

ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ภาคเหนือ และพันธมิตรของ UOB BizSmart แพลตฟอร์มที่รวมดิจิทัลโซลูชันเพื่อการดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ จัดสัมมนา ณ จังหวัดเชียงใหม่เพื่อเสริมศักยภาพผู้ประกอบการธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มให้สามารถต่อยอดธุรกิจจากระดับท้องถิ่นสู่ระดับประเทศ
งานสัมมนา UOB SME Live in Chiangmai: ร้านเล็กคิดใหญ่ – ปั้นแบรนด์ ขยายธุรกิจอาหารและคาเฟ่สู่ระดับประเทศ ได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการร้านอาหารและคาเฟ่กว่า 200 รายในพื้นที่ภาคเหนือ โดยมุ่งเน้นการมอบองค์ความรู้และเครื่องมือดิจิทัลและโซลูชันทางการเงิน ที่จะช่วยยกระดับขีดความสามารถของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีในกลุ่มธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มในภาคเหนือ ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
นายสมชาย ชมภูน้อย ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคเหนือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวเปิดงานโดยชี้ให้เห็นถึงบทบาทที่เพิ่มขึ้นของการท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Culinary Tourism) พร้อมระบุว่าแนวทางของ ททท. ในปัจจุบันให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพที่สร้างประสบการณ์ที่มีคุณค่าและน่าจดจำ มากกว่าการวัดผลเพียงตัวเลขรายได้ ทั้งนี้ ในปี 2567 ภาคเหนือรองรับนักท่องเที่ยวชาวไทยกว่า 26 ล้านคน โดยมีเสน่ห์ไม่เพียงจากธรรมชาติและวัฒนธรรม แต่ยังรวมถึงคาเฟ่และอาหารพื้นถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์
นางสยุมรัตน์ มาระเนตร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ Business Banking ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวว่า “ธนาคารยูโอบีจึงมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs ในกลุ่มนี้ให้สามารถ ‘คิดใหญ่’ และขยายธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ผ่านการให้ข้อมูลเชิงลึก โซลูชันทางการเงินที่เข้าใจธุรกิจเอสเอ็มอี และเครือข่ายพันธมิตรที่แข็งแกร่งของ UOB BizSmart”
ภายในงาน ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้รับฟังการนำเสนอจากพันธมิตรธุรกิจ ได้แก่ Adaptis ผู้ให้บริการโซลูชันการรับชำระเงินแบบครบวงจร และ Freedom World เครื่องมือการตลาดดิจิทัลสำหรับธุรกิจยุคใหม่ รวมถึงการแบ่งปันประสบการณ์จากเจ้าของร้านอาหารและเครื่องดื่มในพื้นที่ ที่ประสบความสำเร็จในการสร้างแบรนด์และขยายธุรกิจ ได้แก่ Ginger Farm Kitchen ร้านอาหารรางวัลมิชลิน 4 ปีซ้อน ต้นตำหรับเชียงใหม่, The Good View Bar & Restaurant ร้านอาหารขวัญใจชาวเชียงใหม่และนักท่องเที่ยวต่างชาติ, ข้าวซอยลําดวนฟ้าฮ่าม ร้านข้าวซอยเก่าแก่ระดับตำนานของเมืองเชียงใหม่ที่ได้มิชลิน 3 ปีซ้อน, The Volcano ต้นตำหรับร้านขนมปังชีสยืดชื่อดัง, The Baristro ร้านกาแฟดังของเชียงใหม่, Saruda Finest Pastry ร้านเค้กชื่อดังของเชียงใหม่ รวมถึง Mix Beef Club & Restaurant ที่ได้ Thailand Tatler Best Restaurant 9 ปีซ้อน
นางสยุมรัตน์กล่าวเพิ่มเติมว่า ความริเริ่มครั้งนี้จะช่วยเสริมสร้างศักยภาพผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ควบคู่ไปกับการยกระดับชื่อเสียงของภาคเหนือในฐานะแหล่งท่องเที่ยวเชิงอาหาร ตอกย้ำบทบาทของธนาคารในฐานะพันธมิตรระยะยาวที่เติบโตเคียงข้างธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มในภูมิภาคนี้
ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเมืองพัทยา และพันธมิตรของ UOB BizSmart บริการดิจิทัลโซลูชันเพื่อการจัดการธุรกิจ จัดสัมมนาแบ่งปันความรู้ให้กับเอสเอ็มอีในภาคการท่องเที่ยวและร้านอาหาร เจาะลึกเทรนด์ด้านการท่องเที่ยว กลยุทธ์การตลาด และเครื่องมือในการส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่มีการแข่งขันสูง
โดยงานนี้ได้รับเกียรติจาก ดร. ศิวัช บุณเกิด รองปลัดเมืองพัทยา เป็นประธานเปิดงาน และ นายชัยวัฒน์ ตามไท ผู้อำนวยการสำนักงาน ททท. สำนักงานเมืองพัทยา ซึ่งได้นำเสนอภาพรวมของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทย พร้อมกับกรอบนโยบายเชิงกลยุทธ์ของ ททท. เพื่อสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนในภาคส่วนนี้
นางสยุมรัตน์ มาระเนตร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจเอสเอ็มอี ธนาคารยูโอบี ประเทศไทย กล่าวว่า “ธนาคารยูโอบี เชื่อว่าการสนับสนุนเอสเอ็มอี เป็นสิ่งสำคัญในการเสริมสร้างเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยเฉพาะในภาคที่มีศักยภาพสูงอย่างการท่องเที่ยว เรามุ่งมั่นที่จะจัดหาเครื่องมือ ข้อมูลเชิงลึก และโซลูชันทางการเงินที่ธุรกิจท้องถิ่นต้องการ เพื่อเติบโตอย่างยั่งยืนและประสบความสำเร็จในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ผ่านบริการทางการเงินที่เข้าใจธุรกิจเอสเอ็มอี และเครือข่ายพันธมิตร ของ UOB BizSmart ที่ช่วยให้ธุรกิจเดินหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมงานยังได้รับฟังถึงโซลูชันด้านการเงิน การชำระเงิน และประกันภัย ที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของธุรกิจท่องเที่ยว ในช่วงเสวนาระหว่างธนาคารยูโอบี GHL Freedom World และ MSIG
ปิดท้ายด้วย Klook แพลตฟอร์มการท่องเที่ยวและประสบการณ์ระดับโลก และหนึ่งในพันธมิตรหลักของ UOB BizSmart ที่มานำเสนอแนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภค และโซลูชันดิจิทัลที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ธุรกิจโรงแรม ที่พัก และร้านอาหาร เพิ่มการมีส่วนร่วมของลูกค้า และสร้างรายได้เพิ่มขึ้น
กิจกรรมครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของธนาคารยูโอบี ในการส่งเสริมความร่วมมือและนวัตกรรมทางการเงินที่เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจท้องถิ่นภาคตะวันออก ซึ่งมีความสำคัญ และมีส่วนช่วยในการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยในระยะยาว
ลาซาด้า ประเทศไทย ร่วมมือกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ภายใต้โครงการ Amazing Thailand Grand Sale 2025 ผลักดันการท่องเที่ยวไทยสู่กลุ่มนักเดินทางอาเซียนผ่าน LazTravel บริการจองตั๋วเครื่องบินและที่พักบนแพลตฟอร์มลาซาด้า ชูจุดแข็งฐานผู้ใช้งานครอบคลุม 6 ประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และไทย สร้างแคมเปญโปรโมตรูปแบบข้ามพรมแดน พร้อมมอบดีลสุดคุ้มสำหรับการจองเที่ยวบินและที่พัก ชูไทยเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยม พร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวทั้งในประเทศ (Domestic Tourism) และจากต่างประเทศ (Inbound Tourism)
![]()
วาริสฐา เกียรติภิญโญชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ลาซาด้า ประเทศไทย กล่าวว่า “LazTravel ไม่เพียงช่วยให้การจองทริปเป็นเรื่องง่ายและคุ้มค่า แต่ยังเป็นช่องทางสำคัญในการส่งเสริมและโปรโมตแหล่งท่องเที่ยวไทย ทั้งเมืองหลักและเมืองน่าเที่ยว ช่วยเปิดประสบการณ์และถ่ายทอดเสน่ห์ความเป็นไทยสู่สายตานักเดินทาง ผ่านบริการท่องเที่ยวแบบครบวงจรบนแพลตฟอร์มของเรา ซึ่งเข้าถึงฐานผู้ใช้ได้มากขึ้นในระดับภูมิภาค ตอกย้ำประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางยอดนิยมของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Thailand as a popular destination in Southeast Asia) ขณะเดียวกัน ความร่วมมือกับ ททท. ในครั้งนี้ยังช่วยเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายคุณภาพได้กว้างขึ้น ในฐานะผู้นำด้านอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคนี้ เราภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ”
ข้อมูลจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยระบุว่า ในปี 2567 ประเทศไทยต้อนรับนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคอาเซียนกว่า 10.6 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 30% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด ขณะที่รายงานจาก Visa ยังชี้ว่า นักท่องเที่ยวจาก สิงคโปร์ มาเลเซีย และเวียดนาม เป็นกลุ่มที่สร้างรายได้ด้านการท่องเที่ยวสูงสุด 3 อันดับแรกในไทย โดยเฉพาะหมวดที่พัก ช้อปปิง ร้านอาหาร และบริการสุขภาพ
ความร่วมมือระดับภูมิภาคครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Amazing Thailand Grand Sale 2025 ซึ่งเป็นแคมเปญสำคัญของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย มุ่งกระตุ้นการใช้จ่ายด้านท่องเที่ยวในช่วงฤดูท่องเที่ยว พร้อมมอบประสบการณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟแก่นักท่องเที่ยวจากอาเซียน ผ่านส่วนลดเที่ยวบินและโรงแรมสูงสุด 15% (เป็นไปตามเงื่อนไขในแต่ละประเทศ)
![]()
ขณะเดียวกัน ลาซาด้ายังเดินหน้าสนับสนุนการท่องเที่ยวภายในประเทศผ่านแคมเปญเที่ยววันธรรมดา เพื่อจูงใจให้คนไทยออกเดินทางในช่วงวันจันทร์ - พฤหัสบดี โดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ ‘เที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568’ จากภาครัฐ ซึ่งเริ่มเปิดให้ลงทะเบียนเมื่อไม่นานมานี้ เพื่อกระตุ้นการเดินทางในช่วงโลว์ซีซันอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ LazTravel ยังมีบทบาทสำคัญในการขยายการรับรู้และกระตุ้นการเดินทางในระดับภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการผลักดันแหล่งท่องเที่ยวทางเลือก เช่น เมืองน่าเที่ยว ให้เป็นที่รู้จักและเข้าถึงได้ง่ายยิ่งขึ้น ผ่านช่องทางต่าง ๆ ของลาซาด้า อาทิ แบนเนอร์หน้าแคมเปญหลัก การแจ้งเตือนข้อความ และคูปองส่วนลดพิเศษ เช่น
· Amazing Thailand Grand Sale: นักท่องเที่ยวจากอินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และเวียดนาม รับส่วนลดสูงสุด 15% เมื่อจองตั๋วเครื่องบินและที่พักในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน – 15 สิงหาคม 2568
· เที่ยววันธรรมดา: นักท่องเที่ยวชาวไทยรับส่วนลดสูงสุด 15% สำหรับการจองตั๋วเครื่องบินและที่พักภายในประเทศ (สูงสุด 150 บาท) ตั้งแต่เดือนมิถุนายน – กันยายน 2568
LazTravel ให้บริการจองตั๋วเครื่องบิน ห้องพัก กิจกรรม และแหล่งท่องเที่ยว ผ่านแอปพลิเคชันลาซาด้า โดยรวบรวมเที่ยวบินจากกว่า 200 สายการบิน ครอบคลุมกว่า 50,000 เส้นทาง พร้อมตัวเลือกโรงแรมมากกว่า 282,000 แห่งใน 7,000 เมืองทั่วโลก ปัจจุบันเปิดให้บริการใน 6 ประเทศ ได้แก่ ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ โดยผู้ใช้งานสามารถวางแผนและจองการเดินทางทั้งในและต่างประเทศได้อย่างสะดวกสบาย ครบจบในแอปเดียว พร้อมความคุ้มค่าสูงสุดจากฟีเจอร์เปรียบเทียบราคาสายการบินและโรงแรม รวมถึงโปรโมชันพิเศษจากแคมเปญต่าง ๆ ตลอดทั้งปี ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของนักเดินทางยุคใหม่ทั้งในไทยและอาเซียน
ทีเอ็มบีธนชาต หรือ ทีทีบี ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ชวนผู้ถือบัตรเครดิต ทีทีบี บัตรเครดิต ทีทีบี โกลบอลเฮ้าส์ และบัตรเครดิต ทีทีบี ดิสนีย์ ทั้งบัตรหลักและบัตรเสริม ร่วมประสบการณ์แห่งการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมด้านอาหาร พร้อมดูแลสุขภาพ ผ่านแคมเปญ “กินครบ จบทุกความอร่อย สุขภาพดี วิถีภาคกลาง” มอบสิทธิพิเศษส่วนลด 50% เมื่อซื้อ E-voucher สำหรับรับประทานอาหาร ผ่านช่องทาง Line Official @flavorofthaifood และชำระผ่านบัตรเครดิต ทีทีบี โดย E-voucher มูลค่า 50 บาท สามารถใช้แทนเงินสดมูลค่า 100 บาท เพื่อรับประทานอาหารใน 30 ร้านอาหารชั้นนำจาก 17 จังหวัดภาคกลางที่ร่วมรายการ ไม่จำกัดจำนวนสิทธิ์การใช้ E-voucher ต่อครั้ง สามารถซื้อได้สูงสุด 20 สิทธิ์ / หมายเลขสมาชิกโครงการ / วัน ตั้งแต่วันนี้ - 31 กรกฎาคม 2568 หรือจนกว่าสิทธิ์จะหมด
รายละเอียดโครงการเพิ่มเติม หรือร้านอาหารที่เข้าร่วมแคมเปญ สามารถดูได้ที่ Facebook: Flavor of Thai Food.Health.Wellness และ LINE Official: @flavorofthaifood หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบัตรเครดิต ทีทีบี ได้ที่ https://www.ttbbank.com/th/promotion/detail/flavorofthaifood-apr25
**ทีทีบีส่งเสริมให้ลูกค้าบัตรเครดิตใช้จ่ายเท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี เพื่อชีวิตทางการเงินที่ดีขึ้นทั้งในวันนี้ และอนาคต
มหกรรมแสดงสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวเชิงไลฟ์สไตล์ ปี 2568 นำทัพผู้ประกอบการกลุ่มดำน้ำ กอล์ฟ ท่องเที่ยวกลางแจ้ง กว่า 600 ราย จัดโปรโมชั่นลดราคาสุดพิเศษ พร้อมกิจกรรมที่น่าตื่นเต้นอีกมากมาย คาดมีผู้เข้าชมงานกว่า 6 หมื่นคน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 10% หนุนดึงดูดนักท่องเที่ยวมูลค่าสูงเข้าประเทศ

นายสุรพล อุทินทุ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า การจัดงาน THAILAND GOLF & DIVE EXPO plus OUTDOOR FEST 2025 หรืองานแสดงสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวเชิงไลฟ์สไตล์ ปี 2568 ที่จัดขึ้นในวันที่ 22 – 25 พฤษภาคม 2568 ได้รับการตอบรับจากผู้ประกอบการในธุรกิจนี้เป็นอย่างมาก โดยมีผู้ประกอบการเข้าร่วมแสดงสินค้ากว่า 600 คูหา เช่น สนามกอล์ฟ อุปกรณ์กอล์ฟ สถาบันสอนดำน้ำ อุปกรณ์ดำน้ำ บริษัทนำเที่ยว เรือนำเที่ยว อุปกรณ์เดินป่า ที่พัก และอุปกรณ์ถ่ายภาพ ฯลฯ ซึ่งมาร่วมจัดโปรโมชั่นในราคาพิเศษมอบส่วนลดสูงสุดถึง 80% อีกทั้งในปีนี้ได้จัด Business Matching หรือกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ โดยเชิญกลุ่มผู้ซื้อจากประเทศเวียดนามและมาเลเซียมาพบกับผู้ประกอบการไทยด้วย
นอกจากนี้ ยังมีการจัดกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย เช่น การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ โครงการสร้างบ้านปะการังเทียม กิจกรรม “TDEX You Give.. We Share” ครั้งที่ 4 เชิญชวนบริจาคชุดดำน้ำและอุปกรณ์ดำน้ำมือสองสภาพดี เพื่อมอบให้มูลนิธิหรือหน่วยงานต่างๆ นำไปใช้ในสาธารณประโยชน์ เป็นต้น และสัมมนาไดร์เวอร์ทอร์ค ร่วมแชร์ประสบการณ์การดำน้ำให้ความรู้กับผู้ที่สนใจ

รวมถึงยังมีกิจกรรมการประกวดภาพถ่ายใต้น้ำ "18th TDEX Underwater Photo Contest" ในปีนี้ได้เปิดโอกาสให้ช่างภาพใต้น้ำทั้งมือเก่า มือใหม่ และมืออาชีพ ได้ส่งผลงานเข้าร่วม โดยมีผู้ส่งภาพเข้าประกวดสูงถึง 164 คน รวมทั้งสิ้น 889 ภาพ และการประกวดคลิปวิดีโอใต้น้ำ "TDEX Underwater Moment Video Contest" ครั้งที่ 2 มีผลงานรวมทั้งหมด 117 คลิป โดยผลงานทั้งหมดจะถูกคัดเลือกและตัดสินจากกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อชิงเงินรางวัลรวมกว่า 400,000 บาท โดยจะประกาศผลงานในวันที่ 22 พ.ค. 2568 นี้ ซึ่งผลงานที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายจะนำมาจัดแสดงในช่วงวันจัดงาน

ทั้งนี้ การจัดงาน THAILAND GOLF & DIVE EXPO plus OUTDOOR FEST 2025 ยังได้รับการสนับสนุนจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) อย่างเต็มที่และต่อเนื่องมาหลายปี เนื่องจากเป็นมหกรรมแสดงสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวเชิงไลฟ์สไตล์ ที่เป็นส่วนสำคัญในการกระตุ้นการท่องเที่ยวกลุ่มมูลค่าสูง เพราะนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จะจำเป็นต้องซื้อ หรือเช่าอุปกรณ์ดำน้ำ อุปกรณ์กอล์ฟ สนามกอล์ฟ หรืออุปกรณ์แคมปิ้งเดินป่าที่มีมูลค่าสูงกว่าการท่องเที่ยวทั่วไปมาก และยังได้รับการสนับสนุนจาก Chang Cold Brew Cool Club ในครั้งนี้ โดยเฉพาะในส่วนของงาน Thailand Golf Expo ซึ่ง “ช้าง" ได้ส่งเสริมกีฬากอล์ฟในทุกด้านมาอย่างต่อเนื่อง
“การจัดงานฯในปีนี้ มั่นใจว่าจะมีผู้เข้าร่วมชมงานทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติไม่ต่ำกว่า 60,000 คน เพิ่มขึ้นกว่า 10% เมื่อเทียบกับปีก่อน และมีเงินสะพัดภายในงานนี้กว่า 200 ล้านบาท สูงกว่าปีที่ผ่านมา 10–15% เพราะกิจกรรมกลางแจ้งเหล่านี้ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากทั้งชาวไทยและต่างประเทศ” นายสุรพล กล่าว

ด้าน นายกิตติพงษ์ ประพัฒน์ทอง รองผู้ว่าการด้านดิจิทัล วิจัย และพัฒนา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ททท. ได้มุ่งเน้นส่งเสริมการท่องเที่ยวกลุ่มมูลค่าสูงมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มรายได้ด้านการท่องเที่ยว และกระจายรายได้ไปยังชุมชนท้องถิ่นต่าง ๆ ทั่วประเทศ โดยการเจาะตลาดการท่องเที่ยวกลุ่มกิจกรรมต่าง ๆ ที่มีศักยภาพสูง ซึ่งนักท่องเที่ยวดำน้ำ กีฬาทางเรือ การเล่นกอล์ฟ และการเดินป่าตั้งแคมปิ้ง ก็เป็นกลุ่มสำคัญที่มีการใช้จ่ายสูง โดยมีค่าเฉลี่ยในการเข้าพักประมาณ 3-4 วัน มีการใช้จ่ายตกวันละ 3–4 พันบาท สูงกว่าการท่องเที่ยวปกติประมาณ 20% ซึ่งในปี 2568 คาดว่าประเทศไทยจะสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวดำน้ำมากกว่า 8,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ถึงเกือบ 2,000 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยที่สูงถึง 12% ต่อปี

นอกจากนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยโดยภูมิภาคภาคใต้ ยังได้ร่วมกับสำนักงานในพื้นที่ 4 สำนักงาน คือ สำนักงานชุมพร สำนักงานเกาะสมุย สำนักงานกระบี่ และสำนักงานพังงา โดยได้นำตัวแทนสมาคมและชมรมต่าง ๆ ในพื้นที่มาร่วมออกบูธภายในงาน THAILAND GOLF & DIVE EXPO plus OUTDOOR FEST 2025 เพื่อนำเสนอข้อมูลการท่องเที่ยวเชิงไลฟ์สไตล์ ทั้งกอล์ฟ ดำน้ำ กิจกรรมกลางแจ้ง โดยคาดว่าในการจัดงานครั้งนี้จะมีผู้ซื้อแพ็กเกจท่องเที่ยวจากผู้ที่เข้าร่วมงานไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นแพ็กเกจ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความคึกคักให้กับการท่องเที่ยว และส่งเสริมการท่องเที่ยวพรีเมียม ให้สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับแหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศ
“การท่องเที่ยวเชิงไลฟ์สไตล์ และกีฬากลางแจ้ง ยังขยายตัวได้อีกมาก เนื่องจากในการท่องเที่ยวกลุ่มนี้ยังมีคู่แข่งน้อย เพราะแหล่งท่องเที่ยวของไทยโดยเฉพาะภาคใต้มีจุดแข็งสูงทั้งฝั่งอันดามัน และอ่าวไทย รวมทั้งการให้บริการของไทยก็ดีกว่าในราคาที่สมเหตุสมผล จึงทำให้ตลาดการท่องเที่ยวกลุ่มนี้สามารถสร้างรายได้เพิ่มได้อีกมหาศาล” นายกิตติพงษ์ กล่าว

ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมพร้อมความเคลื่อนไหวของกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกีฬากอล์ฟได้ทาง Facebook Page "Thailand Golf Expo" หรือเว็บไซต์ www.ThailandGolfExpo.com สำหรับกิจกรรมดำน้ำสามารถติดตามได้ที่ Facebook Page "Thailand Dive Expo (TDEX)" และเว็บไซต์ www.ThailandDiveExpo.com ส่วนกิจกรรมท่องเที่ยวกลางแจ้ง Outdoor Fest สามารถดูรายละเอียดได้ผ่านทาง Facebook Page "Traveler & Outdoor Expo" หรือเว็บไซต์ www.traveloutdoorexpo.com อย่าพลาดโอกาสสำคัญในการร่วมเป็นส่วนหนึ่งของมหกรรมที่ยิ่งใหญ่แห่งปี เพื่อยกระดับประสบการณ์การท่องเที่ยวของคุณ!