบผ้าทอมือไทย และ ไลน์ “Everyday” ซึ่งปัจจุบันได้รับความนิยมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในบรรดากลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีความเป็นตัวของตัวเอง เน้นมองหาเสื้อผ้าที่ใส่ได้ทุกวัน แพทเทิร์นไม่จำเจ รวมถึงกลุ่มผู้บริโภคที่เล็งเห็นถึงคุณค่าของงานฝีมือที่มาจากใจมากกว่าการสวมใส่ผลิตภัณฑ์ที่เป็น Fast Fashion
สำหรับคอลเล็กชั่น Autumn/Winter 2023 ซึ่งเป็นคอลเล็กชั่นล่าสุด ได้รับการรังสรรค์ขึ้นภายใต้แนวคิด “The Extraordinary Ordinary” ประกอบด้วยสินค้าที่เป็นเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย (Ready-to-wear) กระเป๋า และปลอกหมอนอิง ซึ่งเน้นโทนสีน้ำเงิน ขาว ดำ เป็นหลัก พร้อมกับสอดแทรกดีเทลที่น่าสนใจเข้าไปในแต่ละชิ้น อาทิ การจับคู่สีพื้นเข้ากับเส้นสายหลากสีสัน การนำเอาลวดลายของผ้าประจำถิ่นชาวเขามาช่วยเสริมเป็นกิมมิค และการแต่งแต้มด้วยลวดลายที่เกิดจากเทคนิคการทอ จนเกิดเป็นลุคเรียบง่ายแต่มีความเก๋ที่ลงตัวตรงตามคอนเซ็ปต์ ทั้งนี้ ไอเทมในคอลเล็กชั่นมาพร้อมกับคัตติ้งที่เนี้ยบ แต่ยังให้ลุคที่ดูสบายๆ สามารถใส่ได้นานและหลากหลายโอกาส โดยทุกชิ้นตัดเย็บด้วยผ้าทอมือที่ผลิตจากเส้นใยธรรมชาติและพลาสติก รีไซเคิล ซึ่งยังคงจุดเด่นของแบรนด์ดอยตุงไว้ นั่นคือวิธีการทอแบบดั้งเดิมโดยใช้กี่กระตุก
ไอเทมที่เป็นไฮไลต์ของคอลเล็กชั่น “The Extraordinary Ordinary” ได้แก่ เสื้อครอปผ้าทอมือสีน้ำเงินแต่งฮู้ด ทรงสวยเหมาะกับสาวออฟฟิศที่ต้องการสร้างความโดดไม่ซ้ำใครให้ชีวิตในวันทำงาน กางเกงขาสั้นแต่งระบายและเชือกผูกที่ให้ลุคทะมัดทะแมงแฝงความเก๋ไม่ซ้ำใครด้วยขาข้างหนึ่งที่ใช้เทคนิคการทอลวดลาย กางเกงทรงม้งผ้ายืดใส่สบายที่เพิ่มลูกเล่นให้กับปลายขากางเกง สามารถแมทช์คู่กับรองเท้าบู๊ตได้อย่างเข้ากัน เสื้อคลุมตัวนอกที่ทอด้วยเส้นใยสีเข้มตัดกับลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์ของผ้าทอไทย ดูสวยแปลกตาแต่เข้ากันได้อย่างลงตัว ตลอดจนอีกหนึ่งไฮไลต์อย่างการ Collaboration ร่วมกับ แบรนด์ R2R ซึ่งเป็นธุรกิจเพื่อสังคมจากฟิลิปปินส์ ในการรังสรรค์กระเป๋า Multi-way Bag ทั้งหมด 5 ดีไซน์ ที่มาพร้อมกับความอเนกประสงค์ ด้วยฟังก์ชั่นที่สามารถพลิกแพลง ถอดสาย ปรับการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ และมีช่องเก็บของครบครัน รวมถึงการผสมผสานลายถักทอจักสานแบบดั้งเดิมให้เข้ากับรูปทรงกระเป๋าได้อย่างสวยงาม ทันสมัย และไม่เหมือนใคร ซึ่งสะท้อนถึงการสืบสานทางวัฒนธรรมของทั้งสองประเทศ
พบกับคอลเล็กชั่น Autumn/Winter 2023 จากแบรนด์ดอยตุงได้แล้ววันนี้ที่ ร้าน DoiTung Lifestyle ทุกสาขา