

เป็นเวลากว่า 10 ปีแล้วที่ผู้ประกอบการเพื่อสังคมของไทย ไม่ได้ฉายแสงบนเวทีระดับโลกที่สนับสนุนผู้นำธุรกิจหญิงที่มีเป้าหมายเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่าง Cartier Women’s Initiative Awards
ย้อนกลับไปในปีพ.ศ. 2557 (ค.ศ. 2014) ประเทศไทยมี fellow คนแรกของโครงการฯ สาลินี ถาวรนันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารซันสว่าง ผู้ให้บริการพลังงานสะอาดในพื้นที่ห่างไกล ธุรกิจที่ทำให้คนใน ทุกพื้นที่มีโอกาสเข้าถึงปัจจัยที่สำคัญต่อการใช้และพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างไฟฟ้าที่มาจากพลังงานแสงอาทิตย์ หลังจากสาลินี ก็ไม่มีผู้ประกอบการเพื่อสังคมหญิงไทยคนไหนเข้าสู่โครงการอีกเลย แม้ว่าจำนวนผู้ประกอบการและธุรกิจเพื่อสังคมจะเติบโตขึ้น อย่างมีนัยยะสำคัญ ต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงที่ประเทศไทยมีนโยบายส่งเสริมการทำธุรกิจเพื่อสังคมในระหว่าง ปี 2551 –2560 เป็นต้นมา และไม่ใช่ว่าธุรกิจเพื่อสังคมของผู้ประกอบการหญิงคนอื่นๆ ในไทยไม่น่าสนใจและไม่สำคัญ…
ผู้ประกอบการเพื่อสังคมส่วนใหญ่ ริเริ่มและดำเนินธุรกิจด้วยตนเอง จากการมองเห็นปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อมที่รู้สึก ว่าตนเองสามารถผลักดันหรือร่วมแก้ไขปัญหานั้นได้ และแน่นอนว่าจากความตั้งใจแรกนั้น ผู้ประกอบการเพื่อสังคมไทยส่วนใหญ่เปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น แต่ด้วยทรัพยากรที่จำกัด การเข้าถึงโอกาสในการสนับสนุนด้านต่างๆ อาจทำให้ผู้ประกอบการถอดใจและล้มเลิกไปในที่สุด หากธุรกิจไม่สามารถหากำไรหรือทำรายได้เพียงพอในการเลี้ยงตัว และสร้างการเติบโต ข้อมูลจากโครงการฯ เผยว่า ผู้ประกอบการเพื่อสังคมส่วนใหญ่ลังเล การระบุธุรกิจของตัวเองว่าเป็นธุรกิจเพื่อสังคม เนื่องจากกังวลว่านักลงทุนจะไม่ต้องการสนับสนุน เนื่องจากอาจจะเป็นธุรกิจที่ไม่ทำกำไร

รามา เคย์ยาลี ผู้ก่อตั้งธุรกิจ Little Thinking Minds ธุรกิจเทคโนโลยีด้านการศึกษาจากจอร์แดน ที่สร้างแพลตฟอร์ม การเรียนรู้และฝึกการอ่านภาษาอารบิกแบบดิจิทัล ซึ่งช่วยยกระดับการเรียนรู้ของเด็กในตะวันออกกลาง ผู้ได้รับรางวัล Impact Award ในปีนี้ แชร์ถึงความยากลำบากในการเป็นผู้ประกอบการที่ทำให้เธอเกือบยอมแพ้ และชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของระบบสนับสนุน “ฉันคิดว่าเป็นเรื่องยากมากที่ ถ้าเราถามผู้ประกอบการเพื่อสังคมคนไหนแล้ว จะไม่มีคนที่บอกว่าไม่เคยคิดอยากยอมแพ้ มันเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา บางครั้งก็เกิดจากความยากลำบากที่ต้องเจอ อาจจะเป็นความไม่พร้อมของตลาด นักลงทุนไม่เข้าใจ นโยบายที่เปลี่ยนแปลง วิถีของฉันคือการต้องแน่วแน่และรักในการจะแก้ปัญหาที่เป็นจุดเริ่มต้น ของธุรกิจ เราต้องอยากเปลี่ยนแปลงสังคมด้วยธุรกิจนี้จริงๆ นอกจากนี้ การฟังเสียงจากคนรอบข้างอาจทำให้ไขว้เขวได้ ดังนั้นการรายล้อมตัวเองด้วยคนที่มีอุดมการณ์-แนวคิดคล้ายคลึงกันจะช่วยให้คุณยังคงมุ่งมั่นกับเป้าหมายได้ อย่างเช่นคน ในคอมมูนิตี้ของ CWI จึงเป็นสิ่งสำคัญ ในวันที่เหนื่อยมากฉันอาจอยากหายตัวไปเพราะมีลูกยังเล็ก แต่การพูดคุยกับ คนในคอมมูนิตี้ที่พบเจอปัญหาในแบบเดียวกัน เป็นคนที่จะยังคงบอกฉันให้ยังไปต่อ”
ในขณะที่ผู้หญิงกลายเป็นกำลังสำคัญของพัฒนาเศรษฐกิจ ด้วยจำนวนและความสามารถที่ทัดเทียมเพศชาย ผู้หญิง กลับยังคงตกหล่นจากสารระบบเมื่อเป็นเรื่องของการสนับสนุน จากข้อมูลในช่วง Economic Empowerment ของ Mirror International Women’s Day forum ปี 2024 แม้ในแง่การความสามารถแข่งขันผู้หญิงและการถูกรับรู้โดยสังคม ผู้ประกอบการหญิงจะไม่ต่างจากผู้ประกอบการชาย แต่ยังมีช่องว่างในแง่จำนวนนักลงทุนส่วนใหญ่ที่เป็นผู้ชาย และยังมีบางส่วนที่มีอคติโดยไม่รู้ตัว (unconscious bias) ซึ่งส่งผลต่อการเลือกลงทุนให้กับผู้ประกอบการที่มีลักษณะคล้ายตนเอง
ด้วยการเติบโตด้านเศรษฐกิจและสังคม การมีอัตราผู้บริหารระดับสูงเป็นผู้หญิงเป็นลำดับ 3 ของโลก ประเทศไทยกลายเป็นบ้านให้กับองค์กรที่ส่งเสริมและสนับสนุนผู้หญิงระดับโลกอย่าง UN WOMEN ทั้งยังเปิดกว้างและวิวัฒน์สู่ การมีสมรสเท่าเทียม ด้วยปัจจัยแวดล้อมทั้งหมด ประเทศไทยดูมีศักยภาพความพร้อมของการมีธุรกิจเพื่อสังคมใหม่ๆ มากมาย หากแต่ขาดการถูกมองเห็น เมื่อแทบไม่มีตัวแทนไปยืนอยู่บนเวทีโลกที่จะสามารถดึงดูดโอกาสที่มากกว่าระดับประเทศมาให้คนไทยได้ ล่าสุดโครงการนานาชาติ Cartier Women’s Initiative ที่เป็น fellowship program ส่งเสริมและสนับสนุนผู้หญิงที่เป็นผู้นำธุรกิจเพื่อสังคมทั่วโลกมาอย่างยาวนาน กำลังจะก้าวสู่ทศวรรษที่ 2 โดยมีประเทศไทย เป็นหมุดหมายสำคัญ เจ้าภาพของการจัดงานประกาศรางวัลประจำปี 2026

พรปรียา วิวัฒนชาต กรรมการผู้จัดการ คาร์เทียร์ ประเทศไทย กล่าวไว้ว่า “คาร์เทียร์เชื่อมั่นในศักยภาพของผู้หญิง เราเชื่อว่า เมื่อผู้หญิงก้าวไปข้างหน้า มนุษยชาติก็จะก้าวไปข้างหน้าเช่นกัน มีผู้หญิงมากมายที่สร้างการเปลี่ยนแปลงผ่านโซลูชันส์ทางธุรกิจ และเพื่อให้ผู้หญิงที่เป็นผู้นำและพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้สามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกได้อย่างต่อเนื่องและขยายวงกว้างมากยิ่งขึ้น การส่งเสริมและสนับสนุนอย่างรอบด้านจึงเป็นสิ่งสำคัญ Cartier Women’s Initiative Awards เป็นโครงการประจำปีที่จะช่วยยกระดับให้ผู้ประกอบการไปได้ไกลกว่าระดับประเทศ ด้วยการติดเครื่องมือที่จะช่วยต่อยอด ไม่เพียงแต่เฉพาะเงินทุนเพื่อพัฒนา แต่ยังมีการสนับสนุนทรัพยากรทุนมนุษย์และทุนสังคมให้แก่ผู้ประกอบการ มอบองค์ความรู้ ผ่านการจัดอบรมแบบเอ็กซ์คลูซีฟจากสถาบันการศึกษาชั้นนำระดับโลกอย่าง INSEAD, การโปรโมทประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อ ไปจนถึงการมีคอมมูนิตี้ผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาต่างๆ และผู้ประกอบการเพื่อสังคมทั่วโลก ซึ่งจะเป็นทั้งแรงบันดาลใจและกำลังใจในการฝ่าฟันอุปสรรคและสร้างการเติบโตให้แก่ธุรกิจอย่างยั่งยืน ไปพร้อมๆ กับการตอบแทนสังคม”

ศาสตราจารย์ ดร.ปาริชาต สถาปิตานนท์ รองอธิการบดี ด้านวิชาการและการเชื่อมโยงกับสังคม จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พาร์ทเนอร์ผู้จัดอบรมหลักสูตร CWI Entrepreneurial Program ในระดับประเทศ ซึ่งได้เดินทางไปร่วมในพิธีประกาศรางวัล CWI Impact Awards ในปีนี้ที่โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า “โครงการ Cartier Women’s Initiative ไม่ได้เป็นเวทีแห่งการแข่งขัน แต่คือพื้นที่แห่งการเรียนรู้ ที่เข้มข้นและเปี่ยมด้วยแรงบันดาลใจ ผู้ประกอบการจะได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้ ใหม่ ๆ แนวคิด การวางกลยุทธ์ ไปจนถึงการเสริมสร้างทักษะในด้านต่างๆ อีกทั้งยัง เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์และสร้างแรงบันดาลใจร่วมกับผู้ประกอบการหญิงจากนานาประเทศ และจุดประกายพลังในการขับเคลื่อนธุรกิจ ให้เติบโตอย่างมั่นคง”
โครงการ Cartier Women’s Initiative Awards หรือ CWI มุ่งขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงผ่านการส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการหญิงมาอย่างต่อเนื่องกว่า 18 ปี ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา โครงการได้ให้การสนับสนุนผู้ได้รับการคัดเลือกผ่านการสนับสนุนในด้านต่าง ๆ อาทิ การให้คำปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญ การประชาสัมพันธ์ธุรกิจผ่านช่องทางสื่อต่างๆ โอกาสในการสร้างเครือข่ายระดับนานาชาติ และสิทธิ์เข้าศึกษาหลักสูตรที่ออกแบบโดย INSEAD สถาบันบริหารธุรกิจชั้นนำระดับโลก โอกาสอันทรงคุณค่านี้เปิดกว้างสำหรับผู้ประกอบการหญิงเพื่อสังคมที่มุ่งมั่นสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกอย่างยั่งยืนในระดับโลก
นายสมพร กาญจน์นิรันดร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี พร้อมด้วย นายนันทวัฒน์ ศรีวรัตน์อัชกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด นางสาวจริยจันทร์ จันทศาศวัต ผู้บริหาร บริษัท โตโยต้าจันทบุรี (1972) ผู้จำหน่ายโตโยต้า จำกัด และนางวรรณี บุญสวัสดิ์ ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรเขาบายศรีอำเภอท่าใหม่ ร่วมเปิด “ศูนย์การเรียนรู้ โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์ แห่งที่ 7” ณ “วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรเขาบายศรีอำเภอท่าใหม่” จังหวัดจันทบุรี
“โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์” เกิดจากการที่โตโยต้าเล็งเห็นถึงความสำคัญของธุรกิจชุมชน ซึ่งเป็นรากฐานที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และมุ่งหวังที่จะมีส่วนช่วยในการแก้ไขปัญหา ปรับปรุง และพัฒนาการดำเนินงานของธุรกิจชุมชนไทยให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน เพิ่มพูนกำไร และดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืน จึงได้ดำเนินโครงการ “โตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์” มาโดยตลอดระยะเวลา 11 ปีที่ผ่านมา และมีส่วนช่วยพัฒนาธุรกิจให้ประสบความสำเร็จไปแล้วกว่า 39 ธุรกิจ ทั่วประเทศ
“วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรเขาบายศรีอำเภอท่าใหม่” จังหวัดจันทบุรี เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์แปรรูปจากทุเรียน มีผลิตภัณฑ์ทุเรียนทอดภายใต้ชื่อแบรนด์ “ป้าแกลบ” เป็นสินค้าขึ้นชื่อในจังหวัดจันทบุรี โดยมี คุณวรรณี บุญสวัสดิ์ เป็นผู้บริหาร ซึ่งทางวิสาหกิจฯ ได้เข้าร่วมกิจกรรมปรับปรุงธุรกิจภายใต้โครงการโตโยต้า ธุรกิจชุมชนพัฒน์ ในปี พ.ศ. 2565 โดยโตโยต้าได้มีส่วนเข้าไปช่วยเหลือในลักษณะของการเป็น “พี่เลี้ยงทางธุรกิจ” ด้วยการนำแนวคิด “วิถีชุมชนพัฒน์ หรือ TSI Way” ผสมผสานร่วมกับภูมิปัญญาชุมชน ไปประยุกต์ใช้ในการปรับปรุงให้เหมาะสมกับบริบทและความพร้อมของวิสาหกิจฯ และพัฒนาให้มีประสิทธิภาพการดำเนินงานที่ดียิ่งขึ้น
เริ่มจากการเข้าไปศึกษาดูกระบวนการทำงานจริงของวิสาหกิจฯ มองหาความสูญเปล่าในการดำเนินงานและปรึกษาหาแนวทางแก้ไขร่วมกัน พร้อมแนะนำวิธีการปรับปรุงพัฒนากระบวนการทำงานต่างๆ โดยใช้องค์ความรู้ด้านการผลิตของโตโยต้า ตลอดจนส่งเสริมการสร้างมาตรฐานเพื่อควบคุมคุณภาพให้สม่ำเสมอ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาธุรกิจใน 5 ด้านหลัก ทั้งในด้านผลิตภาพ (Productivity) คุณภาพ (Quality) การส่งมอบสินค้าที่ตรงเวลา (Delivery) การจัดการสินค้าคงคลัง (Inventory) และต้นทุนในกระบวนการ (Work in process) ซึ่งมีส่วนช่วยให้การดำเนินงานของวิสาหกิจฯ มีการพัฒนาและได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นในด้านต่างๆอย่างเป็นรูปธรรม สามารถลดต้นทุน เพิ่มผลิตภาพ และสร้างผลกำไร พร้อมทั้งมุ่งหวังให้สามารถนำความรู้ที่ได้ไปต่อยอดและพัฒนาอย่างยั่งยืน
![]()
“วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรเขาบายศรีอำเภอท่าใหม่” ได้นำแนวคิด “วิถีชุมชนพัฒน์ หรือ TSI Way” ของโตโยต้ามาปรับปรุงการดำเนินงานในธุรกิจทุเรียนทอดของตนเอง ดังนี้
1.) ปรับปรุงกระบวนการคัดแยกเกรดและผ่าแยกเปลือกทุเรียนดิบ
จากเดิมที่เคยประสบปัญหาการคัดแยกเกรดทุเรียน เนื่องจากมีปริมาณมากและมีหลายเกรดวางปะปนกัน จนทำให้พนักงานไม่สามารถแยกลำดับความสุกและลำดับการนำไปผ่าก่อน-หลังได้ จนทำให้มีจำนวนทุเรียนตกค้างเนื่องจากสุกเกินกว่าจะนำไปผ่าเพื่อทอดเป็นทุเรียนทอด ถือเป็นความสูญเปล่าด้านวัตถุดิบ ทางโตโยต้าจึงแนะนำการปรับปรุงโดยการนำเข่งแยกสีมาใส่ทุเรียนตามเกรดพร้อมกำหนดจุดวางแยกสีให้ชัดเจน (Visualization) เพื่อให้ในการนำไปผ่า สามารถเรียงลำดับตามเกรดได้อย่างชัดเจนตามสีของเข่ง ว่าทุเรียนชุดไหนควรนำไปผ่าก่อน-หลัง มีส่วนช่วยทำให้สามารถลดและป้องกันการตกค้างของทุเรียนได้ พนักงานสามารถคัดแยกทุเรียนที่ต้องนำไปผ่าได้ง่ายและทำงานสะดวกยิ่งยึ้น สามารถลดปริมาณของเสียลงได้ 70% ลดต้นทุนได้ 4.8 แสนบาทต่อปี
2.) ปรับปรุงกระบวนการผ่าแยกทุเรียนไปจนถึงกระบวนการสไลซ์แผ่นทุเรียน
จากเดิมที่เคยประสบปัญหาเรื่องการยกเข่งทุเรียนเข้าสู่กระบวนการผ่าแยก ไปจนถึงกระบวนการสไลซ์ให้เป็นแผ่น ซึ่งทำให้พนักงานต้องเสียเวลาในการขนย้ายเข่งทุเรียนเป็นเวลา 2นาที ต่อเข่ง รวมแล้ว 160 นาที ต่อวัน ทางโตโยต้าเล็งเห็นถึงความสูญเปล่าที่เกิดขึ้นในการเคลื่อนย้ายตรงจุดนี้ จึงได้นำแนวคิด Just in time มาปรับปรุงโดยการปรับแผนผังการทำงานในแต่ละขั้นตอนให้มีความต่อเนื่องกัน (Continuous flow) พร้อมเสริมด้วยการนำกลไกคาราคูริ (KARAKURI) ในรูปแบบของรางเลื่อนมาใช้ทุ่นแรงในการขนย้ายเข่งทุเรียนแทนการที่พนักงานต้องยกและเดินไปตามจุดต่างๆด้วยตนเอง สามารถลดเวลาในการเดินลงได้100% พนักงานทำงานสบายขึ้น และช่วยให้ประสิทธิผลในกระบวนการนี้เพิ่มขึ้น 49% จาก 68 กิโลกรัม/คน/ชั่วโมง เป็น 102 กิโลกรัม/คน/ชั่วโมง
3.) ปรับปรุงกระบวนการคัดเกรดทุเรียนหลังการทอด
จากเดิมที่เคยประสบปัญหาเรื่องการเสียเวลาอย่างมากในการร่อนคัดเกรดทุเรียน เนื่องจากมีขั้นตอนเยอะ อุปกรณ์ที่ใช้ร่อนทำได้ในปริมาณน้อย และสิ้นเปลืองกำลังคนที่ต้องใช้ในกระบวนการนี้ 3-4 คน จนเป็นปัญหาคอขวดในกระบวนการผลิต ทางโตโยต้าจึงช่วยออกแบบและสร้างเครื่องร่อนที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าแทนกำลังคน มาทดลองติดตั้งใช้จริงในกระบวนการ จนสามารถร่อนคัดเกรดทุเรียนได้จำนวนเพิ่มขึ้น 4 เท่า
4.) ปรับปรุงกระบวนการสต็อกทุเรียนก่อนและหลังการอบ
จากเดิมที่เคยประสบปัญหาเรื่องทุเรียนในสต็อกมีหลายเกรดวางปะปนกัน พนักงานไม่ทราบว่าในสต็อกมีทุเรียนแต่ละเกรดจำนวนเท่าไร จะใช้หมดเมื่อไร และจำเป็นต้องเติมสต็อกเมื่อไร ทำให้เสียเวลามากในการค้นหาเพื่อนำไปใช้ ทาง โตโยต้าจึงแนะนำการปรับแผนผังการจัดวางสต็อกใหม่ โดยกำหนดจุดวางและทำป้ายกำกับที่เห็นชัดเจน (Visualization) พร้อมทั้งนำแนวคิด Just in time มาทำการปรับจำนวนสต็อกให้สอดคล้องกับปริมาณการขายในแต่ละเดือน รวมถึงกำหนดมาตรฐานการนำเข้าและออกของทุเรียนในสต็อกเพื่อควบคุม FIFO (First in first out) และช่วยลดเวลาการทำงานและค้นหาสินค้าในสต็อกของพนักงานลงได้ 7%
5.) ปรับปรุงการวางแผนการบรรจุและการส่งมอบ
จากเดิมที่เคยประสบปัญหาเรื่องออเดอร์ตกค้างและการบรรจุล่าช้า เนื่องจากมีออเดอร์ลูกค้าที่ส่งมาจากฝ่ายขายเป็นจำนวนมากในแต่ละวัน โดยใบออเดอร์จะถูกนำมาวางปะปนกัน ไม่รู้ลำดับออเดอร์ก่อน-หลัง ขาดการวางแผนการบรรจุที่ดี ทางโตโยต้าจึงได้แนะนำการปรับปรุงโดยนำระบบควบคุมผ่านการมองเห็น หรือ Visual Control Board มาจัดทำเป็นบอร์ดวางแผนการบรรจุสินค้าให้พนักงานทุกคนได้รับทราบ โดยใบออเดอร์จากฝ่ายขายทุกใบ จะถูกนำมาเรียงลำดับในกล่องที่บอร์ดวางแผนการบรรจุ ช่วยให้ไม่เกิดสินค้าตกค้างจากออเดอร์ตกหล่นหรือหลงลืม พนักงานสามารถทราบยอด ออเดอร์และการส่งมอบในแต่ละวัน พร้อมทั้งสื่อสารและติดตามความคืบหน้าของงานในกระบวนการของแต่ละคนได้ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการติดตามงานและสามารถส่งสินค้าให้ลูกค้าได้ตรงเวลา 100%
![]()
โตโยต้าได้ส่งมอบโครงการแก่ “วิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรเขาบายศรีอำเภอท่าใหม่” ภายหลังการปรับปรุงเสร็จสิ้นเมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2565 และได้ติดตามผลการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง พบว่า วิสาหกิจฯ ยังคงรักษาวัฒนธรรมการปรับปรุงและพัฒนาด้วยตนเองตามหลัก “วิถีชุมชนพัฒน์” อย่างต่อเนื่อง มีการจัดการสินค้าคงคลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงบริหารการดำเนินงานได้อย่างมืออาชีพ สามารถส่งมอบสินค้าได้ตรงเวลา 100% นอกจากนี้ วิสาหกิจฯ ยังได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ในการปรับปรุงพื้นที่ดูงาน และการติดตั้งเครื่องร่อนคัดเกรดทุเรียน เพื่อเพิ่มศักยภาพในการดำเนินงานอีกด้วย
จากศักยภาพดังกล่าว บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศ จึงเห็นชอบในการจัดตั้งวิสาหกิจชุมชนกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรเขาบายศรีอำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี ให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ “โตโยต้าธุรกิจชุมชนพัฒน์” แห่งที่ 7 ต่อจากศูนย์การเรียนรู้ 6 แห่ง ที่จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดขอนแก่น จังหวัดเชียงราย จังหวัดสงขลา จังหวัดชลบุรี และจังหวัดสระบุรี เพื่อให้เป็นศูนย์กลางการแบ่งปันประสบการณ์การปรับปรุงธุรกิจแก่ผู้ประกอบการที่สนใจในภาคตะวันออกและพื้นที่ใกล้เคียง ได้นำไปใช้ปรับปรุงธุรกิจของตนต่อไป
ทั้งนี้ โตโยต้ามุ่งหวังให้ศูนย์การเรียนรู้ฯ แห่งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของกลไกสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ผ่านการถ่ายทอดแนวคิดในการปรับปรุงธุรกิจ ส่งเสริมให้เกิดสังคมแห่งการแบ่งปันความรู้ เพื่อเพิ่มศักยภาพให้กลุ่มธุรกิจชุมชนทั่วประเทศ สามารถนำไปต่อยอดในการขับเคลื่อนธุรกิจของตนเองและสร้างเสถียรภาพแก่เศรษฐกิจของประเทศต่อไป
เงินสดคือเส้นเลือดของธุรกิจ เป็นทั้งโอกาสขยายตัวและเกราะป้องกันในช่วงเวลาท้าทาย หากบริหารจัดการเงินสดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ธุรกิจจะสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคง ในขณะที่การละเลยอาจนำไปสู่ปัญหาทางการเงินที่ยากจะแก้ไข ด้วยเหตุนี้ บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) จึงได้จัดงานสัมมนาพิเศษ "Strategic Cash Management for Business Excellence" ขึ้นเมื่อวันที่ 19 มีนาคมที่ผ่านมา เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการและนักลงทุนสามารถเข้าใจแนวทางการบริหารเงินสดที่มีประสิทธิภาพและนำไปใช้ได้จริง
ภายในงานสัมมนา ผู้เข้าร่วมได้รับฟังแนวทางการจัดการเงินสดเพื่อการลงทุน โดยมีทีมที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (Independent Financial Advisor: IFA) และทีมผู้เชี่ยวชาญด้านผลิตภัณฑ์การลงทุน (Investment Solution) มาให้ข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการเงินสดเพื่อการลงทุน เพื่อให้ธุรกิจสามารถวางแผนการใช้เงินสดได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งแนะแนวทางการลงทุนในตราสารหนี้ที่ช่วยเพิ่มผลตอบแทนโดยไม่กระทบกระแสเงินสดหลักขององค์กร นอกจากนี้ ยังมีเวิร์คชอปที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้เข้าร่วมได้เรียนรู้วิธีสร้างความมั่นคั่งผ่านกระแสเงินสดของบริษัท รวมถึงการตัดสินใจทางการเงินที่สามารถนำไปปรับใช้ในองค์กร เพื่อสร้างความมั่งคั่งจากการลงทุนไปพร้อมๆ กับการเติบโตของธุรกิจ
นายวศิน สุขวัฒน์วิบูลย์ หัวหน้าฝ่ายวางแผนการเงินส่วนบุคคล กล่าวว่า "การบริหารเงินสดไม่ใช่แค่การควบคุมค่าใช้จ่ายหรือการรักษาสภาพคล่องเท่านั้น แต่เป็นหัวใจสำคัญของการเติบโตทางธุรกิจ การมีแผนการจัดการเงินสดที่ดีจะช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับตัวรับมือกับความเปลี่ยนแปลงของตลาด และใช้โอกาสในการลงทุนได้อย่างเหมาะสม"
ทั้งนี้ การบริหารจัดการเงินอย่างมีประสิทธิภาพไม่ได้เป็นเพียงเรื่องขององค์กร แต่ยังเป็นโอกาสของบุคคลทั่วไป อาชีพที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (IFA) จึงมีบทบาทสำคัญในการช่วยลูกค้าบริหารเงินสดและพอร์ตการลงทุน รวมถึงวางกลยุทธ์ให้ลูกค้าสามารถบรรลุเป้าหมายทางการเงินได้อย่างมั่นคง บล.เกียรตินาคินภัทร เปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจด้านการเงินและการลงทุนได้ก้าวเข้าสู่เส้นทางที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (IFA) โดยไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานมาก่อน ผ่านการฝึกอบรมและพัฒนาทักษะจากผู้เชี่ยวชาญ พร้อมการสนับสนุนด้านเครื่องมือและแพลตฟอร์มการลงทุนที่ครบวงจร ผู้ที่เข้าร่วมจะได้รับข้อมูลเชิงลึกจากนักวิเคราะห์การลงทุนและที่ปรึกษาทางการเงินมืออาชีพ รวมถึงผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลายเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าในทุกกลุ่ม ซึ่งจะช่วยให้สามารถให้คำปรึกษาด้านการลงทุนแก่ลูกค้าองค์กรและบุคคลทั่วไปได้อย่างมั่นใจ พร้อมสร้างรายได้ที่มั่นคงและเติบโตอย่างต่อเนื่อง เป็นโอกาสของผู้ที่กำลังมองหาเส้นทางอาชีพที่ท้าทายและมีโอกาสเติบโตอย่างไม่จำกัด
ผู้สนใจติดต่อร่วมงานได้ที่ Line : @KKPSIFA หรือดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ https://edge.co.th/ifa
โก โฮลเซลล์ (GO WHOLESALE) ศูนย์ค้าส่งวัตถุดิบอาหาร จุดหมายใหม่เพื่อผู้ประกอบการ ในเครือ เซ็นทรัล รีเทล ประกาศความสำเร็จจากกิจกรรมพิเศษ ที่จับมือร่วมกับ เบทาโกร มอบโอกาสการเรียนรู้ให้กับผู้ประกอบการร้านอาหาร โดยแจกบัตรกำนัลคอร์สเรียนระยะสั้นที่สถาบัน เดอะ ฟู้ด สคูล แบงคอก “The Food School Bangkok” ซึ่งเป็นสถาบันสอนศิลปะการประกอบอาหารชื่อดังของไทย ย่านใจกลางกรุงเทพฯ โดยมีการแจกบัตรเรียนคอร์สอาหารอิตาเลียนระยะสั้น จำนวน 16 สิทธิ์ สำหรับผู้สะสมยอดซื้อสินค้ากลุ่มอาหารสดให้ครบ 15,000 บาท ซึ่งมีผู้สนใจรับสิทธิ์เต็มจำนวนในเวลาอันรวดเร็ว และเข้าคอร์สเสริมความรู้เป็นที่เรียบร้อยในช่วงที่ผ่านมา
นับเป็นภาพความสำเร็จของกิจกรรมความร่วมมือระหว่างโก โฮลเซลล์ และเบทาโทร ที่มีจุดมุ่งหมายเดียวกันในการพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการ พร้อมทั้งยกระดับธุรกิจอาหารของไทยสู่มาตรฐานระดับสากล
อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ประเทศไทย ผู้จัดงาน ProPak Asia 2024 งานแสดงเทคโนโลยีด้านกระบวนการผลิต การแปรรูปและบรรจุภัณฑ์ชั้นนำระดับเอเชีย โหมโรงก่อนการจัดงานฯ ด้วยการเปิดพื้นที่ 8 โซนกิจกรรมพิเศษ เพื่อพัฒนาผู้ประกอบการอุตสาหกรรมการผลิตอาหาร เครื่องดื่มและบรรจุภัณฑ์ โดยร่วมมือกับพันธมิตรหน่วยงานภาครัฐ องค์กรธุรกิจและภาคเอกชน อาทิ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.), ศูนย์ออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ภายใต้การดำเนินงานกระทรวงอุตสาหกรรม, World Packaging Organization, Asian Packaging Federation, INNOLAB, Prompt Design, TasteBud ฯลฯ พร้อมเปิดเวทีแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ อัพเดทแนวโน้มทิศทางอุตสาหกรรม เรียนรู้นวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ รวมทั้งเปิดพื้นที่ในการให้คำปรึกษาแนะนำการแก้ปัญหาทางธุรกิจ การลดต้นทุน จนถึงการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยทั้ง 8 โซนกิจกรรมพิเศษประกอบด้วย
1. ProPak Gourmet เวิร์คช็อปและการสาธิตการใช้เทคโนโลยีเพื่อการแปรรูปและพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อค้นหาวิธียืดระยะเวลาความสดและเพิ่มมูลค่าของวัตถุดิบประเภทเนื้อสัตว์ สัตว์ปีก สัตว์น้ำและอาหารทะเล
2. Lab & Test Teather ความร่วมมือกับ INNOLAB พบการควบคุมและการประกันคุณภาพอย่างมีประสิทธิภาพ กุญแจสำคัญของการเติบโตอย่างยั่งยืน อัพเดทข้อกำหนดล่าสุดด้านความปลอดภัย เทคโนโลยีตรวจสอบและควบคุมมาตรฐานการแปรรูปอาหาร เครื่องดื่ม ยา สินค้าอุโภคบริโภคและบรรจุภัณฑ์สินค้า
3. ProPak Bar รับฟังและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในการผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และไม่มีแอลกอฮอล์ เพื่อสร้างโอกาสและเครือข่ายธุรกิจในอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม
4. Future Food Corner พบไอเดีย ร่วมเรียนรู้และสัมผัสประสบการณ์ใหม่ไปกับอาหารแห่งอนาคต โดยเฉพาะเทคโนโลยีการผลิตและบรรจุภัณฑ์
5. I-Stage เวทีรวบรวม ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ นวัตกรรมและการลงทุน สำหรับโซลูชั่นทางธุรกิจในระบบห่วงโซ่ของอุตสาหกรรมอาหาร เครื่องดื่มและธุรกิจ FMCG (Fast-Moving Consumer Goods) ของสินค้าอุปโภค บริโภค พบกับเซเลป กูรู ในวงการที่จะมาแบ่งปันประสบการณ์แก่ผู้ประกอบการ SME (Small and Medium-sized Enterprises) ให้ได้รับความรู้จากผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีเกี่ยวกับนวัตกรรมแห่งความยั่งยืนในกระบวนการผลิตและบรรจุภัณฑ์ใหม่ๆ พร้อมรับคำปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินเกี่ยวกับด้านการลงทุนและการขยายกลุ่มธุรกิจ
6. WorldStar, AsiaStar & ThaiStar Packaging Awards Display พบตัวอย่างเพื่อสร้างแรงบันดาลใจจากนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ที่ชนะรางวัลในเวทีการประกวด ทั้งในระดับภูมิภาค ระดับประเทศและเวทีการประกวดระดับโลก
7. Design Box พื้นที่จัดแสดงผลงานการออกแบบบรรจุภัณฑ์ จากคุณสมชนะ กังวารจิตต์ นักออกแบบบรรจุภัณฑ์ไทยที่ดังไกลระดับโลก กับผลงานที่ตราตรึงและโดดเด่นไม่เหมือนใครจนชนะใจผู้บริโภคมากมาย
8. Packaging Design Clinic ไขทุกปัญหาบรรจุภัณฑ์ที่ซับซ้อน ด้วยไอเดียสร้างสรรค์และการวิเคราะห์ในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การออกแบบจนถึงการเลือกใช้วัสดุ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่จนถึงการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ โดยผู้เชี่ยวชาญด้านบรรจุภัณฑ์ ที่คอยให้คำปรึกษาในทุกประเด็นสำคัญ ทั้งการลดต้นทุน การปฏิบัติตามหลักความยั่งยืนและร่วมแบ่งปันประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้งานจริง
ProPak Asia 2024 มีกำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-15 มิถุนายน 2567 ณ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา กรุงเทพฯ โดยมีความยิ่งใหญ่กว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ทั้งการจัดแสดงพาวิลเลียนนานาชาติถึง 14 กลุ่มประเทศ อาทิ ออสเตรเลีย บาวาเรีย ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน สวิตเซอร์แลนด์ อังกฤษ อเมริกาเหนือ จีน ญี่ปุ่น เกาหลี มาเลเซีย สิงคโปร์ และไต้หวัน โดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลของแต่ละประเทศในการเข้าร่วมงานฯ เพื่อนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ มาจัดแสดง
นอกจากนั้นยังได้รับการยืนยันเข้าร่วมจัดแสดงงานจากบริษัทชั้นนำของโลกกว่า 2,000 แบรนด์ จาก 45 ประเทศ โดยใช้พื้นที่จัดงานฯ เต็มพื้นที่ของศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค เพื่อช่วยสร้างและเติมเต็มระบบนิเวศทางธุรกิจและอุตสาหกรรมระดับภูมิภาคให้เติบโต โดยยังคงความเป็นงานแสดงเทคโนโลยีด้านกระบวนการผลิต การแปรรูปและบรรจุภัณฑ์ชั้นนำระดับเอเชีย ที่ตอบโจทย์ห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) และห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ของเทคโนโลยีกระบวนการแปรรูปอาหาร บรรจุภัณฑ์ การจัดเก็บและการขนส่ง ตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ สำหรับผู้ประกอบการทุกขนาด ไม่ว่าจะเป็น Start Up, SME, ธุรกิจขนาดเล็ก ธุรกิจขนาดกลางและขนาดใหญ่
สำหรับผู้สนใจรายละเอียดและต้องการเข้าร่วมกิจกรรม 8 โซนกิจกรรมพิเศษ สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมงานล่วงหน้าได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ที่ www.propakasia.com