นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานประธานในพิธี และเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจความร่วมมือ ระหว่างกระทรวงสาธารณสุข การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน เรื่อง การบูรณาการเพื่อการคุ้มครองผู้ใช้พลังงานที่เป็นผู้ป่วย ซึ่งมีความจําเป็นที่จะต้องใช้ไฟฟ้าในการเดินเครื่องมือทางการแพทย์เพื่อการรักษาพยาบาล เพื่อวางกรอบความร่วมมือในการบูรณาการทำงานคุ้มครองสิทธิผู้ใช้พลังงานเชิงรุก ให้ผู้ใช้พลังงานที่มีผู้ป่วยที่อยู่ในความดูแลได้รับการยกเว้นการงดจ่ายไฟฟ้าในทุกกรณี โดยมี นายพูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน นายแพทย์วีรวุฒิ อิ่มสำราญ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายวิลาศ เฉลยสัตย์ ผู้ว่าการ MEA หรือการไฟฟ้านครหลวง นายศุภชัย เอกอุ่น ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจความร่วมมือดังกล่าว ณ ห้องประชุม 9 ชั้น 15 กระทรวงพลังงาน อาคาร บี ศูนย์เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์
ผู้ว่าการ MEA กล่าวว่า MEA ในฐานะหน่วยงานรับผิดชอบด้านระบบจำหน่ายไฟฟ้าในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ พร้อมตอบสนองต่อนโยบายรัฐบาล ในการยกเว้นการงดจ่ายไฟฟ้าได้ในกรณีที่ผู้ใช้ไฟฟ้า หรือผู้ใช้ไฟฟ้าที่มีบุคคลอยู่ในความดูแล หรือมีผู้ป่วยที่มีความจำเป็นต้องใช้ไฟฟ้า ในการเดินเครื่องมือทางการแพทย์เพื่อการรักษาพยาบาล ซึ่งนโยบายดังกล่าว MEA ดำเนินการตามประกาศของ สำนักงาน กกพ. มาอย่างต่อเนื่อง โดยการลงนามบันทึกความเข้าใจในครั้งนี้ถือเป็นก้าวที่สำคัญในการดูแลผู้ป่วยที่มีความจำเป็นต้องใช้ไฟฟ้าเพื่อเดินเครื่องมือทางการแพทย์ โดยเปลี่ยนเป็นการทำงานเชิงรุกผ่านการบูรณาการข้อมูลร่วมกับหน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งจะช่วยให้ MEA สามารถเข้าถึง และดูแลผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนดูแลระบบจำหน่ายไฟฟ้า เพื่อให้กลุ่มผู้ป่วยที่จำเป็นต้องใช้ไฟฟ้าในการเดินเครื่องมือทางการแพทย์ได้รับพลังงานไฟฟ้าอย่างเพียงพอ และต่อเนื่อง ไม่เป็นอันตรายต่อต่อสุขภาพผู้ป่วย
นอกจากนี้ การบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานดังกล่าว ยังครอบคลุมถึงการร่วมกันพัฒนาฐานข้อมูล หรือแลกเปลี่ยนข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองผู้ใช้พลังงานที่เป็นผู้ป่วย ซึ่งมีความจำเป็นที่จะต้องใช้ไฟฟ้าในการเดินเครื่องมือทางการแพทย์เพื่อการรักษาพยาบาล เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานในแต่ละหน่วยงานสามารถเข้าถึงข้อมูลได้โดยสะดวก เป็นปัจจุบัน และสามารถนำไปใช้ตามอำนาจหน้าที่ของแต่ละหน่วยงานได้ ตลอดจนสนับสนุน เผยแพร่ข้อมูล และเสริมสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่ประชาชนผู้ใช้พลังงานที่หน่วยงานภาครัฐได้ให้ความคุ้มครอง เกี่ยวกับการได้รับสิทธิการยกเว้นการงดจ่ายไฟฟ้าสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้า หรือผู้ใช้ไฟฟ้าที่มีบุคคลอยู่ในความดูแล หรือ มีผู้ป่วยที่ต้องใช้ไฟฟ้าในการเดินเครื่องมือทางการแพทย์เพื่อการรักษาพยาบาล มิให้ได้รับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพ ที่อาจจะเกิดขึ้นจากการงดจ่ายไฟฟ้า
อย่างไรก็ตาม การร่วมมือครั้งนี้ยังแสดงถึงความมุ่งมั่นของ MEA และหน่วยงานพันธมิตรในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างยั่งยืน โดยมุ่งหวังให้การคุ้มครองผู้ใช้พลังงานที่เป็นผู้ป่วยติดเตียงหรือผู้ป่วยที่ต้องพึ่งพาเครื่องมือทางการแพทย์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและครอบคลุมทั่วทุกพื้นที่ ตลอดจนสร้างความเชื่อมั่นในระบบบริการด้านพลังงานที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้ MEA พร้อมเดินหน้าทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน เพื่อให้การจัดการด้านพลังงานเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาคุณภาพชีวิต และสร้างความมั่นคงให้แก่ประชาชนในทุกมิติ อันสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาประเทศที่ยั่งยืนในอนาคต
การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) จับมือชไนเดอร์ อิเล็คทริค มุ่งสู่การเป็นดิจิทัลยูทิลิตี้ และเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน พร้อมเตรียมระบบรองรับตลาดไฟฟ้าเสรีในอนาคต ตามโครงการเพิ่มประสิทธิภาพระบบศูนย์สั่งการจ่ายไฟ (คปศ.) โดยใช้เทคโนโลยี EcoStruxure™ ADMS (Advanced Distribution Management System) ของ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ที่สามารถวิเคราะห์ และสนับสนุนการสั่งจ่ายไฟฟ้าที่มี DERs (Distributed Energy Resources) กระจายตัวอยู่ในระบบส่งและระบบจำหน่าย ให้พนักงานศูนย์ควบคุมการจ่ายไฟ สามารถควบคุมระบบไฟฟ้าให้มีเสถียรภาพ ความมั่นคงและปลอดภัยแก่ผู้ใช้ไฟฟ้าในพื้นที่ให้บริการของ PEA ได้อย่างมีประสิทธิภาพ รองรับการขยายขอบเขตเพื่อมุ่งเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงในอนาคต อาทิ การเป็น Distribution System Operator (DSO) เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ระบบไฟฟ้าเสรีในอนาคต
PEA มีเป้าหมายสูงสุดในมิติด้านความยั่งยืน คือ การให้ประชาชนในประเทศเข้าถึงพลังงานไฟฟ้าสะอาดและมีคุณภาพอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม สร้างความสมดุลให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตควบคู่กับสังคมและสิ่งแวดล้อมร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างยั่งยืน โดย EcoStruxure™ ADMS ของชไนเดอร์ อิเล็คทริค เป็นเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับงานควบคุมการสั่งการจ่ายไฟฟ้า ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับระบบศูนย์สั่งการจ่ายไฟ และเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่เป็นพลังขับเคลื่อนสู่การเป็น Digital Utility ตามวิสัยทัศน์ “SMART ENERGY FOR BETTER LIFE AND SUSTAINABILITY ไฟฟ้าอัจฉริยะเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน”
ในปัจจุบัน กฟภ. กำลังดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพระบบศูนย์สั่งการจ่ายไฟ (คปศ.) และพร้อมเดินหน้าอย่างต่อเนื่องเพื่อไปสู่เป้าหมายดิจิทัลยูทิลิตี้ และ Green Grid โดยใช้เทคโนโลยี EcoStruxture ADMS ที่มี Software Module สำคัญที่ใช้ในการบริหารจัดการแหล่งพลังงานแบบกระจายตัว (DERMS) และช่วยในการสนับสนุนให้บริการทางด้านพลังงานไฟฟ้า ซึ่งเทคโนโลยีข้างต้นจะเป็นระบบหลักของสายงานปฏิบัติการและบำรุงรักษา ที่มีการเชื่อมโยงระหว่างระบบบริหารจัดการการดำเนินงานด้านปฏิบัติการ (OT) และ ระบบบริหารจัดการข้อมูลด้านสานสนเทศ (IT) เพื่อให้ประชาชนและภาคธุรกิจต่างๆ ได้มีไฟฟ้าใช้ในการดำรงชีวิต การประกอบอาชีพ และขับเคลื่อนธุรกิจต่างๆ ได้ตามเป้าหมาย อีกทั้งยังช่วยให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสามารถบรรลุเป้าหมายแห่งชาติในการลดการปล่อยคาร์บอนให้เป็นศูนย์ตามแผนงานในอนาคตอีกด้วย
นายปราโมทย์ สุดทรัพย์ รองผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เผยว่า “แพลตฟอร์ม EcoStruxture ADMS ของ ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค นำเข้ามาใช้งานทดแทนระบบเดิมในเร็วๆ นี้ โดยจะเข้ามามีบทบาทในการช่วยให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคสามารถไปสู่เป้าหมายในการเป็นดิจิทัลยูทิลิตี้ได้อย่างราบรื่น เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายแห่งชาติ ในการลดการปล่อยคาร์บอนให้เป็นศูนย์ และยังนำไปสู่การเตรียมพร้อมรองรับตลาดไฟฟ้าเสรีที่จะเกิดขึ้นในประเทศไทยตามนโยบายของภาครัฐในอนาคต เรามองว่าการเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมกับสภาวะการปัจจุบัน รวมถึงความพร้อมในการขยับขยาย และการปรับปรุงเพิ่มเติม เพื่อให้รองรับกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจึงเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่ง”
PEA มีนโยบายการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาสนับสนุนการดำเนินงานเพื่อมุ่งสู่การเป็นองค์กรดิจิทัล (Digital Transformation) เพื่อเพิ่มคุณภาพและประสิทธิภาพ ในการให้บริการทางด้านพลังงานไฟฟ้า เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ไฟฟ้าที่หลากหลาย และตอบสนองนโยบายของภาครัฐในการส่งเสริมให้มีแหล่งพลังงานทางเลือกมากขึ้นเพื่อลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก จากแผนปฏิบัติการลดก๊าชเรือนกระจกของประเทศ สาขาพลังงาน ปี พ.ศ. 2564- 2573 ของกระทรวงพลังงาน จึงเร่งเดินหน้าเต็มที่ทั้งเพื่อประชาชน และเพื่อประเทศเพื่อสร้างภาพรวมด้านพลังงานที่ยั่งยืน
นายสเตฟาน นูสส์ ประธานกลุ่มคลัสเตอร์ ดูแลประเทศไทย เมียนมา และลาว ชไนเดอร์ อิเล็คทริค เผยว่า “เรารู้สึกภาคภูมิใจ ที่ได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาศักยภาพของระบบศูนย์สั่งการจ่ายไฟของ กฟภ. โดยศูนย์ PEA ADMS Control Center เป็นศูนย์ควบคุมส่วนกลางด้านไฟฟ้า ด้วยโซลูชั่น ADMS ของชไนเดอร์ อิเล็คทริค มั่นใจได้ว่า จะช่วยให้ประเทศไทยได้ใช้พลังงานได้อย่างมีเสถียรภาพมากขึ้นด้วย ช่วยให้ กฟภ. สามารถมองเห็นความเป็นไปของระบบไฟฟ้าได้ทั้งระบบ พร้อมการวิเคราะห์ การคาดการณ์แนวโน้ม สามารถแก้ไขปัญหาได้ก่อนที่จะเกิดขึ้น เมื่อต้องมีการเชื่อมต่อกับไมโครกริดผู้ให้บริการรายต่างๆ ในอนาคต ช่วยให้ระบบไฟฟ้าของประเทศมีความยั่งยืน เป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศในภาพรวม เพราะพลังงานเปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ในการหล่อเลี้ยงธุรกิจทุกอุตสาหกรรมของประเทศ”
นอกจากนี้ ภายในงานยังมี นายฌอง ปาสคาล ตริคัวร์ ประธานบริหาร ชไนเดอร์ อิเล็คทริค และนายอเล็กซิส เกรนอน รองประธานอาวุโส ธุรกิจดิจิทัลกริด จากชไนเดอร์ อิเล็คทริค รวมถึงผู้บริหารอีกหลายท่านมาร่วมแสดงความยินดีกับการนำร่องใช้งาน ศูนย์ PEA ADMS Control Center ซึ่งกำลังจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการและใช้งานอย่างเต็มรูปแบบในอนาคตอันใกล้