December 05, 2025

คาร์เทียร์ (Cartier) เผยโฉมบทที่สามซึ่งนับเป็นบทส่งท้ายของคอลเลคชั่นไฮจิวเวลรี Nature Sauvage ณ ประเทศสิงคโปร์ โดยการมอบชีวิตให้กับเหล่าสรรพสัตว์แห่งอัญมณีเลอค่าที่ปรากฏโฉมท่ามกลางภูมิทัศน์แห่งธรรมชาติ และพรมแดนเหนือจินตนาการ พร้อมด้วยจิตวิญญาณอันเปี่ยมด้วยพลังและความมีชีวิตชีวา

หลังจากการเปิดตัวครั้งแรกในกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย และต่อด้วยบทที่สอง ณ เมืองเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน บทที่สามของ Nature Sauvage นี้ได้จัดแสดงขึ้น ณ Former Command House ประเทศสิงคโปร์ สถานที่อันเปรียบดั่งอัญมณีแห่งประวัติศาสตร์นี้สะท้อนให้เห็นถึง การหยั่งรากลึกสู่มรดกแห่งอาณานิคม จึงเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการเป็นเวทีจัดแสดงนิทรรศการเครื่องประดับชั้นสูง อีกทั้งยังบรรจบกับโอกาสสำคัญที่คาร์เทียร์ได้ก้าวเข้าสู่ปีที่ 30 ของการดำเนินกิจการในประเทศสิงคโปร์ด้วย

นิทรรศการครอบคลุมพื้นที่ 219 ตารางเมตร ภายใต้ธีมของหกจักรวาลที่ผ่านการบรรจงคัดสรรอย่างพิถีพิถัน เชื้อเชิญให้ผู้เข้าชมได้สัมผัส ความงดงามที่ผสานระหว่างธรรมชาติ วัฒนธรรม และความรู้ความเชี่ยวชาญอย่างแท้จริง

การจัดแสดงแต่ละบทรังสรรค์ขึ้นในแบบฉบับของคาร์เทียร์ ที่เลือกนำเสนอการตีความของคอลเลคชั่นเครื่องประดับชั้นสูงผ่านเอกลักษณ์เฉพาะเพียงหนึ่งเดียวอย่างวัฒนธรรมเปอรานากัน (Peranakan) อันโดดเด่นของประเทศสิงคโปร์  เนื้อหาที่นำมาถ่ายทอดในนิทรรศการครั้งนี้ รวมถึงห้องเวิร์คช้อปสุดเอ็กซ์คลูซีฟของ ‘Art of Threading’ ซึ่งนำโดย Michel Aliaga ผู้อำนวยการด้านการถ่ายทอดมรดกและประวัติศาสตร์ของเมซง ร่วมกับเหล่าศิลปินท้องถิ่น ด้วยเป้าหมายหลักในการสำรวจคุณค่าที่มีร่วมกัน ด้านความหลากหลายทางวัฒนธรรม การธำรงรักษาไว้ซึ่งมรดก และคุณค่าแห่งงานหัตถศิลป์ ซึ่งก่อเกิดเป็นความคิดสร้างสรรค์และเทคนิคต่างๆ เห็นได้จากภาพคู่ขนานระหว่างศิลปะอันอ่อนช้อยของงานลูกปัดของชาวเปอรานากัน และความรู้ความเชี่ยวชาญในการรังสรรค์เครื่องประดับชั้นสูงของคาร์เทียร์

ความร่วมมือกันนี้ได้ถ่ายทอดผ่านการสร้างสรรค์ที่อุทิศให้แก่มรดกงานหัตถศิลป์และการแสดงออกทางวัฒนธรรมอย่างสร้อยคอ Alaxoa ผลงานชิ้นพิเศษที่ตกแต่งด้วยมรกตกว่า 400 เม็ด ผ่านการรังสรรค์ชิ้นงานอย่างพิถีพิถันกว่า 2,600 ชั่วโมง ความเชี่ยวชาญและงานหัตถศิลป์อันแสนพิเศษของเมซงถือกำเนิดอิสระแห่งความคิดสร้างสรรค์ดังปรากฏในคอลเลคชั่น Nature Sauvage ที่ร่วมเฉลิมฉลองให้กับเหล่าสรรพสัตว์และผืนป่า รวมไปถึงเสือแพนเตอร์อันเป็นสัญลักษณ์ของเมซง จากพรมแดนน้ำแข็งจรดดินแดนแห่งพงไพร และจากรูปแบบเชิงนามธรรมด้านสถาปัตยกรรมสู่จินตนาการเหนือระดับ สัตว์เหล่านี้ได้เผยโฉมและเร้นกายอยู่ภายใต้ฉากต่างๆ ที่ทลายเขตกั้นระหว่างรูปร่างและรูปแบบ สะท้อนให้เห็นถึงความลึกลับน่าค้นหาทว่าหรูหรายิ่งใหญ่อันเป็นเอกลักษณ์ของคาร์เทียร์ จักรวาลอันเปี่ยมด้วยจินตนาการที่นำพาชีวิตมาสู่ความอัศจรรย์อันไร้ที่สิ้นสุดของ Nature Sauvage จากคาร์เทียร์

ห้อง Thrill with the Wind

อารัมภบทอันงดงามสู่โลกของ Nature Sauvage

การเดินทางของ Nature Sauvage เริ่มต้นขึ้นด้วยการโอบกอดอันเต็มเปี่ยมไปด้วยสัมผัสและห้วงอารมณ์ความรู้สึก ที่ซึ่งสายลมริมชายฝั่งได้พัดพามาพบกับบทกวีแห่งประติมากรรม ด้วยแรงบันดาลใจจากสายลมโชยอ่อนที่พัดพาไปทั่วชายฝั่งของประเทศสิงคโปร์ ห้องเปิดตัวของนิทรรศการนี้ นำเสนอการเคลื่อนไหวอันลื่นไหลและเป็นธรรมชาติของผืนทรายที่ปรากฏทั่วผนังทรงโค้งและพื้นผิวต่างๆ เพื่อเฉลิมฉลองให้กับความไม่สมบูรณ์อันสมบูรณ์แบบของธรรมชาติ บรรดาเสา Super Flowers ยังตั้งตระหง่านด้วยรูปทรงอันแสนงดงามที่รังสรรค์ขึ้นด้วยการสานหวายด้วยมือ สะท้อนให้เห็นถึงงานฝีมือท้องถิ่นอันบริสุทธิ์ รวมถึงสัญลักษณ์ไอคอนิคของทิวทัศน์แห่งเมืองสิงคโปร์

 

ห้อง Treasures of Land

รูปทรงเรขาคณิตแห่งธรรมชาติ และภูมิทัศน์ที่ผ่านการจินตนาการขึ้นใหม่ในห้องที่สองนี้ Nature Sauvage ถ่ายทอดเรื่องราวด้วยจังหวะเปี่ยมเอกลักษณ์โดยดึงแรงบันดาลใจมาจากสถาปัตยกรรมพื้นถิ่นที่จินตนาการขึ้นมาใหม่ด้วยมุมมองเส้นสายและโครงร่างแบบเรขาคณิต ผสมผสานอย่างกลมกลืนกับเหล่าเครื่องประดับชั้นสูงของคาร์เทียร์และเสน่ห์ อันโดดเด่นของเกาะสิงคโปร์ พื้นที่จัดแสดงต่างผสานความความหนักแน่นและอ่อนโยนไว้อย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งการตกแต่งด้วยหวายสาน ทรงก้อนกรวดที่ตัดกับความโค้งมนนุ่มละมุน ขณะที่กล้วยไม้ซึ่งเป็นดอกไม้ประจำชาติของสิงคโปร์ได้เผยโฉมอย่างสง่างามท่ามกลางภูมิทัศน์ ที่รังสรรค์ขึ้นอย่างประณีต นับเป็นลูกเล่นอันละเอียดอ่อนระหว่างธรรมชาติและโครงสร้าง ที่ซึ่งผืนป่าแห่งเมืองได้กลายเป็นดั่งผืนผ้าใบให้กับ ความงดงาม ความสมดุลและวิสัยทัศน์แห่งธรรมชาติที่แต่งแต้มโดยคาร์เทียร์

ห้อง Shapes of Water

ปลายทางแห่งการสำรวจผ่านสายน้ำเส้นทางของ Nature Sauvage สิ้นสุดลงด้วยการเดินทางแห่งสายน้ำ อันเป็นสัญลักษณ์ถึงแก่นแท้ของผืนน้ำที่โอบกอดประเทศสิงคโปร์เอาไว้ ด้วยการเคลื่อนไหวอันเปี่ยมด้วยพลัง พื้นที่จัดแสดงนี้เต็มไปด้วยการตีความเชิงศิลป์และงานศิลปะที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากคุณลักษณะเฉพาะอันโดดเด่นของสายน้ำ ผ่านการนำเสนอวัสดุที่แตกต่างเข้ากับการเคลื่อนไหวอันลุ่มลึก ซึ่งการเคลื่อนไหวเหล่านี้ยังมาพร้อมกับประกายแสงสะท้อนถึงความแวววาวระยิบระยับของไฮจิวเวลรีจากคาร์เทียร์

 

ห้อง Tradition

จุดตัดของวัฒนธรรมกับมรดกแห่งคาร์เทียร์ ความโดดเด่นของมรดกแห่งคาร์เทียร์ (Cartier Tradition) คือการเชิดชูความคลาสสิคเหนือกาลเวลาของชิ้นงานไอคอนิคตลอดระยะเวลาหลายปีของเมซง ซึ่งกลายเป็นชิ้นงานวินเทจอันล้ำค่าในสายตาเหล่านักสะสม ผลงานแต่ละชิ้นที่เมซงรังสรรค์ขึ้นตลอดประวัติศาสตร์อันยาวนาน ได้ผ่านการรับรองความเป็นของแท้ การจดบันทึกไว้ในเอกสาร และการดูแลซ่อมบำรุงเพื่อธำรงรักษาไว้ซึ่งงานหัตถศิลป์อันทรงคุณค่า ศิลปะงานเย็บปักถักร้อยและการประดับลูกปัดซึ่งสะท้อนประวัติศาสตร์อันรุ่มรวยของสิ่งทอในประเทศสิงคโปร์ได้รับการถ่ายทอดผ่านลวดลายกล้วยไม้ซึ่งเป็นดอกไม้ประจำชาติของสิงคโปร์ โดยจัดแสดงร่วมไปกับผลงานการสร้างสรรค์ในตำนานของคาร์เทียร์

ห้อง Fine Watchmaking

การมาบรรจบกันของห้วงเวลา งานฝีมือ และสัญลักษณ์นิยม ภายในถ้ำอันลึกลับแห่งนี้ คาร์เทียร์ได้เผยจักรวาลแห่งเรือนเวลาชั้นสูงของเมซง ด้วยสถาปัตยกรรมทรงโค้งมนของห้องที่สะท้อนถึงการเคลื่อนไหวอย่างไม่มีสิ้นสุดของเวลา ส่วนโค้งต่างๆ ตกแต่งด้วยการประดับฝังด้วยฟางเป็นลวดลายแบบซันเรย์อันเปล่งประกาย ชวนให้นึกถึงหน้าปัด แบบซันเรย์ของเรือนเวลาที่นับเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์แห่งงานศิลป์ของเมซง ใจกลางห้องนี้โดดเด่นด้วยเสาสานไม้ไผ่อันประณีตซึ่งตั้งตระหง่านอย่างเงียบสงบและมั่นคง เปรียบดั่งสัญลักษณ์เชิงวัฒนธรรมที่สะท้อนความแข็งแกร่งและสง่างาม องค์ประกอบเหล่านี้หลอมรวมเป็นหนึ่ง เพื่อเชิดชูเมติเยร์ ดาร์ท (métier d’art) ของคาร์เทียร์ โดยถ่ายทอดการมาบรรจบกันอย่างไร้กาลเวลาระหว่างงานออกแบบ มรดก และความมหัศจรรย์ทางเทคนิค

ศิลปินผู้สร้างสรรค์งานนิทรรศการ

Mike Tay จาก Onlewo

Onlewo โด่งดังจากงานออกแบบลวดลายที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากวัฒนธรรมพื้นถิ่นของสิงคโปร์ การบอกเล่าอย่างแยบยลของศิลปิน Mike Tay ตีความมรดก สถานที่และวัฒนธรรมในภูมิภาคแบบร่วมสมัย ซึ่งล้วนแล้วแต่เชื่อมโยงกับผู้คนและความทรงจำมากมาย พร้อมทั้งจุดประกายความหลงใหลให้เกิดขึ้นใหม่ สำหรับห้องต่างๆ ในนิทรรศการนี้ Mike ได้สร้างสรรค์ผืนผ้าเปี่ยมเอกลักษณ์เฉพาะตัวซึ่งนำมาใช้ตกแต่งด้วยสัมผัสอันแสนนุ่มนวล ทั้งยังผสมผสานความสนุกสนานผ่านสีสันและองค์ประกอบอันแตกต่างเพื่อถ่ายทอดแง่มุมอันหลากหลายของประเทศสิงคโปร์

Hazlee Suip จาก Rooma

Rooma สร้างชื่อเสียงจากงานฝีมือและงานสานหวายด้วยมือ รวมถึงการตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ในหลากหลายรูปแบบและผิวสัมผัส ที่รังสรรค์ขึ้นโดยช่างฝีมือผู้เปี่ยมด้วยทักษะความเชี่ยวชาญจากประเทศอินโดนีเซีย ผลงานของช่างฝีมือเหล่านี้ไม่เพียงแต่นำเสนอทักษะชั้นเลิศและยังถักทอเรื่องราวของวัฒนธรรมท้องถิ่นเข้าไว้ด้วยกัน คล้ายคลึงกับความเชี่ยวชาญของเมซงที่ถ่ายทอดลงบนผลงานสร้างสรรค์ซึ่งล้วนพิสูจน์แล้วว่างดงามเหนือกาลเวลา

Swee Lin และ Swee May จาก Maneknya

สองพี่น้องศิลปิน Swee Lin และ Swee May จาก Maneknya ได้รับมอบหมายจากคาร์เทียร์ให้ร่วมสร้างสรรค์ผ้าพิมพ์บาติกแสนพิเศษที่อำพรางอาณาจักรของเหล่าสรรพสัตว์แห่งคาร์เทียร์ (Cartier Bestiaries) ไว้อย่างสนุกสนาน ทางเมซงได้นำไปใช้เป็นลวดลายทั้งบนปลอกหมอน และศิลปะบนผนังผ้าไหมสี่เหลี่ยมในสามโทนสี ทั้งหมดนี้รังสรรค์ขึ้นสำหรับบทส่งท้ายของ Nature Sauvage โดยเฉพาะ

ในฐานะส่วนหนึ่งของมรดกอุตสาหกรรมสิ่งทออันรุ่มรวยของสิงคโปร์ ผ้าพิมพ์บาติกเหล่านี้ยังได้รับแรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติ ตำนาน วัฒนธรรมประเพณี พืชพรรณและบรรดาสัตว์เฉพาะถิ่นอันอุดมสมบูรณ์ในประเทศสิงคโปร์ โดยผสานเข้ากับลวดลายเรขาคณิตซึ่งคล้ายคลึงกันกับเอกลักษณ์แห่งการสร้างสรรค์ของคาร์เทียร์

24X บริษัทสตาร์ทอัพผู้ให้บริการด้านงานซ่อมแซมบำรุงรักษาและติดตั้งแบบครบวงจรให้กับลูกค้าทั้งแบบ B2B และ B2C ผ่านพอร์ตโฟลิโอธุรกิจที่มีความหลากหลาย ประกาศความสำเร็จครั้งใหม่ในการระดมทุนรอบซีรีส์ บี โดยสองกลุ่มนักลงทุนระดับชั้นนำอย่าง เวฟเมคเกอร์ เวนเจอร์สและกรุงศรี ฟินโนเวต ในเครือกรุงศรี ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของ 24X ในการพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่งสู่การเป็นผู้ให้บริการเฉพาะทางด้านการซ่อมแซมบำรุงรักษาและติดตั้งครบวงจร

โดยธุรกิจการให้บริการของ 24X ประกอบไปด้วย

- 24 FIX บริการซ่อมแซมบ้านแบบ All-in-one สำหรับลูกค้าทั่วไป

- 24 House Solution บริการต่อเติมและตกแต่งพื้นที่อยู่อาศัยภายใต้การควบคุมดูแลของนักออกแบบตกแต่งภายในและ Project Managers ตลอดการทำงาน

- 24 FIX for Business บริการซ่อมแซมสำหรับลูกค้าธุรกิจอย่างมืออาชีพ

- 24 Projects บริการออกแบบและก่อสร้างสำหรับลูกค้าธุรกิจ

- VERTE ให้บริการด้าน Green Energy Solution เช่น การติดตั้งระบบพลังงานโซลาร์ และระบบชาร์จไฟรถยนต์ไฟฟ้า (EV Charger)

 

นายคณิศร มีพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง 24X กล่าวว่า “24X เป็นสตาร์ทอัพสัญชาติไทย ที่มีประสบการณ์กว่า 6 ปีในการให้บริการด้านงานซ่อมแซมบำรุงรักษา และติดตั้ง แบบครบวงจรให้กับลูกค้า และตลอดเวลาที่ผ่านมา เราได้มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างและทิศทางในการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดโดยมุ่งเน้นสนับสนุนลูกค้าภาคธุรกิจต่างๆ เสนอโซลูชั่นในการซ่อมแซมแบบครบวงจร และการติดตั้งงานกลุ่ม Green Energy งานโซลาร์เซลล์ รวมถึงเครื่องชาร์จรถไฟฟ้า จนทำให้เราสามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดมาอย่างต่อเนื่อง โดยในปีที่ผ่านมาเราสามารถทำรายได้รวมกว่า 480 ล้านบาท ซึ่งโตกว่าปีก่อนถึง 2.5 เท่า และมากกว่าครึ่งมาจากลูกค้ากลุ่มธุรกิจ ความสำเร็จนี้ ตอกย้ำให้สองนักลงทุนระดับชั้นนำอย่าง เวฟเมคเกอร์ เวนเจอร์สและกรุงศรี ฟินโนเวต มั่นใจในศักยภาพและโอกาสในการเติบโตในระยะยาวของเรา เป็นผลให้เราสามารถระดมทุนในรอบ Series B ได้สำเร็จ”

นอกจากการบริการด้านงานซ่อมแซมบำรุงรักษา ติดตั้ง และโซลูชั่นเพื่อบ้านและธุรกิจแบบครบวงจรแล้ว 24X ยังมุ่งเน้นในการขยายบริการและโซลูชั่นที่ครอบคลุมธุรกิจกลุ่ม Green Energy ไม่ว่าจะเป็นงานติดตั้งระบบ Solar และจุดชาร์จยานพาหนะ EV ผ่านดำเนินงานภายใต้แบรนด์ ‘VERTE’ โดยในปัจจุบัน บริษัทฯ และพันธมิตรทางธุรกิจด้านระบบโซลาร์อย่าง JA Solar และ TRINA รวมถึงอีกหลายแบรนด์อื่นๆ ที่เป็นแบรนด์ชั้นนำของโลกสามารถติดตั้งระบบพลังงานทางเลือกแบบครบวงจรไปแล้วกว่า 80 แห่ง ทั้งแบบ Engineering Procurement and Construction (EPC) และ Power Purchase Agreement (PPA) รวมทั้งสิ้นกว่า 20 เมกะวัตต์ (MW) และยังเป็นผู้ดำเนินการติดตั้งจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าทั้งแบบ AC และ DC มากว่า 2,000 แห่ง ให้กับแบรนด์รถ EV ชั้นนำอย่าง BYD, NETA, Changan, และ Aion รวมถึงสถานีชาร์จรถไฟฟ้า ณ สถานีให้บริการน้ำมันอีกด้วย

Joel Ang Investment Principals ของบริษัท เวฟเมคเกอร์ เวนเจอร์ส กล่าวว่า “รูปแบบการบริการด้านการ ซ่อมแซม บำรุงรักษา การติดตั้ง และรีโนเวทในปัจจุบันนั้น ยังมีโอกาสในการปรับปรุงและพัฒนาได้อีกมาก โดยเฉพาะ ในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปัญหาที่มักพบบ่อย เช่น การขาดความโปร่งใสด้านราคา ปัญหาด้าน คุณภาพ กำหนดเวลาที่คลาดเคลื่อน มาตรฐานการบริการที่ไม่น่าเชื่อถือ ส่งผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด และนี่คือเหตุผลที่เราเลือกจะสนับสนุน 24X บริษัทที่กำลังสร้างนิยามใหม่ให้กับอุตสาหกรรมนี้ โดยเป็นแพลตฟอร์มที่

ลูกค้าจะไว้วางใจได้สำหรับบริการคุณภาพในราคาที่โปร่งใส ด้วยความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าในการกำหนดหน้าที่ ความรับผิดชอบและเวลาส่งงานที่ชัดเจน และการสร้างเครือข่ายช่างฝีมือที่น่าเชื่อถือ ทำให้ 24X พร้อมที่จะตั้งมาตรฐาน ใหม่ให้กับอุตสาหกรรมนี้ รวมถึงสร้างมูลค่าระยะยาวอย่างมีนัยสำคัญให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด”

 

นางสาวปาลิดา อธิศพงศ์ รักษาการกรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด กล่าวว่า “ธุรกิจด้านการก่อสร้าง ซ่อมบำรุง และโซลูชั่นด้านพลังงานทางเลือก ล้วนแล้วแต่เป็นธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงทั้งสิ้น และการที่ 24X เข้ามาตอบโจทย์ธุรกิจเหล่านี้ได้อย่างครอบคลุม ก็แสดงให้เห็นว่าบริษัทฯ เองก็มีศักยภาพในการเติบโตได้อีกมาก โดยการลงทุนในรอบซีรีส์ B จะช่วยส่งเสริมให้ 24X สามารถบรรลุเป้าหมายในการเป็นผู้ให้บริการเฉพาะทางด้านการซ่อมแซมบำรุงรักษา และติดตั้งครบวงจร”

“สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในขั้นต่อไป เราต้องการพุ่งเป้าไปที่การให้บริการด้านการซ่อมบำรุง ทั้งแบบ Preventive Maintenance (PM) และ Corrective Maintenance (CM) ธุรกิจจะสามารถไว้วางใจให้เราช่วยดูแลงานติดตั้งซ่อมแซมและบำรุงรักษาหลังบ้านด้วยประสบการณ์จากการบริหารงานกว่า 100,000 งาน พร้อมระบบ Digital Platform ที่บริษัทพัฒนาขึ้นมา ได้แก่ Eagle Platform ระบบบริหารงานซ่อมแซม, Cheetah Platform สำหรับบริหารโครงการแบบศูนย์รวม และ Wolf App แอปพลิเคชันควบคุมงานช่าง ทั้งหมดนี้สร้าง Ecosystem ที่เป็นเอกลักษณ์และโดดเด่น ช่วยให้ธุรกิจเหล่านี้มั่นใจในคุณภาพบริการของเรา และสามารถทุ่มเททรัพยากรไปสู่การขยายธุรกิจสามารถทุ่มเทเวลาและทรัพยากรไปกับการขยายธุรกิจเป็นหลักได้” นายคณิศร กล่าวเสริม

มารีน่า เบย์ แซนด์ส (Marina Bay Sands) เนรมิตสถานที่ต้อนรับเหล่าสวิฟตี้ที่มาร่วมคอนเสิร์ต Taylor Swift The | The Eras Tour ตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ ถึง 13 มีนาคม โดยกิจกรรมต่าง ๆ จะถูกจัดขึ้นอย่างเต็มรูปแบบโดยเฉพาะบริเวณ The Shoppes ที่มารีน่า เบย์ แซนด์ส (Marina Bay Sands) และ Sands Expo & Convention Center เพื่อเฉลิมฉลองเรื่องราวอันเป็นตำนานของนักร้องและนักแต่งเพลงที่ในเวลานี้คงไม่มีใครไม่รู้จักอย่าง Taylor Swift กิจกรรมมีตั้งแต่การตกแต่งพื้นที่สำหรับถ่ายภาพไปจนถึงการแสดงโชว์แสงสีและเสียงในบทเพลงที่สวิฟตี้ชื่นชอบ แฟน ๆ จะได้ร่วมกันสร้างช่วงเวลาอันน่าจดจำในขณะที่ดื่มด่ำไปกับความมหัศจรรย์ของไอคอนระดับโลกในระหว่างสองสัปดาห์ที่แสนพิเศษนี้

Irene Lin รองประธานอาวุโสและประธาน เจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของมารีน่า เบย์ แซนด์ส (Senior Vice President and Chief Marketing Officer) กล่าวว่า “พวกเรายินดีอย่างยิ่งที่ได้เป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการของคอนเสิร์ต Taylor Swift | The Eras Tour ในสิงคโปร์ โดย Taylor Swift ถือเป็นหนึ่งในศิลปินผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกตลอดกาล ซึ่งมารีน่า เบย์ แซนด์ส ได้พยายามอย่างเต็มที่เพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครให้เหมาะสมกับศิลปินคนนี้ เราสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงความตื่นเต้น และสิ้นสุดเวลารอคอยกับคอนเสิร์ตที่กำลังเกิดขึ้นในสิงคโปร์ เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มีส่วนร่วมในช่วงเวลาแห่งความมหัศจรรย์นี้”

ดื่มด่ำไปกับเรื่องราวของศิลปินระดับโลกผ่าน Taylor Swift | The Eras Tour Trail

 

(เส้นทาง Taylor Swift | The Eras Tour Trail จะจัดขึ้นทั่วมารีน่า เบย์ แซนด์ส)

ตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ พื้นที่บางส่วนของ The Shoppes และ Sands Expo & Convention Centre จะกลายเป็นสวรรค์สำหรับหล่าสวิฟตี้ เพราะสถานที่แห่งนี้จะกลายเป็นแผนที่จำลองการเดินทางสู่ชีวิตของศิลปินคนดังอย่าง Taylor Swift เจ้าของรางวัลอันมากมาย ในกิจกรรม Taylor Swift | The Eras Tour Trail โดยผู้เข้าชมสามารถสัมผัสประสบการณ์ 10 ยุค อันเป็น

เอกลักษณ์ของ Taylor Swift ผ่านการจัดแสดงใน 7 รูปแบบ ซึ่งจะเริ่มต้นด้วยการเล่าเรื่องด้วยภาพเกี่ยวกับการเดินทางของ Taylor Swift โดยแต่ละโซนจะนำเสนอมุมมองที่เป็นเอกลักษณ์เกี่ยวกับวิวัฒนาการทางดนตรีของ Taylor Swift ซึ่งเป็นการระลึกถึงยุคที่เป็นหัวใจสำคัญอย่าง ยุค “Lover” และพาแฟน ๆ ย้อนกลับไปยังยุค “1989” ที่หวนคิดถึง กิจกรรมมีถึงวันที่ 13 มีนาคม เวลา 10.30 – 22.00 น.

รับชมการแสดงแสง สี เสียง Taylor Swift | The Eras Tour Light & Water Show

 

(บุคคลทั่วไปสามารถรับชม Taylor Swift | The Eras Tour Light & Water Show ได้ตามจุดชมการแสดงต่าง ๆ)

ตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ ถึง 7 มีนาคม แฟน ๆ จะได้มีโอกาสรับชมการแสดงแสง สี เสียง Taylor Swift | The Eras Tour Light & Water Show สุดพิเศษ ซึ่งจะจัดขึ้นทุกวัน เวลา 20.00 น. และ 21.00 น. และรอบการแสดงเพิ่มเติมในวันที่ 1 และ 2 มีนาคมเวลา 22.00 น. การแสดงพิเศษความยาว 14 นาทีนี้เป็นการพลิกโฉม Spectra – A Light & Water Show การแสดงแสง สี เสียง ของมารีน่า เบย์ แซนด์ส โดยประสานเข้ากับเพลงฮิตติดชาร์ต 4 เพลง ซึ่งครอบคลุมยุคสมัยทางดนตรีอันหลากหลายของนักร้องป๊อปสตาร์ Taylor Swift อย่าง 'You Belong With Me' (Taylor’s version), 'Cruel Summer', 'Style' (Taylor’s version) และ 'Shake It Off' (Taylor’s version) นอกจากนี้การแสดงยังประกอบด้วยการออกแบบลวดลายของสายน้ำที่น่าตื่นตาตื่นใจซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากคอนเสิร์ต Taylor Swift | The Eras Tour พร้อมด้วยระบำน้ำพุ การฉายภาพประกอบ การฉายแสงเลเซอร์ และเอฟเฟกต์ลาวา

การแสดงแสง สี เสียง Taylor Swift | The Eras Tour Light & Water Show จะเปิดให้เข้าชมโดยไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ต้องลงทะเบียนล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์ทางการของมารีน่า เบย์ แซนด์ส เนื่องจากข้อจำกัดด้านความจุจำนวนผู้เข้าชม ซึ่งได้เปิดให้ลงทะเบียนล่วงหน้าในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ เวลา 12.00 น. โดยบัตรจะมีจำนวนจำกัดและสามารถแลกตั๋วอิเล็กทรอนิกส์ได้สูงสุด 6 ใบต่อคน ประตูของแต่ละการแสดงจะเปิดให้เข้าครึ่งชั่วโมงก่อนการแสดงเริ่ม

ด้านหน้าของรีสอร์ทแบบครบวงจรจะสว่างไสวด้วยสีสันอันเป็นเอกลักษณ์ของธีมคอนเสิร์ต Taylor Swift ในยามค่ำคืนรีสอร์ทแบบครบวงจรอย่าง มารีน่า เบย์ แซนด์ส (Marina Bay Sands) จะถูกย้อมไปด้วยสีสันพาสเทลที่น่าหลงใหลที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากธีมคอนเสิร์ต Taylor Swift | The Eras Tour โดยการโชว์ไฟตกแต่งบนตัวอาคารจะเริ่มตั้งแต่เวลา 19.00 ไปจนถึง 23.00 น. การจัดแสดงที่น่าตื่นตาตื่นใจนี้ไม่เพียงแต่จะทำผู้พบเห็นตราตรึงใจ แต่ยังเปลี่ยนด้านหน้าอาคารที่เป็นเอกลักษณ์และริมฝั่งแม่น้ำให้กลายเป็นผืนผ้าใบที่บันทึกช่วงเวลาแห่งความมหัศจรรย์และสวยงาม

ร้านจำหน่ายสินค้าที่ระลึก Taylor Swift | The Eras Tour Retail Pop-up

ร้านจำหน่ายของที่ระลึกสุดพิเศษของคอนเสิร์ต Taylor Swift | The Eras Tour จะตั้งอยู่ที่ Sands Expo & Convention Centre ห้องจัดแสดง C ตั้งแต่วันที่ 29 กุมภาพันธ์ ทั้งนี้ บุคคลทั่วไปจำเป็นต้องลงทะเบียนจองช่วงเวลาที่ต้องการล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์ทางการของมารีน่า เบย์ แซนด์ส โดยสามารถลงทะเบียนได้เพียงหนึ่งครั้ง และเด็กที่อายุต่ำกว่า 12 ปี จำเป็นต้องอยู่ในความดูแลของผู้ใหญ่

หากมีการเปลี่ยนแปลง จะมีการแจ้งให้ทราบบนเว็บไซต์ทางการของมารีน่า เบย์ แซนด์ส (Marina Bay Sands) www.marinabaysands.com/theErasTour.

แน่นอนว่ากิจกรรมเหล่านี้จะช่วยเติมเต็มประสบการณ์รับชมคอนเสิร์ต Taylor Swift | The Eras Tour ในสิงคโปร์ได้อย่างงดงาม ทำให้ความฝันของคุณกลายเป็น ‘Wildest Dream’ ในแบบที่ลืมไม่ลง และนอกเหนือไปจากประสบการณ์ด้านคอนเสิร์ตและความบันเทิงแล้ว สิงคโปร์ยังมีกิจกรรมอีกมากมายที่รอคุณไปค้นหา โดยสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ VisitSingapore.com

กรุงเทพฯ 17 มกราคม 2567 – โรงพยาบาลวิมุต โรงพยาบาลเอกชนชั้นนำใจกลางกรุงเทพฯ เปิดศักราชใหม่ปี 2567 ประกาศเดินหน้ายกระดับการดูแลรักษาสุขภาพแบบองค์รวมเพื่อช่วยแก้ปัญหาด้านสุขภาพอย่างมีประสิทธิภาพ และครอบคลุม ภายใต้กลยุทธ์ “Outside In” มุ่งเน้นการขับเคลื่อนธุรกิจเฮลท์แคร์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และความต้องการของผู้ใช้บริการยิ่งขึ้น ตลอดจนเทรนด์สุขภาพยุคใหม่อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับ “แอมิลิ (AMILI)” บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพด้านจุลชีพในลำไส้ จากความร่วมมือครั้งนี้ รพ.วิมุต พร้อมนำนวัตกรรมในการตรวจ “ไมโครไบโอมในระบบทางเดินอาหาร” มาใช้ในโรงพยาบาล ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีการดูแลเชิงป้องกันที่กำลังมาแรงและเป็นความหวังใหม่ในการป้องกันโรคร้ายในอนาคต นอกจากนี้ รพ. วิมุต ยังเผยตัวเลขการเติบโตของตลาดไมโครไบโอม มั่นใจนวัตกรรมใหม่ช่วยยกระดับบริการทางการแพทย์ให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น พร้อมร่วมเป็นหนึ่งกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจสุขภาพของไทย คาดรายได้ปี 2567 ของศูนย์ทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลวิมุตจะเติบโตกว่า 30% จากการเดินหน้าพัฒนาธุรกิจให้บริการสุขภาพแบบองค์รวมที่ครอบคลุมทั้งการป้องกัน รักษา และฟื้นฟู

ไมโครไบโอม (Microbiome) คือชื่อเรียกระบบนิเวศของจุลินทรีย์ที่อาศัยอยู่ในระบบทางเดินอาหาร ซึ่งเป็นแหล่งรวม โพรไบโอติกทั้งตัวดีและไม่ดีที่ใหญ่ที่สุดในร่างกาย โดยหากไมโครไบโอมในระบบทางเดินอาหาร (Gut Microbiome) มีความสมดุล กล่าวคือ มีจุลินทรีย์ดีหลากหลายสายพันธุ์ในจำนวนมากพอ ก็จะช่วยทำหน้าที่ย่อยอาหาร เสริมการเผาผลาญ ดูแลระบบภูมิคุ้มกัน สังเคราะห์วิตามิน และช่วยปรับสมดุลให้ร่างกาย สมอง และอารมณ์ได้ โดยไมโครไบโอมได้รับการศึกษาวิจัยมาอย่างต่อเนื่องและพบว่าการรักษาสมดุลของไมโครไบโอมในลำไส้ เป็นวิธีที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันโดยรวมเพื่อป้องกันโรคร้ายและสร้างสุขภาพกายและใจที่ดีในระยะยาว ปัจจุบัน วงการแพทย์ วิทยาศาสตร์ และความงามทั่วโลกให้ความสนใจการดูแลสุขภาพด้วยการปรับสมดุลจุลินทรีย์ให้ร่างกายทั้งภายในและภายนอก

 

นายแพทย์พิชิต กังวลกิจ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) และรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลวิมุต จำกัด กล่าวว่า “ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รพ. วิมุต เล็งเห็นถึงการตื่นตัวของคนไทยและทั่วโลกในเรื่องการดูแลสุขภาพก่อนล้มป่วย ปัจจุบันการใช้เทคโนโลยีที่ช่วยวิเคราะห์ไมโครไบโอมในลำไส้กำลังเป็นเทรนด์สุขภาพมาแรง โดย Research Reports World (RRW) เผยว่าตลาดไมโครไบโอมทั่วโลกมีมูลค่าถึง 743.21 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2565 และจะแตะ 3,523.63 ล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2571 ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตแบบทบต้น (CAGR) ที่ 29.61%

“รพ. วิมุต มุ่งเสาะหานวัตกรรมใหม่ ๆ มาเสริมทัพบริการด้านสุขภาพให้ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดภายใต้กลยุทธ์ Outside-In เดินหน้าพัฒนาธุรกิจจากมุมมองของผู้ใช้บริการ เราได้ลงนามร่วมทุนกับแอมิลิ (AMILI) บริษัทเฮลท์เทคชั้นนำจากสิงคโปร์ที่พัฒนาเทคโนโลยีด้านจุลชีพในลำไส้ เพื่อเปิดตัว Gut Microbiome Test โปรแกรมตรวจสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้เฉพาะบุคคลที่โรงพยาบาล พร้อมมุ่งช่วยให้คนไทยเข้าถึงการตรวจวินิจฉัยและการรักษาอย่างตรงจุด ช่วยให้แพทย์สามารถแนะนำการปรับสมดุลจุลินทรีย์ให้เหมาะกับแต่ละคนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในอนาคต รพ. วิมุต มีแผนจัดตั้งห้องปฏิบัติการวิจัย

ด้านไมโครไบโอมในระบบทางเดินอาหารแห่งแรกในไทยร่วมกับ AMILI ช่วยยกระดับการศึกษาไมโครไบโอมในระบบทางเดินอาหารจากกลุ่มตัวอย่างคนไทยเพื่อนำข้อมูลไปใช้พัฒนาการรักษาโรคและผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับคนไทยโดยเฉพาะ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างพัฒนาอาหารเสริมโพรไบโอติกส์เพื่อเสริมการรักษาโรคทางเดินอาหาร ลำไส้แปรปรวน และโรคอ้วน” นายแพทย์พิชิต กังวลกิจ กล่าวเสริม

 

นายแพทย์เจเรมี ลิมป์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ก่อตั้ง AMILI กล่าวว่า “AMILI มีฐานข้อมูลและตัวอย่างไมโคร ไบโอมจากคนหลากหลายเชื้อชาติ ทั้งยังเป็นธนาคารไมโครไบโอมแห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เราได้พัฒนา "AMILI PRIME" เครื่องมือวิเคราะห์ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท ที่ทำการทดสอบ วินิจฉัย ทำนายอัลกอริธึม และปรับเปลี่ยนไมโครไบโอมได้อย่างแม่นยำ ความร่วมมือครั้งนี้แสดงถึงความมุ่งมั่นของ รพ.วิมุตในการยกระดับบริการสุขภาพขึ้นไป อีกขั้นผ่านนวัตกรรมการตรวจไมโครไบโอม เราจะร่วมกันนำเสนอการตรวจสอบสุขภาพลำไส้และการนำวิธีปลูกถ่ายเชื้อจุลินทรีย์ในอุจจาระ (Fecal Microbiota Transplantation: FMT) เข้าสู่ตลาดประเทศไทย AMILI พร้อมทำงานร่วมกับโรงพยาบาลเพื่อส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีผ่านนวัตกรรมและเทคโนโลยีขั้นสูง ตามความตั้งใจของ รพ. วิมุตในการดูแลให้คนไทยมีสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน”

 

นายแพทย์กุลเทพ รัตนโกวิท แพทย์ผู้ชำนาญการโรคระบบทางเดินอาหารและตับระบบประสาทและการเคลื่อนไหวทางเดินอาหาร หัวหน้าศูนย์ทางเดินอาหารและตับ กล่าวว่า “หลายคนอาจไม่ทราบว่าการดูแลสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้เป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญของการทำงานที่เป็นปกติของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย หากจุลินทรีย์ในลำไส้เกิดภาวะไม่สมดุล เราอาจเผชิญกับอาการเจ็บป่วยต่างๆ อาทิ ลำไส้แปรปรวน ท้องผูก ท้องเสียเป็นประจำ ระบบการเผาผลาญไม่ดี อาจทำให้เสี่ยงเป็นโรคอ้วนได้ง่าย ๆหรือมีปัญหาเรื่องระบบภูมิคุ้มกันโดยไม่ทราบสาเหตุ Gut Microbiome Test ที่ รพ.วิมุต ช่วยตรวจจุลินทรีย์ในลำไส้ผ่านการตรวจอุจจาระ เพื่อให้แพทย์สามารถวิเคราะห์ความสมดุล (Balance) และความหลากหลาย (Diversity) ของจุลินทรีย์ในลำไส้ และวางแผนการปรับสมดุลในลำไส้ ซึ่งรวมถึงการปรับการรับประทานอาหารและปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ให้คนไข้แต่ละคนได้อย่างตรงจุด นอกจากนี้ อาจแนะนำให้รับประทานโพรไบโอติกส์ที่มีสูตรและสายพันธุ์จุลินทรีย์ที่เหมาะกับสุขภาพลำไส้ตามผลการตรวจจุลินทรีย์เฉพาะบุคคล เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากโพรไบโอติกส์”

สำหรับผู้ที่สนใจโปรแกรม Gut Microbiome Test ตรวจสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ สามารถติดต่อศูนย์ทางเดินอาหารและตับ ชั้น 5 โรงพยาบาลวิมุต ถนนพหลโยธิน พร้อมพบกับโปรโมชันพิเศษช่วงเปิดตัวโปรแกรม ในราคาเริ่มต้น 18,000 บาท สามารถโทรนัดหมาย 02-079-0034 เวลา 07.00-17.00 น. หรือใช้บริการ Telemedicine ปรึกษาแพทย์ออนไลน์ผ่าน ViMUT App คลิก https://bit.ly/372qexX

ลงนามเอ็มโอยูกับ Proxtera เพื่อเพื่อสร้างกรอบโครงสร้างแบบเปิดสำหรับสถาบันการเงินที่เข้าร่วม

Page 1 of 2
X

Right Click

No right click