การบริหารจัดการทรัพยากร ด้วยการใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และลดของเสียในกระบวนการผลิต ตามหลัก Circular Economy เป็นสิ่งที่หลายภาคส่วนนำไปปรับใช้ในองค์กรของตนเอง CPF เป็นหนึ่งในองค์กรที่มุ่งพัฒนากระบวนการบริหารจัดการของเสียและน้ำเสียที่เกิดจากมูลสัตว์ในฟาร์มเลี้ยงสุกร โรงงานผลิตอาหารสุกร จนถึงโรงงานชำแหละตัดแต่งและแปรรูปสุกร
บุคลากรของธุรกิจสุกร CPF ในประเทศไทย ร่วมกันสร้างสรรค์โครงการ “Waste No More สานต่อความยั่งยืน” เพื่อสานต่อการดำเนินธุรกิจที่มีส่วนรับผิดชอบต่อสังคม ทำให้ทั้งธุรกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน และสร้างคุณค่าร่วมกับชุมชนรอบด้าน จากความคิดริเริ่มที่บุคลากรทุกคนมองเห็นประโยชน์ของของเสีย แล้วสรรหานวัตกรรมและเทคโนลียีมาปรับเปลี่ยนให้เป็นของดีอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการลงมือปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม โดยนำของเสียที่ผ่านกระบวนการบำบัดและกระบวนการเผาไหม้กลับมาใช้ นับเป็นการหาแนวทางเปลี่ยนของเสียให้กลายเป็นของดี (Weste to Value) เกิดเป็นทรัพยากรที่มีคุณภาพ ทั้ง 4 ดี คือ “เถ้าดี น้ำปุ๋ยดี แก๊สดี กากตะกอนดี”
“เถ้าดี Feed สู่ Farm” เป็นการเปลี่ยนขี้เถ้าจากเตาเผาชีวมวลในกระบวนการที่ใช้ไอน้ำของโรงงานผลิตอาหารสุกร สู่ขี้เถ้าสำหรับฆ่าเชื้อแบคทีเรียแทนการใช้ปูนขาวในฟาร์มสุกรของเกษตรกรโครงการคอนแทรคฟาร์มมิ่ง โดยบริษัททำการทดลองและเก็บตัวอย่าง ส่งตรวจวิเคราะห์ผลกับห้องปฏิบัติการ AHDC และทำการทดลองร่วมกับ สำนักงานกรมโรงงานอุตสาหกรรมจังหวัดปราจีนบุรี กระทั่งได้รับใบอนุญาตให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ เป็นเถ้าดีที่ใช้ในฟาร์มต่างๆ ช่วยให้เกษตรกรลดค่าใช้จ่ายในการซื้อปูนขาวได้ถึงกว่า 3 แสนบาทต่อฟาร์ม/ปี
วิชัย ธนูแก้ว เกษตรกรคอนแทรคฟาร์มมิ่งเลี้ยงสุกร มานานกว่า 20 ปี เล่าว่า เมื่อก่อนใช้ปูนขาวโรยบริเวณหน้าฟาร์ม เวลาใช้มักมีอาการแสบตาแสบมือ เมื่อมีฝนตกก็จะชะล้างปูนขาวหายไปหมด หลังจากใช้เถ้าดีเวลาฝนตกลงมาค่า pH อยู่ประมาณ pH10 ยังคงความเป็นด่างอยู่ จึงมั่นใจในคุณภาพของเถ้าดีที่สามารถป้องกันโรคได้
“น้ำปุ๋ยดี สู่เกษตรกร” จากน้ำบำบัดสู่น้ำปุ๋ยที่สร้างมูลค่าทำให้พืชผลของเกษตรกรออกผลผลิตงดงาม เพราะน้ำปุ๋ยจากฟาร์มช่วยพยุงเมื่อยามน้ำขาดแคลน ลดภาระช่วยทดแทนปุ๋ยเคมี น้ำปุ๋ยนี้ได้จากการบำบัดน้ำเสียด้วยระบบไบโอแก๊ส ได้แก๊สมีเทน แปลงเป็นกระแสไฟฟ้า ทดแทนการซื้อไฟจากการไฟฟ้า เฉลี่ย 50- 70% สามารถบริหารจัดการน้ำนำกลับมาใช้ใหม่ (Recycle) ในหน่วยงานทั้งหมดโดยไม่ปล่อยสู่ภายนอก (Zero Discharge) ทั้งทำความสะอาดโรงเรือนและอุปกรณ์ ล้างพื้นและถนน เป็นน้ำพ่นระบบฟอกอากาศหลังโรงเรือน ใช้รดน้ำในพื้นที่สีเขียวและพื้นที่การเกษตรของหน่วยงาน อาทิ ผักสวนครัว สวนยาง สวนปาล์ม และสวนป่า ขณะเดียวกัน ในช่วงแล้งเกษตรกรพื้นที่ใกล้เคียง ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำและได้ขอนำน้ำปุ๋ยไปใช้ CPF จึงต่อยอดสู่ “โครงการปันน้ำปุ๋ยสู่เกษตรกรและชุมชน” สำหรับรดพืชสวน พืชไร่ ช่วยเกษตรกรผ่านพ้นวิกฤติแล้ง เพิ่มผลผลิต เพิ่มรายได้ และเป็นแหล่งเรียนรู้สร้างชุมชนที่เข้มแข็ง โครงการนี้ช่วยให้เกษตรกรลดค่าใช้จ่าย ทั้งลดการซื้อน้ำ ลดการใช้ปุ๋ยเคมี และต่อยอดสู่การสร้างศูนย์เรียนรู้ปราชญ์น้ำปุ๋ยที่เชี่ยวชาญการผสมน้ำกับพันธุ์พืชแต่ละชนิด
“แก๊สดี สู่ชุมชน” ฟาร์มสุกรโครงการคอนแทรคฟาร์มเลี้ยงสุกรขุน อ.แม่สาย จ.เชียงราย ซึ่งทำระบบไบโอแก๊ส ด้วยบ่อหมักแบบโดมคงที่ (Fixed dome) สามารถนำแก๊สที่ได้ต่อท่อลำเลียงแก๊สให้ชุมชน ในตำบลบ้านด้าย มากกว่า 30 ครัวเรือน การต่อท่อได้งบสนับสนุนครึ่งหนึ่งจากภาครัฐโดย อบต.บ้านด้าย ช่วยลดค่าใช้จ่ายแก๊สหุงต้มแก่ 30 ครัวเรือน ประมาณ 15 ถัง/เดือน วิสาหกิจชุมชนลดได้ 5 ถัง/เดือน แม่ค้าตลาด 4 ถัง/เดือน และโรงเรียนบ้านด้ายต่อยอดความสำเร็จสามารถผลิตแก๊สเองได้แล้ว
จำเริญ สุวรรณศร สมาชิกผู้ใช้แก๊สดีบ้านดงป่าสัก กล่าวว่า แก๊สที่ได้จากการหมักมูลสุกรถูกดึงเข้าสู่ท่อแก๊สหุงต้ม ช่วยลดรายจ่ายครัวเรือน จากเดิมใช้แก๊สหนึ่งถังได้ 1-2 เดือน เมื่อใช้แก๊สถังร่วมกับแก๊สชีวภาพ ถังหนึ่งอยู่ได้ถึง 4-5 เดือน นอกจากนี้ บริษัทยังต่อยอดขับเคลื่อนวิสาหกิจชุมชนและศูนย์ฝึกอาชีพตำบลบ้านด้าย ปันแก๊สดีใช้ต้มไข่เค็มพอกดินจอมปลวก แบรนด์ “ไข่เค็มไอโอดีน” และใช้ทอด “ข้าวเกรียบออร์แกนิคบ้านดงป่าสัก” เพื่อส่งเสริมการสร้างงานสร้างอาชีพชุมชน
“กากตะกอนดี สู่เกษตรกร” จากกากตะกอนในระบบไบโอแก๊สของทั้งฟาร์มสุกรและโรงงาน ที่ยังมีจุลินทรีย์ดี มีแร่ธาตุสารอาหารที่พืชต้องการ นำไปตากแห้งกลายเป็นปุ๋ยอินทรีย์ชั้นดี โดยมีเครือข่ายร่วมพัฒนา ทั้งสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด กรมพัฒนาที่ดิน หน่วยงานบริหารส่วนท้องถิ่น นักวิชาการเกษตร CPF และ CPP เพื่อส่งมอบปุ๋ยกากตะกอนให้เกษตรกรรอบหน่วยงาน รวมถึงโครงการผักปลอดภัยชุมชนบ้านด้าย ศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ โครงการในพระราชดำริ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ช่วยลดการใช้ปุ๋ยเคมี ลดต้นทุนการผลิต เพิ่มรายได้ ขณะเดียวกัน ฟาร์มในโครงการส่งเสริมฯ สามารถเพิ่มรายได้เสริมจากการกรอกปุ๋ยกากตะกอน
บันเทิง ผลเจริญ ปราชญ์ปุ๋ยกากตะกอนสวนผลไม้ กล่าวว่า กากตะกอนดี ช่วยลดต้นทุนการผลิตได้กว่า 50% ซื้อปุ๋ยเคมีลดลงมากกว่าครึ่ง กากตะกอนดีได้มาฟรีๆนำมาหมักรวมกับกากน้ำตาล ทำให้ผลผลิตดีขึ้น ดินก็ไม่เสียด้วย
"Waste No More สานต่อความยั่งยืน" โครงการซึ่งเกิดจากความคิดสร้างสรรของพนักงานธุรกิจสุกรของซีพีเอฟ ที่ได้รับรางวัลโดดเด่นในการประกวด CPF Sustainability in Action Awards 2024 เป็นต้นแบบของโครงการที่มีแนวปฏิบัติที่ดี ตอบโจทย์การใช้ทรัพยากรอย่างรู้คุณค่าและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ยังสะท้อนถึงความตระหนัก ความตั้งใจ ในการมีส่วนร่วมขับเคลื่อนเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net-Zero) ถ่ายทอดและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างพนักงานและชุมชนรอบข้าง สร้างคุณค่าคืนสู่สังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
แบรนด์ CP ในกลุ่มบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอาหารคุณภาพ ปลอดภัย เปิดประสบการณ์ 'ไส้กรอกซีพี มินิค็อกเทล ไซซ์เล็ก สนุกใหญ่' ตอกย้ำความอร่อยของไส้กรอก มินิค็อกเทล ขนาดพอดีคำ เนื้อแน่น กินเพลิน พร้อมบรรจุภัณฑ์โฉมใหม่ ที่ได้ SAHREDTOY หรือ คุณต๊อด อาร์ตติสชื่อดังระดับประเทษศมาออกแบบลวดลายคาเรคเตอร์การ์ตูน ชูรสชาติของ ไส้กรอก ซีพี มินิค็อกเทล ทั้ง 4 ให้โดดเด่น ง่ายต่อการเลือกซื้อตามใจชอบ ด้วยกระแสตอบรับที่ดี แบรนด์ CP จึงจัดกิจกรรม Exclusive กับ พีพี-กฤษฏ์ อํานวยเดชกร พรีเซนเตอร์ขวัญใจคนรุ่นใหม่ ที่ใส่ใจตัวเองและเต็มที่กับทุกๆ กิจกรรม
ภายในงาน ผู้ร่วมงานได้ร่วมสนุกกับกิจกรรมหลักแบ่งออกเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงเช้า เพลิดเพลินกับการถ่ายภาพ เมืองจำลอง “ไส้กรอก มินิค็อกเทล" แชะ โพสต์ แชร์ลงโชเชียลกันอย่างจุใจ และช่วงบ่าย เป็นกิจกรรมที่ทุกคนรอคอย กับพรีเซ็นเตอร์สุดฮอตแห่งปี ด้วยไฮไลท์พื้นที่ Exclusive Seats พิเศษกว่าใคร สำหรับ 'Lucky Fans' จำนวน 100 คนจากการร่วมสนุกผ่านช่องทางออนไลน์ ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีเซอร์ไพรส์สุดพิเศษที่ ไส้กรอก ซีพี มินิค็อกเทล ร่วมกับเหล่าแฟนคลับทำ Fan’s Project ให้แก่ พีพี-กฤษฏ์ โดยเฉพาะอีกด้วย
นางสาวอนรรฆวี ชูรัตน์ ผู้บริหารสูงสุด สายงานการตลาดกลาง ซีพีเอฟ กล่าวว่า ไส้กรอก ซีพี มินิค็อกเทล เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ CP ที่ได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคมาอย่างยาวนาน ด้วยรูปลักษณ์ขนาดพอดีคำ รับประทานง่าย ได้ทุกที่ทุกเวลา มีให้เลือก 4 รสชาติ คือ คลาสสิค สไปซี่ แฮมเบคอน และบาร์บีคิว ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z ที่มีกิจกรรมมากมายในแต่ละวัน ต้องการความสะดวก รวดเร็ว และอิ่มท้อง สำหรับการร่วมงานกับน้องพีพีครั้งนี้ รู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก ที่ได้แฟนตัวยงของ ไส้กรอก ซีพี มินิค็อกเทลมาร่วมแบ่งปันความชื่นชอบแก่ผู้บริโภคคนรุ่นใหม่โดยตรง
ด้าน พีพี-กฤษฏ์ อำนวยเดชกร กล่าวถึงความประทับในฐานะพรีเซ็นเตอร์ ไส้กรอก ซีพี มินิค็อกเทล ว่า อย่างแรกที่ชอบ คือ ขนาดที่มีความมินิพอดีคำ รับประทานง่าย ไม่เลอะมือ เหมาะกับเป็นของว่างหรือรองท้องในทุกโอกาส ไม่ว่าจะเป็น ดูหนัง ดูซีรีส์ เล่นเกม คุยโทรศัพท์ หรือหิวตอนขับรถ ชอบและรับประทานเป็นประจำอยู่ 2 รส คลาสสิคและแฮม เบคอน และที่โดนใจมาก แพกเกจจิ้งใหม่ลายการ์ตูน ที่ออกแบบได้น่ารักสดใสมาก อยากชวนทุกคนมาลองซีพี มินิค็อกเทล ไซซ์มินิ ความอร่อยไซซ์บิ๊กมาก
นางสาวอนรรฆวี กล่าวเพิ่มเติม สำหรับผลิตภัณฑ์ในกลุ่มไส้กรอก ซีพีเอฟมุ่งมั่นที่จะตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ด้วยแนวคิด ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Consumer Centric) ทำความเข้าใจ คิดค้น และพัฒนาอาหารให้มีคุณภาพสูง สะอาด ปลอดภัย หลากหลายสามารถตอบโจทย์ความต้องการของทุกกลุ่มเป้าหมายให้ได้มากที่สุด ปีนี้มีการเปิดตัวแบรนด์ CP Halal ไส้กรอกไก่คุณให้ภาพที่ได้มาตรฐานฮาลาล เพิ่มทางเลือกกลุ่มผู้บริโภคในพื้นที่ภาคใต้ และพี่น้องมุสลิม รวมถึงอกไก่แผ่นสไลด์รมควัน CP Delight ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ไส้กรอกรูปแบบใหม่ เหมาะสำหรับผู้บริโภคที่ใส่ใจเรื่องแคลอรี่ของอาหารทุกคำที่รับประทาน
บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ สานต่อโครงการ “ต่อชีวิตช้างไทย” จับมือพันธมิตรและคู่ค้าอาหารสัตว์บกทั่วประเทศ ร่วมบริจาคแต้ม (Point) สมทบทุนซื้ออาหารช้าง ช่วยเหลือช้างกลุ่มเปราะบาง อาทิ ช้างป่วย ช้างชรา ช้างแม่ลูกอ่อน ที่ได้รับผลกระทบจากมหาอุทกภัย ผนึกกำลังร้านเชียงใหม่ธนากุล ร่วมส่งมอบอาหารช้างเอราวัณ รวม 12 ตัน กระจายสู่ปางช้างแม่สา และปางช้างแม่แตง จ.เชียงใหม่ ตลอดจน สถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ฯ หรือศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยลำปาง
นายฤทธิชัย ภูมิอมร ผู้อำนวยการอาวุโส ธุรกิจอาหารสัตว์บก ซีพีเอฟ เปิดเผยว่า ซีพีเอฟร่วมร้อยเรียงความดีเดินหน้าโครงการ “ต่อชีวิตช้างไทย” มอบอาหารคุณภาพให้ช้างอิ่มท้อง สร้างสุขภาพดี นับตั้งแต่วิกฤติช้างไทยในสถานการณ์โควิด-19 ที่บริษัทได้ส่งต่ออาหารช้างให้กับหลายหน่วยงานที่ช่วยเหลือช้าง จนถึงอุทกภัยครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของช้างโดยตรง ซีพีเอฟในฐานะผู้ผลิตอาหารช้าง ที่มุ่งสร้างสังคมแห่งการแบ่งปันร่วมกัน จึงจับมือพันธมิตรและคู่ค้าอาหารสัตว์บกทั่วประเทศ ขยายผลสร้างเครือข่ายช่วยเหลือช้าง แบ่งเบาภาระผู้เลี้ยงช้างกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบ ด้วยการส่งต่ออาหารที่เพียงพอ มีคุณค่าทางโกชนาการ ช่วยแก้ไขปัญหาภาวะทุพโภชนาการให้กับช้างไทย
“โครงการ “ต่อชีวิตช้างไทย” เป็นนวัตกรรมทางสังคมในการสร้างการมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสังคม ทั้งเกษตรกรที่เป็นลูกค้าอาหารสัตว์บกซีพีเอฟ คู่ค้า และทุกภาคส่วนมาร่วมกันอนุรักษ์ช้าง ด้วยการนำแต้ม CPF Feed Point จากช่องทางออนไลน์ และแอปพลิเคชัน CP SmartMORE มาแลกเป็นอาหารช้าง ขอขอบคุณทุกคนที่ร่วมกันบริจาคแต้มเปลี่ยนให้เป็นอาหารช้าง ส่งต่อไปยังช้างกลุ่มเป้าหมาย ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี และขอบคุณเชียงใหม่ธนากุล ร้านตัวแทนจำหน่ายอันดับหนึ่งของอาหารสัตว์บก ที่ช่วยอำนวยความสะดวกเรื่องการขนส่งอาหารในครั้งนี้ ” นายฤทธิชัย กล่าว
ทางด้าน นางอัญชลี กัลมาพิจิตร ผู้บริหารปางช้างแม่สา กล่าวว่า ปางช้างแม่สาก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2519 เรารู้จักอาหารช้างเอราวัณ ของซีพีเอฟมานานกว่า 20 ปี และเป็นผู้ใช้จริง ปัจจุบันนำอาหารเสริมนี้ผสมหญ้าให้กับช้างชราซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบาง ที่ต้องการวิตามิน เกลือแร่เพิ่มมากขึ้นกว่าช้างแข็งแรงและอายุยังน้อย ดีใจมากที่ทางซีพีเอฟ เชียงใหม่ธนากุล และพันธมิตร มามอบอาหารเม็ดให้กับช้างในปางช้างแม่สา โครงการต่อชีวิตช้างไทยนี้ถือเป็นความร่วมมือของเกษตรกรที่ซื้ออาหารไปให้สัตว์ของตนเองและมีการสะสมแต้มจนเป็นที่มาของการแบ่งปันเช่นนี้
ด้าน น.สพ.ดร.ทวีโภค อังควานิช หัวหน้าฝ่ายอนุรักษ์ช้าง สถาบันคชบาลแห่งชาติ ในพระอุปถัมภ์ฯ กล่าวว่า ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยลำปาง นอกจากมีช้างในความดูแลแล้ว ยังมีรถเคลื่อนที่ออกไปช่วยเหลือช้างภายนอกด้วย ดูแลช้าง 90% ของภาพรวมทั้งหมด ที่ผ่านมาช้างต้องประสบปัญหาทั้งโควิด-19 ภัยแล้ง จนถึงภัยน้ำท่วม เกิดความผันผวนทางธรรมชาติที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่และอาหารของช้าง การที่ซีพีเอฟเข้ามาสนับสนุนเช่นนี้จึงเป็นการช่วยพยุงชีวิตให้กับช้างไทย ขอบคุณซีพีเอฟและทีมงานจิตอาสาทุกคนที่นึกถึงช้าง และร่วมสนับสนุนศูนย์ฯของเราในทุกๆปี
ส่วน นายสุพงษ์ ลักษณ์ธนากุล ผู้บริหารเชียงใหม่ธนากุลกรุ๊ป กล่าวว่า เชียงใหม่ธนากุลทำกิจกรรมดีๆร่วมกับซีพีเอฟ ด้วยโครงการต่อชีวิตช้างไทย ร่วมกันบริจาคอาหารช้างให้กับปางช้างแม่สา ปางช้างแม่แตง และสถาบันคชบาลลำปาง ขอขอบคุณซีพีเอฟที่ริเริ่มโครงการเพื่อช้างและขอเชิญชวนทุกคนมาทำกิจกรรมดีๆเช่นนี้ต่อไป
ซีพีเอฟ นำศักยภาพของบริษัทด้านการเป็นผู้นำการผลิตอาหารสัตว์คุณภาพ มาต่อยอดสู่การช่วยเหลือช้าง ผ่านโครงการ “ต่อชีวิตช้างไทย” ปีที่ 3 ด้วยการมอบอาหารช้างเอราวัณ ผลิตจากโรงงานผลิตอาหารสัตว์บกหนองแค จ.สระบุรี เพื่อร่วมบรรเทาปัญหาของปางช้างพื้นที่ภาคเหนือ ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัย นอกจากการท่องเที่ยวที่หยุดชะงักแล้ว หลังภาวะน้ำหลากทำให้พื้นที่แหล่งอาหารธรรมชาติถูกทำลาย ส่งผลให้ช้างเลี้ยงในแต่ละปางช้างต้องขาดแคลนอาหาร สุขภาพร่างกายอ่อนแอลง อาหารช้างเอราวัณ E3 มีส่วนสำคัญที่ทำให้ช้างมีอาหารเสริมที่มีคุณภาพ มีคุณค่าโภชนาการอาหารสัตว์ ทั้งโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุ ใช้ส่วนผสมวัตถุดิบจากพืช มีเยื่อใยสูงเหมาะสำหรับช้างทุกระยะ
ทั้งนี้ การซื้อขายอาหารสัตว์บกซีพีเอฟผ่านร้านตัวแทนจำหน่ายในระบบออนไลน์ จะได้รับแต้ม CPF Feed Point ในทุกการใช้จ่าย 100 บาท มีค่าเท่ากับ 1 แต้ม รวมถึงเกษตรกรโคนมที่ใช้แอปพลิเคชัน CP SmartMORE ในทุก 29 แต้ม ซีพีเอฟจะสบทบทุนเพิ่มเป็น 100 บาท เปลี่ยนเป็นอาหารช้างส่งต่อสู่กลุ่มช้างเปราะบางทั่วประเทศ สามารถร่วมบริจาคแต้มสมทบทุนเป็นอาหารช้างได้ เพื่อกระจายความช่วยเหลือสู่ช้างทั่วประเทศ สำหรับผู้สนใจสามารถบริจาคสมทบทุนซื้ออาหารช้างได้ที่ https://liff.line.me/1654713008-raEmYnyj หรือแอดไลน์ @cpffeedonline ในอนาคตโครงการฯ จะต่อยอด การนำแต้มมาบริจาคให้หลากหลายมากยิ่งขึ้น จาก “ต่อชีวิตช้างไทย” สู่การต่อชีวิตเด็กไทย และการต่อชีวิตสิ่งแวดล้อมไทย สิ่งแวดล้อมโลก
ตามที่ กรมอนามัย แนะ 'ไข่' สามารถกินได้วันละฟองตั้งแต่ปฐมวัย เพราะมีคุณประโยชน์ ช่วยเพิ่มไขมันดี HDL สูง ช่วยบาลานซ์โปรตีนที่ร่างกายต้องการต่อวัน เสริมสร้างพัฒนาการอย่างเหมาะสม และมีสุขภาพแข็งแรง ลดความเสี่ยงจากกลุ่มโรค NCDs หรือ โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (Non-communicable Disease) สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง หรือมีความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจ ควรปรึกษาแพทย์หรือนักโภชนาการ สำหรับปริมาณการกินที่ถูกต้องเหมาะสม
สำหรับ วันไข่โลก หรือ World Egg Day ถูกกำหนดขึ้นตรงกับศุกร์ที่ 2 ในเดือนตุลาคมของทุกปี บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ และ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) จัดกิจกรรม 'Celebrate World Egg Day กินไข่เสริมโปรตีนดีๆ' แจกไข่สมุนไพร แบรนด์ CP จำนวน 1,500 ฟอง แก่ผู้บริโภคกลุ่มวัยทำงาน รวมถึงมีบูธถ่ายภาพ จุดแชะ & แชร์คนสุขภาพดี เพื่อสร้างการตระหนักรู้ว่า ไข่ คือ แหล่งโปรตีนที่ดีที่สุดจากธรรมชาติ อุดมไปด้วยสารอาหารที่หลากหลาย เช่น วิตามิน A, B1, B2 และแร่ธาตุต่างๆ ที่ร่างกายดูดซึมไปใช้ได้ง่ายกว่าอาหารอื่นๆ
ซีพีเอฟ ขอเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินตามนโยบายภาครัฐ เพื่อส่งเสริมให้ทุกคนมีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง เริ่มต้นจากการกินโปรตีนดีๆ เช่น ไข่ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองยุคใหม่ที่ชีวิตเร่งรีบ เพิ่มโอกาสในการเลือกมื้ออร่อยกับการต้มในระดับความสุกต่างๆ สร้างความหลากหลาย เข้าได้กับทุกเมนู ไม่ว่าจะเป็น ความสุกแบบที่คุ้นเคยกับไข่ต้มที่สุกเป็นเนื้อครีม สุกเยิ้มอย่างไข่ลวกลาวา และอีกหลากหลายความสุก เช่น ไข่ต้มยางมะตูม ไข่ออนเซ็นสไตล์ญี่ปุ่น หรือกลุ่มไข่ต้มปอกเปลือก ไข่ต้มสมุนไพร ผ่านกระบวนการและเทคโนโลยีการผลิตแบบอัตโนมัติและควบคุมด้วยหุ่นยนต์ เพื่อคงคุณภาพสม่ำเสมอ มั่นใจในความสะอาด ปลอดภัย พร้อมทั้งราคาที่ทุกคนเข้าถึงได้
ด้าน ซีพี ออลล์ ผู้จัดจำหน่ายเห็นการเติบโตของการบริโภคไข่ของคนไทยสูงขึ้นมากทุกปี เช่น ผลิตภัณฑ์ไข่แปรรูปพร้อมกินเป็นสินค้าที่ขายดี เนื่องจากสามารถนำมากินคู่กับอาหารอื่นๆ เช่น ข้าวกล่อง สลัด หรือโจ๊ก ซึ่งเป็นสิ่งที่เราพยายามผลักดันอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้บริโภคได้เข้าถึงอาหารคุณภาพดีในราคาที่เอื้อมถึงได้มากที่สุด ในอนาคตร้านเซเว่น อีเลฟเว่น หวังว่าจะเป็น Egg Destination ที่ช่วยให้คนเมืองยุคใหม่ได้เข้าถึงเมนูไข่พร้อมกินในทุกมื้อ
ผลิตภัณฑ์ 'ไข่ต้ม CP' ยังมีกิจกรรมดีๆ อีกเพียบ สามารถติดตามข่าวสารเเพิ่มเติมได้ ผ่านช่องทาง Social Media ของทางแบรนด์ ได้แก่ Facebook : CP Brand, Twitter : CPBrand, TikTok : cpbrand_thailand
บริษัท เจริญโภคภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ โดยแบรนด์ CP รับ 6 รางวัลความเป็นเลิศด้านการตลาดแห่งปี 2024 (Marketing Excellence Awards 2024) จากผลงานแคมเปญอันโดดเด่นในระดับนานาชาติ “ไก่ไทยจะไปอวกาศ” คว้ารางวัล 2 สาขาในระดับ Gold ได้แก่ สาขา Excellence in Brand Strategy สุดยอดแคมเปญที่มีการวางกลยุทธ์เป็นเลิศ และ Excellence in Communications แคมเปญที่มีผลงานด้านการสื่อสารโดดเด่นที่สุดของปี
ขณะเดียวกัน แคมเปญ “ไก่ไทยจะไปอวกาศ” ยังคว้าอีก 2 รางวัลระดับ Bronze ในสาขา Excellence in TV / Video Advertising แคมเปญโฆษณาทางโทรทัศน์และวิดีโอยอดเยี่ยม และสาขา Marketing Team of the Year ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้แก่สุดยอดทีมเวิร์ค ที่รวมพลังความคิดและสร้างสรรค์ผลงานการตลาดอันเป็นเลิศ
นอกจากนี้ แคมเปญ "ไส้กรอกแบรนด์ CP Extreme Cheese Lava" ยังสามารถคว้าอีก 2 รางวัลจากเวทีเดียวกัน ประกอบด้วย ระดับ Silver Award สาขา Excellence in Out-of-Home Advertisement แคมเปญโฆษณาบนสื่อนอกบ้านยอดเยี่ยม และระดับ Bronze ในสาขา Excellence in Interactive Marketing AR & VR สาขาการตลาดออนไลน์ใช้เทคโนโลยี AR & VR
นางสาวอนรรฆวี ชูรัตน์ ผู้บริหารสูงสุด สายงานการตลาดกลาง ซีพีเอฟ กล่าวว่า รางวัลที่ได้รับ 6 รางวัลสะท้อนความสำเร็จของกลยุทธ์การตลาดและสร้างการเติบโตของธุรกิจ โดยเฉพาะ แคมเปญ ไก่ไทยจะไปอวกาศ และ ไส้กรอก CP Extreme Cheese Lava ซึ่งให้ความสำคัญกับการตอบโจทย์ความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภค มาจากการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคแบบเชิงลึก สามารถสื่อสารเพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภคจนเกิดความเชื่อมั่นต่อแบรนด์ นำไปสู่การซื้อซ้ำในระยะยาว
รางวัลที่ได้รับ แคมเปญ ไก่ไทยจะไปอวกาศ' เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ว่า มาตรฐานความปลอดภัยของเนื้อไก่แบรนด์ CP ที่ก้าวสู่ความปลอดภัยระดับอวกาศ 'Space Safety Standard' ตามหลักเกณฑ์ความปลอดภัยด้านอาหารขององค์การ NASA ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับเดียวกับที่นักบินอวกาศสามารถรับประทานได้ ที่ผ่านมา ซีพีเอฟมีการจัดกิจกรรมสื่อสารทางการตลาดให้ผู้บริโภคได้มีส่วนร่วมภาคภูมิใจความสำเร็จในระดับประเทศ โดยเปลี่ยนใจกลางสยามสแควร์ ให้เป็นสถานีอวกาศ จนขึ้นอันดับ 1 Trend X ประเทศไทย และอันดับ 3 ของโลก ตลอดจนสร้างยอดขายในประเทศเติบโตขึ้น 11% และขยายผลสร้างผลลัพท์ที่ดีต่อธุรกิจสู่ระดับนานาชาติ
ส่วน แคมเปญ 'ไส้กรอก Extreme Cheese Lava' เน้นกลยุทธ์การสื่อสารที่สามารถเข้าถึงและมัดใจผู้บริโภค 'เจน Z & Alpha' ได้ ด้วยการใช้นวัตกรรม AR และ VR รวมถึง 'ROBLOX' เกม Virtual World เป็นช่องทางในการสื่อสาร และใช้ภาษาที่สร้างความใกล้ชิดกับคนรุ่นใหม่ เพื่อเจาะกลุ่มเด็กนักเรียนและผู้ที่ชื่นชอบกิจกรรมท้าทาย ด้วยการเนรมิตสถานีรถไฟฟ้า BTS และ MRT ให้เป็นเมืองชีสฉ่ำที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งสามารถกระตุ้นยอดขายในกลุ่มไส้กรอกได้เพิ่มขึ้น 25%
รางวัล Marketing Excellence Awards จัดโดย MARKETING-INTERACTIVE นิตยสารออนไลน์ชั้นนำระดับเอเชีย ด้านการโฆษณาและการตลาด ประเทศสิงคโปร์ ที่เข้าถึงกลุ่มผู้บริหารด้านการตลาดทั้งในเอเชีย เป็นรางวัลที่มอบให้ผลงานด้านการตลาด การโฆษณาเชิงสร้างสรรค์ การประชาสัมพันธ์ การวิจัยการตลาด และการสื่อสารการตลาดที่โดดเด่นของภูมิภาค