December 05, 2025

‘กรุงศรี ออโต้ โบรคเกอร์’ นายหน้าประกันภัย ภายใต้บริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) ในเครือธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ตอกย้ำการเป็นแบรนด์ ที่ปรึกษาด้านประกันภัยที่เข้าใจผู้ใช้รถ เดินเกมยกระดับอินชัวร์เทค ผ่านกลยุทธ์ “Convergence of Choices” มุ่งส่งมอบประสบการณ์การซื้อประกันภัยที่ผสานการเชื่อมต่อช่องทางออฟไลน์–ออนไลน์ได้อย่างไร้รอยต่อ ด้วยเทคโนโลยี “คานะ (KANA)” ผู้ช่วยออนไลน์ด้านประกันภัย พันธมิตรประกันภัยชั้นนำหลากหลาย และนายหน้า หรือพนักงานเสื้อเหลืองที่ทำหน้าที่นายหน้าของกรุงศรี ออโต้ โบรคเกอร์ กว่า 2,000 คนทั่วประเทศ

คานะ คือ ผู้ช่วยออนไลน์ที่ทำให้การเลือกซื้อประกัน

· สะดวก ทุกเวลา 24 ชั่วโมง

· แม่นยำ

· ตรงความต้องการ

เปรียบเทียบนำเสนอประกันภัยที่เหมาะสมกับงบประมาณ และความต้องการแบบเฉพาะบุคคล Personalized Offer ชูจุดแข็ง “จริงจัง-จริงใจ-ถูกใจ” ในการให้คำปรึกษาและบริการ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในฐานะโบรคเกอร์มืออาชีพที่พร้อมตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง

 

นางสาวชญาน์ธิป พันธุ์มณี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ความสำเร็จของช่องทางออนไลน์ภายใต้กรุงศรี ออโต้ โบรคเกอร์ สะท้อนให้เห็นถึงความพร้อมของเราในการตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ โดยเฉพาะบริการ Chat Commerce ที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2021และได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ด้วยจำนวนผู้ใช้บริการมากถึง 1.5 ล้านราย อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคยังคงต้องการความมั่นใจก่อนตัดสินใจซื้อ ซึ่งมาจากการพูดคุยกับพนักงานตัวจริง โดยเฉพาะ ‘พนักงานเสื้อเหลือง’ ของกรุงศรี ออโต้ ในแต่ละสาขาทั่วประเทศ ที่สามารถให้คำปรึกษาแบบตัวต่อตัวและเข้าใจบริบทของลูกค้าในแต่ละพื้นที่ได้อย่างลึกซึ้ง มากไปกว่านั้น พฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันยังสะท้อนถึงแนวโน้มการใช้บริการผ่านช่องทางที่หลากหลาย โดยลูกค้าส่วนใหญ่มีการผสมผสานการใช้งานทั้งออนไลน์และออฟไลน์ในกระบวนการเลือกซื้อประกันภัย ด้วยเหตุนี้ กรุงศรี ออโต้ โบรคเกอร์ จึงได้เดินหน้ากลยุทธ์ “Convergence of Choices” เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดี มีประสิทธิภาพ และไร้รอยต่อให้กับผู้บริโภค ในการพัฒนาเทคโนโลยีล้ำสมัย อย่าง ‘คานะ’ เพื่อช่วยเหลือและลดความยุ่งยากในการเลือกซื้อประกันภัย โดยจะเข้ามาให้คำปรึกษาลูกค้าผ่านแชท อำนวยความสะดวกตั้งแต่การเปรียบเทียบราคา แนะนำผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับลูกค้า รวมถึงยังเดินหน้าร่วมมือกับพันธมิตรที่แข็งแกร่ง ในการช่วยให้ผู้บริโภคสามารถได้รับประกันภัยที่เหมาะสมและคุ้มค่าที่สุดกับการใช้งาน

กลยุทธ์ Convergence of Choices ผสานคนและเทคโนโลยี ย้ำจุดแข็ง “จริงจัง-จริงใจ-ถูกใจ”

· จริงจัง: เทคโนโลยีที่ออกแบบเพื่อเข้าใจลูกค้า: กรุงศรี ออโต้ โบรคเกอร์ มุ่งมั่นในการใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือเพื่อให้ลูกค้าได้รับคำแนะนำที่ “เหมาะสมที่สุด” ไม่ใช่แค่ “เร็วที่สุด” ผ่านผู้ช่วย “คานะ” ที่ทำหน้าที่มากกว่าการตอบคำถามทั่วไป แต่สามารถซักถามข้อมูลเชิงลึก ผ่านเทคโนโลยี และแนะนำแผนประกันที่ตรงกับความต้องการ ความคุ้มค่า และงบประมาณของแต่ละคนอย่างแท้จริง

· จริงใจ: พันธมิตรบริษัทประกันภัยชั้นนำที่คัดสรรเพื่อให้ลูกค้ามีสิทธิ์เลือก ไม่ถูกจำกัด: ด้วยเครือข่ายพันธมิตร ครอบคลุมทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ประกันภัย กรุงศรี ออโต้ โบรคเกอร์ เปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถ ‘เปรียบเทียบประกันจริงจัง ได้ดีลปังแบบออโต้’ ไม่ถูกจำกัดอยู่เพียงบางตัวเลือก โดยระบุงบประมาณที่ต้องการ และลูกค้าสามารถเลือกเงื่อนไขความคุ้มครองได้ จากนั้นระบบจะแสดงผลเปรียบเทียบข้อเสนอจากหลากหลายบริษัท ช่วยให้ตัดสินใจได้อย่างมั่นใจและคุ้มค่าที่สุด

· ถูกใจ: ช่องทางบริการที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์: กรุงศรี ออโต้ โบรคเกอร์ ให้ความสำคัญกับการเข้าถึงบริการของลูกค้า โดยพัฒนาระบบบริการ ผ่านช่องทางที่หลากหลาย เชื่อมโยงออนไลน์และออฟไลน์เข้าด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ ไม่ว่าจะเป็น LINE Official Account @krungsriautobroker เว็บไซต์ www.krungsriautobroker.com แอป โก บาย กรุงศรี ออโต้ หรือการพูดคุยโดยตรงกับพนักงานเสื้อเหลือง ที่ผ่านการอบรมและมีใบอนุญาตกว่า 2,000 คนทั่วประเทศ ลูกค้าสามารถเริ่มต้นสอบถามข้อมูล ตัดสินใจ และเลือกซื้อประกันภัยได้ทุกเวลาที่สะดวกถูกใจ ผ่านช่องทางทั้งดิจิทัลที่ใช้งานได้ทุกเวลา หรือการรับคำแนะนำแบบตัวต่อตัวจากผู้เชี่ยวชาญในพื้นที่ที่สาขากรุงศรี ออโต้ใกล้บ้าน หรือ โทร. 0 2740 7400

กรุงศรี ออโต้ โบรคเกอร์ มีแผนงานการพัฒนาช่องทางการซื้อประกันภัยรถยนต์แบบออนไลน์ และชำระเงินแบบเบ็ดเสร็จ โดยลูกค้าได้รับกรมธรรม์ผ่านอีเมล เพื่อรองรับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ลูกค้าจะสามารถดำเนินการทุกขั้นตอนด้วยตนเอง ตั้งแต่การเลือกผลิตภัณฑ์ไปจนถึงการชำระเงิน โดยกลยุทธ์ ‘Convergence of Choices’ มุ่งตอบโจทย์การเชื่อมบริการ ออนไลน์ และออฟไลน์เข้าด้วยกัน เพื่อมอบบริการที่ตรงใจลูกค้าตั้งแต่ต้นจนจบแบบครบวงจร” นางสาวชญาน์ธิป กล่าวปิดท้าย

 

กรุงศรี ออโต้ โบรคเกอร์ พร้อมให้คุณเข้าถึงความคุ้มครองที่ใช่ด้วยโปรแกรมชำระเงินแบบผ่อนชำระ แม้ไม่มีบัตรเครดิต ด้วยการผ่อนเงินสด 0%* ไม่เสียดอกเบี้ย สำหรับประกันภัยรถยนต์และบิ๊ก ไบค์ โดยไม่ต้องใช้บัตร

เครดิต ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นทางการเงิน และครอบคลุมประกันภัยรถภาคสมัครใจทุกประเภท พร้อมได้รับความคุ้มครองทันทีตั้งแต่งวดแรกที่เริ่มชำระ

ผู้ที่สนใจสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับประกันภัยรถยนต์ และบิ๊ก ไบค์ ของ กรุงศรี ออโต้ โบรคเกอร์ ได้ที่ เว็บไซต์ www.krungsriautobroker.com, LINE Official Account @krungsriautobroker หรือ แอป โก บาย กรุงศรี ออโต้

*ข้อกำหนดและเงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัท อยุธยา แคปปิตอล ออโต้ ลีส จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ”) กำหนด

บริษัท โตเกียวมารีนประกันชีวิต (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมประกันสุขภาพ เปิดตัวบริการล่าสุด เพิ่มช่องทาง "พบแพทย์ออนไลน์" ผ่านแอปพลิเคชัน "MorDee” (หมอดี) เพื่อยกระดับการดูแลสุขภาพของลูกค้าให้ง่าย สะดวก รวดเร็ว ไร้กังวลเรื่องค่าใช้จ่าย โดยให้บริการครอบคลุม ดังนี้

- พบแพทย์ออนไลน์ ปรึกษาสุขภาพกายได้ทุกที่ ทุกเวลา ผ่านสมาร์ทโฟน

- ลูกค้าประกันกลุ่มที่มีความคุ้มครอง OPD เคลมประกันได้ทันที ไม่ต้องสำรองจ่าย ทั้งค่าแพทย์ ค่ายา ตามวงเงินผลประโยชน์

- บริการส่งยาถึงบ้านหรือสถานที่ที่ลูกค้าต้องการทั่วประเทศ (พิเศษ! ฟรีค่าจัดส่งยา ตามเงื่อนไขและระยะเวลาตามที่แอปฯ "MorDee” (หมอดี) กำหนด)

 

นายทาคาชิ ไซโตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โตเกียวมารีนประกันชีวิต (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "ภารกิจของเราคือการคุ้มครอง ดูแลลูกค้าในทุกช่วงเวลาของชีวิต ความร่วมมือกับ ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป ในการเพิ่มช่องทางดูแลสุขภาพผ่านแอปพลิเคชัน 'MorDee' (หมอดี) ครั้งนี้ เป็นก้าวสำคัญในการสนับสนุนให้ลูกค้าของเราใช้ชีวิตได้อย่างยืดหยุ่นและมั่นใจมากขึ้นในยุคดิจิทัล"

ด้วยบริการใหม่นี้ ลูกค้าประกันกลุ่มของโตเกียวมารีนประกันชีวิตสามารถเข้าถึงการรักษาพยาบาลได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในประเทศไทย ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในยุคปัจจุบันที่ต้องการความคล่องตัวและการดูแลสุขภาพที่ทันสมัย

นายชาง ฟู หัวหน้าสายงานด้านดิจิทัล เฮลท์ บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า “ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป พัฒนาแพลตฟอร์มดูแลสุขภาพอัจฉริยะ “MorDee” (หมอดี) เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยทั่วประเทศ ให้สามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ผ่านระบบออนไลน์ (Telemedicine) และดูแลสุขภาพแบบองค์รวมได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และทั่วถึง พร้อมขยายความร่วมมือกับบริษัทประกันชั้นนำ เพิ่มทางเลือกสำหรับผู้ที่มีกรมธรรม์ประกันสุขภาพแบบผู้ป่วยนอก (OPD) ให้ปรึกษาปัญหาสุขภาพได้ทุกที่ ทุกเวลา บนทุกสมาร์ทดีไวซ์ รักษา รับยา เคลมประกันได้ในแอปฯเดียว ผ่านฟังก์ชัน “เทเลเมดิเคลม” (TeleMediClaim+) โดยภายใต้ความร่วมมือครั้งนี้ “MorDee” (หมอดี) นำทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางจากสถาบันการแพทย์ชั้นนำกว่า 500 คน ช่วยดูแลสุขภาพของลูกค้าประกันกลุ่มของโตเกียวมารีนประกันชีวิต ครอบคลุมกว่า 20 สาขา พบแพทย์ออนไลน์ ปรึกษาปัญหาสุขภาพกายได้แบบส่วนตัว ไม่ต้องกังวลค่าใช้จ่าย พร้อมบริการส่งยาถึงบ้าน ช่วยประหยัดเวลาและลดความแออัดในโรงพยาบาล ทั้งยังสามารถดูประวัติการรักษาผ่านแอปฯ และมั่นใจได้ในความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล”

 

ลูกค้าประกันกลุ่มของโตเกียวมารีนประกันชีวิต สามารถปรึกษาแพทย์ออนไลน์-รักษา-รับยา-เคลมประกัน ผ่านแอปฯ “MorDee” (หมอดี) ได้แล้ววันนี้ โดยมีขั้นตอนง่ายๆ ในการดาวน์โหลดและเริ่มต้นใช้งานแอปฯ MorDee (หมอดี) ดังนี้

1. ดาวน์โหลดแอปฯ MorDee ทาง Apps Store/Play Store หรือคลิก https://mordee.app.link/7me4in9appb แล้วลงทะเบียน เพื่อเริ่มต้นใช้งาน

2. เชื่อมสิทธิ์ประกัน โดยเลือกเมนู เชื่อมสิทธิพิเศษ แล้วกด เพิ่มสิทธิพิเศษ จากนั้นเลือก โตเกียวมารีนประกันชีวิต แล้วกรอกข้อมูลให้เรียบร้อย

3. ยืนยันตัวตน โดยถ่ายภาพหน้าตรง และภาพบัตรประชาชน/พาสสปอร์ต

ขั้นตอนการใช้บริการพบแพทย์ออนไลน์ผ่านแอปฯ MorDee (หมอดี) ดังนี้

1. ค้นหาแผนก โดยเลือกเมนู หน้าแรก กดแถบค้นหา แล้วเลือกแผนกหรืออาการที่ต้องการปรึกษา

2. เลือกแพทย์ โดยเลือกจากรายชื่อแพทย์ที่มีโลโก้ โตเกียวมารีนประกันชีวิต

3. ทำนัดหมาย โดยเลือกวันและเวลา เลือกรูปแบบการปรึกษาเป็นวิดีโอคอล เพื่อให้สามารถใช้สิทธิ์ประกันได้

4. เคลมประกัน ในขั้นตอนชำระเงิน โดยให้กดเลือก การชำระเงิน/สิทธิพิเศษ แล้วเลือก โตเกียวมารีนประกันชีวิต เพื่อใช้บริการได้โดยไม่ต้องสำรองจ่าย

5. ปรึกษา รับยา โดยให้เข้าห้องสนทนาในแอปฯ เพื่อทำการปรึกษาแพทย์เมื่อถึงเวลานัดหมาย จากนั้นรอแพทย์ส่งสรุปผลการปรึกษา พร้อมใบสั่งยา (ถ้ามี) โดยสามารถสั่งซื้อยา โดยการเคลมประกัน แล้วรอรับยาที่บ้านได้

 

 ธุรกิจ Business Analytics & Development บริษัท เอ้ก ดิจิทัล ให้บริการโซลูชันที่ปรึกษาด้านข้อมูลและวิเคราะห์บิ๊กดาต้าครบวงจรที่ขับเคลื่อนด้วย AI “Business Analytics as a Service - Powered by AI Engine” รุกชิงส่วนแบ่งตลาดบิ๊กดาต้ามูลค่า 14,000 ล้าน เดินหน้าให้บริการใน 5 อุตสาหกรรมหลัก “ค้าปลีก-ธุรกิจสื่อ-การเงิน-ประกัน-ยานยนต์” ซึ่ง Data Science และเทคโนโลยี AI, Machine Learning ขั้นสูงของ EGG Digital จะเป็นขุมพลังที่ช่วยขับเคลื่อนองค์กรธุรกิจนั้นๆ อย่างตรงจุด โดยพร้อมดูแลและจัดการข้อมูลได้ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ มอบบริการแบบ End-to-End มีความยืดหยุ่นสูง วางแผน กำหนดกลยุทธ์ และออกแบบจัดการข้อมูลและการวิเคราะห์เชิงลึกได้หลากหลายมิติ ตอบอินไซต์และการดำเนินงานตามโจทย์ทางธุรกิจ เสริมศักยภาพความแข็งแกร่งการแข่งขันให้กับองค์กรต่างๆ ช่วยเพิ่มรายได้-ลดต้นทุน-ลดความเสี่ยง โดย EGG Digital ตั้งเป้ารายได้เติบโตก้าวกระโดด 30% ในปี 2566 นี้

 

นายวรภัทร งามเจตวรกุล ผู้จัดการทั่วไปธุรกิจ Business Analytics & Development บริษัท เอ้ก ดิจิทัล จำกัด กล่าวว่า “ธุรกิจยุคใหม่ต่างหันมาให้ความสำคัญกับการใช้ข้อมูลและมีความต้องการขับเคลื่อนธุรกิจด้วย Data-Driven Analytics โดยใช้ประโยชน์จากบิ๊กดาต้าเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งเอ้ก ดิจิทัล ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์เชิงลึกจากข้อมูลขนาดใหญ่และ ผู้ให้บริการที่ปรึกษาทางธุรกิจ ได้นำเสนอบริการให้คำปรึกษาด้านข้อมูลและวิเคราะห์บิ๊กดาต้าครบวงจรที่ขับเคลื่อนด้วย AI หรือ Business Analytics as a Service - Powered by AI Engine เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจตลอดเส้นทางให้กับองค์กรธุรกิจ เพิ่มรายได้ ลดต้นทุน และลดความเสี่ยง โดยที่ผ่านมาเอ้ก ดิจิทัล ได้เข้าไปช่วยจัดการข้อมูลในด้านต่าง ๆ ให้กับหลากหลายธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจรีเทลชั้นนำขนาดใหญ่ และ FMCG รวมกว่า 200 แบรนด์ ซึ่งเราได้นำผู้เชี่ยวชาญและเทคโนโลยีขั้นสูงเข้าไปช่วยจัดการกับข้อมูล พร้อมสร้างคุณค่าในหลากหลายมิติ อาทิ เพิ่มอัตราเติบโตเฉลี่ย (Growth), อัตราส่วนยอดขายต่อค่าใช้จ่าย (Sales to Cost Ratio), ค่าเฉลี่ยอัตราตอบรับการตลาดจากลูกค้า (Conversion) ให้สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ”

ธุรกิจ Business Analytics & Development ภายใต้เอ้ก ดิจิทัล ดำเนินงานโดยวางจุดยืนเป็นพาร์ทเนอร์คู่คิดของทุกธุรกิจในทุกสเกล มีบริการครอบคลุมทั้งด้านให้คำปรึกษาทางธุรกิจ (Business Consult) และด้านวิทยาศาสตร์ข้อมูล (Data Science) โดยใช้หลักการ “Always-on Power of Two” เป็นหัวใจสำคัญในการให้บริการคือ ผสานความเข้าใจ การวิเคราะห์ บริบททางธุรกิจ (Business Context) และการใช้ศาสตร์ด้านข้อมูลขั้นสูง (Advanced Data Science) ทั้ง Cloud Computing, AI ซึ่งรวมถึงการใช้ Generative AI, และ Machine Learning ที่สามารถออกแบบบริการและ Customize ให้ตอบโจทย์แต่ละธุรกิจอย่างเหมาะสมด้วยรูปแบบ Business Analytics as a Service - Powered by AI Engine พร้อมมีผู้เชี่ยวชาญดูแลแบบ End-to-End ตั้งแต่การสำรวจปัญหาและความต้องการ นำดาต้าของลูกค้าผนวกกับบิ๊กดาต้าของเอ้ก ดิจิทัล เพื่อวิเคราะห์เชิงลึกเป็นอินไซต์ทางธุรกิจ รวมถึงสามารถออกแบบกลยุทธ์และข้อเสนอแนะที่สร้างผลลัพธ์เชิงบวกที่ยั่งยืนให้กับลูกค้าด้วยอัตราค่าบริการที่เหมาะสม

โดยบริการ Business Analytics as a Service – Powered by AI Engine ของเอ้ก ดิจิทัล ประกอบด้วย 5 บริการหลัก ได้แก่ 1. Data Management as a Service – บริการดูแลจัดการข้อมูลครบวงจร (Data Discovery, Cleansing, Consolidation, Cloud, Query, Visualization) 2. Data Platform & Enrichment as a Service – บริการ Data Mart, Customer Data Platform (CDP),

Analytics Platform ทั้งแบบมาตรฐานและแบบ customize, Data Enrichment บริการข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์รอบด้าน (Customer 360/720 องศา) 3. Data Analytics as a Service – บริการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกทุกมิติ ตั้งแต่ขั้นพื้นฐาน เชิงบรรยาย (Descriptive), เชิงการพยากรณ์แนวโน้ม (Predictive), และขั้นสูงแบบให้คำแนะนำ เชิงการประมวลฉากทัศน์และผลลัพธ์ในแง่มุมต่าง ๆ (Prescriptive) ด้วยเทคโนโลยี AI และ ML 4. Business Consulting as a Service – บริการให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยีข้อมูลที่เชื่อมโยงกับกลยุทธ์และการดำเนินธุรกิจโดยผู้ที่มีประสบการณ์ตรงกับธุรกิจต่าง ๆ 5. Customer Experience Enhancement as a Service – บริการให้คำปรึกษา วางแผนกลยุทธ์ และดำเนินการด้านการพัฒนาประสบการณ์ลูกค้า (CX/CI) รวมถึงเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน และ Touchpoints ต่าง ๆ

 

นายวรภัทร กล่าวต่อว่า “จากผลสำรวจพบว่า ตลาด Big Data Analytics มีอัตราการเติบโต 12-15% ต่อปี* โดยคาดการณ์ว่า ในปีนี้ตลาดจะมีมูลค่าประมาณกว่า 14,000 ล้านบาท ซึ่งมองว่า ตลาดบิ๊กดาต้าในประเทศไทยยังมีโอกาสทางการตลาดอยู่อีกมาก เมื่อเทียบกับตลาดในเอเชียและตลาดโลก ดังนั้น ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ บริษัทฯ ได้วางแผนที่จะขยายการให้บริการในธุรกิจที่หลากหลายมากขึ้น โดยมุ่งเป้าไปที่ 5 ธุรกิจหลักที่มีความต้องการใช้บิ๊กดาต้าในการขับเคลื่อนธุรกิจอย่างมาก ได้แก่ ธุรกิจค้าปลีก หลังจากช่วงโควิด-19 ธุรกิจรีเทลแบบออฟไลน์เริ่มกลับมาคึกคักมากขึ้น การใช้บิ๊กดาต้าจะเข้าไปช่วยกำหนดโมเดลทางการตลาดไม่ว่าจะเป็น 4Rs (Recognize, Remember, Recommend, Relevance) และ 4Ps เพื่อทำการตลาดแบบเฉพาะเจาะจง ตอบอินไซต์ผู้บริโภคได้มากขึ้น ธุรกิจสื่อ กลับมาฟื้นตัวได้อย่างน่าสนใจโดยเฉพาะการใช้สื่อแบบ O2O2O ที่เกิดจากการวิเคราะห์ บิ๊กดาต้าและวัดผลการใช้สื่อได้อย่างครบลูป ธุรกิจการเงิน มีการนำบิ๊กดาต้ามาใช้มากที่สุดผ่าน FinTech อาทิ การวิเคราะห์ Credit Scoring และการประมวลผลเพื่อการดำเนินงานที่ดีที่สุด พร้อมทั้งการลดความเสี่ยงของธนาคารและสถาบันการเงิน เพื่อธุรกิจรายย่อยจนถึงรายใหญ่ ธุรกิจประกัน ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่เติบโตอย่างโดดเด่น มีการนำบิ๊กดาต้ามาใช้เพื่อนำเสนอบริการและเบี้ยประกันที่หลากหลาย ตรงตามพฤติกรรมลูกค้ากรมธรรม์ที่เปลี่ยนไปได้อย่างดี และธุรกิจยานยนต์ ซึ่งคำนึงถึงการมอบประสบการณ์ตั้งแต่ก่อนขาย ระหว่างการขาย และหลังการขายด้วยการใช้บิ๊กดาต้า”

“บริษัทฯ มั่นใจว่าบริการ Business Analytics as a Service - Powered by AI Engine จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยพลิกธุรกิจลูกค้าในภาคอุตสาหกรรมต่าง ๆ สู่ Data-driven เพื่อสามารถเพิ่มยอดขาย ลดค่าใช้จ่าย และลดความเสี่ยงในการตัดสินใจ โดยบริษัทฯ จะให้ความสำคัญกับการกำกับดูแลข้อมูลของลูกค้าด้วยมาตรฐาน 3 ชั้น เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าข้อมูลจะถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีที่สุด ทั้งการกำกับดูแลข้อมูลภายในให้เป็นไปตามมาตรฐานระดับสูง การกำกับดูแลข้อมูลตามพรบ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พรบ. การแข่งขันทางการค้า และมาตรฐานทางกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูล รวมถึงการใช้เทคโนโลยีและสถาปัตยกรรมขั้นสูงเพื่อป้องกันการรั่วไหลและรักษาความปลอดภัยของข้อมูล โดยตั้งเป้าปีนี้ เพิ่มรายได้ธุรกิจ Business Analytics & Development เติบโต 30% ปีนี้ ขยายจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้น 10% และช่วยดันตลาดบิ๊กดาต้าไทยเติบโตต่อเนื่อง” นายวรภัทร กล่าวทิ้งท้าย

สาหัสกันทั่วหน้ากับเหตุการณ์น้ำท่วมในขณะนี้ หลายคนกินไม่ได้นอนไม่หลับ เป็นห่วงทั้งบ้าน ทั้งรถยนต์ที่จมน้ำกันไปแบบไม่ทันตั้งตัว

นางวิชชุดา ไตรธรรม ที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการใหญ่ นายเกษมศักดิ์ วงศ์อุไร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ทิพยประกันภัย พลตำรวจตรีสามารถ ศรีสิริวิบูลย์ชัย ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 พ.ต.อ.สุธี เสน่ห์ลักษณา ผกก.สน.ทุ่งมหาเมฆ นางสาวโศรยา วัธชนะ ผู้ช่วยผู้อำนวยการเขตรักษาราชการ ผู้อำนวยการเขตยานนาวา พร้อมด้วยทีม TIP SMART ASSIST และทีมอาสาบรรเทาภัยจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน รวมพลังลงพื้นที่ช่วยเหลือชุมชนคลองขวาง พระรามสาม หลังเกิดเหตุเพลิงไหม้ โดยมอบถุงยังชีพ อาหาร น้ำดื่ม เสื้อผ้า เครื่องอุปโภค-บริโภค อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ทางสถานีตำรวจนครบาลทุ่งมหาเมฆยังตั้งโต๊ะอำนวยความสะดวกประชาชนเพื่อแจ้งความต่างๆ และการไฟฟ้าเข้ามาติดตั้งไฟส่องสว่าง เพื่อให้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน มีขวัญและกำลังใจกลับมาใช้ชีวิต อย่างปกติได้อย่างโดยเร็วที่สุด

X

Right Click

No right click